เซมินารี
บทที่ 140: หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:1–2, 34–66


บทที่ 140

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:1–2, 34–66

คำนำ

ขณะที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธแก้ไขพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยการดลใจในปี ค.ศ. 1831 ท่านทูลขอความเข้าใจจากพระเจ้าเกี่ยวกับปิตุสมัยโบราณที่มีภรรยามากกว่าหนึ่งคน เวลานั้นท่านศาสดาพยากรณ์เริ่มได้รับการเปิดเผยเพื่อตอบคำถามของท่าน ในปีต่อๆ มา พระเจ้าทรงบัญชาท่านศาสดาพยากรณ์และวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคนอื่นๆ ให้ดำเนินชีวิตตามหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคน ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1843 ขณะที่ศาสนจักรมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนอวู อิลลินอยส์ ท่านศาสดาพยากรณ์บันทึกการเปิดเผยที่ท่านได้รับหลักคำสอนและพันธสัญญา 132 กล่าวถึงคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคน และมีคำแนะนำถึงโจเซฟกับเอ็มมา สมิธด้วย

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:1–2, 34–48

พระเจ้าทรงเปิดเผยหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคน

เริ่มโดยอธิบายว่าขณะที่โจเซฟ สมิธกำลังทำงานแปลพันธสัญญาเดิมด้วยการดลใจในปี 1831 ท่านอ่านพบว่าศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณบางท่านปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน (หรือเรียกว่าพหุสมรส) ภายใต้การปฏิบัตินี้ ชายหนึ่งคนแต่งงานกับภรรยาที่มีชีวิตมากกว่าหนึ่งคน ท่านศาสดาพยากรณ์ศึกษาพระคัมภีร์ ไตร่ตรองสิ่งที่เรียนรู้ และสุดท้ายนำคำถามเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนไปสวดอ้อนวอนทูลถามพระบิดาบนสวรรค์

เขียน ปฐมกาล 16:1–3 ไว้บนกระดาน อธิบายว่าข้อเหล่านี้พูดถึงการกระทำของซารายกับอับราม ต่อมารู้จักกันในชื่อว่าซาราห์กับอับราฮัม เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อเหล่านี้ ขอให้ชั้นเรียนดูตามและนึกถึงคำถามที่พวกเขาอาจจะมีเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ในชีวิตของอับรามกับซาราย

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:1 ในใจโดยมองหาสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธทูลถามขณะที่ท่านศึกษาข้อความในพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ (ท่านอาจต้องการอธิบายว่า อนุภรรยา เป็นคำที่ใช้พูดถึงหญิงในพันธสัญญาเดิมผู้แต่งงานตามกฎหมายกับชายในเวลาและวัฒนธรรมที่พวกเธอยู่แต่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่าภรรยา อนุภรรยาไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนในสมัยการประทานของเรา)

เขียนคำถามต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: เหตุใดพระเจ้าจึงทรงบัญชาให้ชายหญิงที่ชอบธรรมเชื่อฟังหลักธรรมเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

อธิบายว่าในการศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 132นักเรียนจะพบคำตอบของคำถามบนกระดานและคำถามอื่นที่พวกเขาอาจมีเกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคน เชื้อเชิญให้พวกเขาจดหลักคำสอนและหลักธรรมที่ค้นพบระหว่างการศึกษาวันนี้

เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:34–36 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาว่าเหตุใดอับราฮัมกับซาราห์จึงเริ่มปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 34เหตุใดซาราห์จึงให้อับราฮัมมีภรรยาอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้สอนอะไรเราเกี่ยวกับการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระเจ้าทรงเห็นชอบให้แต่งภรรยาหลายคนต่อเมื่อพระองค์ทรงบัญชาเท่านั้น)

  • การเชื่อฟังของซาราห์กับอับราฮัมช่วยให้อะไรเกิดสัมฤทธิผล (สัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม รวมถึงสัญญาที่ว่าอับราฮัมจะมีลูกหลานมากเท่าดวงดาว [ดู ปฐมกาล 15:5])

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักธรรมที่ท่านเขียนไว้บนกระดานมากขึ้น เสนอแนะให้พวกเขาเขียน เจคอบ 2:27, 30 ไว้ในพระคัมภีร์ของพวกเขาใกล้ๆ หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:34 เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าการมีคู่ครองคนเดียว (การแต่งงานระหว่างชายหนึ่งคนกับหญิงหนึ่งคน) เป็นมาตรฐานการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าเว้นแต่พระองค์ทรงบัญชาเป็นอื่น

