พระคัมภีร์
หลักคำสอนและพันธสัญญา 107


ภาค ๑๐๗

การเปิดเผยเรื่องฐานะปุโรหิต, ที่ประทานผ่านโจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์, ที่เคิร์ทแลนด์, รัฐโอไฮโอ, วันที่ ๒๘ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๓๕ (History of the Church, 2:209–217). ในวันที่กล่าวถึงนี้, อัครสาวกสิบสองประชุมกันในสภา, สารภาพความอ่อนแอและข้อบกพร่องส่วนตัวของพวกเขา, กล่าวถึงการกลับใจ, และแสวงหาการนำทางของพระเจ้าเพิ่มเติม. พวกเขากำลังจะแยกกันไปทำงานเผยแผ่ตามท้องที่ซึ่งได้รับมอบหมาย. แม้ว่าส่วนต่าง ๆ ของภาคนี้ได้รับในวันที่กล่าวถึง, แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่าหลายส่วนได้รับในเวลาต่างกัน, บางส่วนย้อนไปไกลถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๘๓๑.

๑–๖, มีฐานะปุโรหิตสองอย่าง : แห่งเมลคีเซเดคและแห่งอาโรน; ๗–๑๒, คนเหล่านั้นที่ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคมีอำนาจปฏิบัติหน้าที่ทุกตำแหน่งในศาสนจักร; ๑๓–๑๗, ฝ่ายอธิการควบคุมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน, ซึ่งปฏิบัติศาสนพิธีภายนอก; ๑๘–๒๐, ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคถือกุญแจทั้งหลายของพรทั้งปวงทางวิญญาณ; ฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนถือกุญแจทั้งหลายแห่งการปฏิบัติของเหล่าเทพ; ๒๑–๓๘, ฝ่ายประธานสูงสุด, อัครสาวกสิบสอง, และสาวกเจ็ดสิบประกอบเป็นโควรัมควบคุมต่าง ๆ, ซึ่งคำตัดสินของพวกท่านต้องกระทำในความสามัคคีและความชอบธรรม; ๓๙–๕๒, ระเบียบแห่งปิตุสถาปนาขึ้นจากอาดัมถึงโนอาห์; ๕๓–๕๗, วิสุทธิชนในสมัยโบราณมารวมกันที่อาดัม-ออนได-อาห์มัน, และพระเจ้าทรงปรากฏต่อพวกเขา; ๕๘–๖๗, อัครสาวกสิบสองต้องวางระเบียบเจ้าหน้าที่ของศาสนจักร; ๖๘–๗๖, อธิการทั้งหลายรับใช้เป็นผู้พิพากษาใหญ่ในอิสราเอล; ๗๗–๘๔, ฝ่ายประธานสูงสุดและอัครสาวกสิบสองประกอบกันเป็นศาลสูงสุดในศาสนจักร; ๘๕–๑๐๐, บรรดาประธานฐานะปุโรหิตปกครองโควรัมของตนเอง.

ฐานะปุโรหิตมีสองอย่าง, ในศาสนจักร, กล่าวคือ, แห่งเมลคีเซเดคและแห่งอาโรน, โดยรวมถึงฐานะปุโรหิตแห่งเลวี.

เหตุที่เรียกอย่างแรกว่าฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคก็เพราะเมลคีเซเดคเป็นมหาปุโรหิตที่สำคัญอย่างยิ่ง.

ก่อนวันเวลาของท่านเรียกฐานะปุโรหิตนี้ว่า ฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์, ตามระเบียบของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า.

แต่เนื่องจากความนับถือหรือความคารวะต่อพระนามของพระผู้ทรงเป็นเหนือทุกสิ่ง, เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำถึงพระนามของพระองค์บ่อยเกินไป, คนเหล่านั้น, ศาสนจักร, ในสมัยโบราณ, จึงเรียกฐานะปุโรหิตนั้นตามชื่อของเมลคีเซเดค, หรือฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค.

เจ้าหน้าที่หรือตำแหน่งอื่นทั้งปวงในศาสนจักรเป็นส่วนประกอบของฐานะปุโรหิตนี้.

