พระคัมภีร์
หลักคำสอนและพันธสัญญา 20


ภาค ๒๐

การเปิดเผยเกี่ยวกับการวางระเบียบและการปกครองของศาสนจักร, ประทานผ่านโจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์, เดือนเมษายน ค.ศ. ๑๘๓๐ (History of the Church, 1:64–70). ก่อนบันทึกของท่านถึงการเปิดเผยนี้ท่านศาสดาพยากรณ์เขียนไว้ว่า, “เราได้รับจากพระองค์ [พระเยซูคริสต์] ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้, โดยวิญญาณแห่งการพยากรณ์และการเปิดเผย; ซึ่งไม่เพียงให้เราได้รับความรู้มาก, แต่ยังบ่งชี้วันแน่นอนแก่เราซึ่ง, ตามพระประสงค์และพระบัญชาของพระองค์, เราจะเริ่มวางระเบียบศาสนจักรของพระองค์ที่นี่อีกครั้งหนึ่งบนแผ่นดินโลก” (History of the Church, 1:64).

๑–๑๖, พระคัมภีร์มอรมอนพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของงานในยุคสุดท้าย; ๑๗–๒๘, พระเจ้าทรงประกาศยืนยันหลักคำสอนของการสร้าง, การตก, การชดใช้, และบัพติศมา; ๒๙–๓๗, ทรงนำเสนอกฎที่ครอบคลุมเรื่องการกลับใจ, การรับรองความชอบธรรม, การชำระให้บริสุทธิ์, และบัพติศมา; ๓๘–๖๗, ทรงสรุปหน้าที่ของเอ็ลเดอร์, ปุโรหิต, ผู้สอน, และมัคนายก; ๖๘–๗๔, ทรงเปิดเผยหน้าที่ของสมาชิก, การให้พรเด็ก, และวิธีบัพติศมา; ๗๕–๘๔, ประทานคำสวดศีลระลึกและระเบียบปฏิบัติในการปกครองสมาชิกภาพของศาสนจักร.

การจัดตั้งศาสนจักรของพระคริสต์ในวันเวลาสุดท้ายนี้, เป็นปีหนึ่งพันแปดร้อยสามสิบนับแต่การเสด็จมาในเนื้อหนังของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์, โดยได้รับการจัดตั้งและสถาปนาขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศเรา, โดยพระประสงค์และพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า, ในเดือนที่สี่, และในวันที่หกของเดือนซึ่งเรียกว่าเมษายน—

ซึ่งพระบัญญัติประทานแก่โจเซฟ สมิธ, จูเนียร์, ผู้ที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า, และได้รับแต่งตั้งเป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์, ที่จะเป็นเอ็ลเดอร์คนแรกของศาสนจักรนี้;

และแก่ออลิเวอร์ คาวเดอรี, อัครสาวกของพระเยซูคริสต์, ผู้ที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าด้วย, ที่จะเป็นเอ็ลเดอร์คนที่สองของศาสนจักรนี้, และได้รับแต่งตั้งภายใต้มือเขา;

และนี่เป็นไปตามพระคุณของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์, ขอรัศมีภาพทั้งมวล, ทั้งบัดนี้และตลอดกาล, จงมีแด่พระองค์เถิด. เอเมน.

หลังจากที่แสดงให้ประจักษ์อย่างแท้จริงแก่เอ็ลเดอร์คนแรกนี้ ว่าเขาได้รับการปลดบาป, เขาก็เข้าไปพัวพันกับเรื่องเหลวไหลของโลกอีก;

แต่หลังจากกลับใจ, และถ่อมตนอย่างจริงใจ, โดยศรัทธา, พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิบัติแก่เขาผ่านเทพผู้บริสุทธิ์, ผู้ซึ่งสีหน้าของท่านดุจสายฟ้าฟาด, และอาภรณ์ของท่านบริสุทธิ์และขาวเหนือความขาวอื่นใดทั้งปวง;

และประทานพระบัญญัติให้เขาซึ่งดลใจเขา;

และประทานอำนาจแก่เขาจากเบื้องบน, โดยวิธีซึ่งเตรียมไว้ก่อนแล้ว, ที่จะแปลพระคัมภีร์มอรมอน;