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:37–38 ขอให้ชั้นดูตามโดยมองหาวลีที่ยกตัวอย่างเมื่อพระเจ้าทรงบัญชาให้ปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:39, 41–43 โดยอธิบายว่าพระเจ้าทรงยืนยันว่าเมื่อผู้คนปฏิบัติหลักธรรมเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนตามพระบัญชาของพระองค์ พวกเขาไม่ได้ทำบาปฐานล่วงประเวณี อย่างไรก็ดีหากใครปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนภายใต้สภาวการณ์ที่พระเจ้าไม่ทรงบัญชา พวกเขาทำผิดฐานล่วงประเวณี (สังเกตว่า ถูกทำลาย ใน ข้อ 41 บ่งบอกว่าคนที่ฝ่าฝืนพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะถูกแยกจากพระผู้เป็นเจ้าและจากผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์ [เปรียบเทียบ กิจการของอัครทูต 3:22–23; 1 นีไฟ 22:20])

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:40 ในใจและมองหาสิ่งที่พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงทำ

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 40 พระเจ้าจะทรงทำอะไร (ฟื้นฟูสิ่งทั้งปวง อธิบายว่า “สิ่งทั้งปวง” หมายถึงกฎและศาสนพิธีทั้งหลายของพระกิตติคุณที่เคยเปิดเผยในสมัยการประทานก่อนๆ เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระบัญชาให้ดำเนินชีวิตตามกฎของการแต่งภรรยาหลายคนในยุคสุดท้ายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูสิ่งทั้งปวง [ดู กิจการของอัครทูต 3:20–21ด้วย])

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:45, 48 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงประสาทให้โจเซฟ สมิธเพื่อทำให้เกิดการฟื้นฟูสิ่งทั้งปวง

  • พระเจ้าจะทรงประสาทอะไรให้โจเซฟ สมิธเพื่อทำให้เกิดการฟื้นฟูสิ่งทั้งปวง (กุญแจทั้งหลายและอำนาจของฐานะปุโรหิต)

  • เราเรียนรู้อะไรจาก ข้อ 45 และ 48 เกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคน (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: การแต่งภรรยาหลายคนจะได้รับอนุญาตผ่านกุญแจฐานะปุโรหิตที่ประทานแก่ประธานศาสนจักรเท่านั้น)

อธิบายว่าต้นสมัยการประทานนี้อันเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูสิ่งทั้งปวง พระเจ้าทรงบัญชาวิสุทธิชนยุคแรกบางคนให้ปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนผ่านกุญแจฐานะปุโรหิตที่ถือโดยศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและประธานศาสนจักรคนต่อๆ มา—บริคัม ยังก์, จอห์น เทย์เลอร์ และวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ ค.ศ. 1890 ด้วยกุญแจฐานะปุโรหิตเดียวกันนั้นประธานวูดรัฟฟ์ได้รับการเปิดเผยให้ยุติการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน (ดู ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:49–66

พระเจ้าทรงแนะนำโจเซฟกับเอ็มมา สมิธเกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคน

อธิบายว่าศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธไม่เต็มใจปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน ท่านกล่าวว่าท่านไม่ได้เริ่มปฏิบัติจนท่านได้รับการเตือนว่าท่านจะถูกทำลายหากท่านไม่เชื่อฟัง (ดู “Plural Marriage,” Historical Record, May 1887, 222) เพราะขาดเอกสารด้านประวัติศาสตร์ เราจึงไม่รู้เกี่ยวกับความพยายามช่วงแรกๆ ของโจเซฟ สมิธเพื่อทำตามพระบัญชานี้ อย่างไรก็ดี ราว ค.ศ. 1841 ท่านศาสดาพยากรณ์เริ่มเชื่อฟังพระบัญชาและสอนเรื่องนี้กับสมาชิกบางคนของศาสนจักร และช่วงสองสามปีต่อจากนั้นท่านแต่งงานกับภรรยาหลายคนตามพระบัญชาของพระเจ้า การเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าให้ปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนเป็นการทดสอบศรัทธาของท่านกับเอ็มมาภรรยาที่ท่านรักอย่างสุดซึ้ง