แต่มีสองฝ่ายหรือสองหมวดใหญ่—อย่างหนึ่งคือฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค, และอีกอย่างหนึ่งคือฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนหรือเลวี.

ตำแหน่งของเอ็ลเดอร์อยู่ในฐานะปุโรหิตที่เป็นของเมลคีเซเดค.

ฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคถือสิทธิของการเป็นประธาน, และมีพลังอำนาจและสิทธิอำนาจเหนือตำแหน่งทั้งหมดในศาสนจักรทุกยุคของโลก, เพื่อดูแลในเรื่องทางวิญญาณ.

ฝ่ายประธานฐานะปุโรหิตระดับสูง, ตามระเบียบของเมลคีเซเดค, มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งทั้งปวงในศาสนจักร.

๑๐ มหาปุโรหิตตามระเบียบของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคมีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของตนเอง, ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธาน, ในการดูแลเรื่องทางวิญญาณ, และในตำแหน่งของเอ็ลเดอร์, ปุโรหิต (แห่งระเบียบของเลวี), ผู้สอน, มัคนายก, และสมาชิกด้วย.

๑๑ เอ็ลเดอร์มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่แทนเมื่อมหาปุโรหิตไม่อยู่ ณ ที่นั้น.

๑๒ มหาปุโรหิตและเอ็ลเดอร์จะดูแลในเรื่องทางวิญญาณ, ให้สอดคล้องกับพันธสัญญาและพระบัญญัติของศาสนจักร; และพวกเขามีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ของศาสนจักรเมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่าอยู่ ณ ที่นั้น.

๑๓ ฐานะปุโรหิตที่สองเรียกว่าฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน, เพราะมอบฐานะปุโรหิตนี้ให้อาโรนและพงศ์พันธุ์ของเขา, ตลอดทุกรุ่นของพวกเขา.

๑๔ เหตุที่เรียกว่าฐานะปุโรหิตที่ต่ำกว่าก็เพราะเป็นส่วนประกอบของฐานะปุโรหิตที่เหนือกว่า, หรือฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค, และมีอำนาจในการปฏิบัติศาสนพิธีภายนอก.

๑๕ ฝ่ายอธิการเป็นประธานควบคุมฐานะปุโรหิตนี้, และถือกุญแจหรือสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตดังกล่าว.

๑๖ ไม่มีมนุษย์คนใดมีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎในตำแหน่งนี้, ในการถือกุญแจทั้งหลายของฐานะปุโรหิตนี้, เว้นแต่เขาจะเป็นสายเลือดแท้ของอาโรน.

๑๗ แต่เนื่องจากมหาปุโรหิตของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคมีสิทธิอำนาจปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งทั้งหมดที่ต่ำกว่า, เขาจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิการเมื่อหาสายเลือดแท้ของอาโรนไม่ได้, โดยมีข้อแม้ว่าเขาได้รับเรียกและวางมือมอบหน้าที่และแต่งตั้งสู่พลังอำนาจนี้โดยมือของฝ่ายประธานสูงสุดฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค.

๑๘ พลังอำนาจและสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตระดับสูงกว่า, หรือแห่งเมลคีเซเดค, คือการถือกุญแจทั้งหลายของพรทางวิญญาณทั้งปวงของศาสนจักร—

๑๙ การมีเอกสิทธิ์ได้รับความลี้ลับของอาณาจักรแห่งสวรรค์, ให้สวรรค์เปิดต่อพวกเขา, ติดต่อกับการชุมนุมใหญ่และศาสนจักรของพระบุตรหัวปี, และปีติยินดีกับการติดต่อและพระสิริแห่งพระผู้เป็นเจ้า พระบิดา, และพระเยซู สื่อกลางแห่งพันธสัญญาใหม่.

๒๐ พลังอำนาจและสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตที่ต่ำกว่า, หรือแห่งอาโรน, คือการถือกุญแจทั้งหลายแห่งการปฏิบัติของเหล่าเทพ, และปฏิบัติศาสนพิธีภายนอก, ตัวอักษรของพระกิตติคุณ, บัพติศมาแห่งการกลับใจเพื่อการปลดบาป, ให้สอดคล้องกับพันธสัญญาและพระบัญญัติ.

