คลังค้นคว้า
บทที่ 12: มัทธิว 7


บทที่ 12

มัทธิว 7

คำนำ

พระเยซูทรงสอนคำเทศนาบนภูเขาต่อโดยการสอนเหล่าสานุศิษย์ของพระองค์ให้ตัดสินอย่างชอบธรรม พระองค์ทรงสอนเช่นกันเกี่ยวกับการได้รับการเปิดเผยส่วนตัวและการทำตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

มัทธิว 7:1–5

ในส่วนหนึ่งของคำเทศนาบนภูเขา พระเยซูทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับการพิพากษาอย่างชอบธรรม

ก่อนเริ่มชั้นเรียน ให้เขียนคำถามต่อไปนี้บนกระดาน เราควรหรือไม่ควรตัดสินผู้อื่น เมื่อชั้นเรียนเริ่ม เชื้อเชิญให้นักเรียนตอบคำถามนี้

ภาพ
คำเทศนาบนภูเขา

คำเทศนาบนภูเขา โดย คาร์ล เฮียนริช บลอช ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก National History Museum ที่ Frederiksborg Castle ใน Hillerød Denmark ไม่อนุญาตให้ทำสำเนา

แสดง ภาพ คำเทศนาบนภูเขา (หนังสือภาพพระกิตติคุณ [2009], หน้า 39; ดู LDS.org ด้วย) อธิบายว่าเมื่อพระเยซูทรงสอนคำเทศนาบนภูเขาต่อไป พระองค์ทรงสอนเหล่าสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับการพิพากษา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:1 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเกี่ยวกับการพิพากษา ชี้ให้เห็นว่า ข้อ 1 มักเป็นที่เข้าใจผิดว่าเราไม่ควรตัดสินเลย เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงงานแปลของโจเซฟ สมิธ มัทธิว 7:1-2, “บัดนี้ นี่คือพระวจนะซึ่งพระเยซูทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์ให้พวกเขาพึงกล่าวแก่ผู้คน อย่าตัดสินอย่างไม่ชอบธรรม, เพื่อเจ้าจะไม่ถูกตัดสิน; แต่จงตัดสินด้วยการตัดสินที่ชอบธรรม”

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนอะไรเกี่ยวกับการตัดสิน

  • ท่านคิดว่าการตัดสินที่ชอบธรรมหมายความว่าอย่างไร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:2 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยหาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราโดยดูจากวิธีที่เราตัดสินคนอื่น ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาพบ

  • จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราตัดสินคนอื่นอย่างชอบธรรม (หลังจากนักเรียนตอบ ช่วยให้พวกเขาระบุหลักธรรมต่อไปนี้ ถ้าเราตัดสินคนอื่นอย่างชอบธรรม พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นความเมตตาและความยุติธรรมเดียวกันนั้นให้เรา)

หากเป็นไปได้ แจกสำเนา ข้อความ จาก แนวแน่ต่อศรัทธา ให้นักเรียนแต่ละคน เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ขอให้ชั้นเรียนครึ่งห้องดูตาม โดยมองหาชนิดของการตัดสินที่เราควรทำและไม่ควรทำ ขอให้ชั้นเรียนอีกครึ่งห้องมองหาว่าเราจะตัดสินอย่างชอบธรรมได้อย่างไร

ภาพ
เอกสารแจก การตัดสิน

คู่มือครูเซมินารี พันธสัญญาใหม่—บทที่ 12

“บางครั้งผู้คนรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่จะตัดสินผู้อื่นไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ว่าท่านไม่ควรลงความเห็นหรือตัดสินผู้อื่นอย่างไม่ชอบธรรม แต่ท่านจะต้องตัดสินแนวความคิด สถานการณ์ และผู้คนตลอดชีวิตของท่าน …

“การตัดสินเป็นการใช้สิทธิ์เสรีครั้งสำคัญและต้องระวังมาก โดยเฉพาะเมื่อท่านตัดสินผู้อื่น การตัดสินทุกครั้งของท่านต้องได้รับการนำทางจากมาตรฐานที่ชอบธรรม พึงระลึกว่า เฉพาะพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรู้จักจิตใจแต่ละคนเท่านั้นที่จะทรงตัดสินขั้นสุดท้ายได้ (ดู วิวรณ์ 20:12; 3 นีไฟ 27:14; คพ. 137:9) …