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:49–50 ขอให้ชั้นเรียนมองหาพรที่พระเจ้าทรงสัญญากับโจเซฟ สมิธ

  • พระเจ้าทรงสัญญาพรอะไรกับโจเซฟ

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 50เหตุใดพระเจ้าทรงสัญญาพรเหล่านี้กับโจเซฟ สมิธ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:52 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาคำแนะนำที่พระเจ้าประทานแก่เอ็มมา สมิธ

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 52เอ็มมาได้รับคำแนะนำให้รับอะไร (“คนทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นที่เรามอบให้ผู้รับใช้ของเราโจเซฟ” หมายถึงคนที่ได้รับการผนึกกับโจเซฟ สมิธ)

อธิบายว่านอกจากบัญชาให้เอ็มมารับคนที่ได้รับการผนึกกับสามีแล้ว พระเจ้าทรงบัญชาให้เธอปฏิบัติตามกฎของพระองค์และให้อภัยโจเซฟสำหรับความผิดของเขา เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:56 ในใจเพื่อเรียนรู้สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญากับเอ็มมา สมิธ

  • พระเจ้าทรงสัญญาอะไรกับเอ็มมาหากเธอจะเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

อธิบายว่าในปี ค.ศ. 1841 โจเซฟ สมิธเริ่มสอนชายหญิงที่ซื่อสัตย์คนอื่นๆ เกี่ยวกับหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคน ตอนแรกพวกเขาไม่เข้าใจและไม่ยอมรับหลักธรรมนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อบริคัม ยังก์ทราบพระบัญชาให้แต่งภรรยาหลายคนครั้งแรก ท่านกล่าวว่าท่านรู้สึกว่าท่านยอมตายดีกว่ามีภรรยาหลายคน (ดู Susa Young Gates and Leah D. Widtsoe, The Life Story of Brigham Young [1930], 321) ถึงแม้สมาชิกที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ลังเลและคับข้องใจกับพระบัญชานี้ตอนแรก แต่พวกเขาได้รับการยืนยันเป็นส่วนตัวผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์และยอมรับหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคน ไวเลท คิมบัลล์ภรรยาคนแรกของเอ็ลเดอร์ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ได้รับและน้อมรับหลักคำสอนเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนและ “ไม่สงสัยหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคนจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผยต่อเธอในคำตอบการสวดอ้อนวอน” (Helen Mar Kimball, in Orson F. Whitney, Life of Heber C. Kimball [1967], 325; ดู pages 326–28 ด้วย)

การปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น เพราะการปฏิบัติดังกล่าวทำกันอย่างเงียบๆ ช่วงแรก หลายคนจึงเริ่มกระจายข่าวออกไปว่าผู้นำศาสนจักรแต่งภรรยาเพิ่ม ข่าวลือเหล่านี้บิดเบือนความจริงอย่างมาก ทำลายชื่อเสียงของท่านศาสดาพยากรณ์และผู้นำศาสนจักรคนอื่นๆ และเป็นเหตุให้มีการข่มเหงวิสุทธิชนมากขึ้น

อ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:63 โดยเริ่มอ่านที่วลี “เพราะมอบพวกนางให้เขาแล้ว” ก่อนอ่าน ให้อธิบายว่าข้อนี้ช่วยให้เราเข้าใจเหตุผลหนึ่งว่าเหตุใดพระเจ้าทรงบัญชาโจเซฟ สมิธและคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาจุดประสงค์ที่เฉพาะนั้น

  • พระเจ้าตรัสถึงพระบัญชาอะไรใน ข้อ 63 (พระบัญชาให้ขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก) ขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลกหมายความว่าอย่างไร (มีบุตร)

หยิบยกวลีต่อไปนี้ใน ข้อ 63: “เพราะในการนี้งานของพระบิดาของเราดำเนินต่อไป”

  • การมีบุตรทำให้บิดามารดาได้เป็นส่วนหนึ่งในงานต่อเนื่องของพระบิดาบนสวรรค์อย่างไร

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนานี้ ท่านอาจต้องการให้อ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น