๒๑ ด้วยความจำเป็นจึงมีประธาน, หรือเจ้าหน้าที่ควบคุมที่เกิดขึ้นจาก, หรือกำหนดขึ้นจากหรือมาจากบรรดาคนเหล่านั้นที่ได้รับแต่งตั้งสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ในฐานะปุโรหิตทั้งสองอย่างนี้.

๒๒ จากฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค, มหาปุโรหิตควบคุมสามคน, ซึ่งได้รับเลือกโดยองค์ประชุม, ซึ่งกำหนดขึ้นและแต่งตั้งสู่ตำแหน่งนั้น, และได้รับการสนับสนุนโดยความไว้วางใจ, ศรัทธา, และการสวดอ้อนวอนของศาสนจักร, ประกอบเป็นโควรัมฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนจักร.

๒๓ สมาชิกสภาสัญจรสิบสองคนได้รับเรียกเป็นอัครสาวกสิบสอง, หรือพยานพิเศษถึงพระนามของพระคริสต์ในทั่วโลก—ดังนั้นจึงแตกต่างจากเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในศาสนจักรในหน้าที่การเรียกของพวกเขา.

๒๔ และพวกเขาประกอบกันเป็นโควรัม, เท่าเทียมกันในสิทธิอำนาจและพลังอำนาจกับประธานสามคนที่กล่าวมาแล้ว.

๒๕ สาวกเจ็ดสิบได้รับเรียกให้สั่งสอนพระกิตติคุณเช่นกัน, และให้เป็นพยานพิเศษต่อคนต่างชาติและในทั่วโลก—ดังนั้นจึงแตกต่างจากเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในศาสนจักรในหน้าที่การเรียกของพวกเขา.

๒๖ และพวกเขาประกอบกันเป็นโควรัม, เท่าเทียมกันในสิทธิอำนาจที่เป็นของพยานพิเศษสิบสองคนหรืออัครสาวกที่เพิ่งกล่าวถึง.

๒๗ และคำตัดสินทุกเรื่องที่กระทำโดยโควรัมใดก็ตามในโควรัมเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นโดยเสียงเอกฉันท์ของโควรัมเหล่านี้; กล่าวคือ, สมาชิกทุกคนในแต่ละโควรัมต้องเห็นพ้องกันกับคำตัดสินของโควรัม, เพื่อทำให้คำตัดสินของโควรัมเหล่านั้นต่างฝ่ายต่างมีอำนาจหรือผลบังคับเท่ากันในแต่ละโควรัม—

๒๘ เสียงส่วนใหญ่จะประกอบกันเป็นโควรัมได้ก็ต่อเมื่อสภาวการณ์ทำให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้—

๒๙ เว้นแต่เป็นกรณีนี้, คำตัดสินของพวกเขาไม่มีสิทธิ์ในพรเดียวกับคำตัดสินของโควรัมประธานสามคนซึ่งมีในสมัยโบราณ, ผู้ได้รับแต่งตั้งตามระเบียบของเมลคีเซเดค, และเป็นบุรุษที่ชอบธรรมและบริสุทธิ์.

๓๐ คำตัดสินของโควรัมเหล่านี้, หรือโควรัมใดก็ตามในโควรัมเหล่านี้, ต้องกระทำในความชอบธรรมทั้งมวล, ในความบริสุทธิ์, และความนอบน้อมแห่งใจ, ความอ่อนโยนและความอดกลั้น, และในศรัทธา, และคุณธรรม, และความรู้, ความยับยั้งตน, ความอดทน, ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, ความกรุณาฉันพี่น้องและจิตกุศล;

๓๑ เพราะสัญญาคือ, หากสิ่งเหล่านี้มีมากมายในพวกเขา พวกเขาจะไม่ไร้ผลในความรู้เรื่องพระเจ้า.

