คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 22: ส่วนสิบและการอุทิศ


บทที่ 22

ส่วนสิบและการอุทิศ

นอกเหนือจากการท้าทายทั้งหมดที่ประธานบริคัม ยัง ประสบมา สำหรับท่านแล้ว “ไม่มี สิ่งใด” เหมือนการเสียสละ (DNW, 24 Aug. 1854, 1) เพราะทุกสิ่งเป็นของพระผู้ เป็นเจ้า สิ่งที่เราถวายเป็นเพียงพรและเตรียมเราไว้สำหรับความสูงส่ง ท่านมองสิ่งที่เรา เรียกว่าการเสียสละคือโอกาสที่จะแลก “สภาพที่แย่กว่าเป็นสภาพที่ดีกว่า” (DNW, 24 Aug. 1854, 1) ประธานยังคิดว่าเราสามารถมีส่วนร่วมในงานของพระเจ้าโดยการเชื่อฟัง กฎส่วนสิบและกฎแห่งการอุทิศ—การยอมรับว่าทุกสิ่งที่เราครอบครองเป็นของพระบิดา บนสวรรค์ของเรา และเป็นการคืนส่วนที่เราครอบครองแด่พระองค์

คำสอนของบริคํม ยัง

การจ่ายส่วนสิบทำให้เรามีส่วนร่วมในงานของพระเจ้า โดยการคืนส่วนซึ่งเป็นของพระองค์

ข้าพเจ้าไม่เคยคิดแม้สักนิดหนึ่งว่า จะมีใครในศาสนาจักรนี้ ที่ไม่รู้ถึงหน้าที่ของการจ่าย ส่วนสิบ และไม่จำเป็นต้องมีการเปิดเผยถึงเรื่องนี้ทุกปี ว่ามีกฎ—จ่ายหนึ่งส่วนสิบ (DBY, 174)

มีการสอบถามกันมากมายจนเป็นที่น่ารำคาญ: กฎมีไว้เพื่อให้มนุษย์จ่ายหนึ่งส่วนสิบ… เพื่อการจัดสร้างพระนิเวศน์ของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อเผยแผ่พระกิตติคุณ และเพื่อสนับสนุน ฐานะปุโรหิต เมื่อมีคนเข้ามาสู่ศาสนาจักร เขาต้องรู้ว่าเขาต้องคำนวณเสื้อผ้า หนี้สิน ที่ดิน ฯลฯ มันเป็นกฎที่จะให้…หนึ่งส่วนสิบของผลประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามาของเขา [ดู ค.พ. 119:4] (HC, 7:301) กฎส่วนสิบเป็นกฎนิรันดร พระเจ้าพระผู้ทรงฤทธานุภาพไม่ทรงมีอาณาจักร ของพระองค์บนแผ่นดินโลกโดยปราศจากกฎส่วนสิบท่ามกลางผู้คนของพระองค์มันเป็นกฎ นิรันดร์ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาขึ้นเพื่อประโยชน์ของครอบครัวมนุษย์ เพื่อความรอด และความสูงส่งของพวกเขา กฎนี้อยู่ในฐานะปุโรหิต เราไม่บังคับให้ใครปฏิบัติตามกฎนี้เว้น แต่เขาจะเต็มใจทำ (DBY, 177)

ผู้คนไม่ไค์ถูกบังคับให้จ่ายส่วนสิบ เขาทำเพราะพอใจที่จะทำ เขาไค์รับการกระตุ้นเตือน ว่าเป็นเรื่องของหน้าที่ระหว่างเขากับพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 177)

เราไม่ได้ขอให้ใครจ่ายส่วนสิบ เว้นแต่เขาประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น แต่หากท่านเข้าใจว่า ตนต้องจ่ายส่วนสิบ จงจ่ายมันด้วยความชื่อสัตย์ (DBY, 177)

ทุกคนควรจ่ายส่วนที่สิบของเขา สตรียากจนคนหนึ่งควรจ่ายลูกไก่ตัวที่สิบของเธอ แม้ว่า เธอจะได้รับคืนสิบเท่าจากสวัสดิการวอร์ด หรือทุนอดอาหาร เพื่อจะมีสิ่งที่เธอจำเป็นต้องใช้ ในการดำรงชีวิต (DBY, 178)