“เมื่อสามีภรรยามีลูก พวกเขากำลังทำให้แผนการนำเด็กมาโลกนี้ของพระบิดาบนสวรรค์เกิดสัมฤทธิผลส่วนหนึ่ง พระเจ้าตรัสว่า ‘นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา—คือการทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์’ [โมเสส 1:39] ก่อนความเป็นอมตะ จะต้องมีความเป็นมรรตัย” (“บุตรธิดา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 34)

  • ตามสิ่งที่ท่านเรียนรู้จาก ข้อ 63เหตุผลข้อหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้พระเจ้าทรงให้ปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนหลายครั้งคืออะไร (หลังจากนักเรียนตอบ ให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: หลายครั้งพระเจ้าทรงให้แต่งภรรยาหลายคนเพื่อให้ผู้คนของพระองค์ได้มีโอกาสเลี้ยงดูบุตรธิดาที่ชอบธรรมให้พระองค์เพิ่มมากขึ้น ท่านอาจต้องการให้อ่าน เจคอบ 2:30อีกครั้ง)

ให้ดูคำถามที่ท่านเขียนไว้บนกระดานเมื่อต้นบทเรียน: เหตุใดพระเจ้าจึงทรงบัญชาให้ชายและหญิงที่ชอบธรรมเชื่อฟังหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคน ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ท่านอาจต้องการเชื้อเชิญให้นักเรียนสรุปสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จากการศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 132 และ เจคอบ 2:27, 30 ที่ช่วยพวกเขาตอบคำถามนี้

สรุปโดยแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธและที่โจเซฟได้รับและเชื่อฟังการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132 วิธีศึกษาเรื่องการแต่งภรรยาหลายคน

ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือจำนวนมากเกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคนมีอยู่ทางอินเทอร์เน็ตและในสิ่งพิมพ์สารพัด จงระวังและรู้ทันข้อมูลเช่นนั้น นักเขียนบางคนที่เขียนเกี่ยวกับศาสนจักรและประวัติศาสนจักรนำเสนอข้อมูลเข้าข้างตัวเอง หรือไม่ก็เขียนความจริงบางส่วนที่สามารถชักนำให้เข้าใจผิดได้ เจตนาของงานเขียนบางอย่างเหล่านี้คือทำลายศรัทธา

เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่า

ภาพ
เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น

“มีคนต้องการทำลายชื่อเสียงของศาสนจักรและทำลายศรัทธาเสมอ ทุกวันนี้พวกเขาใช้อินเทอร์เน็ต

“ข้อมูลบางอย่างเหล่านั้นเกี่ยวกับศาสนจักร ไม่ว่าจะชวนเชื่อเพียงใดก็ตามแต่ไม่เป็นความจริง” (“การทดลองศรัทธาของท่าน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 41)

ในการศึกษาเรื่องการแต่งภรรยาหลายคน สำคัญที่ต้องจดจำรูปแบบที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธทำตามในการเรียนพระกิตติคุณของท่าน ท่านศึกษา ไตร่ตรอง และสวดอ้อนวอนขอให้ได้ความรู้

งานวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคนหาได้ที่ josephsmithpapers.org และ byustudies.byu.edu

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:1 “หลักธรรมและหลักคำสอน” เรื่องการแต่งภรรยาหลายคน

เรื่องราวต่อไปนี้ช่วยอธิบายความรู้สึกของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและสมาชิกศาสนจักรคนอื่นๆ เมื่อรู้เรื่องการแต่งภรรยาหลายคนครั้งแรก

เอไลซา อาร์. สโนว์ผู้ได้รับการผนึกกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟบันทึกรายละเอียดเมื่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟสอนหลักธรรมเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนให้บราเดอร์ลอเรนโซ สโนว์น้องชายของเธอ เธอสังเกตเห็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดกับโจเซฟ สมิธเพราะหลักธรรมนี้และท่านทำได้เพียงเดินหน้าสถาปนาหลักธรรมเพราะการเปิดเผยจากเบื้องบน