๓๒ และในกรณีที่คำตัดสินใดของโควรัมเหล่านี้กระทำในความไม่ชอบธรรม, ก็สามารถนำมายื่นต่อการชุมนุมใหญ่ของโควรัมต่าง ๆ, ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิญญาณของศาสนจักร; มิฉะนั้นจะมีการอุทธรณ์ไม่ได้จากคำตัดสินของโควรัมเหล่านี้.

๓๓ อัครสาวกสิบสองเป็นสภาสูงสัญจรควบคุม, ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพระนามของพระเจ้า, ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนจักร, โดยสอดคล้องกับสถาบันแห่งสวรรค์; ซึ่งเสริมสร้างศาสนจักร, และดูแลกิจจานุกิจทั้งหมดของศาสนจักรนั้นในประชาชาติทั้งปวง, ลำดับแรกแก่คนต่างชาติและต่อไปแก่ชาวยิว.

๓๔ สาวกเจ็ดสิบต้องกระทำในพระนามของพระเจ้า, ภายใต้การกำกับดูแลของอัครสาวกสิบสองหรือสภาสูงสัญจร, ในการเสริมสร้างศาสนจักรและดูแลกิจจานุกิจทั้งหมดของศาสนจักรนั้นในประชาชาติทั้งปวง, ลำดับแรกแก่คนต่างชาติและจากนั้นแก่ชาวยิว—

๓๕ อัครสาวกสิบสองโดยที่ทรงส่งออกไป, ถือกุญแจทั้งหลาย, เพื่อเปิดประตูโดยการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์, และลำดับแรกแก่คนต่างชาติและจากนั้นแก่ชาวยิว.

๓๖ สภาสูงประจำท้องที่, ที่สเตคทั้งหลายของไซอัน, ประกอบเป็นโควรัมเท่าเทียมกันในสิทธิอำนาจในกิจจานุกิจของศาสนจักร, ในคำตัดสินทั้งหมดของพวกเขา, กับโควรัมของฝ่ายประธาน, หรือกับสภาสูงสัญจร.

๓๗ สภาสูงในไซอันประกอบเป็นโควรัมเท่าเทียมกันในสิทธิอำนาจในกิจจานุกิจของศาสนจักร, ในคำตัดสินทั้งหมดของพวกเขา, กับสภาทั้งหลายของอัครสาวกสิบสองที่สเตคทั้งหลายของไซอัน.

๓๘ เป็นหน้าที่ของสภาสูงสัญจรที่จะเรียกหาสาวกเจ็ดสิบ, เมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ, เพื่อทำหน้าที่การเรียกต่าง ๆ, ในการสั่งสอนและเกื้อกูลพระกิตติคุณ, แทนที่จะเป็นคนอื่น ๆ.

๓๙ เป็นหน้าที่ของอัครสาวกสิบสอง, ในสาขาใหญ่ทั้งปวงของศาสนจักร, ที่จะแต่งตั้งผู้ปฏิบัติศาสนกิจฝ่ายประสาทพร, ดังที่จะกำหนดพวกเขาแก่อัครสาวกสิบสองโดยการเปิดเผย—

๔๐ ระเบียบของฐานะปุโรหิตนี้ได้รับการยืนยันให้สืบทอดจากบิดาไปสู่บุตร, และโดยถูกต้องเป็นของสายเลือดแท้ของพงศ์พันธุ์ที่เลือกแล้ว, ซึ่งแก่คนเหล่านั้นพระองค์ทรงทำสัญญาไว้.

๔๑ ระเบียบนี้ตั้งขึ้นในวันเวลาของอาดัม, และสืบต่อกันมาโดยเชื้อสายในลักษณะดังต่อไปนี้ :

๔๒ จากอาดัมถึงเสท, ผู้ที่อาดัมแต่งตั้งเมื่ออายุหกสิบเก้าปี, และได้รับพรจากท่านก่อนมรณกรรมของท่าน (อาดัม) สามปี, และได้รับสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าผ่านบิดาเขา, ว่าลูกหลานเขาจะเป็นผู้เลือกแล้วของพระเจ้า, และว่าพวกเขาจะได้รับการปกปักรักษาจนถึงบั้นปลายของแผ่นดินโลก;

๔๓ เพราะเขา (เสท) เป็นคนดีพร้อม, และลักษณะของเขาเหมือนลักษณะของบิดาเขามาก, ถึงกับว่าเขาดูจะเหมือนกับบิดาเขาในทุกสิ่ง, และเห็นความแตกต่างจากเขาได้โดยอายุของเขาเท่านั้น.