เป็นความจริงอย่างมากที่คนยากจนจ่ายส่วนสิบของพวกเขาง่ายกว่าคนรารวย หากคน รารวยจ่ายส่วนสิบ เราก็จะมีอย่างมากมาย คนยากจนมักจะชื่อสัตย์และจ่ายส่วนสิบของ พวกเขาโดยทันที แต่คนรารวยมักไม่อยากจ่ายส่วนสิบของพวกเขา—พวกเขามีมากเกินไป หากเขามีเพียงสิบบาทเขาจ่ายหนึ่งบาทได้ หากเขามีเพียงหนึ่งบาทเขาจ่ายสิบสตางค์ได้ เพราะมันไม่ทำให้เขากระทบกระเทือน หากเขามีหนึ่งร้อยบาทเป็นไปได้ที่เขาจะจ่ายสิบบาท หากเขามีหนึ่งพันบาทเขาจะสำรวจก่อนและพูดว่า “ฉันจะจ่ายมัน เพราะยังไงก็ต้องจ่าย” และเขาก็จะจัดการจ่ายสิบบาท หรือหลายร้อยบาท แต่สมมุติว่าชายคนหนึ่งรารวยพอที่จะ จ่ายหนึ่งหมื่น เขาจะสำรวจมันหลายครั้งและพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันจะคอยจนกว่าจะได้มาก กว่านี้อีกหน่อย แล้วฉันถึงจะจ่ายมาก” และพวกเขารอแล้วรออีก เหมือนกับสุภาพบุรุษชรา ในภาคตะวันออก เขารอแล้วรออีก รอแล้วรออีกเพื่อจ่ายส่วนสิบของเขา จนกระทั่งเขาตาย และนึ่คือสิ่งที่คนจำนวนมากทำ พวกเขารอและยังคงรอต่อไปที่จะจ่ายส่วนสิบจนกระทั่ง ใน ที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความตาย มันมาถึงพวกเขาอย่างกระทันหัน และน่าลมหายใจของ พวกเขาไป พวกเขาลิ้นชีวิตไปแล้วและไม่ลามารถจ่ายส่วนสิบได้มันลายเกินไป และนี่แหละ คือสิ่งที่เกิดขึ้น (DBY, 175)

ข้าพเจ้าจะไม่ลุกขึ้นยืนและพูดว่าข้าพเจ้าถวายให้พระเจ้าได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดจะถวาย ดูราวกับข้าพเจ้าจะมีบางสิ่ง ทำไมหรือ? ก็เพราะพระเจ้าทรงเห็น เหมาะลมที่จะน่าข้าพเจ้าออกมา และประทานพรแก่ความพยายามของข้าพเจ้าในการรวบ รวมสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นที่น่าปรารถนาไว้ และสิ่งซึ่งเรียกกันว่าเป็นทรัพย์สิน (DBY, 176)

เมื่ออธิการมาประเมินทรัพย์สินของข้าพเจ้า ท่านต้องการรู้ว่าอะไรที่ท่านจะน่าไปเป็น ส่วนสิบ ข้าพเจ้าบอกท่านว่าเอาอะไรไปก็ได้ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะเอาม้า วัวหมูหรืออะไรไปก็ได้ ใจของข้าพเจ้าหมกมุ่นอยู่กับงานของพระผู้เป็นเจ้าของ ข้าพเจ้า อยู่กับความดีโดยรวมในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ (DBY, 176)

หากเราดำเนินชีวิตตามศาลนาของเรา เราจะจ่ายส่วนสิบด้วยความเต็มใจ (DBY, 176)

เราไม่ใช่เจ้าของตัวเราเอง เราถูกชื้อด้วยราคาสูง เราเป็นของพระเจ้า เวลาของเรา พรสวรรค์ของเรา ทองและเงินของเรา ข้าวสาลีและแป้งอย่างดีของเรา นํ้าองุ่นและนํ้ามันของ เรา ฝูงสัตว์ของเรา และทุกสิ่งที่มีบนแผ่นดินโลกที่เราครอบครองเป็นของพระเจ้า และพระองค์ต้องประสงค์เพียงหนึ่งในสิบของสิ่งนี้เพื่อเสริมสร้างอาณาจักรของพระองค์ ไม่ว่าเราจะ มีมากหรือน้อยเราควรจ่ายหนึ่งในสิบส่วนที่เรามี (DBY, 176)

