คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 25: การปลูกฟังความกตัญญู ความถ่อม และความซื่อตรง


บทที่ 25

การปลูกฟังความกตัญญู ความถ่อม และความซื่อตรง

ประธานบริดัม ยัง เชื่อและดำเนินชีวิตตามหลักธรรมที่ถูกต้องและเรียบง่าย จากประสบการณ์ของท่านในการเป็นช่างไม้และผู้รับเหมา ท่านเรียนรู้ที่จะให้เกียรติคนงานผู้ชื่อตรง ที่ได้สร้างกิาแพงอันคงทนถาวร ติดประตูที่ยังไม่เคยต้องซ่อม และไม่หยิบเครื่องมือหรือ ตะปูของเจ้าของใส่กระเป๋าหลังเลิกงาน ท่านแนะนำผู้อื่นในทุกอาชีพให้ “เปิดตาของเขา เพื่อจะเห็นและเข้าใจว่าการเป็นคนชื่อตรงและเที่ยงธรรมสำคัญแค่ไหน” (DNW,Dec. 1857, 4) ประธานยังให้กำลังใจสิทธิชนยุคแรกๆ ที่ทนทุกข์จากการทดลองต่างๆ เซ่น การข่มเหง ความยากจนและความอดอยาก ยอมรับความทุกข์ยากของพวกเขาด้วย ความกตัญญูและอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะพระเจ้าจะทรงทำให้เขาแข็งแกร่งในความทุกข์ ทรมาน ถ้อยคำและชีวิตของท่านเน้นให้เห็นเด่นชัดว่าหน้าที่ของเราคือแสดงความชื่อสัตย์ และกตัญญูโดยการปรับปรุงสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าประทานให้เป็นพรแก่เรา

คำสอนของบริคัม ยัง

การยอมรับพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราเป็นการปลูกฟังความกตัญญู

ข้าพเจ้าไม่คิดว่ามีบาปใดใหญ่หลวงกว่าบาปแห่งความอกตัญญู ยกเว้นบาปที่ยกให้ไม่ได้ (DBY, 228)

ข้าพเจ้าจะพูดบางสิ่งเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบากท่านรู้ว่าข้าพเจ้าบอกท่านไป แล้วว่าหากคนใดกลัวอดตาย ขอให้เขาออกไป และไปยังที่ๆ อุดมลมบูรณ์ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ แม้แต่น้อยว่าความหิวเป็นอย่างไร จนกระทั่งเรากินล่อตัวสุดท้าย ตั้งแต่หัวจรดหางจนหมด เกลี้ยง ข้าพเจ้าไม่กลัวอดตาย มีคนจำนวนมากที่ไม่มีงานทำในเวลานี้ แต่อีกไม่นานจะมี งานมากมายให้เราทำในไร่นา และเราจะไม่ทนทุกข์มากเกินกว่าสิ่งที่เป็นไปเพื่อความดีของ เรา ข้าพเจ้าขอบพระทัยสําหรับความช่วยเหลือของพระเจ้าที่มองเห็นได้ ข้าพเจ้าขอบพระทัย ลำหรับพรที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าในเวลาแห่งความยากลำบาก และลำหรับสิ่งใดก็ตามที่ ข้าพเจ้าได้รับ เมื่อหลายปีก่อนข้าพเจ้าบอกท่านถึงความรู้สึกที่มีอยู่เกี่ยวกับความพร้อมใจ ของสิทธิชนยุคสุดท้าย ศรัทธา ความกตัญญูและการขอบพระทัยของพากเขา การที่พากเขา ยอมรับพระหัตถ์ของพระเจ้าและวิธีที่พระเจ้าประทานพรต่างๆ แก่ผู้คนจิตวิญญาณของ ข้าพเจ้าเศร้าโศกอย่างยิ่งที่เห็นความสุรุ่ยสุร่าย และนิสัยที่ฟังเฟ้อของคนพวกนี้ในการใช้พร ที่มีอยู่อย่างมากมายของเขา หลายคนเหยียบยํ่าสิ่งเหล่านั้นไวใต้เท้าของเขา และแช่งด่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทานสิ่งเหล่านั้นให้ เขาต้องการทองและเงิน แทนที่จะเป็นข้าวลาลีและ ข้าวโพด แป้งอย่างดี และผักที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเติบโตบนแผ่นดิน เขาเหยียบสิ่งเหล่านี้ไว้ ใต้เท้า และถือว่าพรที่เลือกสรรมาอย่างดีของพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเขาไร้ค่า (DNW, 6 Feb. 1856, 4)

เราชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้าทรงโปรดปรานผู้คนของพระองค์ เพราะเราถูกลร้างในความ อ่อนแอ โดยมีจุดประสงค์จำเพาะเพื่อการได้รับอำนาจและความดีพร้อมที่ใหญ่ยิ่งขึ้น สิทธิ ชนควรจะชื่นชมในทุกสิ่ง—ในการข่มเหงเพราะมันจำเป็นต่อการชำระล้างพวกเขาและเตรียม คนชั่วร้ายลำหรับความพินาศย่อยยับของเขา ในความเจ็บไข้และในความเจ็บปวด แม้ยากที่ จะทนไหว เพราะเหตุนี้เราจึงต้องรู้จักกับความเจ็บปวด ความเศร้าโศกและความทุกข์ ทรมานทุกอย่างที่มนุษย์จะทนได้ เพื่อให้ทุกสิ่งที่เราสัมผัสแสดงอยู่ในจิตลำนึกของเรา เรา มีเหตุผลที่จะชื่นชมยินดีอย่างยิ่งที่มีศรัทธาอยู่ในโลก พระเจ้าทรงครองและทำสิ่งใดก็ตาม ที่ พระองค์ต้องประสงค์ในบรรดาผู้อาศัยของแผ่นดินโลก ท่านไม่ถามหรือว่า ข้าพเจ้าชื่นชม ยินดีหรือที่มารได้เปรียบเหนือผู้อาศัยของแผ่นดินโลก และทำให้มนุษยชาติทนทุกข์? ข้าพเจ้าตอบได้อย่างมั่นใจที่สุดว่า ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้มากเท่ากับที่ชื่นชมในสิ่งอื่น ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีเพราะข้าพเจ้าทุกข์ทรมาน ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี เพราะข้าพเจ้ายากจน ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีเพราะข้าพเจ้าลิ้นหวัง ทำไมหรือ? เพราะข้าพเจ้า จะถูกยกขึ้นอีกครั้ง ข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้ายากจนเพราะข้าพเจ้าจะถูกทำให้รวย ชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้าทุกข์ทรมาน เพราะข้าพเจ้าจะได้รับการปลอบประโลม และพร้อมที่จะรับความยินดีจากความสุขอันลม บูรณ์ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกชาบชึ้งจริงๆ กับความสุขนอกจากโดยการอดทนในสิ่งตรง กันข้าม (DBY, 228)

เราพูดถึงการทดลองและความยากลำบากของเราที่นี่ในชีวิตนี้ ท่านเคยคิดไหมเมื่อจะ เห็นตัวเองอีกหลายพันหลายล้านปีข้างหน้า หลังจากที่ท่านได้พิสูจน์ความชื่อสัตย์ที่มีต่อ ศาลนาของท่านในช่วงไม่กี่ปีในเวลานี้ และ’ใต้รับความรอดนิรันดรพร้อมทั้งมงกุฎแห่งรัศมีทพในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว? จากนั้นให้มองย้อนกลับมาที่ชีวิตของท่านที่นี่และดู การสูญเลีย ความทุกข์ทรมานหรือการทดลอง ความผิดหวัง ความเศร้าโศก…ท่านจะถูก บังคับให้ร้องตะโกนว่า “นี่มันอะไรกัน? สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงชั่วประเดี๋ยว และช่วงเวลานี้ เราอยู่ที่นั้นเราชื่อสัตย์ในช่วงเวลาสั้นๆ ในความเป็นมตะของเรา และเวลานี้เราได้รับชีวิตนิรันดรและรัศมีภาพ พร้อมกับอำนาจที่จะเจริญก้าวหน้าในความรู้ที่ไม่มีขอบเขตจำกัดและ ผ่านขั้นตอนของความเจริญก้าวหน้านับไม่ถ้วน ชื่นชมรอยยิ้มและความพึงพอพระทัยของ พระบิดาพระผู้เป็นเจ้าของเรา และของพระเยซูคริสต์พี่ชายคนโตของเรา” (DNW, 9 Nov. 1859, 1)

มีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าจะกล่าวถึงในเวลานี้ ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเราจะไม่มีวันได้ รับมรดกในอาณาจักรชั้นสูงจนกว่าเราจะเรียนรู้เรื่องดังกล่าว เราถูกรวมเข้าด้วยกัน โดยมี จุดประสงค์เพี่อการเรียนรู้ว่าจะทำอะไรกับชีวิตที่เป็นอยู่ในเวลานี้และกับพรที่ประทานให้เรา ขณะนี้ หากเราไม่เรียนรู้บทเรียนเหล่านี้ เราจะคาดหวังได้อย่างไรว่าจะได้รับของมีค่า นิรันดร เพราะคนที่ชื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะเป็นผู้ดูแลของมาก [ดู มัทธิว 25:21]… เมื่อเรา ได้รับพรด้วยการมีปศุสัตว์เพิ่มขึ้น และเรามองข้ามพรนี้ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา ในการทำ ดังนี้เราทำให้พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยและทำให้ตัวเราต้องได้รับการลงโทษ บิดาทางโลก คนใดเล่าจะให้พรแก่บุตรชายด้วยความรู้สึกพอใจและยินดีขณะที่บุตรชายคนนั้นเริ่มถลุง พรและเอาไปเล่นการพนันจนหมดตัว? หลังจากเวลานั้นบิดาก็จะไม่โปรดปรานเขาอีกต่อไป และจะให้พรเหล่านั้นแก่ลูกที่มีค่าควรมากกว่า พระเจ้าทรงเมตตามากกว่าเรา แต่อาจจะยุติ ของประทานของพระองค์หากเราไม่รับสิ่งเหล่านั้นด้วยความรู้คุณค่าและดูแลอย่างดีเมื่อเรา มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในครอบครองของเราขอให้ผู้คนดูแลปศุสัตว์และม้าของเขา และคนที่ไม่ทำ ดังนี้จะทำให้ตัวเขาต้องถูกตำหนิตามความยุติธรรม (DNSW, 29 Oct. 1865, 2)

หน้าที่ของเราคืออะไร?หน้าที่ของเราคือการปรับปรุงพรทุกประการที่พระเจ้าประทานแก่ เรา หากพระองค์ประทานผืนดิน จงปรับปรุงมัน หากพระองค์ประทานสิทธิพิเศษของการ สร้างบ้านแก่เรา จงปรับปรุงมัน หากพระองค์ประทานภรรยาและลูกๆ แก่เรา จงพากเพียร และลอนพวกเขาถึงทางของพระเจ้า และยกพวกเขาชั้นเหนือสภาพที่มืดมน เลื่อมทรามและ ตกของมนุษยชาติด้วยการคุ้มครองและชี้แนะของพระองค์…พระองค์ทรงเรียกสิทธิชนยุค สุดท้ายออกจากโลก ทรงรวมพวกเขาออกจากประชาชาติอื่นและทรงให้ที่แห่งหนึ่งแก่เขาบน แผ่นดินโลก นี่คือพรหรือ? ใช่แล้ว พรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่งที่ผู้คนได้รับ เพี่อให้เป็น อิสระจากความชั้วร้ายของคนชั้วร้าย จากความหายนะและความอลหม่านของโลก โดยพรนี้ เราลามารถแสดงต่อพระบิดาบนสวรรค์ของเราว่า เราเป็นผู้พิทักษ์ที่ซึ่อสัตย์ และยิ่งกว่านั้น พรนี้ยังมีสิทธิพิเศษของการคืนสิ่งที่พระองค์ใส่ไว้ในการครอบครองของเราแด่พระองค์…ถึง เวลานั้นจะเข้าใจดีว่าสิ่งที่ดูเหมือนเป็นของข้าพเจ้าในความจริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของ และข้าพเจ้าจะคืนมันแด่พระเจ้าหากพระองค์ทรงเรียกร้อง มันเป็นของพระองค์ และเป็น ของพระองค์เสมอมา ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นเจ้าของมันและจะไม1มีวันเป็นเลย (DNW, 20 June 1855, 4)