๔๔ เอโนชได้รับแต่งตั้งเมื่ออายุหนึ่งร้อยสามสิบสี่ปีกับสี่เดือน, โดยมือของอาดัม.

๔๕ พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกหาเคนันในแดนทุรกันดารในปีที่สี่สิบของอายุเขา; และเขาพบอาดัมระหว่างเดินทางไปยังสถานที่เชดอเลมัค. เขาอายุแปดสิบเจ็ดปีเมื่อเขารับการแต่งตั้งของเขา.

๔๖ มาหะลาเลลอายุสี่ร้อยเก้าสิบหกปีกับเจ็ดวันเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งโดยมือของอาดัม, ผู้ที่ให้พรเขาด้วย.

๔๗ ยาเรดอายุสองร้อยปีเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งภายใต้มือของอาดัม, ผู้ที่ให้พรเขาด้วย.

๔๘ เอโนคอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งภายใต้มือของอาดัม; และเขาอายุหกสิบห้าและอาดัมให้พรเขา.

๔๙ และเขาเห็นพระเจ้า, และเขาเดินกับพระองค์, และอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์ตลอดเวลา; และเขาเดินกับพระผู้เป็นเจ้าสามร้อยหกสิบห้าปี, ทำให้เขามีอายุสี่ร้อยสามสิบปีเมื่อเขาได้รับการแปรสภาพ.

๕๐ เมธูเสลาห์อายุหนึ่งร้อยปีเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งภายใต้มือของอาดัม.

๕๑ ลาเมคอายุสามสิบสองปีเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งภายใต้มือของเสท.

๕๒ โนอาห์อายุสิบขวบเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งภายใต้มือของเมธูเสลาห์.

๕๓ สามปีก่อนมรณกรรมของอาดัม, ท่านเรียกเสท, เอโนช, เคนัน, มาหะลาเลล, ยาเรด, เอโนค, และเมธูเสลาห์, ผู้เป็นมหาปุโรหิตทุกคน, กับลูกหลานของท่านที่เหลือซึ่งเป็นผู้ชอบธรรม, เข้าไปในหุบเขาแห่งอาดัม-ออนได-อาห์มัน, และให้พรสุดท้ายของท่านแก่พวกเขาที่นั่น.

๕๔ และพระเจ้าทรงปรากฏต่อพวกเขา, และพวกเขาลุกขึ้นและให้พรอาดัม, และเรียกท่านว่ามีคาเอล, เจ้าชาย, เทพาดิเทพ.

๕๕ และพระเจ้าทรงเกื้อกูลการปลอบโยนแก่อาดัม, และตรัสกับเขาว่า : เราตั้งเจ้าให้เป็นหัวหน้า; มากมายหลายประชาชาติจะมาจากเจ้า, และเจ้าคือเจ้าชายเหนือพวกเขาตลอดกาล.

๕๖ และอาดัมยืนขึ้นท่ามกลางการชุมนุม; และ, ทั้งที่หลังของท่านค้อมลงด้วยความชรา, โดยที่เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์, ท่านทำนายถึงอะไรก็ตามที่จะบังเกิดกับลูกหลานท่านจนถึงอนุชนรุ่นหลังสุด.

๕๗ สิ่งเหล่านี้มีเขียนไว้ทั้งหมดในหนังสือของเอโนค, และจะเป็นพยานถึงในเวลาอันสมควร.