หากคนๆ หนึ่งปรารถนาจะให้สิ่งใด ขอให้เขาให้สิ่งดีที่สุดที่เขาได้รับ พระเจ้าประทานทุก สิ่งที่ข้าพเจ้าครอบครอง ในความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้าไม่มีอะไรเลย ไม่มีสักสตางค์เดียวที่ เป็นของข้าพเจ้า ท่านอาจถามว่า “คุณรู้สึกเหมือนกับที่พูดหรือเปล่า?” แน่นอน ข้าพเจ้า รู้สึกอย่างนั้น เสื้อคลุมที่ข้าพเจ้าสวมไม่ใช่ของข้าพเจ้า และไม่มีวันใช่ พระเจ้าทรงมอบมัน ไว้ให้อยู่ในการครอบครองของข้าพเจ้าอย่างสมคักคิ์ศรีและข้าพเจ้าสวมมัน แต่หากพระองค์ ต้องประสงค์มัน และทุกสิ่งแม้ตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าก็ยินดีถวายทั้งหมด ข้าพเจ้าไม่ไค์ เป็นเจ้าของบ้าน หรือเรือกสวนไร่นา ม้า ส่อ รถม้า หรือเกวียน…แต่อะไรที่พระเจ้าประทาน ให้ข้าพเจ้า และหากพระองค์ทรงต้องการสิ่งเหล่านั้น พระองค์จะทรงนำมันไปได้ทุกเมื่อ ตามพระประสงค์ของพระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะทรงบอกล่วงหน้า หรือทรงนำไปโดยไม่บอก กล่าวเลยก็ตาม (DBY, 175)

ทุกสิ่งเป็นของพระเจ้าและเราเป็นเพียงผู้พิทักษ์ของพระองค์ (DBY, 178)

ข้าพเจ้าไม่ไค์คาดหวังจะเห็นวันที่ข้าพเจ้าเป็นอิสระจริงๆ จนกว่าข้าพเจ้าจะถูกสวมมงกุฎ ในอาณาจักรชั้นสูงของพระบิดาของข้าพเจ้า และเป็นอิสระตังพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้า ยังไม่ไค์รับมรดกที่เป็นของข้าพเจ้าเอง และข้าพเจ้าหวังจะพึ่งพาจนกว่าจะไค์รับเพราะทุก สิ่งที่ข้าพเจ้ามี พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าขอยืม (DBY, 177)

ความรับผิดชอบของเราคือจ่ายส่วนสิบและสนับสนุนผู้ที่รับผิดชอบเงินส่วนสิบ

นี่คือบุคคล (บริคัม ยัง)—มนุษย์—ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง ทรงจัดระเบียบ ทรงวางรูป แบบและทำชั้น—ทุกส่วนและทุกอณูของระบบในร่างกายข้าพเจ้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถูกสร้างโดยพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงเรียกร้องหนึ่งในสิบส่วนของสมอง หัวใจ เส้น ประสาท กล้ามเนื้อ เอ็น เนื้อหนัง กระดูก และระบบร่างกายของข้าพเจ้า เพื่อการสร้าง พระวิหาร เพื่อการปฏิบัติคาสนกิจ เพื่อการสนับสนุนผู้สอนศาสนา และครอบครัวของผู้สอน ศาสนา เพื่อเลี้ยงดูคนยากจน คนสูงอายุ คนไม่สมประกอบ คนตาบอด และเพื่อรวมพวก เขาจากประชาชาติต่างๆ กลับมาบ้าน และดูแลหลังจากที่พวกเขาไค์รับการนำมารวมไว้ พระองค์ตรัสว่า “บุตรของเรา จงถวายหนึ่งส่วนสิบของเจ้าให้แก่งานดีทั้งหมดในการดูแล เพื่อนมนุษย์ของเจ้า ในการเผยแผ่พระกิตติคุณ ในการนำผู้คนมาสู่อาณาจักรวางแผนดูแล ผู้ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองไค์ แนะนำงานแก่ผู้ที่สามารถทำงานไค์ และหนึ่งส่วนสิบเพียงพอ แล้วหากอุทิศอย่างถูกต้อง อย่างรอบคอบและระมัดระวังเพื่อความก้าวหน้าของอาณาจักร ของเราบนแผ่นดินโลก” (DBY, 176)

หากพระเจ้าเรียกร้องหนึ่งส่วนสิบตามความสามารถที่เราจะให้ได้เพื่อสร้างพระวิหาร อาคารประชุม โรงเรียน เพื่อให้เด็กๆ ของเราได้รับการศึกษา เพื่อรวมคนยากจนจากประ ชาชาติต่างๆ ของแผ่นดินโลก เพื่อนำคนสูงอายุ คนง่อย คนขาเสียและคนตาบอดกลับบ้าน และเพื่อสร้างบ้านให้พวกเขาอยู่อาศัย ซึ่งจะทำให้พวกเขาสะดวกสบายเมื่อมาถึงไชอัน และ เพื่อสนับสนุนฐานะปุโรหิต มันไม่ใช่สิทธิของข้าพเจ้าที่จะถามผู้มีอำนาจของพระผู้ทรงฤทธา นุภาพในเรื่องส่วนสิบ หรือในเรื่องผู้รับใช้ของพระองค์ที่ดูแลรับผิดชอบส่วนสิบ หากข้าพเจ้า ถูกเรียกร้องให้จ่ายส่วนสิบ นั่นคือ หน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะจ่ายส่วนนี้ (DBY, 174)