ซึ่งกอปรด้วยบันทึกของผู้คนที่ตก, และความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ถึงคนต่างชาติและถึงชาวยิวด้วย;

๑๐ ซึ่งให้ไว้โดยการดลใจ, และยืนยันกับคนอื่น ๆ โดยการปฏิบัติของเหล่าเทพ, และประกาศต่อโลกโดยคนเหล่านั้น—

๑๑ โดยพิสูจน์ต่อโลกว่าพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องจริง, และว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจมนุษย์และเรียกพวกเขามาสู่งานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในยุคนี้และคนรุ่นนี้, เช่นเดียวกับคนรุ่นต่าง ๆ ในสมัยโบราณ;

๑๒ โดยการนี้ แสดงว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน ทั้งวันวาน, วันนี้, และตลอดกาล. เอเมน.

๑๓ ฉะนั้น, โดยที่มีพยานหนักแน่นยิ่ง, โดยสิ่งเหล่านี้โลกจะถูกพิพากษา, แม้มากเท่าที่จากนี้ไปจะเข้าถึงความรู้เกี่ยวกับงานนี้.

๑๔ และคนเหล่านั้นที่รับไว้ด้วยศรัทธา, และทำงานชอบธรรม, จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตนิรันดร์;

๑๕ แต่คนเหล่านั้นที่ทำใจตนแข็งกระด้างอยู่ในความไม่เชื่อ, และปฏิเสธ, สิ่งนี้ก็จะกลับกลายเป็นการกล่าวโทษของพวกเขาเอง—

๑๖ เพราะพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้ารับสั่งไว้; และเรา, บรรดาเอ็ลเดอร์ของศาสนจักร, ได้ยินและเป็นพยานถึงพระวจนะขององค์กษัตราธิราชเบื้องบน, ขอรัศมีภาพตลอดกาลและตลอดไปจงมีแด่พระองค์เถิด. เอเมน.

๑๗ โดยสิ่งเหล่านี้เรารู้ว่ามีพระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์, ผู้ทรงเป็นอนันต์และเป็นนิรันดร์, จากความเป็นนิจถึงความเป็นนิจ พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกันผู้ไม่เปลี่ยนแปลง, ผู้รังสฤษฏ์ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก, และสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในนั้น;

๑๘ และว่าพระองค์ทรงสร้างมนุษย์, ชายและหญิง, ตามรูปลักษณ์แห่งพระองค์เองและในพระลักษณะที่เหมือนพระองค์เอง, พระองค์ทรงสร้างพวกเขา;

๑๙ และประทานพระบัญญัติให้พวกเขาเพื่อพวกเขาจะรักและรับใช้พระองค์, พระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว องค์จริงและทรงพระชนม์, และว่าพระองค์จะทรงเป็นพระองค์เดียวที่พวกเขาจะนมัสการ.

๒๐ แต่โดยการล่วงละเมิดกฎศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ มนุษย์จึงกลับมีราคจริตและเป็นเหมือนมาร, และกลายเป็นมนุษย์ที่ตกไป.

๒๑ ดังนั้น, พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพจึงประทานพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์, ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์เหล่านั้นซึ่งประทานให้ไว้เกี่ยวกับพระองค์.

๒๒ พระองค์ทรงทนรับการล่อลวงแต่มิทรงเอาพระทัยใส่สิ่งเหล่านั้น.

๒๓ พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน, สิ้นพระชนม์, และทรงลุกขึ้นอีกในวันที่สาม;

๒๔ และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์, ทรงนั่งลงทางพระหัตถ์ขวาของพระบิดา, ทรงปกครองด้วยอำนาจอันทรงฤทธานุภาพตามพระประสงค์ของพระบิดา;

๒๕ เพื่อมากเท่าที่เชื่อและรับบัพติศมาในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์, และอดทนด้วยศรัทธาจนกว่าชีวิตจะหาไม่, จะได้รับการช่วยให้รอด—

๒๖ ไม่เพียงคนเหล่านั้นที่เชื่อหลังจากพระองค์เสด็จมาในความเรืองโรจน์แห่งเวลา, ในเนื้อหนัง, แต่คนทั้งปวงเหล่านั้นจากกาลเริ่มต้น, แม้มากเท่าที่มีอยู่ก่อนพระองค์ได้เสด็จมา, ผู้เชื่อในถ้อยคำของบรรดาศาสดาพยากรณ์ผู้บริสุทธิ์, ผู้ที่พูดดังที่พวกเขาได้รับการดลใจโดยของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธ์, ผู้เป็นพยานโดยแท้ถึงพระองค์ในทุกสิ่ง, จะมีชีวิตนิรันดร์,

