คลังค้นคว้า
บทที่ 41: มาระโก 10


บทที่ 41

มาระโก 10

คำนำ

ใกล้ช่วงสุดท้ายที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัย พระองค์ทรงปฏิบัติศาสนกิจกับคนในเพอเรีย ขณะประทับอยู่ที่นั่น พระองค์ทรงสอนหลักคำสอนเรื่องการแต่งงานและเชื้อเชิญให้เด็กเล็กๆ มาหาพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงแนะนำให้เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งขายสิ่งของที่เขามีทั้งหมดและติดตามพระองค์ ขณะที่พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จออกจากเพอเรียและดำเนินไปที่เยรูซาเล็มเป็นครั้งสุดท้ายในพระชนม์ชีพมรรตัย พระองค์ตรัสทำนายการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ทรงแนะนำอัครสาวกของพระองค์ให้รับใช้ผู้อื่น พระองค์ทรงรักษาชายตาบอดที่เยรีโค

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

มาระโก 10:1–16

พระเยซูทรงสอนหลักคำสอนเรื่องการแต่งงานและเชื้อเชิญให้เด็กเล็กๆ มาหาพระองค์

แสดงภาพเด็กหลายๆ ภาพให้นักเรียนดู

  • คุณสมบัติหรืออุปนิสัยอะไรที่ท่านชื่นชมน้องชายหรือน้องสาวของท่านหรือเด็กเล็กคนอื่นๆ ที่ท่านรู้จัก (เขียนคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน)

เชื้อเชิญให้นักเรียนมองหาความจริงขณะพวกเขาศึกษา มาระโก 10:1–16 ที่สอนเราว่าเหตุใดเราควรเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ

อธิบายว่าเมื่อใกล้สิ้นสุดการปฏิบัติศาสนกิจของพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์เสด็จออกจากกาลิลีไปยังเขตที่เรียกว่าเพอเรีย (ท่านอาจต้องการเชื้อเชิญให้นักเรียนหาที่ตั้งของเพอเรียในเอกสารแจก “พระชนม์ชีพมรรตัยของพระเยซูคริสต์อย่างคร่าวๆ” [ดูบทที่ 5] หรือในแผนที่ในพระคัมภีร์ไบเบิล, แผนที่ 11, “แผ่นดินบริสุทธิ์ในสมัยพันธสัญญาใหม่”) สรุป มาระโก 10:1–12 โดยอธิบายว่าขณะประทับอยู่ในเพอเรีย พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนผู้คนเกี่ยวกับความสำคัญของการแต่งงาน

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มาระโก 10:13–14 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่เกิดขึ้นขณะพระผู้ช่วยให้รอดประทับในเพอเรีย

  • สานุศิษย์ของพระองค์ตอบสนองอย่างไรเมื่อผู้คนพาเด็กเล็กๆ มาหาพระผู้ช่วยให้รอด (อธิบายว่าคำว่า ห้าม ใน ข้อ 13 บ่งชี้ว่าสานุศิษย์บอกผู้คนว่าพวกเขาทำผิดที่นำลูกๆ ของพวกเขามาหาพระผู้ช่วยให้รอด)

  • พระผู้ช่วยทรงตอบสานุศิษย์ของพระองค์อย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มาระโก 10:15–16 ขอให้ชั้นเรียนมองหาสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์ขณะที่เด็กเล็กๆ มาหาพระองค์ อธิบายว่าวลี “รับแผ่นดินของพระเจ้า” ใน ข้อ 15 หมายถึงการรับพระกิตติคุณ

  • ท่านคิดว่าในการรับพระกิตติคุณ “เหมือนเด็กเล็กๆ” หมายความว่าอย่างไร (ข้อ 15) (เขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดานและเปรียบเทียบคำตอบเหล่านั้นกับรายการที่เขียนไว้แล้วบนกระดาน)

  • เราเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากข้อเหล่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเรารับพระกิตติคุณเหมือนเด็กเล็กๆ (นักเรียนอาจระบุความจริงหลายประการ แต่ให้แน่ใจว่าเป็นที่ชัดเจนว่า เมื่อเรารับพระกิตติคุณเหมือนเด็กเล็กๆ เราจะได้รับการเตรียมให้เข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า)

  • การรับพระกิตติคุณเหมือนเด็กเล็กๆ เตรียมเราให้เข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในทางใดบ้าง (เพื่อช่วยนักเรียนตอบคำถามนี้ ท่านอาจต้องการให้พวกเขาดู โมไซยาห์ 3:19)

