คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที 33: งานเผยแผ่ศาสนา


บทที 33

งานเผยแผ่ศาสนา

ปีคนส่วนน้อยที่ยอมถวายตัวให้กับอุดมการณ์ของงานเผยแผ่ศาสนาเหมือนประธานบริคัม ยัง ถ้อยคำที่บรรยายการมาถึงของท่านที่เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ—หลังจากรับใช้งานเผยแผ่ เป็นเวลาเกือบปี—เป็นเรื่องราวสะเทือนใจของการเสียสละที่ท่านทำเพื่องานนี้: “เมื่อเรา มาถึงเคิร์ทแลนด์ [ในเดือนกันยายน ปี 1833] คนที่รวมอยู่กับสิทธิชนไมปีคนใดที่ยากจน ไปกว่าช้าพเจ้า—นั่นเป็นเพราะท่านไม่ปีอะไรเลย—ช้าพเจ้าปีลูกสองคนที่ต้องดูแล—นั่น ดือทั้งหมดที่ข้าพเจ้าปี ช้าพเจ้าเป็นม่าย ‘บราเดอร์บริตัม คุณปีรองเท้าไหม?’ ไม่ปี ไมปี รองเท้าใส่นอกจากรองเท้ามู๊ทที่ยืมมา ช้าพเจ้าไม่ปีเสื้อกันหนาว นอกจากเสื้อคลุมจาก บ้านที่ข้าพเจ้าใส่มาสามหรือสี่ปีแล้ว ‘ปีกางเกงขายาวรึเปส่าล่ะ?’ ไมปี ‘แล้วคุณทำยังไง? คุณออกไปโดยไม่ปีอะไรเลยหรือ?’ ไมปี ช้าพเจ้ายืมมาใส่ตัวหนึ่งจนกว่าจะได้อีกตัวหนึ่ง มา ข้าพเจ้าเดินทางและสั่งสอน แจกเงินทุกบาททุกสตางด์ที่มีอยู่จนหมด ข้าพเจ้าปีสมบัติเพียงเล็กน้อยเมื่อเริ่มออกไปสั่งสอน…ข้าพเจ้าเดินทางและสั่งสอนจนกระทั่งไม่ปีอะไร เหลือพอเป็นค่าเดินทางไปรวมกับสิทธิชน แต่โจเชพีพูดว่า ‘มาซิ’ และข้าพเจ้าก็ไปยัง เคิร์ทแลนด์ในสภาพที่ข้าพเจ้าเป็นได้อย่างดีที่สุด’’ (DNSW, 9 Mar. 1867, 2]

คำสอนของบริคัม ยัง

ผู้คนทั้งปวงจะได้รับการสั่งสอนพระกิตติคุณ

พ ระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้ามาสู่งานนี้ และข้าพเจ้ารู้สึกว่าถึงอย่างไรข้าพเจ้าก็จะทำ เราจะ ส่งพระกิตติคุณไปยังบรรดาประชาชาติ และเมื่อประชาชาติหนึ่งไม่ยอมรับเรา เราจะไปยัง อีกประชาชาติหนึ่งและรวบรวมใจที่ชื่อตรงโดยไม่สนใจพวกที่เหลือ จนกว่าเราจะมายังภูเขา ไชอันในฐานะผู้ช่วยให้รอดลำหรับพวกเขา เพื่อเข้าร่วมพิธีการแห่งพระนิเวศน์ของพระผู้เป็น เจ้า [ดู โอบาดีย์ 1:21] (DBY, 319)

ชาวโลกจะได้รับการสั่งสอนพระกิตติคุณ คนชั่วร้ายจะถูกทิ้งโดยไม่มีข้อแก้ตัว (DBY, 319)

ทุกคนจำเป็นต้องมีสิทธิพิเศษของการรับหรือปฏิเสธความจริงนิรันดร์ เพื่อเขาจะพร้อมที่ จะได้รับการช่วยให้รอด หรือพร้อมจะรับความอัปยศ (DBY, 319)