๒๗ เช่นเดียวกับคนเหล่านั้นที่จะมาภายหลัง, ผู้จะเชื่อในของประทานและการเรียกของพระผู้เป็นเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์, ซึ่งรับสั่งคำพยานถึงพระบิดาและถึงพระบุตร;

๒๘ ซึ่งพระบิดา, พระบุตร, และพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระผู้เป็นเจ้าเดียว, ทรงเป็นอนันต์และเป็นนิรันดร์, ปราศจากที่สุด. เอเมน.

๒๙ และเรารู้ว่าคนทั้งปวงต้องกลับใจและเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสต์, และนมัสการพระบิดาในพระนามของพระองค์, และอดทนด้วยศรัทธาในพระนามของพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่, มิฉะนั้นพวกเขาจะรอดไม่ได้ในอาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้า.

๓๐ และเรารู้ว่าการรับรองความชอบธรรมโดยทางพระคุณของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เที่ยงธรรมและจริง;

๓๑ และเรารู้ด้วย, ว่าการชำระให้บริสุทธิ์โดยทางพระคุณของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เที่ยงธรรมและจริง, ต่อคนทั้งปวงผู้ที่รักและรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกำลังของพวกเขา.

๓๒ แต่มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะตกจากพระคุณและไปจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์;

๓๓ ฉะนั้น ให้ศาสนจักรเฝ้าระวังและสวดอ้อนวอนเสมอ, เกลือกพวกเขาจะตกไปสู่การล่อลวง;

๓๔ แท้จริงแล้ว, และแม้ให้คนเหล่านั้นที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วเฝ้าระวังด้วย.

๓๕ และเรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้จริงและสอดคล้องกับการเปิดเผยของยอห์น, ทั้งไม่ได้เพิ่ม, หรือตัดออกจากคำพยากรณ์ในหนังสือของท่าน, พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์, หรือการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจะมาถึงต่อจากนี้ไปโดยของประทานและอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์, สุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้า, หรือการปฏิบัติของเหล่าเทพ.

๓๖ และพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้ารับสั่งไว้; และเกียรติ, เดชานุภาพ และรัศมีภาพจงมีแด่พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์, ทั้งบัดนี้และตลอดกาล. เอเมน.

๓๗ และอนึ่ง, โดยรูปแบบของบัญญัติต่อศาสนจักรเกี่ยวกับวิธีบัพติศมา—คนทั้งปวงที่นอบน้อมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า, และปรารถนาจะรับบัพติศมา, และออกมาด้วยใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด, และเป็นพยานต่อหน้าศาสนจักรว่าพวกเขากลับใจอย่างแท้จริงจากบาปทั้งหมดของพวกเขา, และเต็มใจรับพระนามของพระเยซูคริสต์, โดยมุ่งมั่นรับใช้พระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่, และแสดงให้ประจักษ์อย่างแท้จริงด้วยงานของพวกเขาว่าพวกเขาได้รับส่วนหนึ่งของพระวิญญาณของพระคริสต์ไปสู่การปลดบาปของพวกเขา, จะได้รับโดยบัพติศมาเข้าในศาสนจักรของพระองค์.

๓๘ หน้าที่ของเอ็ลเดอร์, ปุโรหิต, ผู้สอน, มัคนายก, และสมาชิกศาสนจักรของพระคริสต์—อัครสาวกเป็นเอ็ลเดอร์, และเป็นการเรียกของเขาที่จะให้บัพติศมา;

๓๙ และจะแต่งตั้งเอ็ลเดอร์, ปุโรหิต, ผู้สอน, และมัคนายกคนอื่น ๆ;

๔๐ และจะปฏิบัติขนมปังและเหล้าองุ่น—เครื่องหมายแห่งพระมังสะและพระโลหิตของพระคริสต์—

๔๑ และจะยืนยันคนเหล่านั้นที่รับบัพติศมาเข้ามาในศาสนจักร, โดยการวางมือเพื่อบัพติศมาด้วยไฟและพระวิญญาณบริสุทธิ์, ตามพระคัมภีร์;

๔๒ และจะสอน, อรรถาธิบาย, แนะนำ, ให้บัพติศมา, และดูแลศาสนจักร;

๔๓ และจะยืนยันศาสนจักรโดยการวางมือ, และการให้พระวิญญาณบริสุทธิ์;

๔๔ และจะนำการประชุมทั้งหมด.

