คลังค้นคว้า
บทที่ 109: 1 โครินธ์ 12


บทที่ 109

1 โครินธ์ 12

คำนำ

เปาโลเขียนเกี่ยวกับของประทานแห่งพระวิญญาณหลายอย่าง เขาเปรียบเทียบศาสนจักรกับร่างกายและอธิบายว่าดังที่ร่างกายต้องการทุกอวัยวะเพื่อทำงานได้อย่างดี สมาชิกศาสนจักรแต่ละคนสามารถใช้ของประทานแห่งพระวิญญาณเพื่อช่วยและเสริมสร้างศาสนจักรให้เข้มแข็ง

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

1 โครินธ์ 12:1–11

เปาโลสอนเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ

แสดง ภาพ ของศิลาต่อไปนี้

ภาพ
ศิลา ไม่ว่าท่านเป็นใคร จงทำส่วนของท่านให้ดี

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อความที่สลักไว้ด้านบนของศิลา อธิบายว่าขณะที่ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์กำลังรับใช้งานเผยแผ่ที่สก็อตแลนด์ ท่านเห็นศิลานี้อยู่เหนือประตูอาคารหลังหนึ่งใกล้ปราสาทสเตอร์ลิงก์และได้รับการดลใจจากข้อความนั้น (ดู ฟรานซิส เอ็ม. กิบบอนส์, David O. McKay: Apostle to the World, Prophet of God [1986], 45)

อธิบายว่าแต่ละสัญลักษณ์ในช่องสี่เหลี่ยมเก้าช่องของศิลานี้แสดงถึงตัวเลข ขอให้นักเรียนระบุตัวเลขของแต่ละภาพ (จากซ้ายไปขวา สัญลักษณ์แทนเลข 5, 10, และ 3 ในแถวบน; 4, 6, และ 8 ในแถวกลาง; 9, 2, และ 7 ในแถวล่าง)

  • ผลรวมของตัวเลขสามตัวที่อยู่ในแถวบนคือเท่าไร แถวกลางเท่าไร แถวล่างเท่าไร

อธิบายว่าเลขที่แสดงในแถว ช่อง หรือแนวทแยงใดบนศิลานี้บวกกันเท่ากับ 18 เหตุผลหนึ่งที่รูปทรงเหล่านี้อาจรวมถึงประโยคที่ว่า “ไม่ว่าท่านเป็นใคร จงทำส่วนของท่านให้ดี” นั่นคือหากรูปทรงใดรูปทรงหนึ่งต่อไปนี้ที่จัดเรียงใหม่หรือว่าค่าใดของมันเปลี่ยนไป แถวหรือช่องบนศิลาจะรวมกันไม่ได้ 18 ในทุกทางอีกต่อไป

เชื้อเชิญนักเรียนเมื่อพวกเขาศึกษา 1 โครินธ์ 12 ให้พิจารณาว่าเมื่อเราเป็นสมาชิกของศาสนจักรเราเป็นเหมือนรูปทรงในศิลาอย่างไร

สรุป 1 โครินธ์ 12:1–2 โดยอธิบายว่าเปาโลต้องการสอนสมาชิกศาสนจักรในโครินธ์เกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ ซึ่งวิสุทธิชนหลายคนเข้าใจผิด เปาโลเตือนพวกเขาว่าก่อนการเปลี่ยนใจเลื่อมใส รูปเคารพนำพวกเขาให้หลงไป

เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 โครินธ์ 12:3 ขอให้ชั้นเรียนมองหาวิธีที่เราสามารถรู้ได้ด้วยตนเองว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด อธิบายว่าโจเซฟ สมิธสอนว่าคำว่า บอก ใน ข้อ 3 ควรเข้าใจว่าเป็น รู้ (ใน History of the Church, 4:602–3)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 12:3 เราจะได้รับประจักษ์พยานส่วนตัวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน โดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่เราจะได้รับประจักษ์พยานส่วนตัวว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ท่านอาจต้องการอธิบายว่าหลักธรรมเดียวกันประยุกต์ใช้กับการได้รับประจักษ์พยานส่วนตัวเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธหรือพระคัมภีร์มอรมอน