พระบิดาบนสวรรค์ของเรา พระเยซู พี่ชายคนโตของเราและพระผู้ช่วยให้รอดของโลก และชาวสวรรค์ทั้งสิ้นกำลังเรียกคนพวกนี้ให้เตรียมช่วยบรรดาประชาชาติของโลกและอีก หลายล้านคนที่ตายโดยไม่มีพระกิตติคุณให้รอด (DBY, 319)

พระเจ้าทรงฟื้นฟูฐานะปุโรหิตในสมัยของเราเพื่อความรอดของอิสราเอล พระองค์ทรง ประสงค์จะช่วยให้ใครรอดอีกหรือ? มี พระองค์จะทรงช่วยเชอสายของเอชาวให้รอด และ ข้าพเจ้าหวังว่าจะมีชีวิตอยู่จนเห็นภูเขาไชอันสถาปนาขึ้นและผู้ช่วยให้รอดทั้งหลายขึ้นมาช่วย คนยากจนและทุกขเวทนาเหล่านั้น ผู้ซึ่งกำลังข่มเหงเราอย่างไม่หยุดหย่อนให้รอด—ทุกคน ที่ไมได้ทำบาปต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ งานของเราคือช่วยตัวเองให้รอด ช่วยเชื้อสายอิสราเอลให้รอด ช่วยเชื้อสายของเอชาวให้รอด และบรรดาประเทศของคนต่างชาติ—ทุกคนที่ สามารถได้รับการช่วยให้รอดได้ (DBY, 319)

ข้าพเจ้าจะมีความสุขมากหากข้าพเจ้ารู้ว่า—ผู้คนบนทุกเกาะและทุกทวีป ทั้งผู้สูงศักดิ์และตาต้อย คนโง่และคนฉลาด ได้รับพระคำแห่งชีวิตนิรันดรแล้ว และได้รับมอบอำนาจของ ฐานะปุโรหิตนิรันดร์ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 320)

วันจะมาถึงเมื่อพระกิตติคุณจะถูกเสนอแด่กษัตริย์และราชินีตลอดจนบุคคลสำคัญของ แผ่นดินโลก แต่มันจะได้รับการเสนอด้วยอิทธิพลที่แตกต่างไปจากการเสนอให้กับคนยากจน แต่เป็นพระกิตติคุณเดียวกัน เราจะไม่เสนอพระกิตติคุณอื่นใดอีก นี่คือพระกิตติคุณเดียวกัน จากความเป็นนิจถึงความเป็นนิจ (DBY, 320)

เหล่าเอ็ลเดอร์จะสั่งสอนประชาชาติต่างๆ ในยุโรปด้วย ตามที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ทำ ด้งนั้น ในบางประเทศมีกฎหมายห้ามพวกเขา แต่พระเจ้าจะยังทรงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่บรรดาประชาชาติเหล่านั้นจนกว่าบรรดาประชาชาติจะยอมให้ศาสนาจักรและผู้ สอนศาลนาเข้าไป และทุกคนจะได้รับการลอนพระกิตติคุณ (DBY, 320)

เรารวบรวมคนที่ยากจนที่สุด คนที่ไม่ได้รับการศึกษา และคนส่วนน้อยที่ได้รับการศึกษา แต่โดยปกติ เราจะรวบรวมคนยากจน คนที่ประสงค์จะได้รับการไก่ คนที่รู้สึกว่าการกดขี่ของ คนมีอำนาจหรือสถานภาพสูงกว่าและคนหยิ่งจองหองทำให้พวกเขาต้องอดทน พวกเขารู้สึก อยากจะได้รับการปลดปล่อย และด้งนั้นหูของเขาจึงเปิดเพี่อรับความจริง หากท่านพิจารณา ถึงคนเหล่านั้นที่กำลังได้รับความโชคดีทุกประการในชีวิตนี้ คนพวกนี้ไม่ยอมรับพระกิตติคุณ เขาปฏิเสธที่จะฟังพระกิตติคุณ (DBY, 321)