ข้าพเจ้าชอบคำว่า [ส่วนสิบ] เพราะเป็นคำจากพระคัมภีร์ และข้าพเจ้าใช้คำนี้มากกว่าคำ อื่นๆ พระเจ้าทรงสถาปนาส่วนสิบขึ้น ซึ่งปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยของอับราอัม อีนิคและ อาดัม และลูกหลานของเขาไม่เคยลืมส่วนสิบและการบริจาค ท่านจะอ่านเกี่ยวกับสิ่งที่พระ เจ้าทรงเรียกร้องได้ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าต้องการพูดเรื่องนี้เป็นพิเศษกับผู้ที่ยอมรับว่าเป็นสิทธิ ชนยุคสุดท้าย—หากเราไม่จ่ายส่วนสิบและเงินบริจาค เราจะได้รับการตีลอนจากพระเจ้า เราวางใจได้เลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าเราไม่จ่ายส่วนสิบและการบริจาคเรามัก จะไม่ทำสิ่งอื่นๆ และมันจะรุนแรงขึ้นทุกที จนกระทั่งวิญญาณของพระกิตติคุณออกไปจาก เราจนหมดสิ้น และเราจะอยู่ในความมืด และไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปที่ไหน (DBY, 174)

พระเจ้าทรงเรียกร้องหนึ่งส่วนสิบของสิ่งซึ่งพระองค์ประทานแก่เรา ข้าพเจ้าจ่ายหนึ่งส่วน สิบของสิ่งที่เพิ่มขึ้นจากฝูงสัตว์เลี้ยงของข้าพเจ้า และจากทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามีทุกคนควรทำ อย่างเดียวกันอาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า “จะเอาส่วนสิบไปทำอะไร?” ส่วนสิบมีไว้เพื่อการสร้าง พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อการขยายพรมแดนของไชอัน เพื่อส่งเอ็ลเดอร์เป็นผู้สอน ศาลนา เพื่อเผยแผ่พระกิตติคุณและดูแลครอบครัวของพวกเขา ไม่นานหลังจากนั้น เราจะ มีพระวิหารที่เราจะเข้าไป และเราจะได้รับพร พรจากสวรรค์ โดยการเชื่อฟังคำลอนเรื่อง ส่วนสิบ เราจะมีพระวิหารที่สร้างขึ้นทั่วเทือกเขาเหล่านี้ ในหุบเขาของอาณาเขตนี้ และใน หุบเขาของอาณาเขตกัดไป และในตลอดทั่วหุบเขาทั่งหมดนี้ในที่ลุดเราหวังว่าจะสร้างพระ วิหารในหุบเขาต่างๆ มากมาย เราไปบ้านเอนดาวเม้นท์ และก่อนที่เราจะไป เราต้องได้รับ การรับรองจากอธิการของเราว่าเราจ่ายส่วนสิบ (DBY, 178)

เป็นธุระของข้าพเจ้าที่จะควบคุมการจัดสรรปันส่วนเงินส่วนสิบที่สิทธิชนจ่าย และไม่ใช่ ธุระของเอ็ลเดอร์คนหนึ่งคนใดในอาณาจักรที่จะคิดว่าส่วนสิบเป็นของเขา (DBY, 178)

หากท่านยอมให้มารบอกท่านว่าข้าพเจ้าไม่ได้นำท่านไปในทางที่ถูกต้อง และยอมให้ ความคิดนั่นอยู่ในใจท่าน ข้าพเจ้าสัญญาว่ามันจะนำท่านไปสู่การละทิ้งความเชื่อ ท่านยอม ให้ตัวเองลงลัยสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผย และไม่นานท่านก็จะเริ่มละเลยการลวดอ้อน วอนไม่ยอมจ่ายส่วนสิบ และจับผิดเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของศาลนาจักร ท่านจะกล่าวเหมือน กับพวกละทิ้งความเชื่อทั้งหมดกล่าวว่า “การใช้ส่วนสิบไม่ถูกต้อง” (DNSW, 29 Aug. 1876, 1).