ภาพ
เอไลซา อาร์. สโนว์

“ศาสดาพยากรณ์โจเซฟเปิดใจ [พูดกับลอเรนโซ สโนว์] และเล่าการทดสอบแสนสาหัสทางใจที่ท่านประสบขณะเอาชนะความรู้สึกฝืนใจอันเป็นผลตามธรรมชาติของอิทธิพลด้านการศึกษาและจารีตประเพณีที่ปลูกฝังกันมาว่าไม่ควรแต่งภรรยาหลายคน ท่านรู้จักสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้า—ท่านรู้ว่าพระบัญชาของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือให้ท่านลงมือปฏิบัติ—เป็นแบบอย่าง และยอมรับการแต่งภรรยาหลายคนแบบซีเลสเชียล ท่านรู้ว่าท่านไม่เพียงต้องต่อสู้และเอาชนะอคติและความเข้าใจเดิมๆ ของตัวท่านเองเท่านั้นแต่ของคนในโลกคริสต์ศาสนาทั้งหมดที่จ้องหน้าท่านด้วย แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวงได้ประทานพระบัญชานั้น และท่านต้องเชื่อฟังพระองค์ ทว่าท่านศาสดาพยากรณ์ก็ยังลังเลและถ่วงเวลาหลายต่อหลายครั้ง จนเทพของพระผู้เป็นเจ้ามายืนข้างท่านพร้อมดาบที่ชักออกจากฝักและบอกท่านว่า หากท่านไม่ลงมือปฏิบัติและยอมรับการแต่งภรรยาหลายคน จะเอาฐานะปุโรหิตของท่านไปจากท่านและท่านจะถูกทำลาย! ท่านไม่เพียงแสดงประจักษ์พยานนี้ต่อน้องชายดิฉันเท่านั้น แต่ต่อคนอื่นๆ ด้วย—ประจักษ์พยานที่ไม่สามารถปฏิเสธ [คัดค้าน] ได้” (Biography and Family Record of Lorenzo Snow [1884], 69–70)

ประธานบริคัม ยังก์อธิบายว่า

ภาพ
ประธานบริคัม ยังก์

“หากมีใครถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าเลือกอะไรเมื่อโจเซฟเปิดเผยหลักคำสอนนั้น หากการเลือกนั้นจะไม่ทำให้รัศมีภาพของข้าพเจ้าลดลง ข้าพเจ้าจะตอบว่า ‘ผมขอมีภรรยาแค่คนเดียว’ …

“… ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะหลีกเลี่ยงหน้าที่หรือไม่ทำตามที่ข้าพเจ้าได้รับบัญชาแม้แต่น้อย แต่นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าพเจ้าอยากตาย และนานมากกว่าจะเอาชนะความรู้สึกนี้ได้ เมื่อข้าพเจ้าเห็นพิธีศพข้าพเจ้ารู้สึกอิจฉาศพและเสียดายที่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในโลง …

“… แต่วิสุทธิชนผู้ดำเนินชีวิตตามศาสนาของพวกเขาจะถูกยกให้สูงส่ง เพราะพวกเขาจะไม่ปฏิเสธการเปิดเผยใดๆ ที่พระเจ้าประทานหรือจะประทานแม้เมื่อมีหลักคำสอนมาถึงพวกเขาซึ่งพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ พวกเขาอาจจะกำลังพูดว่า ‘พระเจ้าทรงส่งมาให้ผม และผมสวดอ้อนวอนขอให้พระองค์ทรงช่วยให้ผมรอดและป้องกันไม่ให้ผมปฏิเสธสิ่งใดก็ตามซึ่งมาจากพระองค์ และประทานความอดทนให้ผมรอจนกว่าจะเข้าใจได้ด้วยตนเอง’” (in “Provo Conference,” Deseret News, Nov. 14, 1855, 282)

ไวเลท คิมบัลล์ภรรยาคนแรกของประธานฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ได้รับประจักษ์พยานเรื่องการแต่งภรรยาหลายคน เฮเลนบุตรสาวของเธอเล่าว่า

“‘คุณแม่บอกดิฉันบ่อยๆ ว่าท่านไม่สงสัยคำสั่งเรื่องการแต่งภรรยาหลายคนจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผยต่อท่านในคำตอบการสวดอ้อนวอน

“‘ในนอวู หลังคุณพ่อกลับจากอังกฤษไม่นาน มีการสอนหลักคำสอนเรื่องภรรยาหลายคนในหมู่พี่น้องชายคนอื่นๆ …

“‘คุณพ่อของดิฉันเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ความรักและความเคารพที่ท่านมีต่อท่านศาสดาพยากรณ์มากจนท่านยอมพลีชีพมากกว่าจะทรยศท่านศาสดาพยากรณ์ นี่เป็นการทดสอบศรัทธาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่ท่านเคยประสบ …