เมื่อท่านถูกเรียกให้สั่งสอนพระกิตติคุณในคณะเผยแผ่ต่างประเทศ จงทำตามนั้นเพี่อ ช่วยให้ทุกคนรอด ไม่มีชายหรือหญิงคนใดที่อยู่ภายในพระคุณแห่งการช่วยให้รอดของพระผู้ เป็นเจ้าแต่ไม่มีค่าควรที่จะรับการช่วยให้รอด ไม่มีคนฉลาดคนใด ไม่มีค่าควรจะได้รับการ ช่วยให้รอด เว้นแต่เขาจะทำบาปต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าพูดได้ว่า ด้วยความพยายามทั้งหมดของเอ็ลเดอร์ ทุกคนจะได้รับการช่วยให้รอดในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 321)

ผู้สอนศาสนาควรมุ่งความคิดและจิตใจของเขาที่งานเผยแผ่และ ทำงานอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อนำจิตวิญญาณมาสู่พระคริสต์

ไม่มีชายหรือหญิงคนใดในศาสนาจักรนี้ที่ไม่ได้อยู่ในงานเผยแผ่ งานเผยแผ่นั้นจะคงอยู่ นานตราบที่เขายังมีชีวิต และงานนั้นคือการทำความดี ส่งเสริมความชอบธรรม สอนหลัก ธรรมแห่งความจริง และใช้คำพูดโน้มน้าวตนเองและทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาให้ดำเนินชีวิต ตามหลักธรรมเหล่านั้นที่จะทำให้พวกเขาได้รับชีวิตนิรันดร (DBY, 322)

เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาในศาสนาจักรนี้ ข้าพเจ้าเริ่มออกไปเป็นผู้สอนศาสนาทันที และนำ ตำราไปด้วยข้าพเจ้าเริ่มเดินทางตามแนวทางเดิมเพื่อปฏิบัติความรับผิดชอบทางศาสนาของ ข้าพเจ้าความจริงคือตำราของข้าพเจ้า พระกิตติคุณแห่งความรอดคือหัวข้อสำคัญของข้าพเจ้าและโลกคือขอบเขตความรับผิดชอบของข้าพเจ้า (DBY, 322)

เราไม่ประสงค์ให้ชายคนหนึ่งเข้าสู่งานเผยแผ่ เว้นเสียแต่ว่าจิตวิญญาณของเขาจะอุทิศ ให้อย่างเต็มที่ในงานนั้น (DBY, 322)

เราใคร่จะให้พี่น้องชายที่ได้รับเรียกเข้าสู่คณะเผยแผ่ต่างประเทศตอบสนองการเรียก อย่างหน้าชื่นตาบาน (DBY, 322)

จงออกไปและสั่งสอนพระกิตติคุณ รับเอาประสบการณ์ เรียนรู้ปัญญา และเดินอย่าง ถ่อมตนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน เพื่อท่านจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์คอยนำทาง ควบคุมและสอนท่านทุกสิ่ง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต (DBY, 322)

จงวางใจในพระองค์ต่อไป พระองค์จะเปิดทางของท่านและทวีพรแก่ท่าน จิตวิญญาณ ของท่านจะพึงพอใจกับความดีงามของพระองค์ ข้าพเจ้าให้สัญญาถึงสิ่งดีใดๆ ในการทำ ตามวิถีที่ไม่ชอบธรรมแก่ท่านโม่ได้ ชีวิตของท่านต้องเป็นแบบอย่างของงานดี (DBY, 322)

ข้าพเจ้าอยากจะปลูกฝังไว้ในจิตใจของพี่น้องชาย ขอให้ผู้ที่ออกไปในพระนามของพระเจ้าวางใจในพระองค์ด้วยสุดใจของเขา จะไม่มีวันขาดปัญญาที่จะตอบคำถามใดๆ ที่เขาถาม หรือที่จะให้คำแนะนำใดๆ ที่ต้องการเพื่อนำผู้คนไปในทางแห่งชีวิตและความรอด และเขา จะไม่มีวันจำนนในบรรดาโลกที่ปราศจากที่สุด จงไปในพระนามของพระเจ้า วางใจใน พระนามของพระเจ้า พึ่งพาพระเจ้า และเรียกหาพระเจ้าอย่างกระตือรือร้นโดยไม่หยุดและ ไม่ใส่ใจโลก ท่านจะเห็นความอุดมสมบูรณ์ของโลก—มันจะเป็นอย่างนั้นต่อหน้าท่าน ตลอดไป—แต่หากท่านตำเนินชีวิตจนท่านมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะสามารถเข้าใจ ความสัมพันธ์กับพระองค์ในวันเดียวได้ ซึ่งดีกว่าท่านจะทำความเข้าใจในสิบสองวันโดยไม่มี พระองค์ ท่านจะเห็นความแตกต่างทันทีระหว่างปัญญาของมนุษย์กับพระปรีชาญาณของ พระผู้เป็นเจ้า และท่านจะพิเคราะห์และตัดสินสิ่งต่างๆ ได้อย่างถกต้องตามที่เป็นอยู่จริง (DBY, 323)