“… อย่าตัดสินตัวเขาแต่จงตัดสินสถานการณ์ของผู้คนเท่าที่ท่านจะทำได้ หากเป็นไปได้ จงระงับการตัดสินจนกว่าท่านจะรู้ข้อเท็จจริงมากพอ ขอให้ความรู้สึกของท่านไวเสมอต่อพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผู้จะทรงนำทางการตัดสินใจของท่าน” (แน่วแน่ต่อศรัทธา: ศัพทานุกรมพระกิตติคุณ [2004], 23–25)

  • การตัดสินชนิดใดที่เราควรทำ

  • เราจะตัดสินอย่างชอบธรรมได้อย่างไร

นำเอาซีกไม้ชิ้นเล็กๆ กับไม้ชิ้นใหญ่และยาวมาสาธิต อธิบายว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับการตัดสิน พระองค์ตรัสว่าซีกไม้เป็นเหมือน ผง ไม้ชิ้นใหญ่เป็น ไม้ทั้งท่อน เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:3 ขอให้ชั้นเรียนมองหาว่าพระผู้ให้รอดทรงสอนอะไรเกี่ยวกับการตัดสินคนอื่น

  • ผงและไม้ทั้งท่อนจะแทนอะไรในคำเปรียบเทียบของพระผู้ช่วยให้รอด

  • ท่านจะพูดอีกครั้งถึงคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดใน ข้อ 3  ว่าอย่างไร

เชิญนักเรียนสองคนออกมาที่หน้าชั้นเรียน บอกนักเรียนคนหนึ่งให้ถือท่อนไม้ไว้เหนือดวงตาของเขา ถามนักเรียนคนที่สองว่า

  • ท่านจะให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่านที่มีท่อนไม้เขี่ยเศษไม้ออกจากตาท่านหรือไม่ ทำไมถึงไม่

ถามนักเรียนที่มีท่อนไม้ว่า

  • ท่านจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อให้เห็นได้ชัดพอที่จะเอาเศษไม้ออกจากตาของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่าน

เชิญนักเรียนที่มีท่อนไม้อ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้โดยประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ภาพ
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“เรื่องท่อนไม้และผงนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดถึงความสามารถในการมองเห็นตัวเราเองอย่างไม่ชัดเจน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเหตุใดเราจึงสามารถวินิจฉัยและแนะนำวิธีรักษาความเจ็บป่วยของคนอื่นได้ดีมาก ขณะที่เรามักจะเห็นความเจ็บป่วยของตนเองได้ยาก” (“องค์พระผู้เป็นเจ้า คือข้าพระองค์หรือ?” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 56)

เชิญนักเรียนทั้งสองคนให้นั่งลง ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:4-5 และให้ชั้นเรียนมองหาว่าพระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่าเราควรกังวลเกี่ยวกับความผิดของใคร

  • ความกังวลและการแก้ไขของเราควรมุ่งไปที่ความผิดของคนอื่นหรือความผิดของเราเอง เพราะเหตุใด

  • เราจะเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากข้อเหล่านี้ที่จะช่วยเราหลีกเลี่ยงการตัดสินคนอื่นอย่างไม่ชอบธรรม (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้ หากเรามุ่งสนใจขจัดบาปและความอ่อนแอของเราเอง เราจะมีแนวโน้มในการตัดสินคนอื่นอย่างไม่ชอบธรรมน้อยลง)

  • หลักธรรมนี้จะช่วยเราได้อย่างไรเมื่อเราเห็นข้อบกพร่องของคนอื่น

ท่านสามารถแจกเศษไม้กับนักเรียนคนละชิ้นเพื่อเตือนเขาเกี่ยวกับหลักธรรมนี้ ให้นักเรียนไตร่ตรองถึงบาปและความอ่อนแอที่พวกเขาสามารถขจัดออกจากชีวิตของเขาเองได้ กระตุ้นให้พวกเขาทูลขอพระเจ้าให้ช่วยพวกเขาขจัดข้อบกพร่องของตนเองแทนที่จะตัดสินคนอื่นอย่างไม่ชอบธรรม