การอุทิศคือความเต็มใจที่จะให้ทุกสิ่งและยอมรับว่า ทุกสิ่งที่เรามีเป็นของพระบิดาบนสวรรค์

ข้าพเจ้าเคยมองเห็นชุมชนสิทธิชนยุคสุดท้ายในภาพที่มาปรากฏ และเห็นพากเขารามกัน เป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งของสวรรค์แต่ละคนทำหน้าที่หลายอย่างด้ายความอุตสาหะ พากเพียรในงานของตน โดยทำงานเพื่อประโยชน์ของล่านรามมากกว่าเพื่อยกฐานะของตน เองและในภาพนั้นข้าพเจ้าไค์เห็นระเบียบแบบแผนที่ลายงามที่สุดเท่าที่มันลมองของมนุษย์ จะลามารถคิดขี้นมาไค์ อีกทิ้งยังเห็นผลอันยิ่งใหญ่ที่สุดของการลร้างอาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้าและการแผ่ขยายความชอบธรรมบนผืนแผ่นดินโลก คนกลุ่มนั้จะบรรลุถึงระเบียบ ของสิ่งต่างๆ ดังกล่าวได้หรือไม่? เวลานี้พากเราพร้อมหรือยังที่จะดำเนินชีวิตตามระเบียบ ปิตุนั้นซึ่งจะจัดวางไว้ในบรรดาคนที่ชื่อสัตย์และจริงก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรับมาเป็น ของพระองค์เอง? เราทุกคนยอมรับว่าเมื่อความเป็นมตะนี้ลิ้นสุดพร้อมกับความไม่สบายใจ ความวิตกกังวล เห็นแก่ตัว เห็นแก่ความมั่งคั่ง เห็นแก่อำนาจ และผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกัน ทิ้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับร่างกายนี้ซึ่งเวลานั้นวิญญาณของเรากลับไปเฝัาพระผู้เป็นเจ้า ผู้ประทานวิญญาณนั้น เราจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดทุกอย่างที่พระองค์ทรงเรียกร้องให้เราทำ และเราจะอยู่ด้ายกันเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวเดียว ความลนใจของเราจะเป็นไปในทาง เดียวกันเป็นล่านใหญ่ ทำไมเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกเช่นนั้นไม่ไค์เล่า? (DBY, 181)

เวลาจะมาถึงหรือไม่ที่เราจะเริ่มวางระเบียบคนกลุ่มนี้ให้เป็นครอบครัวได้? มันจะมาถึง แต่เราจะรู้ไค์อย่างไร? รู้ไค์…ท่านคิดว่าเราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่? เมื่อเรากลับ บ้านไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาของเรา เราไม่อยากจะอยู่เป็นครอบครัวหรือ? มันไม่ใช่ ความปรารถนาและความใฝ่ฝันสูงสุดของเราหรอกหรือที่จะไค์เป็นบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงพระชนม์ และเป็นธิดาของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ มีสิทธิ์ในครอบครัว และศรัทธาที่ เป็นของครอบครัว เป็นผู้รับมรดกของพระบิดา รับทรัพย์สิน ความมั่งคั่ง อำนาจ คุณงามความดี ความรู้และปัญญาของพระองค์? (DBY, 179)

เมื่อคนกลุ่มนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นั้นก็หมายถึงการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระ เจ้า พากเขาจะไม่เหมือนกัน เราทุกคนจะไม่มีตาลีเทา ลีฟ้า หรือลีดำทิ้งหมด หน้าตาของ เราจะแตกต่างกันไป การกระทำของเรา อุปนิสัย และความพยายามที่จะสั่งลม แจกจ่าย และจัดการกับเวลา พรสวรรค์ ความมั่งคั่งของเรา และสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าประทานแก่เรา ในการเดินทางตลอดชีวิตของเรา เราจะแตกต่างกันมาก เช่นเดียวกับที่เรามีหน้าตาแตกต่าง กัน จุดสำคัญที่พระเจ้าต้องประสงค์จะนำเราไป คือให้เชื่อฟังพระดำรัสแนะนำของพระองค์ และทำตามพระคำของพระองค์ จากนั้นทุกคนก็จะอยู่ในระเบียบ จนเราสามารถทำหน้าที่ เป็นครอบครัวได้ (DBY, 180)

เราต้องการเห็นว่าในชุมชนที่จัดตั้งขึ้นนั้น ทุกคนเป็นผู้ที่มีความอุตสาหะ ชื่อสัตย์และ มัธยัสถ์ (DBY, 180)

