เซมินารี
บทที่ 25: หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:23–41


บทที่ 25

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:23–41

คำนำ

เพื่อค้ำประกันค่าพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนกับอี. บี. แกรนดิน มาร์ติน แฮร์ริสจึงเซ็นสัญญาจำนองบ้านไร่ของเขาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1829 การเปิดเผยใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19พระเจ้าทรงแนะนำให้มาร์ตินแบ่งทรัพย์สินของเขาอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่การพิมพ์พระคัมภีร์ (ดู คพ. 19:26) ในที่สุดมาร์ตินขายฟาร์ม 151 เอเคอร์เพื่อชำระค่าพิมพ์ทั้งหมด

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:23–24

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นพยานว่าพระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดา

ก่อนชั้นเรียน ให้เขียนคำถามต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: เมื่อใดที่ท่านต้องทำสิ่งที่ท่านรู้ว่าถูกต้องแต่ไม่แน่ใจหรือกังวลกับผลที่จะเกิดขึ้น

เริ่มชั้นเรียนโดยเชื้อเชิญให้นักเรียนตอบคำถามนี้ (เตือนนักเรียนว่าประสบการณ์บางอย่างศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นส่วนตัวเกินกว่าจะแบ่งปัน)

หลังจากนักเรียนมีเวลาแบ่งปันพอสมควรแล้ว ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • ถ้าท่านต้องเผชิญกับการทำสิ่งถูกต้อง แต่ไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นอย่างไร อะไรจะช่วยให้ท่านมีศรัทธาจะทำให้สำเร็จทั้งที่ทำได้ยาก

  • ปฏิกิริยาของท่านจะเปลี่ยนตามคนที่ขอให้ท่านทำสิ่งยากๆ หรือไม่ เหตุใดจึงเปลี่ยนหรือเหตุใดจึงไม่เปลี่ยน

เพื่อเตือนนักเรียนให้นึกถึงบริบททางประวัติศาสตร์สำหรับ หลักคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 19ให้อ่านออกเสียงคำนำบท จากนั้นให้นักเรียนอ่านบทนำภาคสำหรับ หลักคำสอนและพันธสัญญา 19 และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:26 ในใจโดยดูว่าใครบัญชามาร์ตินให้จำนองฟาร์มของเขา

  • หากท่านเป็นมาร์ติน การรู้ว่าพระบัญชานี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยท่านได้อย่างไร

อธิบายว่าการตัดสินใจแบ่งทรัพย์สมบัติของเขาให้เป็นเงินทุนสำหรับพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนเป็นการตัดสินใจที่ยากสำหรับมาร์ติน แฮร์ริส (ดู Documents, Volume 1: July 1828–June 1831, vol. 1 of the Documents series of The Joseph Smith Papers [2013], 86, 88) พระเจ้าทรงตอบข้อกังวลของมาร์ตินโดยเปิดเผยบางสิ่งที่เขาต้องทำและบางสิ่งที่เขาต้องรู้แบ่งกระดานเป็นสองคอลัมน์ และเขียนกำกับว่า ต้องทำ และ ต้องรู้ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:23–24 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้มาร์ตินทำและรู้ ขณะนักเรียนสนทนาสิ่งที่พบ ให้เขียนคำตอบของพวกเขาไว้ในคอลัมน์ที่เหมาะสมบนกระดาน รายการควรมีลักษณะดังนี้

ต้องทำ

ต้องรู้

เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์

ฟังพระวจนะของพระเยซูคริสต์

เดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมของพระวิญญาณ

การเปิดเผยนี้มาจากพระเยซูคริสต์

พระเยซูคริสต์ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์

ชี้ให้เห็นคำว่า เรียนรู้ ฟัง และ เดิน ในคอลัมน์ “ต้องทำ”

  • เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเรียนรู้จากพระคริสต์ ฟังพระวจนะของพระองค์ และเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมของพระวิญญาณ (ท่านอาจต้องอธิบายว่า ความสุภาพอ่อนน้อม หมายถึงความว่านอนสอนง่าย)