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจริงนี้ดีขึ้น ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ภาพ
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“ประจักษ์พยานเป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดเพราะประจักษ์พยานไม่ได้แสวงหามาด้วยตรรกะหรือเหตุผล ประจักษ์พยานไม่สามารถซื้อขายด้วยทรัพย์สมบัติทางโลก และประจักษ์พยานไม่สามารถมอบให้เป็นของขวัญหรือเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ เราไม่สามารถพึ่งพาประจักษ์พยานของผู้อื่น เราจะต้องรู้ด้วยตัวเราเอง ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์กล่าวว่า ‘วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนมีความรับผิดชอบที่ต้องรู้ด้วยตนเองโดยปราศจากความสงสัยว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรที่ฟื้นคืนพระชนม์และทรงพระชนม์อยู่ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์’ (Fear Not to Do Good, May 1983, 80) …

“เราได้รับประจักษ์พยานนี้เมื่อพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตรัสกับวิญญาณภายในเรา เราจะได้รับคำยืนยันอันสงบเงียบและไม่หวั่นไหวซึ่งจะเป็นแหล่งที่มาของประจักษ์พยานและความเชื่อมั่นของเรา” (“พลังของประจักษ์พยานส่วนตัว,”เลียโฮนา, พ.ย. 2006, 47–48)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่จะเข้าใจว่าประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์มาโดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น

  • เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่ออัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสู่ชีวิตของเรา

อธิบายว่าดังที่บันทึกใน 1 โครินธ์ 12:4–6 เปาโลอธิบายว่ามีของประทานฝ่ายวิญญาณหลายอย่างที่ทำงานแตกต่างกันแต่ทั้งหมดมาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านอาจต้องการอธิบายว่าของประทานแห่งพระวิญญาณเป็นพรหรือความสามารถที่ประทานผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระผู้เป็นเจ้าทรงมอบของประทานอย่างน้อยที่สุดหนึ่งอย่างให้สมาชิกทุกคนของศาสนจักร (ดู คพ. 46:11)

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 โครินธ์ 12:7 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสาเหตุที่เราได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณ (หากจำเป็น ให้อธิบายว่า “เพื่อประโยชน์ร่วมกัน” หมายถึงเพื่อประโยชน์ร่วมกันของวิสุทธิชนทั้งปวง)

  • เราสามารถเรียนรู้ความจริงอะไรจากเปาโลเกี่ยวกับสาเหตุที่มอบของประทานแห่งพระวิญญาณให้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ (นักเรียนควรระบุความจริงทำนองนี้ ของประทานแห่งพระวิญญาณมอบให้เพื่อเป็นประโยชน์แก่บุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์ เขียนความจริงนี้ไว้บนกระดาน)

เพื่อให้นักเรียนเข้าใจความจริงนี้ ลอกแผนภาพต่อไปนี้ลงบน กระดาน ขอให้นักเรียนลอกลงไปในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา

ของประทานฝ่ายวิญญาณ

ของประทานฝ่ายวิญญาณเหล่านี้มีประโยชน์ต่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร

แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละสองถึงสามคน เชื้อเชิญให้แต่ละกลุ่มศึกษา 1 โครินธ์ 12:8–11 และทำตามคำสั่งที่แนบมา ท่านอาจต้องการเขียนคำสั่งเหล่านี้ไว้บนกระดานหรือทำเป็นเอกสารแจกพวกเขา

  1. ในช่องแรกของแผนภาพของท่านให้เขียนของประทานฝ่ายวิญญาณที่พูดถึงใน 1 โครินธ์ 12:8–11