อย่าอยากไค์สิ่งที่ท่านไม่อาจไขว่คว้า ดำเนินชีวิตตามสิ่งที่ท่านมี (DBY, 180)

เมื่อพระเจ้าประทานการเปิดเผยที่แนะนำถึงหน้าที่เกี่ยวกับการอุทิศสิ่งที่เรามี หากผู้คน เข้าใจตามที่มันเป็นอยู่อย่างถูกต้องแล้ว และเชื่อฟังการเปิดเผยนั้น นั้นคือการยอมรับกับ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาว่าโดยแท้แล้วสิ่งนั้นไม่ใช่ของเขา และเป็นดังนั้นตราบจนบัดนี้ (DBY, 178)

พระเจ้าประกาศว่าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่ผู้คนจะเข้าในพันธสัญญา เหมือนดัง อีนิคและผู้คนของเขาทำ ซึ่งจำเป็นต้องทำก่อนที่เราจะไค์รับสิทธิพิเศษแห่งการสร้างศูนย์ สเตคของไชอัน เพราะอำนาจและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ที่นั้นและไม่มีใคร นอก จากคนที่มีใจบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้รับและสามารถอยู่ที่นั้นไค์ (DBY, 178)

มีการเปิดเผยอีกประการหนึ่ง (อาจเป็นคำลอนและพันธสัญญาภาค 42]—กล่าวว่านี่คือ หน้าที่ของทุกคนที่ไปยังไชอันที่จะอุทิศทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้กับศาลนาจักรของพระ เยชูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย การเปิดเผยนี้…เป็นพระบัญญัติหรือการเปิดเผยข้อแรกที่ ประทานแก่คนพวกนี้หลังจากพวกเขาไค์รับสิทธิพิเศษในการจัดระเบียบตนเองเป็นศาลนา จักร เป็นองค์กร เป็นอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าเห็นแล้ว และ เวลานี้ข้าพเจ้าคิดว่า มันจะเป็นหนึ่งในการเปิดเผยครั้งสุดท้ายที่ผู้คนจะไค์รับเข้ามาลู่จิตใจ และความเข้าใจของเขา เป็นความสมัครใจและการเลือกของเขาเอง ถือเป็นความชื่นชม ยินดี สิทธิพิเศษ และพรต่อเขาที่จะปฏิบัติตามและรักษาให้ดักคิ์สิทธิ์ที่ลุด (DBY, 179)

มีทรัพย์สินเงินทองในแผ่นดิน และบนแผ่นดินมากมายเหลือคณานับ และพระเจ้าประ ทานอย่างหนึ่งให้คนหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งให้กับอีกคนหนึ่ง—คนชั่วก็ไค์รับเช่นเดียวกับคน ชอบธรรม —เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำอะไรกับมัน แต่ทุกสิ่งเป็นของพระองค์ พระองค์ประทาน ส่วนที่ดีแก่คนพวกนี้—แต่มันไม่ใช่ของเรา และทั้งหมดที่เราต้องทำ คือ พยายามและดันหา ให้ไค์ว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เราทำอะไรกับสิ่งที่เรามีอยู่ในครอบครองของเราและแล้วจง ไปและทำสิ่งนั้น หากเราทำมากหรือน้อยไปกว่านี้เราก็กำลังก้าวเข้าลู่รูปแบบทางธุรกิจที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมาย ธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมายคือการทำสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำกับ สิ่งนั้น ซึ่งพระองค์ประทานแก่เรา และจัดการให้เป็นไปตามที่พระองค์ทรงบอก ไม่ว่าจะ ต้องให้ทั้งหมด ให้เพียงหนึ่งส่วนสิบ หรือเกินไปกว่านั้น (DNW, 23 Apr. 1873, 4)

เราต้องมีชีวิตอยู่นานเท่าใดเล่าก่อนที่เราจะพบว่าเราไม่มีสิ่งใดต้องอุทิศแด่พระเจ้า—พบ ว่าทุกสิ่งเป็นของพระบิดาบนสวรรค์ ภูเขา หุบเขา ต้นไม้ นํ้า ผืนดินเหล่านี้ โดยสรุปแผ่น ดินโลกและความสมบูรณ์ของมัน เป็นของพระองค์ ? [ดู ค.พ. 104: 14–18, 55] (DNW, 20 June 1855, 5)