  • ท่านคิดว่าการทำสิ่งเหล่านี้ช่วยมาร์ตินตัดสินใจเรื่องยากในการจำนองที่ดินของเขาเพื่อจ่ายค่าพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนอย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านทวน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:23 ในใจโดยมองหาคำสัญญาที่พระเจ้าทรงให้ไว้กับมาร์ติน แฮร์ริส

  • พระเจ้าทรงสอนความจริงอะไรแก่มาร์ติน แฮร์ริสที่เราสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตเราได้เช่นกัน (ขณะที่นักเรียนระบุหลักธรรมต่อไปนี้ ให้เขียนบนกระดานว่า หากเราเรียนรู้จากพระคริสต์ ฟังพระวจนะของพระองค์ และเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมของพระวิญญาณ เมื่อนั้นเราจะมีสันติสุข)

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองว่าพวกเขาหรือคนรู้จักเคยพบพลังที่จะตัดสินใจเรื่องยากๆ เพราะพระวิญญาณประทานความรู้สึกสันติสุขหรือไม่ เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันประสบการณ์กับชั้นเรียน

  • ความรู้สึกสันติสุขจะช่วยให้ท่านเลือกได้ถูกต้องอย่างไรแม้เมื่อท่านวิตกกังวลกับผลที่จะเกิดขึ้น (ก่อนนักเรียนตอบคำถามข้อนี้ ท่านอาจต้องการอธิบายว่า “ในพระคัมภีร์ สันติสุขหมายความได้ทั้งอิสรภาพจากความขัดแย้งและความวุ่นวายหรือความสงบในใจและการปลอบโยนจากพระวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่วิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์ของพระองค์” (คู่มือพระคัมภีร์, “สงบ (ความ),” scriptures.lds.org)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:25–35

พระเจ้าทรงบัญชาให้มาร์ติน แฮร์ริสขายที่ดินเพื่อพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน

บอกนักเรียนว่าพระเจ้าประทานพระบัญชาและคำแนะนำเพิ่มเติมให้มาร์ติน แฮร์ริส แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ๆ ขอให้แต่ละคู่ค้นคว้า หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:25–35โดยมองหาพระบัญชาและคำแนะนำที่ประทานแก่มาร์ติน (ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้พวกเขามองหาและทำเครื่องหมายวลี “เราบัญชา” และ “เจ้าจง”)

  • พระเจ้าประทานพระบัญชาและคำแนะนำอะไรแก่มาร์ติน แฮร์ริส

ชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงห่วงใยมาร์ติน แฮร์ริสและประทานพระบัญชาจำเพาะสภาวการณ์แต่ละอย่างของเขา เราไม่มีข้อมูลมากพอจะเข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าประทานพระบัญชาเช่นนั้นแก่มาร์ติน แฮร์ริส แต่พระเจ้าทรงทำให้เห็นชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามาร์ตินไม่เอาใจใส่พระบัญชาเหล่านั้น

  • ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:33พระเจ้าตรัสว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามาร์ติน “ไม่นำพา” พระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า (อธิบายว่าในบริบทนี้ คำว่า ไม่นำพา หมายถึงไม่เอาใจใส่บางสิ่งเพราะเห็นว่าไม่สำคัญหรือมีคุณค่าน้อย)

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองพระบัญญัติบางข้อที่พวกเขาได้รับจากพระเจ้า กระตุ้นให้พวกเขาไตร่ตรองพระบัญญัติและคำแนะนำที่พวกเขาแต่ละคนได้รับผ่านพรฐานะปุโรหิตและผู้นำฐานะปุโรหิตด้วย

  • พระบัญญัติและคำแนะนำที่เราได้รับเป็นหลักฐานยืนยันว่าพระเจ้าทรงรู้จักและทรงรักเราอย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองเวลาที่พวกเขาหรือคนรู้จักประสบความเศร้าหมองเพราะไม่เอาใจใส่พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำแนะนำต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

“[ท่าน] จะพบกับคนที่เลือกรักษาพระบัญญัติบางข้อและละเลยบางข้อที่พวกเขาเลือกฝ่าฝืน ข้าพเจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าการเชื่อฟังตามใจชอบ การเลือกเฟ้นแบบนี้ไม่เกิดผล แต่จะนำไปสู่ความเศร้าหมอง เพื่อเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า เราต้องรักษาพระบัญญัติ ทุกข้อ” (“เผชิญอนาคตด้วยศรัทธา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 43)