๔๕ เอ็ลเดอร์จะดำเนินการประชุมดังที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพวกเขา, ตามพระบัญญัติและการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า.

๔๖ หน้าที่ของปุโรหิตคือสั่งสอน, สอน, อรรถาธิบาย, แนะนำ, และให้บัพติศมา, และปฏิบัติศีลระลึก,

๔๗ และเยี่ยมบ้านสมาชิกแต่ละคน, และแนะนำพวกเขาให้สวดอ้อนวอนโดยออกเสียงและในที่ลับตาและปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างในครอบครัว.

๔๘ และเขาจะแต่งตั้งปุโรหิต, ผู้สอน, และมัคนายกคนอื่น ๆ ได้ด้วย.

๔๙ และเขาต้องนำการประชุมเมื่อไม่มีเอ็ลเดอร์อยู่ ณ ที่นั้น;

๕๐ แต่เมื่อมีเอ็ลเดอร์อยู่ ณ ที่นั้น, เขาจะสั่งสอน, สอน, อรรถาธิบาย, แนะนำ, และให้บัพติศมาเท่านั้น,

๕๑ และเยี่ยมบ้านสมาชิกแต่ละคน, แนะนำพวกเขาให้สวดอ้อนวอนโดยออกเสียงและในที่ลับตา และปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างในครอบครัว.

๕๒ ในหน้าที่ทั้งหมดนี้ ปุโรหิตจะต้องช่วยเอ็ลเดอร์ในกรณีจำเป็น.

๕๓ หน้าที่ของผู้สอนคือ ดูแลศาสนจักรเสมอ, และอยู่กับพวกเขาและทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น;

๕๔ และดูว่าไม่มีความชั่วช้าสามานย์ในศาสนจักร, ทั้งไม่โกรธเคืองกัน, ทั้งไม่พูดเท็จ, ลอบกัด, หรือพูดให้ร้าย;

๕๕ และดูว่าศาสนจักรประชุมกันบ่อย ๆ, และดูด้วยว่าสมาชิกทุกคนทำหน้าที่ของพวกเขา.

๕๖ และเขาต้องนำการประชุมเมื่อเอ็ลเดอร์หรือปุโรหิตไม่อยู่ ณ ที่นั้น—

๕๗ และจะรับความช่วยเหลือตลอดเวลา, ในหน้าที่ทุกอย่างของเขาในศาสนจักร, จากมัคนายก, ในกรณีจำเป็น.

๕๘ แต่ทั้งผู้สอนและมัคนายกไม่มีสิทธิอำนาจให้บัพติศมา, ปฏิบัติศีลระลึก, หรือวางมือ;

๕๙ อย่างไรก็ดี, พวกเขาจะเตือน, อรรถาธิบาย, แนะนำ, และสอน, และเชื้อเชิญให้คนทั้งปวงมาหาพระคริสต์.

๖๐ เอ็ลเดอร์, ปุโรหิต, ผู้สอน, หรือมัคนายก ทุกคนจะรับการแต่งตั้งตามของประทานและการเรียกของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานให้แก่เขา; และเขาจะรับการแต่งตั้งโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์, ซึ่งอยู่ในคนที่แต่งตั้งเขา.

๖๑ เอ็ลเดอร์ทั้งหลายที่ประกอบเป็นศาสนจักรของพระคริสต์นี้ต้องมาชุมนุมกันในการประชุมใหญ่ทุกสามเดือน, หรือเป็นครั้งคราวตามที่การประชุมใหญ่ดังกล่าวจะระบุหรือกำหนดขึ้น;

๖๒ และการประชุมใหญ่ดังกล่าวจะทำกิจธุระใดก็ตามของศาสนจักรที่จำเป็นต้องทำในเวลานั้น.