๕๘ เป็นหน้าที่ของอัครสาวกสิบสอง, เช่นเดียวกัน, ที่จะแต่งตั้งและวางระเบียบเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ทั้งปวงของศาสนจักร, ให้สอดคล้องกับการเปิดเผยซึ่งกล่าวว่า :

๕๙ ถึงศาสนจักรของพระคริสต์ในแผ่นดินแห่งไซอัน, นอกเหนือจากกฎของศาสนจักรที่เกี่ยวกับกิจธุระของศาสนจักร—

๖๐ ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, พระเจ้าจอมโยธาตรัส, จำเป็นต้องมีเอ็ลเดอร์ผู้ควบคุมเพื่อควบคุมคนเหล่านั้นที่ดำรงตำแหน่งเอ็ลเดอร์;

๖๑ และปุโรหิตด้วยเพื่อควบคุมคนเหล่านั้นที่ดำรงตำแหน่งปุโรหิต;

๖๒ และผู้สอนด้วยเพื่อควบคุมคนเหล่านั้นที่ดำรงตำแหน่งผู้สอน, ในลักษณะเดียวกัน, และมัคนายกด้วย—

๖๓ ดังนั้น, จากมัคนายกถึงผู้สอน, และจากผู้สอนถึงปุโรหิต, และจากปุโรหิตถึงเอ็ลเดอร์, เป็นรายบุคคลไปดังที่กำหนดพวกเขาไว้, ตามพันธสัญญาและพระบัญญัติของศาสนจักร.

๖๔ จากนั้นถึงฐานะปุโรหิตระดับสูง, ซึ่งสำคัญที่สุดในบรรดาตำแหน่งทั้งปวง.

๖๕ ดังนั้น, จึงจำเป็นว่าคนหนึ่งจะทรงกำหนดจากฐานะปุโรหิตระดับสูงให้ควบคุมฐานะปุโรหิต, และจะเรียกเขาว่าประธานของฐานะปุโรหิตระดับสูงของศาสนจักร;

๖๖ หรือ, อีกนัยหนึ่ง, มหาปุโรหิตควบคุมฐานะปุโรหิตระดับสูงของศาสนจักร.

๖๗ จากคนคนนั้นการปฏิบัติศาสนพิธีและพรมาถึงศาสนจักร, โดยการวางมือ.

๖๘ ดังนั้น, ตำแหน่งอธิการจึงไม่เท่าเทียมกับตำแหน่งนั้น; เพราะตำแหน่งอธิการอยู่ในการปฏิบัติเรื่องฝ่ายโลกทั้งปวง;

๖๙ กระนั้นก็ตาม อธิการต้องได้รับเลือกจากฐานะปุโรหิตระดับสูง, เว้นแต่เขาจะเป็นสายเลือดแท้ของอาโรน;

๗๐ เพราะเว้นแต่เขาจะเป็นสายเลือดแท้ของอาโรน เขาจะถือกุญแจทั้งหลายของฐานะปุโรหิตนั้นไม่ได้.

๗๑ กระนั้นก็ตาม, มหาปุโรหิต, นั่นคือ, ตามระเบียบของเมลคีเซเดค, อาจได้รับการวางมือมอบหน้าที่เพื่อการปฏิบัติเรื่องฝ่ายโลก, โดยมีความรู้เรื่องเหล่านั้นโดยพระวิญญาณแห่งความจริง;

๗๒ และเพื่อเป็นผู้พิพากษาในอิสราเอลด้วย, เพื่อทำกิจธุระของศาสนจักร, เพื่อนั่งในการพิพากษาคนล่วงละเมิดตามประจักษ์พยานดังที่จะวางมันไว้ต่อหน้าเขาตามกฎ, โดยความช่วยเหลือของที่ปรึกษาของเขา, ผู้ที่เขาเลือกหรือจะเลือกจากบรรดาเอ็ลเดอร์ของศาสนจักร.

๗๓ นี่เป็นหน้าที่ของอธิการผู้มิได้เป็นสายเลือดแท้ของอาโรน, แต่ได้รับแต่งตั้งสู่ฐานะปุโรหิตระดับสูงตามระเบียบของเมลคีเซเดค.

๗๔ ดังนั้นเขาจะเป็นผู้พิพากษา, แม้ผู้พิพากษาใหญ่ในบรรดาผู้อยู่อาศัยของไซอัน, หรือในสเตคของไซอัน, หรือในสาขาใดของศาสนจักรที่เขาจะได้รับการวางมือมอบหน้าที่สู่การปฏิบัติศาสนกิจนี้, จนกว่าเขตแดนของไซอันจะขยายและกลายเป็นความจำเป็นที่ต้องมีอธิการหรือผู้พิพากษาคนอื่น ๆ ในไซอันหรือที่อื่น.