  • “การเชื่อฟังตามใจชอบ” ที่เอ็ลเดอร์เนลสันพูดถึงจะเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างไรว่าบุคคลนั้นไม่นำพาพระบัญญัติของพระเจ้า

รับรองกับนักเรียนว่าเฉกเช่นพระเจ้าทรงรู้จักมาร์ติน แฮร์ริส พระองค์ทรงรู้จักเราแต่ละคนเช่นกัน เฉกเช่นพระองค์ประทานพระบัญญัติและคำแนะนำแก่มาร์ตินเพื่อช่วยเขา พระเจ้าประทานพระบัญญัติและคำแนะนำเพื่อช่วยเราเช่นกัน ขอให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขามีแนวโน้มจะไม่นำพา หรือไม่เอาใจใส่พระบัญญัติข้อใดที่พระเจ้าประทานแก่พวกเขาหรือไม่ และมีพระบัญญัติข้อใดที่พวกเขาจะตั้งใจเชื่อฟังมากขึ้นหรือไม่

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:36–41

พระเจ้าทรงแนะนำมาร์ติน แฮร์ริสเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจของเขา

อธิบายว่าเช่นเดียวกับมาร์ติน แฮร์ริส เราทุกคนต้องตัดสินใจว่าเราจะยอมให้ความประสงค์ของเราเป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาหรือไม่แม้สิ่งที่พระองค์ทรงขอจะยากก็ตาม เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านส่วนแรกของเรื่องราวต่อไปนี้ที่ประธานโธมัส เอส. มอนสันเล่า

ภาพ
ประธานโธมัส เอส. มอนสัน

“โฮเซ [การ์เซีย] เกิดมาในครอบครัวยากไร้แต่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูในศรัทธา เขาเตรียมรับหมายเรียกเป็นผู้สอนศาสนา ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นด้วยในวันที่เราได้รับใบสมัครของเขา ในนั้นมีข้อความว่า ‘ครอบครัวบราเดอร์การ์เซียต้องเสียสละมากเมื่อบราเดอร์การ์เซียจะรับใช้ เพราะเขาเป็นรายได้หลักของครอบครัว เขามีสมบัติเพียงชิ้นเดียวคือแสตมป์ที่เขาสะสมไว้ ซึ่งเขาเต็มใจขายหากจำเป็นเพื่อช่วยเป็นทุนให้งานเผยแผ่ของเขา’

“ประธาน [สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู.] คิมบัลล์ตั้งใจฟังขณะอ่านข้อความนี้ให้ท่านฟังและจากนั้นท่านตอบว่า ‘ให้เขาขายแสตมป์ที่สะสมไว้ การเสียสละเช่นนั้นจะเป็นพรต่อเขา’” (“Profiles of Faith,” Ensign, Nov. 1978, 56)

  • การตัดสินใจยากๆ เหมือนการตัดสินใจของโฮเซจะง่ายขึ้นได้อย่างไรถ้าเราเคยประสบสันติสุขอันเนื่องจากการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:36–41 ในใจโดยมองหาหลักธรรมที่อาจจะช่วยจูงใจมาร์ติน แฮร์ริสให้เชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พบ ช่วยนักเรียนระบุหลักธรรมต่อไปนี้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:36: หากเราทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์จะประทานพรที่มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์ของแผ่นดินโลกแก่เรา ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนความจริงนี้ไว้ตรงช่องว่างริมหน้าข้างๆ หลักคำสอนและพันธสัญญา19:38

  • หลักธรรมนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับความจริงอื่นที่ท่านเรียนรู้ในบทนี้

อ่านสรุปของเรื่องที่ประธานมอนสันเล่า และขอให้นักเรียนฟังว่าโฮเซได้รับพรอย่างไรสำหรับการขายแสตมป์ที่สะสมไว้