๖๓ เอ็ลเดอร์จะได้รับใบอนุญาตของพวกเขาจากเอ็ลเดอร์คนอื่น ๆ, โดยการออกเสียงของศาสนจักรที่พวกเขาขึ้นอยู่, หรือจากการประชุมใหญ่.

๖๔ ปุโรหิต, ผู้สอน, หรือมัคนายกแต่ละคน, ที่ปุโรหิตแต่งตั้ง, จะรับใบรับรองจากเขาในเวลานั้น, ซึ่งใบรับรองนั้น, เมื่อมอบแก่เอ็ลเดอร์, จะทำให้เขามีใบอนุญาต, ซึ่งจะให้สิทธิอำนาจเขาทำหน้าที่การเรียกของเขา, หรือเขาจะรับมันได้จากการประชุมใหญ่.

๖๕ ไม่มีใครจะได้รับแต่งตั้งสู่ตำแหน่งใด ๆ ในศาสนจักรนี้, ในที่ซึ่งมีสาขาของแห่งนั้นจัดตั้งอย่างถูกต้องแล้ว, โดยปราศจากการออกเสียงของสาขาของศาสนจักรนั้น;

๖๖ แต่เอ็ลเดอร์ที่ควบคุม, อธิการสัญจร, สมาชิกสภาสูง, มหาปุโรหิต, และเอ็ลเดอร์, จะมีอภิสิทธิ์ในการแต่งตั้ง, ในที่ซึ่งไม่มีสาขาของศาสนจักรที่สามารถเรียกให้มีการออกเสียง.

๖๗ ประธานฐานะปุโรหิตระดับสูงทุกคน (หรือเอ็ลเดอร์ที่ควบคุม), อธิการ, สมาชิกสภาสูง, และมหาปุโรหิต, จะได้รับแต่งตั้งโดยการนำของสภาสูงหรือการประชุมใหญ่สามัญ.

๖๘ หน้าที่ของสมาชิกหลังจากรับพวกเขาไว้โดยบัพติศมาแล้ว.—เอ็ลเดอร์หรือปุโรหิตต้องมีเวลาพออรรถาธิบายทุกเรื่องเกี่ยวกับศาสนจักรของพระคริสต์ให้พวกเขาเข้าใจ, ก่อนที่พวกเขาจะรับส่วนศีลระลึกและยืนยันโดยการวางมือของเอ็ลเดอร์, เพื่อทุกสิ่งจะทำไปตามระเบียบ.

๖๙ และสมาชิกพึงแสดงให้ประจักษ์ต่อศาสนจักร, และต่อเอ็ลเดอร์ด้วย, โดยการดำเนินชีวิตและการสนทนาตามวิถีแห่งพระผู้เป็นเจ้า, ว่าพวกเขาคู่ควรกับการนี้, เพื่อจะมีงานและศรัทธาที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์—โดยเดินในความบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า.

๗๐ สมาชิกทุกคนในศาสนจักรของพระคริสต์ที่มีบุตรธิดาต้องพาพวกเขามาหาเอ็ลเดอร์ต่อหน้าศาสนจักร, ผู้จะวางมือบนพวกเขาในพระนามของพระเยซูคริสต์, และให้พรพวกเขาในพระนามของพระองค์.

๗๑ ศาสนจักรไม่อาจรับใครเข้ามาในศาสนจักรของพระคริสต์ได้เว้นแต่เขาจะถึงวัยที่รับผิดชอบได้ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า, และสามารถกลับใจได้.

๗๒ พิธีบัพติศมาพึงปฏิบัติตามแบบฉบับดังนี้ต่อคนเหล่านั้นทุกคนที่กลับใจ—

๗๓ ผู้ที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าและมีสิทธิอำนาจจากพระเยซูคริสต์ที่จะให้บัพติศมา, พึงลงไปในน้ำกับผู้ที่ขอรับบัพติศมา, และจะกล่าว, โดยเรียกชื่อเขาหรือเธอว่า : โดยได้รับมอบหมายจากพระเยซูคริสต์, ข้าพเจ้าให้บัพติศมาท่านในพระนามของพระบิดา, และของพระบุตร, และของพระวิญญาณบริสุทธิ์. เอเมน.

๗๔ จากนั้นเขาจะจุ่มเขาหรือเธอลงในน้ำ, และขึ้นมาจากน้ำอีก.