หากเอ็ลเดอร์จะไปด้วยมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่จะดีกว่า อย่าคิดเลยเถิด ไปว่าเมื่อมาถึงแม่น้ำมิสชูรี มิสซิสซิปปี โอไฮโอ หรือแอตแลนติกแล้วท่านจะทำให้ตัวเอง บริสุทธิ์ แต่จะเริ่มจากทีนี่ด้วยมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และ ดำเนินชีวิตอย่างนั้นทุกชั่วโมง [ดู สดุดี 24:4] ไปในบุคลิกภาพแบบนั้น ทำงานในบุคลิกภาพแบบนั้น และกลับสะอาดอีกครั้งเหมือนกับกระดาษที่ขาวบริสุทธิ์ นี่คือวิธีที่จะไป และ หากท่านไม่ทำอย่างนั้น หัวใจของท่านจะเจ็บปาด (DBY, 323)

การเดินทางและการทำงานของเอ็ลเดอร์ที่ไปทำงานเผยแผ่จะส่งพากเขาเข้าไปในตำแหน่ง ต่างๆ ซึ่งจะทำให้เขาแสวงหาพระเจ้า พากเขาจำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามศาสนาของเขา ออกไปด้วยใจบริสุทธิ์และมือสะอาด ครั้นแล้วจงสั่งลอนพระกิตติคุณโดยอำนาจของพระผู้ เป็นเจ้าที่ล่งลงมาจากสวรรค์ พากเขาไม่ควรสัมผัสหรือทดสอบบาปใดๆ ด้ายตัวเอง เมื่อ พากเขากลับมา เขาควรมาอย่างบริสุทธิ์และสะอาด พร้อมที่จะพบสิทธิชนด้ายใบหน้าที่ ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมและไร้มลทิน ไม่ช่อนสิ่งใดไว้ (DBY, 325)

หากท่านออกไปทำงานเผยแผ่เพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณด้ายใจระรื่นและไม่เอาจริงเอาจัง มองหาสิ่งนี้สิ่งนั้น และเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในโลก โดยไม่ได้ทำให้จิตใจของท่านตั้งมั่น—ใช่แล้ว ข้าพเจ้าพูดว่าตั้งมั่น—อยู่บนการชดใช้ของพระคริสต์ ท่านจะไปและกลับมาโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร จงเอาจริงเอาจังกับการเรียกที่ยากนั้นที่ผู้สอนศาสนาต้องทำให้บรรลุผล น่าพระ กิตติคุณอันล้ำค่า ที่เต็มไปด้ายอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า และเต็มไปด้ายศรัทธาไปรักษาคน ป่ายแม้โดยการสัมผัสด้ายมือของท่าน ขัดขวางและขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไป และทำให้ คนยากจนชื่นชมยินดี และท่านจะน่าฟ่อนข้าวสาลี กลับมาพร้อมกับท่านด้าย [ดู สดุดี 126:5–6] ขอให้จิตใจของท่านมุ่งอยู่ที่งานเผยแผ่และทำงานอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อน่าจิตวิญญาณมาสู่พระคริสต์ (DBY, 325)