มาระโก 10:17–34

พระผู้ช่วยให้รอดทรงแนะนำเศรษฐีหนุ่มให้ขายสิ่งของที่เขามีอยู่และติดตามพระองค์

เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มาระโก 10:17–20 ขอให้ชั้นเรียนมองหาว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากพระผู้ช่วยให้รอดทรงอวยพรเด็กเล็กๆ

  • ท่านจะอธิบายชายที่มาหาพระเยซูว่าอย่างไร เพราะเหตุใด

  • ชายผู้นั้นถามอะไรพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ทรงตอบว่าอย่างไร

อธิบายว่า มัทธิว 19 ประกอบไปด้วยเรื่องราวของชายคนนี้ที่มาหาพระผู้ช่วยให้รอดเช่นกัน เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 19:20 ขอให้ชั้นเรียนฟังดูว่าชายคนนี้ตอบอย่างไรหลังจากพระเยซูรับสั่งถึงพระบัญญัติบางข้อ

  • หลังจากรับรู้ว่าเขารักษาพระบัญญัติทั้งหมด ชายหนุ่มคนนี้ทูลถามอะไรพระผู้ช่วยให้รอด (ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายคำถามของชายหนุ่มคนนี้)

เขียนคำถามต่อไปนี้บนกระดาน ข้าพเจ้ายังขาดอะไรอีกบ้าง?

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน มาระโก 10:21 ในใจ โดยมองหาว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงตอบชายหนุ่มคนนี้อย่างไร

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงบอกว่าชายหนุ่มคนนี้ยังขาดอะไร

ชี้ให้เห็นประโยคที่ว่า “พระเยซูทอดพระเนตรดูคนนั้น ทรงเอ็นดูเขา” ใน ข้อ 21 ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายประโยคนี้ในพระคัมภีร์ของพวกเขา

  • ท่านคิดว่าเหตุใดจึงสำคัญที่จะรู้ว่าพระเยซูทรงเอ็นดูชายหนุ่มคนนี้ก่อนที่พระองค์จะทรงบอกว่าเขาขาดอะไร

  • เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรบ้างจากเรื่องราวนี้ (นักเรียนอาจระบุหลักธรรมหลายข้อ รวมถึงต่อไปนี้ เพราะว่าพระองค์ทรงรักเรา พระเจ้าจะทรงช่วยให้เราทราบว่าเราบกพร่องอะไรในความพยายามของเราเพื่อทำตามพระองค์ หากเราทูลถามพระเจ้า พระองค์จะทรงสอนเราถึงสิ่งที่เราต้องทำเพื่อได้รับชีวิตนิรันดร์)

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน มาระโก 10:22 ในใจ โดยมองหาว่าชายหนุ่มคนนี้มีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงแนะนำให้เขาขายทุกอย่างที่เขามี

  • ชายหนุ่มคนนี้มีปฏิกิริยาอย่างไร

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 22 เหตุใดเขาจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น

ชี้ให้เห็นว่าถึงแม้จะไม่มีใครขอเราให้ทิ้งความมั่งคั่งร่ำรวยเพื่อติดตามพระเจ้า แต่พระองค์ทรงขอให้เราเสียสละอย่างอื่นเพื่อรับใช้พระองค์และเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์

  • การเสียสละอะไรที่พระเจ้าทรงขอจากเราที่อาจจะทำยาก

  • พรอะไรที่เราอาจไม่ได้รับหากเราเลือกไม่ทำตามพระเจ้าในทุกสิ่ง

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มาระโก 10:23–27 ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงงานแปลของโจเซฟ สมิธ ในมาระโก 10:26 ที่ว่า “พระเยซูทอดพระเนตรพวกเขาแล้วตรัสว่า กับคนที่วางใจในความร่ำรวย มันเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นไปได้กับคนที่วางใจในพระผู้เป็นเจ้าและละทิ้งทุกอย่างเพื่อเห็นแก่เรา เพราะกับคนเช่นนั้นทุกสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้” ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาว่าพระเยซูทรงสอนอะไรเกี่ยวกับการละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่พระองค์

  • ท่านคิดว่าเหตุใดจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่วางใจในความร่ำรวยหรือสิ่งทางโลกอื่นๆ ที่จะเข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

  • ท่านคิดว่าทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่วางใจในพระผู้เป็นเจ้าหมายความว่าอย่างไร

