คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 30: การพัฒนาทัศนคติ แบบพระคริสต์ต่อผู้อื่น


บทที่ 30

การพัฒนาทัศนคติ แบบพระคริสต์ต่อผู้อื่น

ประธานบริคัม ยัง เห็นความจำเป็นที่จะต้องมี ความใจบุญ “ความรักอันบริสุทธิ์ของ พระคริสต์” เพื่อทำให้เส้นทางของชีวิตราบรื่น การปฏิบัดิต่อลูชี ใกรฟ เป็นตัวอย่างของ ความเมตตาและการรับใช้ที่ท่านมีต่อผู้อื่น: ในการเดินทางไปตะวันตก ลูชีตกจากเกวียน และโดนล้อเกวียนทับจนขาและซี่โครงหักหลายซี่ ประธานยังทำให้กระดูกของเธอเข้าที่ และให้พรเธอ สองสามวันต่อมาลูกสาวของลูซีสะดุดล้มทับขาของเธอและทำให้เธอขาหัก เป็นครั้งที่สอง ด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบุกขณะที่วัวก้าวเดิน ลูชีขอให้สามีของเธอ ถอนตัวออกจากขบวนเกวียนและให้คนอื่นๆ เดินทางต่อไปโดยไม่ต้องมีครอบครัวของ เธอ ประธานยังประกาศว่าท่านจะไม่ยอมทิ้งพวกเขาไว้ข้างถนนในดินแดนที่มีอันตราย เช่นนี้เป็นอันขาด ท่านแนะนำให้ผู้ชายหลายๆ คนตัดขาเตียงของลูซีออก แล้วแขวนขอบ เตียงกับโครงหลังคาเกวียนเพื่อว่าฟูกและสปริงจะแกว่งไปมาอย่างง่ายดายเหมือนกับ เปลญวน จากนั้นประธานยังก็ให้พรลูชีอีกครั้งหนึ่งและขี่ม้าข้างๆ เธอเป็นเวลาหลายวัน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่พบกับความยากลำบากมากขึ้นไปอีก “ด้วยลักษณะท่าทางที่ สุภาพอ่อนโยน” หลานชายของลูซีเขียน “ท่านจึงเป็นที่รักของลูซีและลูกหลานของเธอ ตลอดกาล” (HRF, 757–58)

คำสอนของบริคัม ยัง

จงตกแต่งกายเจ้าด้วยพันธะแห่งความใจบุญ

เราไม1ได้มาอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวหรือเพียงลำพัง ไม่ได้แตกต่างไปจากเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่ ของมนุษย์ เราเป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้น เราจึงอยู่ ภายใต้ภาระผูกพันซึ่งกันและกัน (DBY, 271)

สิทธิชนยุคสุดท้ายต้องเรียนรู้ว่าความสนใจของเพื่อนพี่น้องก็คือความสนใจของตนเอง หากไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รับการช่วยให้รอดในอาณาจักรชั้นสูงของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 271)

พระเจ้าจะทรงอวยพรผู้คนที่เต็มไปด้วยความใจบุญ มีเมตตาและงานดี (DBY, 280)

ความใจบุญ มีคุณธรรม คุณสมบัติ หรือหลักธรรมหนึ่งซึ่งหากสิทธิชนปรารถนาจะ ปฏิบัติแล้วละก็สิ่งนี้จะพิสูจน์ให้หลายๆ พันคนได้เห็นถึงความรอด ข้าพเจ้าพูดถึงความใจ บุญหรือความรัก สิ่งนี้นำมาซึ่งการให้อภัย ความอดทนนาน ความเมตตา และความอด กลั้น (DNW,Jan. 1860, 1)

เราควรมีความใจบุญ เราควรทำทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อจะกส่อมเกลาบุตรและธิดา ที่หลงทางของอาดัมและอีฟ แล้วนำพวกเขากลับมารับการช่วยให้รอดในที่ประทับของพระ บิดาพระผู้เป็นเจ้าของเรา หากเราทำเช่นนี้ ความใจบุญของเราจะแผ่ขยายออกไปให้ไกลที่ สุดดังที่มันถูกกำหนดไว้ว่าความใจบุญของพระผู้เป็นเจ้าจะต้องแผ่ขยายไปในบรรดาผู้คน (DBY, 273)

จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง [ดู มัทธิว 22:39] จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนกับที่ท่าน ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน [ดู มัทธิว 6:12] (DNW, 20 Mar. 1852, 3)

เป็นสิ่งโง่เขลาอย่างที่สุดเมื่อคนเรากล่าวว่าพวกเขารักพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่พวกเขาไม่ได้ รักเพื่อนบ้านของพวกเขา [ดู  ยอห์น 4:20] (DBY, 271)

เราควรเริ่มทำงานแห่งความรัก และความเมตตากับครอบครัวของเราก่อน แล้วค่อย ขยายไปสู่ผู้อื่น (DBY, 271)

จงมั่นคงแน่วแน่ ยึดมั่นกับความจริงเสมอ อย่าส่งเสริมให้มีความพยาบาทหรือความ เกลียดชังในใจของท่าน สิ่งนั้นไม่ได้เป็นของสิทธิชน (DBY, 273)

ข้าพเจ้าพูดใช่ไหมว่าให้รักศัตรูของท่าน? ใช่ โดยตั้งอยู่บนหลักธรรมที่แน่นอน แต่ท่าน ไม่ได้ถูกเรียกร้องให้รักความชั่วร้ายของพวกเขา ท่านถูกเรียกร้องให้รักพวกเขาตราบที่เกี่ยว ข้องกับความปรารถนาและความพยายามที่จะหันพวกเขาออกจากทางที่ชั่วร้าย เพื่อพวกเขา จะได้รับการช่วยให้รอดโดยการเชื่อพังพระกิตติคุณ (DBY, 272)

เพื่อนบ้านของท่านท่าสิ่งที่ผิดบ้างหรือไม่? พวกเขาท่า ผู้คนมาจากส่วนต่างๆ ของแผ่น ดินโลก มาที่นี่เพื่อท่าให้ประเทศนี้เป็นแผ่นดินใหม่ของพวกเขา และผู้พำนักเดิมคาดหวังให้ พวกเขาปรับตัวและรับเอาแบบอย่าง ธรรมเนียม และประเพณีของพวกเขาโดยทันทีถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คิดว่าผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ไม่มีค่าสมต่อการผูกมิตรของพวกเขาพูดอีก อย่างหนึ่งก็คือ “หากชาย หญิง และเด็กทุกคนที่ไม่ปฏิบัติ คิด และเข้าใจเหมือนกับ ข้าพเจ้า พวกเขาก็เป็นคนบาป” เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะมีความใจบุญซึ่งจะครอบคลุม ขนาดของสิ่งที่เราคิดว่าเป็นบาปได้ (DNW, 11 Jan. 1860, 1)

มันควรเป็นข้อพิสูจน์ที่น่าพึงพอใจขณะที่ท่านกำลังอยู่ในเส้นทางแห่งชีวิต หากท่านรัก พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อนบ้านของท่านด้วยสุดใจของท่าน (DBY, 271)

จงสร้างวิถีอันแน่นอนที่จะดำเนินตาม เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดรและพาผู้อื่นไปกับท่านให้ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยอมรับเขาดังที่เขาเป็น เข้าใจเขาดังที่เขาเป็น และปฏิบัติต่อเขาดังที่ เขาเป็น จงมองดูพวกเขาเสมือนหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตร (DBY, 274)

ความเมตตา จงเมตตาต่อทุกคนดังที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงเมตตา พระองค์ทรงส่งฝนให้ กับคนเที่ยงธรรมและคนอธรรม และให้แสงอาทิตย์ส่องแก่คนชั่วและคนดี [ดู มัทธิว 5:45] ดังนั้น ขอให้ความดีงามของเราขยายไปสู่งานทั้งหมดของพระหัตถ์ของพระองค์ ทุกแห่งที่ เราสามารถทำได้ แต่อย่ายอมพ่ายแพ้ต่อวิญญาณและอิทธิพลของความชั่วร้าย (DBY, 272)