ถวายพากเขา [คนที่ท่านรัก] แด่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของอิสราเอล และปล่อยพากเขาไว้ ที่บ้าน เมื่อท่านอยู่ในประเทศอังกฤษ หรือในบรรดาประชาชาติอื่น ไม่สำคัญว่าที่ไหนเมื่อ ท่านสาดอ้อนวอนเพื่อครอบครัวของท่าน จงสาดอ้อนวอนเพื่อพากเขา…และไม่น่าพากเขา ไปกับท่าน แม้ว่าพากเขาจะเคยไปไหนมาไหนกับท่านก็ตาม สาดอ้อนวอนเพื่อพากเขาไม่ว่า ท่านจะอยู่ที่ไหน ท่านต้องรู้สึกว่—าไม่เป็นไร หากเขามีชีวิตอยู่ ไม่เป็นไร หากเขาตาย ไม่ เป็นไร หากข้าพเจ้าตาย ไม่เป็นไร หากข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ เพราะเราเป็นของพระเจ้าและเรา จะพบกันอีกในไม่ช้า (DBY, 324)

เมื่อมนุษย์ได้รับวิญญาณแห่งงานเผยแผ่ของเขา สำนึกในการเรียกของเขาและรู้ว่ากำลัง ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าผู้คน สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดความสุขมากที่สุดใน ชีวิตของพวกเขา (DBY, 328)

พระวิญญาณเปลี่ยนใจผู้คนให้เลื่อมใสพระกิตติคุณ ของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ตรรกหรือการถกเถียง

ข้าพเจ้าได้เดินทางเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อเป็นพยานต่อผู้คน ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเรียนรู้ถึง ข้อเท็จจริงประการหนึ่ง ว่าท่านอาจยืนยันคำสอนจากไบเบิลจนถึงวันแห่งการพิพากษาและ มันเพียงท่าให้ผู้คนเลื่อมใส แต่ไม่เปลี่ยนใจพวกเขา ท่านอาจจะอ่านไบเบิลตั้งแต่ปฐมกาล ถึงวิวรณ์ และยืนยันคำสอนทุกข้อแม้ส่วนเล็กน้อยที่สุดที่ท่านบอกไป แต่ไม่มีแม้สักข้อเดียว ที่มีอิทธิพลเปลี่ยนใจผู้คน โดยแท้แล้วประจักษ์พยานโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะนำความสว่างและความรู้มาสู่พวกเขา—นำหัวใจของพวกเขามาสู่การกลับใจ พระวิญญาณ บริสุทธิ์ทำงานอย่างนั้นจริงๆ ท่านเคยได้ยืนข้าพเจ้าพูดบ่อยๆ ว่าข้าพเจ้าอยากพังเอ็ลเดอร์ คนหนึ่งพูดลักห้าคำด้วยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนในโลกและคำเหล่านั้น ทำให้อยากทำดีมากขึ้น มากกว่าที่จะพังคำเทศนายืดยาวและไม่มีพระวิญญาณ นั้นเป็น ความจริง และเรารู้ว่าเป็นอย่างนั้น (DBY, 330)

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ขอให้ใครลักคนที่ละเอียดถี่ถ้วนออกไปยืนยันทุกสิ่งที่เขาพูดโดยใช้ หลักเหตุผลข้ออ้างอิงมากมายจากการเปิดเผยต่างๆ และให้อีกคนหนึ่งที่เดินทางมากับเขา และพูดโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เขาบอกผู้คนว่าพวกเขาควรจะเชื่ออะไร—พวกเขาควรจะทำอะไร—พวกเขาควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร สอนให้พวกเขายอมรับหลักธรรม แห่งความรอด—แม้เขาจะไม่สามารถแสดงข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุผลได้แม้แต่ข้อเดียว แม้เขา อาจจะตัวสั่นภายใต้จิตสำนึกของความอ่อนแอของเขา การพึ่งพาพระเจ้าเพื่อความเข้มแข็ง ดังเช่นมนุษย์ทั่วไปพึงกระทำ ท่านจะค้นพบว่าชายที่เป็นพยานโดยอำนาจของพระวิญญาณ บริสุทธิ์มักจะรวบรวมและทำให้คนที่ชื่อตรงและเที่ยงธรรมเลื่อมใสได้มากกว่าผู้ที่เพียงแต่อ้าง เหตุผล (DBY, 330)