เชื้อเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มาระโก 10:28–31 ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงงานแปลของโจเซฟ สมิธ ในมาระโก 10:31 ที่ว่า “แต่หลายคนที่เป็นคนแรกจะกลับไปเป็นคนสุดท้าย และคนสุดท้ายจะกลับไปเป็นคนแรก พระองค์ตรัสตำหนิเปโตรดังนี้…” ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าเปโตรกล่าวอะไรหลังจากที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่าเราควรเต็มใจละทิ้งอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงขอจากเรา

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 28 เปโตรกล่าวอะไร

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาอะไรแก่ผู้ที่ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์

  • เราเรียนรู้หลักธรรมใดจากคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องทำเพื่อได้รับชีวิตนิรันดร์ (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ให้แน่ใจว่าพวกเขาระบุหลักธรรมต่อไปนี้ เพื่อได้รับชีวิตนิรันดร์ เราต้องเต็มใจละทิ้งอะไรก็ตามที่พระเจ้าทรงขอจากเรา เขียนหลักธรรมนี้ไว้บนกระดาน)

  • เหตุใดชีวิตนิรันดร์จึงคุ้มค่ากับการเสียสละอะไรก็ตามที่ขอให้เราทำบนแผ่นดินโลก (ท่านอาจต้องการเตือนนักเรียนว่าชีวิตนิรันดร์รวมถึงการอยู่ตลอดกาลในพระนิเวศน์ของพระผู้เป็นเจ้ากับสมาชิกครอบครัวที่ชอบธรรมของเรา)

สรุป มาระโก 10:32–34 โดยอธิบายว่าพระเจ้าตรัสบอกสานุศิษย์ของพระองค์ว่าหลังจากที่พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มพระองค์จะถูกเยาะเย้ย เฆี่ยนตี ถ่มน้ำลายรด ถูกฆ่าและพระองค์จะเป็นขึ้นมาอีกครั้งในวันที่สาม

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแบบอย่างดีพร้อมของความเต็มพระทัยละทิ้งทุกอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าทรงขออย่างไร

เป็นพยาน ถึงความจริงที่สอนในบทเรียนนี้ กระตุ้นให้นักเรียนไตร่ตรองร่วมกับการสวดอ้อนวอนถึงคำถามที่ว่า ข้าพเจ้ายังขาดอะไรอีกบ้าง” และเชื่อฟังการกระตุ้นเตือนที่พวกเขาอาจได้รับเกี่ยวกับการเสียสละที่พระเจ้าทรงประสงค์จะให้พวกเขาทำ

มาระโก 10:35–52

พระผู้ช่วยให้รอดทรงพยากรณ์ถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์และแนะนำอัครสาวกของพระองค์ให้รับใช้ผู้อื่น

แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ จัดเตรียม เอกสารแจก ต่อไปนี้ให้แต่ละกลุ่ม และเชื้อเชิญให้พวกเขาเติมข้อความให้ครบถ้วน

ภาพ
เอกสารแจก ใครยิ่งใหญ่ที่สุด

ใครยิ่งใหญ่ที่สุด

คู่มือครูเซมินารี พันธสัญญาใหม่—บทที่ 41

ให้แต่ละกลุ่มเติมข้อความในเอกสารแจกนี้ให้ครบถ้วน และสนทนาคำตอบของท่าน

เขียนรายการกิจกรรมที่ท่านชอบ

  • ระบุชื่อบางคนที่เก่งมากๆ ในการทำกิจกรรมที่ท่านเขียนไว้ข้างบน อะไรที่ทำให้เขายิ่งใหญ่

ขณะที่ท่านศึกษาพระคำของพระผู้ช่วยให้รอดใน มาระโก 10 ต่อ ให้มองหาสิ่งที่พระองค์ทรงสอนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คนๆ หนึ่งยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

อ่าน มาระโก 10:35–37โดยมองหาสิ่งที่ยากอบและยอห์นทูลถามพระผู้ช่วยให้รอดขณะพวกเขาเดินทางไปเยรูซาเล็ม

การทูลถามของยากอบและยอห์นเพื่อจะนั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์และเบื้องซ้ายพระหัตถ์แสดงว่าพวกเขาต้องการได้รับรัศมีภาพและเกียรติในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้ามากว่าอัครสาวกคนอื่นๆ จะได้รับ มาระโก 10:38–40 บันทึกว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงอธิบายกับยากอบและยอห์นว่าพรนี้จะมอบให้คนที่พร้อมจะรับ

อ่าน มาระโก 10:41โดยมองหาว่าสานุศิษย์คนอื่นๆ ตอบสนองอย่างไรต่อการทูลถามของยากอบและยอห์น

  • ท่านคิดว่าเหตุใดสานุศิษย์คนอื่นๆ จึงขุ่นเคืองยากอบและยอห์น

อ่าน มาระโก 10:42–45 โดยมองหาว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับการเป็นใหญ่ว่าอะไร

เติมข้อความต่อไปนี้ให้ครบถ้วนโดยใช้สิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

เพื่อให้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เราต้องทำดังนี้ .