“‘[ไวเลท คิมบัลล์] คุณแม่ของดิฉันสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของคุณพ่อเปลี่ยนไปและเมื่อถามสาเหตุ ท่านพยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ ในที่สุดท่านก็สัญญาว่าอีกสักพักท่านจะบอกเธอ ถ้าเธอจะรอ ความกังวลใจครั้งนี้กวนใจท่านมากจนท่านมีสีหน้าเคร่งเครียดและวิตกทุกวันทุกชั่วโมง และในที่สุดท่านทุกข์ใจมากจนไม่อาจควบคุมความรู้สึกไว้ได้ ท่านป่วยทางกาย แต่ความบีบคั้นทางใจของท่านใหญ่หลวงเกินกว่าจะหลับได้ ท่านจะเดินไปมาจนเกือบเช้า และบางครั้งท่านทรมานใจมากถึงกับบีบมือและร่ำไห้เหมือนเด็ก ท่านวิงวอนขอพระเจ้าทรงเมตตาและเปิดเผยหลักธรรมนี้ต่อเธอ …

“‘ความปวดร้าวใจของพวกท่านสุดจะพรรณนาและเมื่อเธอพบว่าขอร้องท่านไปก็เปล่าประโยชน์ เธอจึงปลีกตัวเข้าไปในห้องและก้มศีรษะสวดอ้อนวอนระบายความในใจต่อพระเจ้าผู้ตรัสไว้ว่า “ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ” …

“‘พระเจ้าทรงแสดงให้เธอเห็นระเบียบของการแต่งงานนิรันดร์ ในความสวยงามและรัศมีภาพทั้งหมดของระเบียบนั้น พร้อมด้วยความสูงส่งและเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่จะมอบให้เธอในโลกอมตะและโลกซีเลสเชียล หากเธอจะยอมรับและทำหน้าที่ของเธอเคียงข้างสามี เธอเห็นหญิงที่เขารับมาเป็นภรรยาด้วย และใคร่ครวญด้วยปีติถึงความรักและเอกภาพอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตซึ่งระเบียบนี้จะทำให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มพูนอาณาจักรของสามีเธอ ตลอดจนพลังและรัศมีภาพที่ขยายชั่วนิรันดรไม่มีวันสิ้นสุด

“‘คุณแม่มีสีหน้าปีติเพราะท่านเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า ท่านกลับไปหาคุณพ่อ พูดว่า “ฮีเบอร์ พระเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นสิ่งที่คุณไม่ยอมบอกฉัน” คุณแม่บอกดิฉันว่าท่านไม่เคยเห็นคุณพ่อมีความสุขมากเท่าตอนที่ท่านเล่าเรื่องนิมิตและบอกคุณพ่อว่าท่านพอใจและรู้ว่าสิ่งนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า

“‘ท่านทำพันธสัญญาว่าจะยืนเคียงข้างคุณพ่อและให้เกียรติหลักธรรม ซึ่งท่านรักษาพันธสัญญานั้นอย่างซื่อสัตย์ และแม้การทดลองของท่านมักจะหนักหนาสาหัสเกินว่าจะแบกรับไหว แต่ท่านรู้ว่าคุณพ่อได้รับการทดลองเช่นกัน และท่านซื่อสัตย์สุจริตจนถึงวาระสุดท้าย ท่านให้คุณพ่อมีภรรยาหลายคน และพวกเธอจะพบว่าคุณแม่ของดิฉันเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์อยู่เสมอ’” (ใน Orson F. Whitney, Life of Heber C. Kimball [1967], 325–28)

ประธานจอห์น เทย์เลอร์พูดถึงเวลาที่ได้รู้จักหลักธรรมของการแต่งภรรยาหลายคนดังนี้

ภาพ
ประธานจอห์น เทย์เลอร์

“ข้าพเจ้ายึดถือแนวคิดเรื่องคุณธรรมอย่างเคร่งครัดมาตลอด และในฐานะชายที่แต่งงานแล้วข้าพเจ้ารู้สึกว่านอกเหนือไปจากหลักธรรมนี้ นี่เป็นเรื่องน่ากลัวที่จะทำ … เป็นเรื่องที่ปลุกเร้าความรู้สึกจากส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณมนุษย์ ข้าพเจ้ายึดถือกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเคร่งครัดที่สุดเสมอ … เพราะฉะนั้น ด้วยความรู้สึกที่ข้าพเจ้ายึดถือ จึงไม่มีสิ่งใดนอกจากความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า การเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้า และความจริงของการเปิดเผยที่สามารถชักนำให้ข้าพเจ้าน้อมรับหลักธรรมเช่นนี้” (ใน B. H. Roberts, The Life of John Taylor, Third President of the Church of Jesus Christ of Latter-day Saints [1963], 100)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:18–20 ธรรมชาตินิรันดร์ของการแต่งงาน