๗๕ เป็นสิ่งจำเป็นที่ศาสนจักรจะประชุมกันบ่อยเพื่อรับส่วนขนมปังและเหล้าองุ่นในความระลึกถึงพระเจ้า พระเยซู;

๗๖ และเอ็ลเดอร์หรือปุโรหิตพึงปฏิบัติพิธี; และเขาพึงปฏิบัติพิธีตามแบบอย่างนี้—เขาพึงคุกเข่าพร้อมกับศาสนจักรและเรียกหาพระบิดาในคำสวดอ้อนวอนด้วยความเลื่อมใส, โดยกล่าวว่า :

๗๗ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ในพระนามของพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์, โปรดประทานพรและทำให้ขนมปังนี้ศักดิ์สิทธิ์แก่จิตวิญญาณของเขาทั้งหลายผู้ที่รับส่วน, เพื่อพวกเขาจะรับประทานในความระลึกถึงพระวรกายของพระบุตรของพระองค์, และเป็นพยานต่อพระองค์, ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, ว่าพวกเขาเต็มใจรับพระนามของพระบุตรของพระองค์, และระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งพระองค์ประทานให้พวกเขา; เพื่อพวกเขาจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา. เอเมน.

๗๘ แบบอย่างการปฏิบัติเหล้าองุ่น—เขาพึงหยิบถ้วยมาด้วย, และกล่าวว่า :

๗๙ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ในพระนามของพระบุตรของพระองค์, พระเยซูคริสต์, โปรดประทานพรและทำให้เหล้าองุ่นนี้ศักดิ์สิทธิ์แก่จิตวิญญาณของเขาทั้งหลายผู้ที่ดื่ม, เพื่อพวกเขาจะทำในความระลึกถึงพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์, ซึ่งหลั่งเพื่อพวกเขา; เพื่อพวกเขาจะเป็นพยานต่อพระองค์, ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, ว่าพวกเขาระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา, เพื่อพวกเขาจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับพวกเขา. เอเมน.

๘๐ สมาชิกคนใดของศาสนจักรของพระคริสต์ที่ล่วงละเมิด, หรือพบว่ามีความผิด, พึงถูกจัดการดังที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์.

๘๑ พึงเป็นหน้าที่ของหน่วยต่าง ๆ ของศาสนจักร, ซึ่งประกอบเป็นศาสนจักรของพระคริสต์, ที่จะส่งผู้สอนของพวกเขาคนหนึ่งหรือมากกว่านั้นไปร่วมการประชุมต่าง ๆ ที่เอ็ลเดอร์ของศาสนจักรจัดขึ้น,

๘๒ พร้อมด้วยรายชื่อสมาชิกต่าง ๆ ที่รวมตัวกับศาสนจักรตั้งแต่การประชุมใหญ่ครั้งก่อน; หรือส่งโดยมือปุโรหิตสักคนหนึ่ง; เพื่อเอ็ลเดอร์คนหนึ่ง, ผู้ใดก็ตามที่เอ็ลเดอร์คนอื่น ๆ จะกำหนดเป็นครั้งคราว, จะเก็บรักษารายชื่อทั้งหมดของทั้งศาสนจักรที่บันทึกอย่างถูกต้องไว้ในสมุด;

๘๓ และอนึ่ง, หากมีใครถูกขับจากศาสนจักร, เพื่อชื่อของพวกเขาจะถูกลบออกจากบันทึกทั่วไปของศาสนจักรซึ่งประกอบด้วยรายชื่อ.

๘๔ สมาชิกทุกคนที่ย้ายจากหน่วยของศาสนจักรที่พวกเขาอาศัยอยู่, หากไปยังหน่วยของศาสนจักรที่พวกเขาไม่เป็นที่รู้จัก, ก็จะนำจดหมายรับรองว่าพวกเขาเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งและยืนหยัดในความดีงามไปด้วย, ซึ่งใบรับรองนี้เอ็ลเดอร์หรือปุโรหิตคนใดก็ได้จะลงนามหากสมาชิกที่ขอรับจดหมายฉบับนี้คุ้นเคยเป็นการส่วนตัวกับเอ็ลเดอร์หรือปุโรหิตคนนั้น, หรือผู้สอนหรือมัคนายกในหน่วยของศาสนจักรจะลงนามก็ได้.