การถกเถียงและการโต้แย้งไม่ได้มีประสิทธิผลในการช่วยให้รอดเพื่อเป็นพยานถึงความ จริงตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อเอ็ลเดอร์โดยพระวิญญาณ ข้าพเจ้าคิดว่าท่านทุกคนเห็น ด้วยกับข้าพเจ้า อย่างน้อยที่สุด เรื่องดังกล่าวนี้ก็เป็นประลบการณ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะทำให้เข้าใจว่าตนกำลังขัดขวางเหล่าเอ็ลเดอร์จากการสะสมข้อได้แย้งทุกอย่าง ไว้ในความคิดของเขาพยายามเสนอบางสิ่งบางอย่างเพื่อปกป้องศาลนาของเขา ข้าพเจ้าไม่ ปรารถนาที่จะขัดขวางพวกเขาแม้แต่น้อยจากการเรียนรู้ทุกสิ่งที่เขาสามารถทำได้เกี่ยวกับ ศาสนาและการปกครอง ยิ่งเอ็ลเดอร์มีความรู้มากก็ยิ่งดี (DBY, 330)

วิญญาณแห่งความจริงจะนำผู้คนมาสู่ความสว่างและความรู้ มากกว่าคำพูดที่มีโวหาร (DBY, 333)

ผู้สั่งสอนจำต้องมีอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อให้ข่าวสารแก่ส่วนลึกในใจของแต่ ละคนในเวลาที่เหมาะสม ผู้ฟังจำต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะกระทำตามพระคำของ พระผู้เป็นเจ้าที่สั่งสอนเขา เพื่อถวายรัศมีภาพแด่พระองค์ [ดู ค.พ. 50:17–22] (DBY, 333)

ไม่มีใครจะสั่งสอนพระกิตติคุณได้นอกจากโดยของประทานและอำนาจของพระวิญญาณ บริสุทธิ์ที่ส่งลงมาจากสวรรค์ หากปราศจากอำนาจนี้ จะไม่มีความสว่างในการสั่งสอน (DBY, 333)

ในการสั่งสอนพระกิตติคุณ หากเอ็ลเดอร์รู้สึกว่าเขาไม่มีอำนาจที่จะสั่งสอนผู้คนให้แสวง หาชีวิตนิรันดรและความรอด รู้สึกว่าไม่มีอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎที่จะปฏิบัติพิธีการต่างๆ และโดยการปฏิบัติเช่นนั้น โดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ได้ทำหน้าที่งานเผยแผ่ ของเขาเพื่อนำเกียรติมาสู่ตน ทั้งไม่ใช่เพื่อความดีของผู้คน เพื่อความก้าวหน้าและเกียรติยศ ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า จากทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าจะอ่านได้ จากทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าราบราม ได้จากการเปิดเผยต่างๆ จากพระผู้เป็นเจ้ามาถึงมนุษย์ และจากการเปิดเผยต่างๆ ของพระ วิญญาณมาถึงข้าพเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดจะสั่งสอนพระกิตติคุณได้สำเร็จและพระผู้เป็นเจ้า จะทรงอ้างว่าเป็นผู้คนของพระองค์ เขาไม่ได้รับพรและการยอมรับจากชาวสวรรค์ เว้นแต่ว่า เขาจะสั่งสอนพระกิตติคุณโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางการเปิดเผยโดยตรง (DBY, 336)

ทำงานอย่างซื่อสัตย์และรักษาวิญญาณแห่งการสั่งสอนพระกิตติคุณต่อไป

ข้าพเจ้าใคร่จะขอร้อง:ให้เหล่าเอ็ลเดอร์ที่กลับจากงานเผยแผ่ทำตัวให้เหมือนกับยังอยู่ใน งานเผยแผ่ที่นี่ เช่นเดียวกับที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หรือในส่วนอื่นๆ ของโลก (DBY, 328)