ไม่มีสถานการณ์สักอย่างในชีวิต [หรือ] ประลบการณ์สักหนึ่งชั้วโมงที่ไม่เป็นผลดีกับคน ที่นำมันมาศึกษา และมุ่งหมายที่จะปรับปรุงประลบการณ์ที่พวกเขาได้รับ (DNW, 9 July 1862, 1)

คนถ่อมใจยอมรับว่าเขาต้องพึ่งพาพระเจ้า

เราต้องถ่อมตัวและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆในความรู้สึกของเรา—ที่จะกลับถ่อมใจและเป็น เหมือนเด็กเล็กๆ ในทางวิญญาณ เพื่อจะได้รับความสว่างทางสติปัญญาจากวิญญาณของ พระกิตติคุณ จากนั้นเราจะมิสิทธิพิเศษของการเติบโต การเพิ่มพูนความรู้ สติปัญญาและ ความเข้าใจ (DBY, 228)

เราไม่เป็นอะไรเลยนอกจากสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเพื่อเรา (DNW, 28 Oct. 1857, 5)

เมื่อบุคคลเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดดังที่มันเป็นอยู่…หากเขาพบว่าเขากำลังทำให้พระผู้เป็นเจ้า พอพระทัยและทำให้พี่น้องชายของเขาพอใจ เขารู้สึกดีใจมาก รู้สึกถึงความถ่อมใจที่มากขึ้น และการยอมตนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อมนุษย์หยิ่งจองหองและยโสโอหัง การยกยอปอปั้นจะทำให้เขาเต็มไปด้วยความทะนงตัวและเป็นอันตรายกับเขา แต่มันจะไม่ เป็นเช่นนั้นเลยหากเขากำลังเพิ่มพูนศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 228)

ใครเล่าที่มีเหตุผลอันควรอย่างยิ่งที่จะขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าของเขา—คนที่ไมมีความ ปรารถนาอันแรงกล้าหรือความต้องการที่ชั่วร้ายในการเอาชนะ หรือผู้ที่พยายามวันแล้ววัน เล่าที่จะเอาชนะ และยังคงตกอยู่ในความผิดต่อไป? อำนาจแห่งความเข้มแข็ง ศรัทธาและ วิจารณญาณของเขาต่างหากที่ได้ชัยชนะ เขามีความผิดเพราะความโน้มเอียงที่จะทำชั่ว แม้ เขาจะพยายามวันแล้ววันเล่า และคืนแล้วคืนเล่าที่จะเอาชนะ ใครมีเหตุผลที่จะขอบพระทัย มากที่สุด? คนที่ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้าในการเอาชนะพึงดำเนินต่อไปในความถ่อม แทนที่จะโอ้อวดถึงความชอบธรรมของเขาว่ามีเหนือพี่น้อง เราอยู่ภายใต้พันธะผูกพัน โดย ทางความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยฉันพี่น้องและลายล้มพันธ์ของความเป็นมนุษย์ที่จะผูกมิตรกับ คนที่ทำความชั่วร้ายไม่มากก็น้อย เราต้องอดทนต่อสิ่งนี้จนกว่าพระเจ้าจะเห็นลมควรที่จะ แยกข้าวออกจากแกลบ—จนกว่าคนชอบธรรมจะถูกเก็บและคนชั่วร้ายจะผูกมัดไว้พร้อมจะ เผา [ดู ค.พ. 86]—จนกว่าแกะจะถูกแยกออกจากแพะ [ดู มัทธิว 25:31–34] คนเหล่านั้น ที่ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้าในการต่อสู้ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ควรดำเนินต่อไป ในความถ่อม และหากสมาชิกของศาลนาจักรตกอยู่ในความผิด หัวใจของท่านควรเต็มไป ด้วยความเมตตากรุณา —ต้วยความรู้สึกเหมือนกับทูตสวรรค์ ความรู้สึกฉันพี่น้อง —ที่จะ มองข้ามความผิดของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (DNW, 22 Aug. 1860, 1)