มัทธิว 7:6–14

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนให้เราแสวงหาการเปิดเผยส่วนตัว

สรุป มัทธิว 7:6 โดยอธิบายว่างานแปลของโจเซฟ สมิธในข้อนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเรียกสานุศิษย์ของพระองค์ให้ออกไปสั่งสอนในโลก พวกเขาจะสอนการกลับใจแต่เก็บความลี้ลับของอาณาจักรไว้กับตนเอง พูดอีกอย่างคือ พวกเขาจะไม่สนทนาเรื่องศักดิ์สิทธิ์กับคนที่ไม่พร้อมรับ (ดู งานแปลของโจเซฟ สมิธ, มัทธิว 7:9-11 [ในคู่มือพระคัมภีร์])

อธิบายว่าตามที่กล่าวไว้ในงานแปลของโจเซฟ สมิธ, มัทธิว 7:7 เริ่มที่วลี “กล่าวกับพวกเขา, ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า” เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ข้อ 7 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงบอกสานุศิษย์ของพระองค์ให้สอนอะไร

  • พระองค์ทรงบอกสานุศิษย์ให้พูดกับคนที่ต้องการได้รับความรู้จากพระผู้เป็นเจ้าว่าอะไร

  • เราเรียนรู้หลักธรรมอะไรจาก ข้อ 7 เกี่ยวกับวิธีที่เราจะสามารถเข้าใจความรู้อันศักดิ์สิทธิ์จากพระผู้เป็นเจ้า (หลังจากที่นักเรียนตอบ ช่วยให้พวกเขาระบุหลักธรรมต่อไปนี้ เมื่อเราขอ หา และเคาะในการค้นหาความจริง พระบิดาบนสวรรค์จะทรงตอบและประทานพรเราด้วยการเปิดเผยส่วนตัว)

  • คำว่า ขอ หา และ เคาะ ระบุว่าเราต้องทำอะไรเพื่อได้รับการเปิดเผยส่วนตัว

เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันช่วงเวลาที่การขอ การหา และการเคาะของพวกเขาเชื้อเชิญการเปิดเผยส่วนตัว

สรุป มัทธิว 7:9–11 โดยอธิบายว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่าบิดาที่รักบุตรจะไม่ให้งูหรือก้อนหินเมื่อบุตรขอขนมปังหรือปลาฉันใด พระบิดาบนสวรรค์จะไม่ปฏิเสธของประทานของการเปิดเผยส่วนตัวแก่บุตรธิดาของพระองค์ที่ทูลขอฉันนั้น

กระตุ้นให้นักเรียนใช้ศรัทธาโดยการขอ หา และเคาะเพื่อเชื้อเชิญการเปิดเผยส่วนตัวและความเข้าใจพระกิตติคุณ เป็นพยานว่าเมื่อพวกเขาทำสิ่งนี้ด้วยศรัทธาและความอดทน พระบิดาบนสวรรค์จะทรงตอบ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:12-14 ขอให้นักเรียนดูตาม โดยมองหาความจริงเพิ่มเติมที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสบอกให้สานุศิษย์ของพระองค์สอน ให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาพบ

มัทธิว 7:15-27

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาความรอดแก่คนที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดา

ขอให้นักเรียนเขียนรายการบนกระดานโดยลำดับแนวคิดซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจากโลกแต่ตรงกันข้ามกับแผนของพระบิดาบนสวรรค์

  • เหตุใดจึงสำคัญที่จะแยกแยะได้ว่าบุคคลหรือกลุ่มคนกำลังสนับสนุนแนวคิดที่ตรงกันข้ามกับแผนของพระบิดาบนสวรรค์หรือไม่

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:15 จากนั้นให้ถามว่า

  • พระเจ้าทรงเตือนสานุศิษย์เรื่องอะไร พระองค์ตรัสว่าผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จเหล่านี้จะปลอมตัวอย่างไร