เราเรียกสมาชิกชายของศาสนาจักรให้เป็นผู้สอนศาสนาเพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณอยู่เป็น ประจำ พวกเขาจะไปและทำงานอย่างชื่อสัตย์เช่นเดียวกับที่คนอื่นๆ ทำ ตั้งใจจริงในวิญญาณในการสวดอ้อนวอน ในการปรกมือ ในการสั่งสอนและในการสอนผู้คนให้รู้ว่าจะรอด ได้อย่างไร เพียงไม่กี่ปี พวกเขากลับมาบ้าน ถอดเสื้อคลุมและหมวกออก แล้วพูดว่า “คาสนารี ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ตอนนี้ผมจะไปทำงานเพื่อหาอะไรให้ตัวเองและครอบครัว” นี่เป็นความโง่เขลาอย่างยิ่ง เมื่อผู้ชายกลับจากงานเผยแผ่ที่เขาได้สั่งสอนพระกิตติคุณ เขาควรพร้อมที่จะมาตรงแท่นพูดนี้เพื่อสั่งสอนราวกับว่าเขาอยู่ในประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน หรือบนเกาะต่างๆ ในทะเล เมื่อเขาอยู่ที่บ้านหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือ สิบปี วิญญาณแห่งการสั่งสอนและวิญญาณแห่งพระกิตติคุณควรจะอยู่ในเขาเหมือนกับ แม่น้ำที่หลั่งไหลมาสู่ผู้คนในคำพูดดี คำสั่งสอน คำตักเตือนและตัวอย่างที่ดี หากไม่ได้เป็น อย่างนี้เขาก็ไม่บรรลุงานเผยแผ่ของเขา (DBY, 328–29)

จงกลับบ้านพร้อมด้วยทัศนคติแห่งความเชื่อมั่น ศรัทธา และความภาคภูมิใจ รักษาตน ให้สะอาด ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า จงบริสุทธิ์ในไจ—หากไม่เป็นเช่นนี้แล้วท่านจะกลับมาด้วย ความท้อแท้สิ้นหวังในวิญญาณและด้วยสีหน้าเศร้าหมอง และจะรู้สึกราวกับว่าท่านจะไม่มี วันลุกสิ้นได้อีกต่อไป (DBY, 328)

เหล่าเอ็ลเดอร์ที่ชื่อสัตย์ผู้เป็นพยานถึงงานนี้ต่อผู้คนนับพันๆ บนทวีปและบนเกาะต่างๆ ในทะเลจะเห็นผลงานของเขา ไม่ว่าเขาจะพูดห้าคำหรือเป็นพันๆ คำ เขาจะไม่เห็นผลเหล่านี้ ในทันที และบางที ในหลายๆ กรณี ไม่เห็นเลยจนถึงมิลเลเนียม แต่อิทธิพลของประจักษ์พยานที่เขามีอยู่จะล่งผ่านจากบิดาลงมาถึงบุตร (DBY, 329)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

ผู้คนทั้งปวงจะได้รับการสั่งสอนพระกิตติคุณ

  • ประธานยังกล่าวว่าเมื่อมีการสอนพระกิตติคุณในบรรดากษัตริย์และราชินี พระกิตติคุณ จะ “ได้รับการนำเสนอด้วยอิทธิพลที่แตกต่างไปจากที่เสนอให้คนยากจน” ทำไมคนที่ แตกต่างกันจึงตอบสนองต่อวิธีการสอนที่แตกต่างกัน? เราจะดัดแปลงวิธีการสอนเพื่อ สอนคนที่แตกต่างกันโดยไม่ละทิ้งความจริงของพระกิตติคุณได้อย่างไร?

  • ประธานยังกล่าวว่าพระเจ้าจะ “เปลี่ยนแปลงบรรดาประชาชาติ” ที่กฏหมายไม่ยอมอนุญาตให้สอนพระกิตติคุณ คำพยากรณ์นี้สำเร็จได้อย่างไร?