  2. สนทนาความหมายหรือบอกตัวอย่างของประทานฝ่ายวิญญาณแต่ละอย่าง

เชื้อเชิญให้แต่ละกลุ่มรายงานของประทานฝ่ายวิญญาณที่พวกเขาค้นพบและบอกว่าของประทานแต่ละอย่างหมายความว่าอย่างไร ตามที่จำเป็น อธิบายว่า “ถ้อยคำของปัญญา” (ข้อ 8) หมายถึงการตัดสินที่ดีและการประยุกต์ใช้ความรู้อย่างเหมาะสม “ถ้อยคำของปัญญา” (ข้อ 8) หมายถึงความรู้ของพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์ “รู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ” (ข้อ 10) หมายถึงการรับรู้ความจริงกับความเท็จและการรับรู้ความดีกับความชั่วในคนอื่นๆ “พูดภาษาแปลกๆ” (ข้อ 10) หมายถึงความสามารถที่่จะพูดภาษาต่างชาติหรือภาษาที่ไม่รู้จัก

ขอให้แต่ละกลุ่มเลือกของประทานฝ่ายวิญญาณสองอย่างที่พูดถึงใน ข้อ 8–10 เขียนในช่องที่สองของแผนภาพว่าของประทานเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้เชิญนักเรียนสองสามคนอธิบายคำตอบหนึ่งของพวกเขาจากช่องที่สองกับชั้นเรียน

ชี้ให้เห็นว่าของประทานฝ่ายวิญญาณที่กล่าวถึงเป็นพิเศษในพระคัมภีร์เป็นเพียงไม่กี่อย่างในของประทานหลายอย่างที่เราสามารถได้รับผ่านทางพระวิหาร

  • มีพรใดอีกบ้างที่เราได้รับผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์

  • ของประทานฝ่ายวิญญาณอะไรที่ท่านสังเกตเห็นในสมาชิกครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อนร่วมชั้นของท่าน

  • เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อค้นพบของประทานฝ่ายวิญญาณของเรา (ทูลถามพระบิดาบนสวรรค์เกี่ยวกับของประทานเหล่านั้นในคำสวดอ้อนวอนพร้อมกับรับและศึกษาปิตุพรของเรา)

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองถึงของประทานฝ่ายวิญญาณที่พวกเขาได้รับ พวกเขาสามารถได้ประโยชน์จากของประทานเหล่านั้นและทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างไร

1 โครินธ์ 12:12–31

ของประทานแห่งพระวิญญาณมอบให้เป็นพรแก่สมาชิกภาพทั้งมวลของศาสนจักร

ขอให้นักเรียนสี่คนมาที่กระดาน โดยไม่ให้ชั้นเรียนที่เหลือได้ยิน ให้มอบหมายคำต่อไปนี้แก่นักเรียนแต่ละคน เท้า มือ หู และ ตา บอกให้นักเรียนแต่ละคนวาดภาพคำของเขาบนกระดาน ขอให้ชั้นเรียนเดาว่านักเรียนแต่ละคนกำลังวาดอะไร หลังจากชั้นเรียนระบุภาพวาดแต่ละภาพถูกต้องแล้ว เชื้อเชิญให้นักเรียนกลับไปนั่งที่ ขอให้ชั้นเรียนพิจารณาว่าเท้า มือ หู และตาช่วยการทำงานของร่างกายอย่างไร

  • ท่านเคยได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะร่างกายบ้างหรือไม่ เช่นที่นิ้ว ฟัน หรือนิ้วเท้า การบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไร

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 โครินธ์ 12:12–14 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่เปาโลเปรียบเทียบร่างกายกับอวัยวะ

  • เปาโลเปรียบเทียบร่างกายกับอวัยวะอะไร (ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์กับสมาชิกของศาสนจักร)

เขียนพระคัมภีร์อ้างอิงและคำถามต่อไปนี้ไว้บน กระดาน

1 โครินธ์ 12:15–22, 25–30

เปาโลเปรียบเทียบร่างกายกับศาสนจักรในด้านใดบ้าง

แบ่งนักเรียนให้อยู่เป็นกลุ่มเดิม ขอให้แต่ละกลุ่มอ่านออกเสียง 1 โครินธ์ 12:15–22, 25–30 พร้อมกัน โดยมองหาวิธีที่เปาโลเปรียบเทียบสมาชิกศาสนจักรกับอวัยวะของร่างกาย ท่านอาจต้องการแนะนำให้นักเรียนมองหาสิ่งที่เปาโลสอนเกี่ยวกับร่างกายและอวัยวะก่อนที่จะระบุว่าเขาเปรียบเทียบอวัยวะของร่างกายกับสมาชิกศาสนจักรอย่างไร หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • ท่านคิดว่าเหตุใดเปาโลจึงสนทนาบทบาทของสมาชิกศาสนจักรแต่ละคนหลังจากเขาเขียนเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ

  • ข้อกังวลอะไรที่สมาชิกศาสนจักรในวันนี้อาจมีซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยคำสอนของเปาโลเกี่ยวกับสมาชิกศาสนจักรเป็นเหมือนอวัยวะของร่างกาย

  • เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากการเปรียบเทียบของเปาโลเกี่ยวกับสมาชิกศาสนจักรเป็นอวัยวะของร่างกาย (ให้แน่ใจว่านักเรียนระบุหลักธรรมต่อไปนี้ เมื่อเราใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณที่แตกต่างของเราเพื่อรับใช้ผู้อื่น เราสามารถเสริมสร้างศาสนจักรได้ เขียนหลักธรรมนี้ไว้บนกระดาน)

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้โดยประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ ท่านอาจแจกสำเนาคำกล่าวนี้ให้นักเรียนแต่ละคน

ภาพ
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“เราล้วนแต่อยู่ในความพยายามที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยพระบิดาของเราในงานและรัศมีภาพของพระองค์ ‘ทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์’ (โมเสส 1:39) ภาระหน้าที่ในขอบเขตความรับผิดชอบของท่านจริงจังเท่ากับภาระหน้าที่ของข้าพเจ้าในขอบเขตของข้าพเจ้า ไม่มีการเรียกใดในศาสนจักรนี้เล็กน้อยหรือเกิดผลเพียงน้อยนิด เราทุกคนมีความมุ่งมั่นในหน้าที่ของเราที่จะสัมผัสชีวิตของผู้อื่น” (This Is the Work of the Master, May 1995, 71)

  • ศาสนจักรได้รับพรอย่างไรเนื่องจากของประทานฝ่ายวิญญาณและการเรียกของสมาชิกแต่ละคนที่แตกต่างกัน

  • ท่านได้เห็นครอบครัวของท่าน ชั้นเรียนเซมินารี หรือวอร์ดหรือสาขาได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งโดยของประทานฝ่ายวิญญาณของสมาชิกอย่างไร

ขอให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขาจะใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณเพื่อเสริมสร้างศาสนจักรและเป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่นได้อย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน 1 โครินธ์ 12:31 ในใจ โดยมองหาสิ่งที่เปาโลแนะนำให้วิสุทธิชนชาวโครินธ์ทำ

  • เปาโลแนะนำให้วิสุทธิชนชาวโครินธ์ทำอะไร (อธิบายว่า ถวายตัว ในข้อนี้หมายถึง “แสวงหาอย่างตั้งใจจริง” )

  • เราทำอะไรได้บ้างเพื่อแสวงหา “ของประทานที่ดีที่สุด” ของพระวิญญาณอย่างตั้งใจจริง (ดู คพ. 46:8–9 ด้วย)

แสดงประจักษ์พยานและความสำนึกคุณของท่านสำหรับของประทานฝ่ายวิญญาณ และกระตุ้นให้นักเรียนแสวงหาและใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณอย่างตั้งใจจริงเพื่อรับใช้ผู้อื่นและเสริมสร้างศาสนจักรให้เข้มแข็ง

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

1 โครินธ์ 12:3 “ไม่มีใครสามารถพูดว่า พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากจะพูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายถึงสิ่งที่เราทำได้เพื่อได้รับประจักษ์พยานในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังนี้