๗๕ และตราบเท่าที่มีการกำหนดอธิการคนอื่น ๆ พวกเขาจะกระทำในตำแหน่งเดียวกันนั้น.

๗๖ แต่สายเลือดแท้ของอาโรนมีสิทธิ์โดยถูกต้องตามกฎในการเป็นประธานของฐานะปุโรหิตนี้, ในกุญแจทั้งหลายของการปฏิบัติศาสนกิจนี้, ในการกระทำในตำแหน่งของอธิการโดยอิสระ, โดยไม่ต้องมีที่ปรึกษา, เว้นแต่ในกรณีที่ประธานของฐานะปุโรหิตระดับสูง, ตามระเบียบของเมลคีเซเดค, จะถูกพิจารณาคดี, ในการนั่งเป็นผู้พิพากษาในอิสราเอล.

๗๗ และคำตัดสินของสภาใดก็ตามในสภาเหล่านี้, จะสอดคล้องกับพระบัญญัติซึ่งกล่าวว่า :

๗๘ อนึ่ง, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, กิจธุระสำคัญที่สุดของศาสนจักร, และเรื่องยากที่สุดของศาสนจักร, ตราบเท่าที่ไม่มีความพอใจคำตัดสินของอธิการหรือผู้พิพากษา, เรื่องนั้นพึงส่งมอบหรือนำขึ้นไปให้สภาของศาสนจักร, ต่อหน้าฝ่ายประธานสูงสุดของฐานะปุโรหิตระดับสูง.

๗๙ และฝ่ายประธานสูงสุดของสภาของฐานะปุโรหิตระดับสูงจะมีอำนาจเรียกมหาปุโรหิตคนอื่น ๆ, แม้สิบสองคน, ให้ช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษา; และดังนั้นฝ่ายประธานสูงสุดของฐานะปุโรหิตระดับสูงและที่ปรึกษาของฝ่ายประธานนี้จะมีอำนาจตัดสินตามประจักษ์พยานตามกฎของศาสนจักร.

๘๐ และหลังจากคำตัดสินนี้ ไม่พึงจดจำไว้ต่อพระพักตร์พระเจ้าอีก; เพราะนี่เป็นสภาสูงสุดแห่งศาสนจักรของพระผู้เป็นเจ้า, และเป็นการชี้ขาดถึงที่สุดเกี่ยวกับข้อถกเถียงในเรื่องฝ่ายวิญญาณ.

๘๑ ไม่มีคนใดที่เป็นของศาสนจักรผู้จะได้รับยกเว้นจากสภานี้ของศาสนจักร.

๘๒ และตราบเท่าที่ประธานของฐานะปุโรหิตระดับสูงคนหนึ่งจะล่วงละเมิด, เขาจะถูกจดจำไว้ต่อหน้าสภาใหญ่ของศาสนจักร, ผู้พึงได้รับความช่วยเหลือโดยที่ปรึกษาสิบสองคนของฐานะปุโรหิตระดับสูง;

๘๓ และคำตัดสินของคนเหล่านี้บนศีรษะเขาพึงเป็นการยุติข้อถกเถียงเกี่ยวกับเขา.

๘๔ ด้วยเหตุนี้, จึงไม่มีใครจะได้รับยกเว้นจากความยุติธรรมและกฎของพระผู้เป็นเจ้า, เพื่อทุกสิ่งจะทำไปตามระเบียบและในความสำรวมต่อพระพักตร์พระองค์, ตามความจริงและความชอบธรรม.

๘๕ และอนึ่ง, ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้า, หน้าที่ของประธานเหนือตำแหน่งมัคนายกคือควบคุมมัคนายกสิบสองคน, นั่งในสภากับพวกเขา, และสอนหน้าที่ให้พวกเขา, โดยจรรโลงใจกัน, ดังที่ให้ไว้ตามพันธสัญญา.