หัวใจของคนที่อ่อนโยนและถ่อมตนเต็มไปด้วยความสุขและความสบายใจอย่างต่อเนื่อง (DBY, 228)

คนที่ซื่อตรงจะซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้า

ทั้งชายและหญิงต้องชื่อสัตย์ พวกเขาต้องดำเนินชีวิตอย่างชื่อสัตย์ต่อพระพักตร์พระผู้ เป็นเจ้า และให้เกียรติต่อการเรียกและการอยู่บนโลกนี้ของเขา ท่านถามว่านั่นเป็นไปได้ หรือ? แน่นอน คำลอนที่เรายอมรับจะขจัดใจที่แข็งกระด้างออกไป (DBY, 232)

เราจำเป็นต้องเรียนรู้ฝึกฝน ศึกษา รู้จักและเข้าใจว่าเหล่าเทพอยู่ด้วยกันได้อย่างไร เมื่อ ชุมชนนี้บรรลุถึงความชื่อตรงและเที่ยงธรรมอย่างลมบูรณ์ ท่านจะไม่พบคนยากจนเลย ไม่มี ใครขาดแคลน ทุกคนจะมีพอ ชาย หญิง และเด็กทุกคนจะมีทุกสิ่งที่จำเป็นทันทีที่พวกเขา ทั้งหมดชื่อตรง เมื่อคนส่วนใหญ่ในชุมชนไม่ชื่อตรง จะทำให้คนชื่อตรงต้องยากจนด้วย เพราะคนไม่ชื่อตรงทำมาหากินและเพิ่มความรารวยให้ตนเองจากเงินของคนชื่อตรง (DBY, 232)

ข้าพเจ้าพยายามที่จะขจัดความไม่ชื่อตรงในผู้คน และพยายามเช่นนั้นที่จะทำให้เขา ชื่อตรงหากข้าพเจ้าว่าจ้างช่างไม้โดยจ่ายให้เขาลามเหรียญต่อวัน และเขาทำธุระที่มีหกช่อง ได้เพียงหนึ่งบานในเวลาลามวัน ซึ่งช่างที่ดีลามารถทำได้ภายในหนึ่งวัน หรือทำหนึ่งบาน ครึ่งต่อวัน ข้าพเจ้าก็จะไม่จ่ายให้เขาลามเหรียญต่อวันลำหรับงานนั้น แต่ทว่าบางคนที่อยู่ที่ นี่ไม่มีวิจารณญาณ ดุลยพินิจ หรือมโนธรรมความถูกผิด พวกเขาอยากได้รับเงินค่าแรงจาก งานที่เขาไม่ได้ทำและนี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดเอาว่าเป็นความชื่อตรง แต่นั่นเป็นความไม่ชื่อตรง เหมือนๆ กับเรื่องอื่นๆ ในโลก (DNW, 2 Dec. 1857, 4)

ขอให้ [ผู้ใช้แรงงานทุกคน] พยายามปรับปรุง…และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงครั้งใหญ่ ท่ามกลางคนพวกนี้ เราจะยังคงปรับปรุงต่อไป ขอให้เราแสวงหาสติปัญญาจากพระเจ้า… และปรับปรุงต่อไป จนกว่าเราจะเข้าถึงมาตรฐานของความจริงในทุกคำพูดและการกระทำ ของเรา เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าว่าจ้างช่างปูนให้สร้างกำแพง เขาจะทำมันอย่างชื่อตรง และเป็น เช่นเดียวกันนี้วับคนที่ทำงานทุกคน ถ้าเช่นนั่นหากชายคนหนึ่งไม่ได้ทำงานตามค่าแรงของ เขา เขาจะไม่ขอหรือเอาค่าแรง…ความชื่อตรงไม1เคยเข้าสู่หัวใจของบุคคลเช่นนี้ผู้ชื่งกฎของ พวกเขาคือ เก็บทุกสิ่งที่พวกเขาได้มาและเอาทุกสิ่งที่จะเอามาได้ โดยไม่คำนึงว่าได้มาอย่าง ชื่อตรงหรือไม่ และลวดอ้อนวอนขอให้ได้มากขึ้นอีก (DNW, 2 Dec. 1857, 5)