แล้วการเสียสละที่คนพวกนี้เคยทำไว้อยู่ที่ไหนเล่า? ไม่มีเรื่องเช่นนั้น พวกเขาเพียงแต่ แลกเปลี่ยนสภาพที่แย่กว่ากับสภาพที่ดีกว่า ทุกครั้งที่พวกเขาถูกโยกย้าย พวกเขาแลกความ ไม่รู้กับความรู้ และไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการตรงกันข้ามของมัน (DNW, 24 Aug. 1854, 1)

สมมุติเราถูกเรียกให้ละทิ้งสิ่งที่เรามีอยู่ในเวลานี้ เราจะเรียกมันว่าการเสียสละหรือ? น่า ขายหน้าสำหรับคนที่เรียกมันเช่นนั้น การกระทำดังกล่าว คือวิธีการที่แท้จริงของการเพิ่มเดิม ความรู้ ความเข้าใจ อำนาจ และรัศมีภาพแก่เขา การเตรียมพร้อมเพื่อรับมงกุฎ อาณาจักร บัลลังก์ และเขตปกครอง ไค์รับการสวมมงกุฎในรัศมีภาพกับบรรดาพระผู้เป็นเจ้าแห่งนิรันดร หากขาดสิ่งนี้เราจะไม่มีวันไค์รับสิ่งซึ่งเรากำลังเฝ้ารอคอย (DNW, 3 Aug. 1854, 2)

ข้าพเจ้าจะบอกท่านถึงสิ่งที่จะทำเพื่อให้ไค์รับความสูงล่ง ซึ่งท่านจะไม่ได้มา เว้นแต่ท่าน จะทำตามวิธีนี้ หากท่านมอบความรักให้กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนกลายเป็นอุปสรรคแม้เพียงเล็ก น้อยไม่ให้อุทิศสิ่งนั้นแต่พระเจ้าแล้ว จงอุทิศสิ่งนั้นก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะทำให้การอุทิศ ทุกสิ่งที่เป็นของท่านเป็นไปไค์อย่างลมบูรณ์ (DNW, 5 Jan. 1854, 2)

อะไรหรือที่ขัดขวางคนพวกนี้ไมให้เป็นศาลนาจักรที่ศักคิ์สิทํธิ์เช่นเดียวกับยุคของอีนิค? ข้าพเจ้าจะบอกท่านได้ด้วยเหตุผลสั้นๆ นั้นเป็นเพราะท่านไม่ปลูกฝังอุปนิสัยให้เป็นอย่าง นั้น: นี่คือเหตุผลทิ้งหมด หากหัวใจของข้าพเจ้ายังไม่ยอมรับอย่างเต็มที่กับงานนี้ ข้าพเจ้า จะให้เวลา พรสวรรค์ การทำงาน และการครอบครองของข้าพเจ้า จนกว่าหัวใจของข้าพเจ้า เห็นชอบที่จะทำอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะทำงานด้วยมือของข้าพเจ้าในอุดมการณ์ของพระผู้เป็น เจ้า จนกว่าหัวใจของข้าพเจ้าจะยอมรับงานนี้ (DNW, 5 Jan. 1854, 2)

ข้าพเจ้าบอกท่านไปแล้วถึงวิธีที่จะทำตามเพื่อให้ได้รับความสูงล่ง พระเจ้าต้องมาก่อน และเป็นคนแรกในความรู้สึกของเรา เราต้องพิจารณาการเสรีมลร้างอุดมการณ์และอาณาจักรของพระองค์ก่อนสิ่งอื่น (DNW, 5 Jan. 1854, 2)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

การจ่ายส่วนสิบทำให้เรามีส่วนร่วมในงานของพระเจ้า โดยการคืนส่วนขื่งเป็นของพระองค์

  • แยกแยะแต่ละประโยคที่ประธานยังพูดถึงเกี่ยวกับ “หนึ่งส่วนสิบ” จากนั้นให้เขียนทุก สิ่งที่ท่านกล่าวไวในภาระผูกพันที่เราต้องจ่ายสวนสิบ สิ่งใดบ้างประกอบกันเป็นส่วนสิบ และใครควรจ่ายมัน? (ดู ค.พ. 119:3–4)

  • ทำไมประธานยังพูดว่าท่านไม่มีสิ่งใดจะถวาย? (คู โมไชยา 2:19–24; ค.พ. 104:14–18, 55) อะไรคือแหล่งที่มาของทุกสิ่งที่เราไต้รับ รวมทั้งสิ่งที่เราจ่ายส่วนสิบ? แล้วอะไรควร เป็นทัศนคติของเราเกี่ยวกับอีกเก้าส่วนของสิ่งที่พระเจ้าครอบครองซึ่งพระองค์ทรงมอบ ให้เราดูแล? (ดู เจคอบ 2:17–19) ทัศนคตินี้ช่วยให้เราเข้าใจ มาลาคื 3:8–12อย่างไร?