ใน ข้อ 45 คำว่า ปรนนิบัติ หมายถึงการดูแล ปลอบโยน ช่วยเหลือ และสนับสนุนผู้อื่น

  • เหตุใดคนที่รับใช้และปรนนิบัติคนอื่น (เช่นพระผู้ช่วยให้รอด) จึงถือว่ายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

  • มีคนรับใช้และดูแลท่านหรือครอบครัวของท่านเมื่อใด เหตุใดท่านถึงคิดว่าคนนั้นยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

หลังจากนักเรียนเติมเอกสารแจกครบถ้วนแล้ว เชื้อเชิญให้หลายๆ คนรายงานว่าพวกเขาเติมข้อความโดยใช้ มาระโก 10:42–45 อย่างไร นักเรียนอาจใช้คำพูดอื่น แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้ เพื่อจะยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เราต้องทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดโดยการรับใช้ผู้อื่น

สรุป มาระโก 10:46–52 โดยอธิบายว่าขณะที่พระผู้ช่วยให้รอดและอัครสาวกของพระองค์กำลังออกจากเยรีโคเพื่อเดินทางไปเยรูซาเล็ม ชายตาบอดคนหนึ่งชื่อบารทิเมอัสร้องเรียกให้พระผู้ช่วยให้รอดรักษาเขา ฝูงชนบอกบารทิเมอัสให้เงียบ แต่เขาร้องเสียงดังกว่าเดิม พระผู้ช่วยให้รอดทรงได้ยินเสียงร้องของเขา ทรงสงสารเขา และทรงรักษาเขา (หมายเหตุ: เรื่องราวการรักษาบารทิเมอัสจะสอนรายละเอียดมากขึ้นในบทเรียนสำหรับ ลูกา 18)

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแบบอย่างดีพร้อมถึงหลักธรรมที่พระองค์ทรงสอนเกี่ยวกับการปรนนิบัติผู้อื่นอย่างไร

แบ่งปันประจักษ์พยานว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงเนื่องจากวิธีที่พระองค์ทรงปรนนิบัติบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงสิ่งที่พวกเขาจะทำได้เพื่อรับใช้และดูแลคนที่อยู่รายรอบพวกเขา กระตุ้นให้พวกเขาตั้งเป้าหมายหนึ่งที่จะช่วยให้พวกเขารับใช้และปรนนิบัติผู้อื่น

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

มาระโก 10:17–22 เศรษฐีหนุ่ม

เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่าในการเป็นสานุศิษย์ที่กล้าหาญของพระผู้ช่วยให้รอด เราต้องทำความดีอย่างแข็งขันยิ่งกว่าการละเว้นจากบาปเท่านั้น

“บ่อยครั้งเป็นบาปแห่งการละเลยที่ทำให้เราออกห่างจากความบริบูรณ์ทางวิญญาณเนื่องจากเรายังขาดบางสิ่ง จงนึกถึงเศรษฐีหนุ่มผู้ที่มาหาพระเยซูและถามว่า ‘อาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร ถึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?’ …

“พระบัญญัติที่ถูกปรับจึงเกิดขึ้นเพื่อชายคนนั้น [ดู มัทธิว 19:21–22] นั่นเป็นบางอย่างที่เขาต้องทำ ไม่ใช่บางอย่างที่เขาต้องหยุดทำ ที่กีดกั้นเขาจากความบริบูรณ์” (“The Pathway of Discipleship” [Brigham Young University fireside, 4 ม.ค., 1998], 4, speeches.byu.edu)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่าเศรษฐีหนุ่มสูญเสียพรพิเศษเนื่องจากเขาไม่เต็มใจติดตามพระเจ้าในทุกสิ่งว่า

“เราอาจจะถามว่า ‘การรักษาพระบัญญัติเพียงพอหรือไม่ เราได้รับการคาดหวังอะไรอีกนอกเหนือจากความแน่วแน่และซื่อสัตย์ต่อความไว้วางใจทุกอย่าง มีอะไรที่มากกว่ากฎแห่งการเชื่อฟังหรือ’