วินิตแก่คนเหล่านั่นผู้อ้างว่าเป็นสิทธิชนและไม่ชื่อตรง เพียงแต่ชื่อตรงต่อตัวเอง ท่านก็จะ ชื่อตรงต่อสิทธิชนยุคลุดท้ายทุกคน (DBY, 231–32)

เด็กๆ ควรได้รับการลอนเรื่องความชื่อตรง พวกเขาจะเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกภายในใจ ของเขาว่าเขาไม่ควรรับแม้สตางค์เดียวที่ไม่ได้เป็นของเขา ไม่สับเปลี่ยนสิ่งใดเด็ดขาด แต่ วางทุกสิ่งไว้ในที่ของมันเสมอ หากเขาพบสิ่งใดให้เลาะหาเจ้าของ หากมีสิ่งใดของเพื่อนบ้าน กำลังจะเสียหาย จงวางมันในที่ๆ มันจะไม่เสียหาย และจงชื่อตรงต่อกันอย่างแท้จริง (DNW, 23 Oct, 1872, 5)

ใจที่ชื่อตรงนำการกระทำที่ชื่อตรงออกมา—ความปรารถนาที่ศักคิ์สิทธิ์นำงานที่ทำอย่าง เปิดเผยออกมาในแบบเดียวกัน ทำตามข้อตกลงและรักษาคำพูดไว้เป็นความลับ ข้าพเจ้า ไม่มีความเป็นเพื่อนลำหรับคนที่ให้สัญญาแต่ไม่ทำตามสัญญานั้น ความจริงที่เรียบง่าย ความตรงไปตรงมา ความชื่อสัตย์ ความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ความเมตตา ความรัก ความกรุณา เป็นผลดีต่อทุกคน เป็นผลเสียต่อคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ช่างง่ายเสียเหลือเกินที่จะ ดำเนินชีวิตตามหลักธรรมดังกล่าว! ทำตามหลักธรรมดังกล่าวพันครั้งก็ง่ายกว่าจะทำการ หลอกลวง! (DBY, 232)

เป็นการดีกว่ามากที่จะชื่อตรง ดำเนินชีวิตที่นี่อย่างเที่ยงธรรม ละทิ้งและหลีกเลี่ยงความ ชั่วร้ายดีกว่าจะไม่ชื่อตรง เป็นหนทางง่ายที่สุดในโลกที่จะชื่อตรง—เที่ยงธรรมต่อพระพักตร์ พระผู้เป็นเจ้า และเมื่อผู้คนเรียนรู้สิ่งนี้ พวกเขาจะนำไปปฏิบัติ (DBY, 232)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

การยอมรับพระหัตถ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราเป็นการปลูกฝังความกตัญญู

  • ประธานยังแนะนำว่าสิทธิชนควรขอบคุณลำหรับ ข้าวลาสี ข้าวโพด และผักต่างๆ ไม่ใช่ ทองและเงิน เราแต่ละคนควรขอบคุณลำหรับอะไร? (ดู ค.พ. 59:7, 21 ด้วย) ท่านแสดง ความกตัญญูต่อพระผู้เป็นเจ้า ครอบครัว และคนอื่นๆ ด้วยวิธีใด?