เอ็ลเดอร์ ดัลลินเอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองผู้แต่งงานอีกครั้งหลังจากภรรยาคนแรกสิ้นชีวิตอธิบายในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาตินิรันดร์ของการแต่งงานที่เรารู้บางอย่างและไม่รู้อีกหลายอย่างว่า

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์

“มีคนมากมายที่อยู่บนโลกนี้แต่งงานมากกว่าหนึ่งครั้ง บางครั้งการแต่งงานเหล่านั้นสิ้นสุดด้วยความตาย บางครั้งสิ้นสุดด้วยการหย่าร้าง ชีวิตหน้ามีความหมายอะไรต่อพวกเขาในเรื่องของพันธสัญญาที่พวกเขาเคยทำและรายละเอียดอื่นๆ ผมคิดว่าคนเหล่านั้นมีคำตอบไม่มากนักสำหรับคำถามนี้ พวกเขาอาจไม่คิดมากเรื่องนั้นเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าคนเราจะมีชีวิตฉันคู่แต่งงานในชีวิตหน้า ถ้าพวกเขาไม่ดำเนินชีวิตและทำพันธสัญญาว่าจะทำเช่นนั้น [เพื่อตัวของพวกเขาเอง] พวกเขาคิดถูก! แต่สำหรับคนที่ดำเนินชีวิตในความเชื่อเหมือนผมว่าสัมพันธภาพการแต่งงานจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ คุณต้องพูดว่า ‘ชีวิตจะ เป็น อย่างไรในชีวิตหน้าเมื่อคุณแต่งงานเพื่อนิรันดรกับภรรยามากกว่าหนึ่งคน’ ผมต้องบอกว่าผมไม่ทราบ แต่ผมทราบว่าผมได้ทำพันธสัญญาเหล่านั้น และผมเชื่อว่าถ้าผมซื่อตรงต่อพันธสัญญา พรที่คาดว่าจะได้ที่นี่จะเป็นจริงในชีวิตหน้า” (ใน “Elder Oaks Interview Transcript from PBS Documentary,” July 20, 2007, mormonnewsroom.org)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:38–39 ดาวิดและอุรีอาห์

พระเจ้าทรงประกาศว่าดาวิดทำบาปที่รับบัทเชบาภรรยาของอุรีอาห์มาเป็นภรรยา ต่อมาดาวิดเตรียมการให้อุรีอาห์ถึงแก่ความตายเพื่อปกปิดบาปของตน ด้วยเหตุนี้ดาวิดจึงตกจากความสูงส่งของเขา การรวมตัวอย่างของดาวิดไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:38–39 เน้นย้ำกฎเคร่งครัดเกี่ยวกับการปฏิบัติการแต่งภรรยาหลายคน แม้ในเวลาที่พระเจ้าทรงให้ปฏิบัตินี้และทรงบัญชาให้ผู้คนดำเนินชีวิตตามนั้น ก็ยังต้องทำตามพระบัญญัติของพระองค์และคำแนะนำที่ประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ผู้ถือกุญแจฐานะปุโรหิตที่จำเป็น

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:51–56 เอ็มมา สมิธได้รับบัญชาไม่ให้รับส่วนอะไร

“ในนี้หรือที่อื่นไม่ได้บอกชัดว่าพระเจ้าทรงบัญชาให้ศาสดาพยากรณ์โจเซฟมอบอะไรให้ภรรยา แต่บริบทดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่านั่นเป็นการทดสอบศรัทธาครั้งพิเศษคล้ายกับการทดสอบศรัทธาของอับราฮัมเมื่อพระเจ้าทรงบัญชาให้เขาถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา นอกเหนือจากนั้นคาดเดาไปก็เปล่าประโยชน์” (คำสอนและพันธสัญญา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2001], 436)