ภาพ
ประธานโธมัส เอส. มอนสัน

“ต่อจากนั้น ศาสดาพยากรณ์ผู้เปี่ยมด้วยความรักท่านนี้พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ‘แต่ละเดือน ที่สำนักงานใหญ่ของศาสนจักรเราได้รับจดหมายหลายพันฉบับจากทุกภูมิภาคของโลก ให้เราเก็บแสตมป์พวกนี้เตรียมไว้ให้โฮเซตอนเขาจบงานเผยแผ่ เขาจะมีชุดแสตมป์สะสมที่ดีที่สุดในบรรดาหนุ่มๆ ในเม็กซิโกโดยไม่เสียเงินเลย’” (“Profiles of Faith,” 56)

มาร์ติน แฮร์ริสเชื่อฟังพระบัญชาให้แบ่งทรัพย์สมบัติของเขาเป็นค่าพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนโดยการจำนองและสุดท้ายก็ขายฟาร์ม 151 เอเคอร์ เพราะการเลือกของมาร์ติน หลายล้านชีวิตจึงได้รับพรและจะได้รับพรต่อไป

เพื่อสรุปบทนี้ ท่านอาจจะให้นักเรียนไตร่ตรองสิ่งที่พวกเขาทำได้เพื่อยอมให้ความประสงค์ของพวกเขาเป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดามากขึ้น

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19 มาร์ติน แฮร์ริสเป็นคนออกเงินทุนให้แก่การพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนครั้งแรก

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเน้นการอุทิศครั้งสำคัญของมาร์ติน แฮร์ริสเพื่อการฟื้นฟูพระกิตติคุณดังนี้

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์

“โดยที่สนใจมาร์ติน แฮร์ริสเป็นพิเศษ ข้าพเจ้าจึงรู้สึกเศร้าใจกับสภาพที่สมาชิกส่วนใหญ่ของศาสนจักรระลึกถึงเขา เขาสมควรได้รับการระลึกถึงมากกว่าเป็นแค่บุคคลที่นำเอาต้นฉบับดั้งเดิมของพระคัมภีร์มอรมอนไปอย่างไม่ชอบธรรมและทำหาย …

“ความช่วยเหลือครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งที่มาร์ติน แฮร์ริสทำให้ศาสนจักรและสมควรได้รับยกย่องตลอดกาลคือการให้เงินค่าจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน ในเดือนสิงหาคมปี 1829 เขาจำนองบ้านและฟาร์มกับเอ็จเบิร์ต บี. แกรนดินเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตามข้อตกลงของผู้พิมพ์ เจ็ดเดือนต่อมา การพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนชุดแรก 5,000 เล่มเสร็จสมบูรณ์ ต่อมา เมื่อครบสัญญาจำนอง เขาขายบ้านและฟาร์มบางแปลงเป็นเงิน 3,000 ดอลลาร์ มาร์ตินจึงเชื่อฟังการเปิดเผยของพระเจ้าที่ว่า

“‘เจ้าจะไม่โลภทรัพย์สมบัติของตนเอง, แต่แบ่งให้อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในการพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน …

“‘จงชำระหนี้ที่เจ้าทำสัญญากับผู้พิมพ์ จงปลดเปลื้องตนจากพันธะ’ (คพ. 19:26, 35)” (“มาร์ติน แฮร์ริส ผู้เป็นพยาน,” เลียโฮนา, ก.ค. 1999, 51)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19 มาร์ติน แฮร์ริสทำบทบาทของตนในการฟื้นฟูให้เกิดสัมฤทธิผลโดยที่ “ตัวเขาต้องเสียเงินจำนวนมาก”

“นอกจากครอบครัวสมิธแล้ว ไม่มีใครในบรรดาผู้อาศัยรุ่นแรกของพอลไมรา ‘ได้รับการปฏิเสธมาก’ และอดทนต่อ ‘ความเห็นที่ไร้ปรานี [จากเพื่อนบ้านใกล้เคียง] มาก’ เท่ามาร์ติน ขอให้เราจดจำว่าไม่มีผู้เชื่อรุ่นแรกคนใดในการฟื้นฟูบริจาคเงินสนับสนุนการออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนมากไปกว่ามาร์ติน หากเขาไม่เต็มใจทำตามข้อเรียกร้องด้านการเงินของผู้จัดพิมพ์ การพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนคงล่าช้าหรือไม่ก็เลื่อนเวลาออกไปไม่มีกำหนด … การสนับสนุนด้านการเงินของมาร์ติน แฮร์ริสสำคัญมากแต่ถูกลืมบ่อยเหลือเกินในห้วงลึกของประวัติศาสตร์และการดิ้นรนของชายผู้นี้ มาร์ตินได้รับการยกขึ้นมาช่วยศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าค้ำประกันสิ่งพิมพ์อันดับแรกของการฟื้นฟู และเขาทำให้บทบาทสำคัญนั้นเกิดสัมฤทธิผลโดยที่ตัวเขาต้องเสียเงินจำนวนมาก” (Susan Easton Black and Larry C. Porter, “For the Sum of Three Thousand Dollars,” Journal of Book of Mormon Studies, vol. 14, no. 2 [2005], 11)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:33 อย่าไม่นำพาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