  • ท่านคิดว่าทำไมประธานยังลอนสิทธิชนให้ชื่นชมยินดีในการข่มเหง ความเจ็บไข้ความ เจ็บปวด และความทุกข์ทรมาน? พรใดเป็นผลจากลภาพการณ์เหล่านี้? ความทุกข์ยาก และการทดลองเป็นไปเพื่อความดีของเราอย่างไร? เราสามารถเรียนรู้ที่จะชาบชึ้งและรู้ คุณค่าของความยากลำบากในชีวิตขณะที่เรากำลังประลบช่วงเวลาที่ยุ่งยากได้อย่างไร?

  • ประธานยังกล่าวว่า “เราอยู่ [ที่นี่] โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียนรู้ว่าจะทำอะไรกับชีวิตที่ เป็นอยู่ในเวลานี้และกับพรที่ประทานแก่เราขณะนี้” อะไรจะเกิดขึ้นหากเราไม่แสดง ความกตัญญูโดยการเรียนรู้ว่าจะทำอะไรกับพรที่เรามีอยู่ในเวลานี้? (ดู โมไชยา 2:20–21 ด้วย) เราจะทำอะไรเพื่อแสดงความกตัญญูลำหรับพรของเรา? เราจะ “ปรับปรุงพรทุก ประการที่พระเจ้าประทานแก่เรา” ได้อย่างไร?

คนถ่อมใจยอมรับว่าเขาต้องพึ่งพาพระเจ้า

  • ประธานยังพูดถึงความจำเป็นที่ต้องเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ เพื่อ “ได้รับความสว่างทางสติ ปัญญาครั้งแรกจากวิญญาณของพระกิตติคุณ” ท่านพูดว่าหลังจากนั้นบุคคลจะเติบโต ในความรู้และสติปัญญา หลักฐานใดที่ท่านเห็นในตัวท่านเองหรือคนอื่นๆ ที่บ่งบอกว่า สิ่งนี้เป็นจริง? เด็กๆ มีคุณสมบ่ติใดที่นำให้ผู้ใหญ่ถ่อมใจ?

  • ประธานยังสอนว่า “เราไม่มีอะไรเลยนอกจากสิ่งที่พระเจ้าทรงท่าเพื่อเรา” เราจะรู้ได้ อย่างไรว่าพระเจ้าทรงประสงค์จะทำสิ่งใดเพื่อเรา? การเป็นคนถ่อมใจของเราจะทำให้ พระเจ้าทรงนำทางเราได้อย่างไร? (ดู โมไชยา 3:19 ด้วย) พระเจ้าทรงนำทางชีวิตของ ท่านและช่วยให้ท่านเป็นคนดีขึ้นได้อย่างไร?

  • ประธานยังพูดว่า “คนที่ไม่มีความปรารถนาอันแรงกล้าในการเอาชนะ พึงดำเนินต่อไป ในความถ่อม ไม่ใช่โอ้อวดความชอบธรรมของเขาว่ามีเหนือพี่น้อง” การเปรียบเทียบ ความเข้มแข็งของเรากับความอ่อนแอของอีกคนหนึ่งนำไปสู่ความหยิ่งจองหองอย่างไร? พรใดมาสู่ผู้ที่ถ่อมใจ? (ดู อีเธอร์ 12:27 ด้วย)

คนที่ซื่อตรงจะซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อพระเจ้า

  • เหล่าเทพเป็นแบบอย่างสำหรับครอบครัว หรือชุมชนถึงวิธีที่จะอยู่ด้วยกันอย่างไร?

  • ประธานยังกล่าวว่าในชุมชนของคนชื่อตรง จะไม่มีคนขาดแคลนแม้ลักคนเดียว ทุกคนจะ มีอย่างพอเพียง ทำไมสิ่งนี้เป็นจริง? ความไม่ชื่อตรงมีผลกระทบต่อชุมชนของเรา อย่างไร? ความชื่อตรงถ่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนของเราอย่างไร?

  • เราจะสอนลูกๆ ของเราให้ชื่อตรงได้อย่างไร? ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องชื่อตรงทุก เรื่องในชีวิตของเรา?

  • ตามที่ประธานยังกล่าว ทำไมการชื่อตรง “พันครั้งง่ายกว่า [กระทำ] การหลอกลวง” และเป็น “หนทางที่ง่ายที่สุดในโลก”?