๘๖ และหน้าที่ของประธานเหนือตำแหน่งผู้สอนด้วยคือควบคุมผู้สอนยี่สิบสี่คน, และนั่งในสภากับพวกเขา, โดยสอนหน้าที่ในตำแหน่งให้พวกเขา, ดังที่ให้ไว้ในพันธสัญญา.

๘๗ หน้าที่ของประธานเหนือฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนด้วยคือควบคุมปุโรหิตสี่สิบแปดคน, และนั่งในสภากับพวกเขา, สอนหน้าที่ในตำแหน่งให้พวกเขา, ดังที่ให้ไว้ในพันธสัญญา—

๘๘ ประธานผู้นี้ต้องเป็นอธิการ; เพราะนี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของฐานะปุโรหิตนี้.

๘๙ อนึ่ง, หน้าที่ของประธานเหนือตำแหน่งเอ็ลเดอร์คือควบคุมเอ็ลเดอร์เก้าสิบหกคน, และนั่งในสภากับพวกเขา, และสอนพวกเขาตามพันธสัญญา.

๙๐ ฝ่ายประธานนี้แตกต่างจากฝ่ายประธานของสาวกเจ็ดสิบ, และกำหนดไว้เพื่อคนเหล่านั้นที่ไม่เดินทางไปทั่วโลก.

๙๑ และอนึ่ง, หน้าที่ประธานของตำแหน่งฐานะปุโรหิตระดับสูงคือควบคุมศาสนจักรทั้งหมด, และเป็นเหมือนกับโมเสส

๙๒ ดูเถิด, นี่คือปัญญา; แท้จริงแล้ว, คือการเป็นผู้หยั่งรู้, ผู้เปิดเผย, ผู้แปล, และศาสดาพยากรณ์, โดยมีของประทานทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระองค์ทรงประสาทแก่หัวหน้าของศาสนจักร.

๙๓ และเป็นไปตามนิมิตที่แสดงให้เห็นระเบียบของสาวกเจ็ดสิบ, ว่าพวกเขาจะมีประธานเจ็ดคนที่ควบคุมพวกเขา, ซึ่งเลือกมาจากจำนวนเจ็ดสิบคน;

๙๔ และประธานคนที่เจ็ดของประธานเหล่านี้พึงควบคุมคนหกคนนั้น;

๙๕ และประธานเจ็ดคนนี้ต้องเลือกอีกเจ็ดสิบคนนอกจากเจ็ดสิบคนแรกที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง, และต้องควบคุมคนเหล่านั้น;

๙๖ และอีกเจ็ดสิบคนเช่นกัน, จนมีเจ็ดสิบคูณด้วยเจ็ด, หากงานในสวนองุ่นเรียกร้องด้วยความจำเป็น.

๙๗ และเจ็ดสิบคนนี้พึงเป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจสัญจร, ไปยังคนต่างชาติก่อนและไปยังชาวยิวด้วย.

๙๘ ขณะเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของศาสนจักร, ผู้ไม่เป็นส่วนหนึ่งของอัครสาวกสิบสอง, ทั้งสาวกเจ็ดสิบก็ไม่ใช่, มิได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบที่จะเดินทางไปในบรรดาประชาชาติทั้งปวง, แต่ต้องเดินทางดังที่สภาวการณ์ของพวกเขาจะอำนวย, ทั้ง ๆ ที่พวกเขาอาจดำรงตำแหน่งสูงและรับผิดชอบเทียบเท่าคนเหล่านั้นในศาสนจักร.

๙๙ ดังนั้น, บัดนี้ให้ทุกคนพึงเรียนรู้หน้าที่ของตน, และกระทำในตำแหน่งซึ่งตนได้รับการกำหนดไว้, ด้วยความขยันหมั่นเพียรจนสุดความสามารถ.

๑๐๐ คนที่เกียจคร้านจะไม่ทรงนับว่าคู่ควรจะยืนอยู่, และคนที่หาเรียนรู้หน้าที่ของตนไม่ และหาแสดงตนให้เป็นที่พอพระทัยไม่ จะไม่ทรงนับว่าคู่ควรจะยืนอยู่. แม้เป็นดังนั้น. เอเมน.