“ประจักษ์พยานที่แท้จริง … ของความจริงอันมีค่านี้เกิดขึ้นจากการเป็นพยานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์หลังจากความอุตสาหะที่จริงใจและอุทิศตน รวมถึงการสอนที่บ้าน การสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ การรับใช้ผู้อื่นและเชื่อฟังบัญชาของพระบิดาบนสวรรค์อย่างพากเพียร การได้รับประจักษ์พยานของความจริงแห่งพระกิตติคุณไว้ได้ตลอดกาลมีค่าพอสำหรับราคาที่เราจะต้องจ่ายเพื่อการเตรียมตัวทางวิญญาณไม่ว่าราคานั้นจะสูงเท่าใด” (“ประจักษ์พยานอันบริสุทธิ์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2004, 51)

1 โครินธ์ 12:4–10 ของประทานแห่งพระวิญญาณ

ของประทานแห่งพระวิญญาณสำคัญมากต่อพระเจ้าจนมีการสอนในงานมาตรฐานสามในสี่ฉบับของเรา (ดู 1 โครินธ์ 12, โมโรไน 10 และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 46)

เอ็ลเดอร์มาร์วิน เจ. แอชตันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณที่ไม่ได้เขียนไว้โดยเฉพาะในพระคัมภีร์ดังนี้

“… ข้าพเจ้าจะพูดถึงของประทานบางอย่างที่ไม่ปรากฏชัดหรือไม่น่าสนใจเสมอไปแต่สำคัญมาก …

“เรามาทบทวนของประทานที่ไม่ค่อยเด่นชัดบางอย่างเหล่านี้ด้วยกัน นั่นคือ ของประทานแห่งการซักถาม ของประทานแห่งการฟัง ของประทานแห่งการได้ยินและใช้สุรเสียงสงบแผ่วเบา ของประทานแห่งความสามารถหลั่งน้ำตา ของประทานแห่งการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ของประทานแห่งการเห็นด้วย ของประทานแห่งการหลีกเลี่ยงคำพูดซ้ำๆ ไร้สาระ ของประทานแห่งการแสวงหาสิ่งชอบธรรม ของประทานแห่งการไม่ตัดสิน ของประทานแห่งการพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อทูลขอการนำทาง ของประทานแห่งการเป็นสานุศิษย์ ของประทานแห่งการดูแลผู้อื่น ของประทานแห่งความสามารถไตร่ตรอง ของประทานแห่งการสวดอ้อนวอน ของประทานแห่งการแสดงประจักษ์พยานอันทรงพลัง และของประทานแห่งการได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์” (“There Are Many Gifts,” Ensign, Nov. 1987, 20)

1 โครินธ์ 12:7 ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันมีของประทานฝ่ายวิญญาณอะไร

เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่าเราสามารถค้นพบของประทานฝ่ายวิญญาณที่ประทานแก่เราได้อย่างไรดังนี้

“เพื่อค้นพบของประทานที่เราได้รับ เราต้องสวดอ้อนวอนและอดอาหาร บ่อยครั้งปิตุพรจะบอกของประทานที่เราได้รับและประกาศสัญญาของของประทานที่เราสามารถได้รับหากเราแสวงหา ข้าพเจ้ากระตุ้นให้ท่านค้นพบของประทานของท่านและแสวงหาของประทานที่จะนำท่านไปสู่งานของชีวิตท่านและทำให้งานของสวรรค์รุดหน้าไป” (“Gifts of the Spirit,” Ensign, Feb. 2002, 16)

1 โครินธ์ 12:22 “แต่หลายๆ อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น”

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนดังนี้

“ท่านอาจรู้สึกว่ามีคนอื่นซึ่งมีความสามารถหรือมีประสบการณ์มากกว่าที่ทำการเรียกและงานมอบหมายได้ดีกว่าที่ท่านทำ แต่พระเจ้าประทานความรับผิดชอบให้ท่านเพราะทรงมีเหตุผล อาจจะมีผู้คนและจิตใจซึ่งท่านเท่านั้นสามารถเอื้อมออกไปสัมผัสได้ บางทีอาจไม่มีใครทำได้แบบเดียวกับที่ท่านทำ” (“ยืนตรงไหนยกตรงนั้น,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 70