  • อ่าน 2 พงศาวดาร 31:5–6 อย่างละเอียด เมื่อใดที่คนเหล่านี้จ่ายส่วนสิบ? ทัศนคติของ เราเกี่ยวกับการจ่ายส่วนสิบควรเป็นอย่างไร?

ความรับผิดชอบของเราคือจ่ายส่วนสิบและสนับสนุนผู้ที่รับผิดชอบเงินส่วนสิบ

  • ประธานยังหมายความว่าอะไรเมื่อท่านพูดว่าพระเจ้า “ทรงเรียกร้องหนึ่งในสิบส่วน ของ…ร่างกายทั้งหมดของเรา”? ท่านสามารถ “อุทิศหนึ่งส่วนสิบของตัวท่านเอง” เพื่อ สร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าไศัในทางใด? ท่านได้รับพรอย่างไรเมื่อท่านมอบเวลา และพรสวรรค์ของท่านเพื่อการสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้านอกเหนือจากการจ่าย ส่วนสิบ?

  • ตามที่ประธานยังอ้างถึงอะไรคือผลที่ตามมาของความล้มเหลวในการจ่ายส่วนสิบ? การ ล้มเหลวในการจ่ายส่วนสิบมีผลกระทบต่อทั้งศาลนาจักรของพระเจ้าและต่อสมาชิกแต่ละ คนอย่างไร?

  • ประธานยังกล่าวว่ามีการนำส่วนสิบไปใช้ในทางใดบ้าง? ใครรับผิดชอบการแจกจ่ายทุน ส่วนสิบ? (ดู ค.พ. 120 ด้วย) อะไรคือทัศนคติของประธานยังเกี่ยวกับการตั้งข้อลงลัยผู้ ที่รับผิดชอบในการจัดสรรทุนส่วนสิบ?

การอุทิศคือความเต็มใจที่จะให้ทุกสิ่งและยอมรับว่า ทุกสิ่งที่เรามีเป็นของพระบิดาบนสวรรค์

  • หมายความว่าอะไรที่ว่า “ชุมชนของสิทธิชนยุคสุดท้าย” กลายเป็น “ครอบครัวใหญ่ ครอบครัวหนึ่งของสวรรค์” และเป็น “ผู้รับมรดกของพระบิดา”?

  • ทำไมกฎแห่งการอุทิศจึงเป็น “หนึ่งในการเปิดเผยครั้งสุดท้ายที่ผู้คนได้รับเข้ามาสูจิตใจ และความเข้าใจของเขา เป็นความสมัครใจและการเลือกของเขาเอง และถือเป็นความ ชื่นชมยินดีเป็นสิทธิพิเศษ และพรที่เขาควรปฎิบิตตามและรักษาให้ศักคิ์สิทธิ์ที่สุด”?

  • ทำไมพระเจ้าประทานทรัพย์สินให้อยู่ในการครอบครองของเรา? อะไรคือความรับผิด ชอบของเราในฐานะผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของพระผู้เป็นเจ้า? (ดู ค.พ. 3:2; เจคอบ 4:14 ด้วย) ตามที่ประธานยังกล่าว อะไรคือ “ธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเรา” ที่เกี่ยวข้อง กับส่วนสิบและการอุทิศ?การพยายามทำมากเกินไปเป็นความผิดมากเท่ากับการพยายาม น้อยเกินไปอย่างไร?

  • เราต้องอุทิศสิ่งใดหากเราคาดหวังที่จะได้รับทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมี? (ดู ค.พ. 84:38 ด้วย) ท่านลามารถอุทิศทุกสิ่งที่ท่านมีและเป็นแด่พระบิดาบนสวรรค์ได้ในวิธีใดโดย เฉพาะ? สิ่งนี้จะเป็นพรต่อท่าน ครอบครัวของท่าน สมาชิกของศาลนาจักร และคนอื่นๆ ที่ท่านคบหาอย่างไร?

ภาพ
Salt Lake City tithing store

การเก็บสะสมส่วนสิบไว้ไนซอลท์ เลค ซิตี้ ประมาณปี 1860 ประธานยังสอนว่า กฎสวนสิบ “เป็นกฎนิรันดร์ที่ พระผู้เป็นเจ้าสถาปนาขึ้นเพื่อประโยชน์ของครอบครัวมนุษย์ เพื่อความรอดและความสูงส่งของพวกเขา” (DBY, 177)