“ในกรณีของเพื่อนเศรษฐีหนุ่มของเรา มีมากกว่านั้น เขาได้รับการคาดหวังให้ดำเนินชีวิตตามกฎแห่งการอุทิศถวายเพื่อเสียสละทรัพย์สินทางโลกของเขา …

“อย่างที่ท่านรู้ ชายหนุ่มคนนี้ออกไปเป็นทุกข์ … และเราถูกทิ้งให้สงสัยถึงความแนบสนิท [ความใกล้ชิด] ใดที่เขาอาจมีกับพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า สัมพันธภาพใดที่เขาอาจมีกับบรรดาอัครสาวก การเปิดเผยและนิมิตใดที่เราอาจได้รับ หากเขา สามารถ ดำเนินชีวิตตามกฎของอาณาจักรซีเลสเชียล” (“Obedience, Consecration, and Sacrifice,” Ensign, พ.ค. 1975, 51)

มาระโก 10:25 “อูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่า”

“มีบางคนอ้างว่ารูเข็มเป็นประตูเล็กในกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งต้องปลดสัมภาระให้อูฐก่อนเพื่อจะเข้าเมือง ไม่มีหลักฐานว่าประตูเช่นนั้นมีอยู่ คนอื่นๆ เสนอว่าหากเปลี่ยนอักษรตัวหนึ่งในข้อความภาษากรีกก็จะเปลี่ยนพระคัมภีร์ให้หมายถึงเชือก ไม่ใช่อูฐ ซึ่งจะลอดรูเข็มได้ อย่างไรก็ตามเมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสถึงอูฐลอดรูเข็ม น่าจะเป็นตัวอย่างของอติพจน์ หรือการตั้งใจพูดเกินจริงเพื่อสอนว่า ‘คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ [ยาก] จริงๆ ’ (มัทธิว 19:23) งานแปลของโจเซฟ สมิธเพิ่มเติมว่า ‘กับคน ที่วางใจในความร่ำรวย นั้นเป็นไปไม่ได้; แต่ เป็นไปได้กับคนที่วางใจในพระผู้เป็นเจ้าและละทิ้งทุกอย่างเพื่อเห็นแก่เรา เพราะกับ คนเช่นนั้น ทุกสิ่ง เหล่านี้ เป็นไปได้’ (งานแปลของโจเซฟ สมิธ, มาระโก 10:26 )” (คู่มือนักเรียนพันธสัญญาใหม่ [คู่มือของระบบการศึกษาศาสนจักร ,2014], 63)

มาระโก 10:38–39 “ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านจะดื่ม?”

“เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีอธิบายว่าวลี ‘ถ้วยที่เราดื่ม’ เป็น ‘อุปลักษณ์ที่หมายความว่า “การทำสิ่งที่ชะตาชีวิตกำหนดให้ทำ”’ ท่านอธิบายว่าวลี ‘บัพติศมาที่เรารับนั้นท่านจะรับ’ หมายถึง ‘การเดินตามทางของเรา ทนการข่มเหง ถูกคนปฏิเสธ และในท้ายที่สุดถูกสังหารเพื่อเห็นแก่ความจริง ’ (Doctrinal New Testament Commentary, 1:566) โดยการถามคำถามว่า ‘ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านจะดื่ม? และบัพติศมาที่เรารับนั้นท่านจะรับก็จริง?’ (มาระโก 10:38) พระผู้ช่วยให้รอดทรงหันความสนใจของยากอบและยอห์นไปที่การทำตามพระประสงค์ของพระบิดา แทนการได้รับรัศมีภาพและเกียรติ” (คู่มือนักเรียน พันธสัญญาใหม่ [คู่มือของระบบการศึกษาศาสนจักร, 2014], 126)

มาระโก 10:45 “บุตรมนุษย์ … มาเพื่อปรนนิบัติ”

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีพร้อมของความยิ่งใหญ่

“ชาย [หญิง] ที่ชีวิตตรงกับแบบฉบับของพระคริสต์มากที่สุดคนนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ได้รับพร และปีติมากที่สุด ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับความมั่งคั่ง อำนาจ หรือเกียรติยศชื่อเสียงทางโลก บททดสอบความยิ่งใหญ่ การได้รับพร และปีติที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวคือชีวิตสามารถเป็นเหมือนพระอาจารย์ พระเยซูคริสต์ มากเพียงใด” (“Jesus Christ: Gifts and Expectations,” Ensign, Dec. 1988, 2)