  • ตามที่ประธานยังกล่าว ใคร “มีค่าควรที่จะได้รับการช่วยให้รอด”? (ดู ค.พ. 18:10–16 ด้วย)

ผู้สอนศาสนาควรมุ่งความคิดและจิตใจของเขาที่งานเผยแผ่และ ทำงานอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อนำจิตวิญญาณมาสู่พระคริสต์

  • ตามที่ประธานยังกล่าว ชายและหญิงทุกคนในศาสนาจักรนี้เป็นผู้สอนศาสนา ความรับ ผิดชอบของเราคืออะไร? มีการกระทำอะไรที่พิเศษที่ทำให้ท่านหรือผู้อื่นได้รับความสำเร็จ ในงานผู้สอนศาสนา? ท่านได้เรียนรู้อะไรจากงานสอนศาสนาของท่านที่ช่วยให้ท่านมี ประสิทธิภาพมากขึ้นในการเชื้อเชิญผู้คนให้มาสู่พระคริสต์? (ดู โมโรไน 10:32)

  • ประธานยังสอนว่าผู้สอนศาสนาควรอุทิศอย่างเต็มที่ในงาน โดยอ้างถึงสิ่งที่ท่านได้อ่าน จากบทเรียนนี้ ท่านหมายความว่าอย่างไร?

  • ประธานยังสัญญาอะไรกับผู้ที่สั่งสอนพระกิตติคุณและวางใจในพระผู้เป็นเจ้า? ทำไมเรา จึงต้องแสวงหาความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะที่เราแบ่งปันพระกิตติคุณ?

  • ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สอนศาสนาจะต้องสะอาดก่อนที่เขาจะเริ่มรับใช้เต็มเวลา? อะไรคือคำแนะนำของประธานยังเกี่ยวกับความมีค่าควรของผู้สอนศาสนาขณะที่เขารับ ใช้และเมื่อเขากลับบ้าน?

  • ทำไมผู้สอนศาสนาจึงควรมีความคิด “ตั้งมั่น” อยู่ในพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์? ประธานยังให้คำแนะนำอะไรกับผู้สอนศาสนาเต็มเวลาที่กำลังคิดถึงบ้าน?

พระวิญญาณเปลี่ยนใจผู้คนให้เลื่อมใสพระกิตติคุณ ของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ตรรกหรือการถกเถียง

  • ทำไมผู้สอนศาสนาที่เป็นพยานถึงพระกิตติคุณโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงมี ประสิทธิภาพในการสอนมากกว่าผู้ที่สอนโดยใช้เพียงดรรกหรือหลักเหตุผล?ทำไมการถก เถียงจึงเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพในการแบ่งปันพระกิตติคุณ?

  • ทำไมจึงไม่มีความสว่าง จากการสั่งสอนของคนที่ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับเขา?

  • ประธานยังสัญญาอะไรกับผู้ที่สั่งสอน “โดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางการ เปิดเผยโดยตรง” และวางใจในพระองค์?

ทำงานอย่างซื่อสัตย์และรักษาวิญญาณแห่งการสั่งสอนพระกิตติคุณต่อไป

  • ทำไมจึงเป็น “ความโง่เขลาอย่างยิ่ง” สำหรับผู้สอนศาสนาที่เลิกเอาใจใส่ศาสนาของเขา เมื่อกลับบ้าน?

  • เมื่อเราได้รับการปลดจากการเรียก เราจะรักษา “วิญญาณแห่งการสั่งสอนและวิญญาณ แห่งพระกิตติคุณ…ให้เป็นเหมือนแม่น้ำที่หลั่งไหลมาสู่ผู้คนในคำพูดดี คำสั่งสอน คำตัก เตือน และตัวอย่าง” ได้อย่างไร?

  • ประธานยังสัญญาอะไรกับผู้สอนศาสนาที่ชื่อสัตย์ที่เป็นพยานถึงงานของพระเจ้า?

ภาพ
Elder Thomas C. Griggs

ภาพเอ็ลเดอร์ธอม้ส ซี. กริกส์ ผู้สอนศาสนาที่เกาะอังกฤษ ในปี 1880

ภาพ
church missionaries

ผู้สอนศาสนาของศาสนาจักรในเอคโค แคนยอน ยูท่าห์ ปี 1867 ผู้สอนศาสนายุคแรกๆ สอนพระกิตติคุณ ในประเทศอังกฤษ ยุโรป และหมู่เกาะต่างๆ ของมหาสมุทรแปชิฟิก