ประธานฮาโรลด์ บี. ลีสอนดังนี้

ภาพ
ประธานฮาโรลด์ บี. ลี

“ความปลอดภัยของศาสนจักรอยู่ที่การรักษาพระบัญญัติของสมาชิก … เมื่อพวกเขารักษาพระบัญญัติ พรจะมา” (Stephen W. Gibson, “Presidency Meets the Press,” Church News, July 15, 1972, 3)

เอ็ลเดอร์บรูซ เอ. คาร์ลสันแห่งสาวกเจ็ดสิบอธิบายว่า

ภาพ
เอ็ลเดอร์บรูซ เอ. คาร์ลสัน

“เมื่อเราเลือกไม่เชื่อฟังพระบัญญัติ อาจเป็นเพราะ (1) เราทำให้ตนเองเชื่อมั่นว่าพระบัญญัติประยุกต์ใช้กับเราไม่ได้ (2) เราไม่เชื่อว่าพระบัญญัติสำคัญ หรือ (3) เราแน่ใจว่าพระบัญญัติยากเกินกว่าจะเชื่อฟัง” (“เมื่อพระเจ้าทรงบัญชา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 47)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 19:34 “แบ่งปันส่วนหนึ่งของทรัพย์สมบัติเจ้า”

มาร์ติน แฮร์ริสซื่อสัตย์ต่อคำแนะนำของพระเจ้าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 19 และแบ่งทรัพย์สมบัติของเขาให้อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อเป็นค่าจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน มาร์ติน แฮร์ริสเป็นเจ้าของที่ดินคุณภาพประมาณ 231 เอเคอร์ เขาโอน 80 เอเคอร์ให้ลูซี แฮร์ริสภรรยาของเขาก่อนหน้านี้แล้ว จึงเหลือภายใต้การดูแลของเขา 151 เอเคอร์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1829 มาร์ตินจำนองทั้ง 151 เอเคอร์กับเอ็จเบิร์ต บี. แกรนดินผู้พิมพ์เป็นค่าจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน 3,000 ดอลลาร์ เมื่อเซ็นสัญญาจำนอง อี. บี. แกรนดินถือว่าตนได้รับเงินครบและเริ่มงานพิมพ์ทันที

ตามเงื่อนไขของการจำนอง 18 เดือน มาร์ติน แฮร์ริสไม่ต้องชำระเป็นงวดและมีสิทธิ์อยู่บนที่ดินของตน เขาจะเลือกขายที่ได้ทุกเมื่อและใช้เงินนั้นแบ่งชำระหนี้ให้อี. บี. แกรนดิน 3,000 ดอลลาร์ อี.บี. แกรนดินมีสิทธิ์ขายที่หรือโอนใบจำนองให้คนอื่นได้ทุกเมื่อในระยะเวลาของการจำนอง ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1830 อี.บี. แกรนดินขายใบจำนองให้โธมัส โรเจอร์สผู้ขายต่อให้โธมัส ลาคีย์ เนื่องจากอี.บี.แกรนดินสามารถขายที่จำนองได้ทุกเมื่อ เขาจึงมีเงินลงทุนทันทีที่เซ็นใบจำนอง ดังนั้นการจำนองของมาร์ติน แฮร์ริสจึงชำระค่าพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการจัดพิมพ์ (ดู Documents, Volume 1: July 1828–June 1831, vol. 1 of the Documents series of The Joseph Smith Papers [2012], 86–89.)