พระคัมภีร์
หลักคำสอนและพันธสัญญา 51


ภาค ๕๑

การเปิดเผยที่ประทานผ่านโจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์, ที่ธอมพ์สัน, รัฐโอโฮโอ, เดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๓๑ (History of the Church, 1:173–174). เวลานี้วิสุทธิชนที่อพยพจากรัฐต่าง ๆ ทางตะวันออกเริ่มมาถึงโอไฮโอ, และจำเป็นต้องเตรียมการที่แน่ชัดสำหรับการตั้งถิ่นฐานของคนเหล่านั้น. ในเมื่องานนี้เป็นหน้าที่ของอธิการโดยเฉพาะ, อธิการเอดเวิรด์ พาร์ทริจ จึงแสวงหาคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้, และท่านศาสดาพยากรณ์ทูลถามพระเจ้า.

๑–๘, พระเจ้าทรงกำหนดให้เอดเวิร์ด พาร์ทริจ กำกับดูแลสิ่งที่อยู่ในความพิทักษ์และทรัพย์สิน; ๙–๑๒, วิสุทธิชนพึงปฏิบัติต่อกันด้วยความซื่อสัตย์และได้รับอย่างเท่าเทียมกัน; ๑๓–๑๕, พวกเขาพึงมีคลังอธิการและจัดการกับทรัพย์สินตามกฎของพระเจ้า; ๑๖–๒๐, โอไฮโอจะต้องเป็นสถานที่ชุมนุมชั่วคราว.

จงสดับฟังเรา, พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าตรัส, และเราจะพูดกับผู้รับใช้ของเรา เอดเวิร์ด พาร์ทริจ, และให้คำแนะนำเขา; เพราะจำเป็นว่าเขาได้รับคำแนะนำวิธีวางระเบียบผู้คนเหล่านี้.

เพราะจำเป็นว่าจะวางระเบียบพวกเขาตามกฎของเรา; หาไม่แล้ว, พวกเขาจะถูกตัดขาด.

ดังนั้น, ให้ผู้รับใช้ของเรา เอดเวิร์ด พาร์ทริจ, และคนเหล่านั้นที่เขาเลือกไว้, ผู้ที่เราพอใจมาก, กำหนดให้ผู้คนเหล่านี้ได้รับทรัพย์สินในส่วนของตน, ทุกคนเท่ากันตามครอบครัวของเขา, ตามสภาพการณ์ของเขาและความต้องการและความจำเป็นของเขา.

และให้ผู้รับใช้ของเราเอดเวิร์ด พาร์ทริจ, เมื่อเขาจะกำหนดส่วนหนึ่งให้คนนั้น, ก็ให้ลายลักษณ์อักษรแก่เขาซึ่งจะรับประกันส่วนของเขาไว้ให้เขา, เพื่อเขาจะถือไว้, แม้สิทธิ์นี้และมรดกนี้ในศาสนจักร, จนกว่าเขาจะล่วงละเมิดและเสียงของศาสนจักรไม่นับว่าคู่ควร, ตามกฎและพันธสัญญาของศาสนจักร, ที่จะเป็นของศาสนจักร.

และหากเขาจะล่วงละเมิดและเสียงของศาสนจักรไม่นับว่าคู่ควรที่จะเป็นของศาสนจักร, เขาจะไม่มีอำนาจเรียกร้องสิทธิ์ส่วนนั้นซึ่งเขาอุทิศถวายแก่อธิการเพื่อคนจนและคนขัดสนในศาสนจักรของเรา; ฉะนั้น, เขาจะไม่มีของประทานนั้นอีกต่อไป, แต่จะมีสิทธิ์เฉพาะส่วนที่โอนให้เขาด้วยตราสารเท่านั้น.

และจะทำสิ่งทั้งปวงให้แน่นอนดังนั้น, ตามกฎของแผ่นดิน.

และให้กำหนดสิ่งซึ่งเป็นของผู้คนเหล่านี้ไว้กับผู้คนเหล่านี้.

และเงินตราซึ่งเหลือไว้ให้ผู้คนเหล่านี้—ให้มีตัวแทนกำหนดไว้ให้ผู้คนเหล่านี้, ที่จะนำเงินตราไปจัดหาอาหารและเครื่องนุ่งห่ม, ตามความขาดแคลนของผู้คนเหล่านี้.

และให้ทุกคนปฏิบัติต่อกันด้วยความซื่อสัตย์, และเท่าเทียมกันในบรรดาผู้คนเหล่านี้, และได้รับอย่างเท่าเทียมกัน, เพื่อเจ้าจะเป็นหนึ่งเดียวกัน, แม้ดังที่เราบัญชาเจ้า.

๑๐ และมิให้นำสิ่งซึ่งเป็นของผู้คนเหล่านี้ไปให้คนในหน่วยอื่นของศาสนจักร.

๑๑ ดังนั้น, หากหน่วยอื่นของศาสนจักรประสงค์จะได้รับเงินตราจากหน่วยของศาสนจักรหน่วยนี้, ก็ให้พวกเขาจ่ายให้หน่วยของศาสนจักรหน่วยนี้อีกตามที่พวกเขาจะตกลงกัน;

๑๒ และการนี้จะดำเนินไปโดยผ่านอธิการหรือตัวแทน, ซึ่งจะกำหนดโดยเสียงจากหน่วยของศาสนจักร.

๑๓ และอนึ่ง, ให้อธิการกำหนดคลังแก่หน่วยของศาสนจักรหน่วยนี้; และให้สิ่งทั้งปวงทั้งเป็นเงินตราและเป็นอาหาร, ซึ่งเกินจำเป็นสำหรับความขาดแคลนของผู้คนเหล่านี้, เก็บไว้ในมืออธิการ.

๑๔ และให้เขาเก็บไว้ให้ตนเองด้วยสำหรับความขาดแคลนของเขาเอง, และสำหรับความขาดแคลนของครอบครัวเขา, เนื่องจากจะจ้างเขามาทำกิจธุระนี้.

๑๕ และดังนั้นเราให้สิทธิพิเศษแก่ผู้คนเหล่านี้ที่จะวางระเบียบตนเองตามกฎของเรา.

๑๖ และเราอุทิศแผ่นดินนี้ไว้ให้พวกเขาชั่วระยะเวลาไม่นาน, จนกว่าเรา, พระเจ้า, จะจัดหาทางอื่นให้พวกเขา, และบัญชาให้พวกเขาไปจากที่นี่;

๑๗ และมิได้ให้โมงและวันแก่พวกเขา, ดังนั้นให้พวกเขาดำรงชีวิตบนแผ่นดินนี้ราวกับจะอยู่เป็นปี ๆ, และการนี้จะกลับไปสู่พวกเขาเพื่อประโยชน์ของพวกเขา.

๑๘ ดูเถิด, ทั้งหมดนี้จะเป็นแบบอย่างให้ผู้รับใช้ของเรา เอดเวิร์ด พาร์ทริจ, ในสถานที่อื่น ๆ, ในทุกหน่วยของศาสนจักร.

๑๙ และผู้ใดที่เราพบว่าเป็นผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์, เที่ยงธรรม, และมีปัญญาจะเข้ามาสู่ปีติของพระเจ้าของเขา, และจะสืบทอดชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก.

๒๐ ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, เราคือพระเยซูคริสต์, ผู้มาโดยพลัน, ในโมงที่เจ้าหาคิดไม่. แม้เป็นดังนั้น. เอเมน.