ภาพ
เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด

อธิบายว่าเอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเตือนเกี่ยวกับผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จในสมัยของเราที่รวมถึง “ทั้งชายและหญิง ผู้ที่แต่งตั้งตนเองเป็นผู้ประกาศหลักคำสอนของศาสนจักร” รวมถึง “คนที่พูดและตีพิมพ์สิ่งตรงข้ามกับศาสดาพยากรณ์ที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าและผู้สั่งสอนคนอื่นอย่างแข็งขันโดยไม่คำนึงถึงความผาสุกนิรันดร์ของคนที่เขาล่อลวงไป” (Beware of False Prophets and False Teachers, Ensign, พ.ย. 1999, 63)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 7:16-20 ขอให้นักเรียนดูตามโดยมองหาวิธีหนึ่งที่เราจะแยกแยะว่าบางคนจะเป็นศาสดาพยากรณ์ปลอมหรือผู้สอนปลอมหรือไม่

  • วิธีหนึ่งที่เราจะแยกแยะว่าบางคนเป็นศาสดาพยากรณ์ปลอมหรือผู้สอนปลอมคืออะไร (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เขียน ความจริง ต่อไปนี้บนกระดาน เราสามารถแยกแยะศาสดาพยากรณ์ปลอมโดยผลของพวกเขา)

นำผลไม้สองอย่างมาให้นักเรียนดู ถามนักเรียนว่าผลไม้แต่ละลูกเป็นผลของต้นไม้ชนิดใด อธิบายว่าเช่นเดียวกับการระบุพืชพรรณไม้จากผลของมัน เราสามารถบอกได้ว่าใครคือศาสดาพยากรณ์ปลอมหรือผู้สอนปลอมโดยคำสอน การกระทำ และแนวคิดของพวกเขา

  • ตามความจริงนี้ เราจะรู้จักบุคคลหรือกลุ่มคนที่เราควรระวังได้อย่างไร

  • รายการแนวคิดบนกระดานเกี่ยวข้องกับความจริงนี้อย่างไร

สรุป มัทธิว 7:21–23 โดยอธิบายว่าไม่ใช่ทุกคนที่ประกาศความเชื่อในพระเยซูคริสต์จะเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์ แต่คนที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์และมารู้จักพระองค์จะเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์

นำก้อนหินและถาดใส่ทรายมาให้นักเรียนดู ถามนักเรียนว่าพวกเขาอยากสร้างบ้านของพวกเขาบนหินหรือบนทราย ให้พวกเขาอธิบายว่าเพราะเหตุใด

ขอให้นักศึกษาหนึ่งคนอ่านออกเสียง มัทธิว 7:24-27

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 24 พฤติกรรมใดที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่าจะทำให้คนเป็นเหมือนคนผู้มีสติปัญญาที่สร้างบ้านของตนไว้บนศิลา

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 26 พฤติกรรมใดที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่าจะทำให้คนเป็นเหมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านของตนไว้บนทราย

  • ท่านคิดว่าฝนตก น้ำไหลเชี่ยว และลมพัดในคำเปรียบเทียบนี้แทนความหมายของสิ่งใด (ดู ข้อ 27; ดู ฮีลามัน 5:12ด้วย)

  • หลักธรรมอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมในคำสอนของพระเจ้าที่เราเรียนรู้ได้จากคำเปรียบเทียบนี้ (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้ ถ้าเราฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า พระองค์จะทรงเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เราอดทนต่อการทดลองของเรา) ถ้าเราฟังคำสอนของพระเจ้าแต่ไม่ได้ทำตาม เราจะไม่ได้รับการสนับสนุนที่เราต้องการเมื่อการทดลองเกิดขึ้นกับเรา

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนในคำเทศนาบนภูเขา (ดู มัทธิว 5–7) เชื้อเชิญพวกเขาให้เป็นเหมือนผู้มีสติปัญญาโดยตัดสินใจทำตามหลักธรรมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอน ท่านอาจต้องการให้เวลานักเรียนเขียนว่าพวกเขาจะประยุกต์ใช้หลักธรรมหนึ่งข้อหรือมากกว่านั้นจากบทเรียนนี้หรือสามบทที่ผ่านมาอย่างไร

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

มัทธิว 7:1-2 การตัดสินที่ชอบธรรม

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนเกี่ยวกับหลักธรรมที่ช่วยเราตัดสินอย่างชอบธรรมแทนที่จะเป็นการตัดสินขั้นสุดท้ายว่า

“มีการตัดสินสองแบบ นั่นคือ การตัดสินขั้นสุดท้าย ซึ่งเราถูกห้ามให้ทำ และการตัดสินระดับกลาง ซึ่งเราได้รับคำแนะนำให้ทำ แต่ตามหลักการอันชอบธรรม … …

“… เหตุใดพระผู้ช่วยให้รอดทรงบัญชาเราไม่ให้ตัดสินการตัดสินขั้นสุดท้าย ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์ประทานพระบัญชาดังกล่าวเพราะเราตัดสินขั้นสุดท้ายโดยพลการเมื่อใดก็ตามที่เราประกาศว่าบุคคลนั้นจะไปนรก (หรือไปสวรรค์) เพราะการกระทำอย่างหนึ่งโดยเฉพาะหรือ ณ เวลาหนึ่งโดยเฉพาะ …

“เราทุกคนล้วนตัดสินในการเลือกเพื่อน ในการเลือกว่าเราจะใช้เวลาและเงินทองของเราอย่างไร และแน่นอน ในการเลือกคู่นิรันดร์ การตัดสินระดับกลางบางครั้งเป็นสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงอ้างถึงเมื่อทรงสอนว่า ‘เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ’ ได้แก่การตัดสิน (มัทธิว 23:23) …

“ในการตัดสินระดับกลางที่เราต้องตัดสิน เราควรระวังที่จะตัดสินอย่างชอบธรรม เราควรแสวงหาการนำทางจากพระวิญญาณในการตัดสินใจของเรา เราควรจำกัดการตัดสินของเราไว้ที่การพิทักษ์ของเราเอง หากเป็นไปได้ จงระงับการตัดสินจนกว่าท่านจะรู้ข้อเท็จจริงมากพอ อย่าตัดสินตัวเขาแต่จงตัดสินสถานการณ์ของผู้คนเท่าที่ท่านจะทำได้ การตัดสินทุกครั้งของเราต้องได้รับการนำทางจากมาตรฐานที่ชอบธรรม และในทั้งหมดนี้เราต้องนึกถึงพระบัญชาให้เราให้อภัย” (“‘Judge Not’ and Judging, Ensign, ส.ค. 1999, 7, 9, 13)

มัทธิว 7:15-20 “จงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ”

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวดังนี้

“เมื่อเรานึกถึงศาสดาพยากรณ์ปลอมและผู้สอนปลอม เรามักนึกถึงคนที่ใช้หลักคำสอนปลอมหรือทึกทักว่ามีอำนาจที่จะสอนพระกิตติคุณที่แท้จริงของพระคริสต์ตามการตีความของพวกเขาเอง เรามักจะนึกว่าคนเช่นนั้นเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรงที่สังคมไม่ยอมรับ อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าขอกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า มีศาสดาพยากรณ์ปลอมและผู้สอนปลอมผู้มีหรืออย่างน้อยก็อ้างว่ามีสมาชิกภาพในศาสนจักร มีคนเหล่านั้นที่ไม่มีสิทธิอำนาจ อ้างการรับรองของศาสนจักรในสินค้าหรือการปฏิบัติของพวกเขา จงระวังคนเช่นนั้น …

“… จงระวังคนที่พูดและตีพิมพ์สิ่งตรงข้ามกับศาสดาพยากรณ์ที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าและผู้ชักจูงคนอื่นอย่างแข็งขันโดยไม่คำนึงถึงความผาสุกนิรันดร์ของคนที่เขาล่อลวงไป” (Beware of False Prophets and False Teachers, Ensign, พ.ย. 1999, 62–63)