จงละทิ้งความหยาบคายเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดเลียและมอบความเมตตาให้แก่ทุกคนจงติ สอนเมื่อการดีสอนนั้นจะเกิดผลดีที่สุด แต่พยายามพูดชักชวนก่อนที่ท่านจะใช้ไม้เรียว (DBY, 277)

หากท่านดีสอนคนใดคนหนึ่ง อย่าดีสอนเขาจนเกินกว่าท่านจะใช้ขี้ผึ้งในตัวท่านมาสมาน แผลให้เขาได้ [ดู ค.พ. 121:43] (DBY, 278)

ไม่เคยมือะไรมาเปลี่ยนความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อบุคคลใด ไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ว่า พวกเขาจะเชื่อดังที่ข้าพเจ้าเชื่อหรือไม่ก็ตาม ท่านจะเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้าได้หรือไม่? ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนบ้านของท่านได้ และข้าพเจ้าไม่มีความกังวลแม้แต่น้อยว่าท่านจะเชื่อ ข้าพเจ้าหรือไม่ก็ตาม (DBY, 278–79)

ในการปฏิบัติต่อคนนอกศาสนาจักร อย่าเรียกพวกเขาว่าคนต่างชาติ ให้ตัวอย่างของเรา เป็นไปในลักษณะที่มีค่าต่อการเลียนแบบ แล้วคนที่ชื่อตรงจะพูดว่า “ฉันนึกแล้วว่าศาสนา นี้ถูกต้อง ฉันคิดอยู่ว่าจะมาเข้ากับศาสนาของคุณ” (DBY, 279)

การเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตา สุภาพและพูดความจริง เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและยึดถือ คุณธรรมการไม่ทำสิ่งผิด สิ่งเหล่านี้คือการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า ความดีงามเปล่งรัศมีแห่ง ความเบิกบานรอบๆ ทุกคนที่เป็นเจ้าของคุณธรรมนั้น ทำให้ใบหน้าของเขาฉายส่องลำแสง และทำให้สังคมของเขาเป็นที่พึงปรารถนาเนื่องจากความประเสริฐของมัน เขาเป็นที่รักของ พระผู้เป็นเจ้า ของเทพผู้บริสุทธิ์ และของคนดีทั้งหมดบนแผ่นดินโลก แต่จะเป็นที่เกลียดชัง อิจฉา เป็นที่น่านับถือและน่าเกรงกลัวของคนชั่วร้าย (DBY, 280)

งานดี คุณลักษณะพิเศษยิ่งของศาสนาของเราคือการมีความเมตตาต่อทุกคน ทำดีต่อ ทุกคน ตราบที่พวกเขาจะยอมให้เราทำดีต่อ (DBY, 272)

ขอให้เรามีความเข้าอกเข้าใจกัน ขอให้คนเข้มแข็งพยาบาลคนอ่อนแอจนมีพลัง ขอให้คน ที่มองเห็นนําทางคนตาบอดจนกว่าเขาจะมองเห็น (DBY, 271)

สวดอ้อนวอนเสมอเพื่อทุกคนที่อยู่ในขอบเขตที่เราจะแสดงความเมตตาได้ (DBY, 279)

เมื่อท่านเห็นเพื่อนบ้านของท่านหลงทางไป จงสวดอ้อนวอนเพื่อเขา เพื่อเขาจะมีพระ วิญญาณของพระกิตติคุณดังที่เขาเคยมี และหากท่านรู้สึกถึงพระวิญญาณนี้ภายในตัวท่าน จงสวดอ้อนวอนเพื่อเพิ่มความสว่างที่ท่านเคยได้รับเวลาที่ท่านได้รับพระกิตติคุณครั้งแรก และท่านจะช่วยให้ตัวเองและครอบครัวของท่านรอด (DBY, 272)

สมมุติว่าในชุมชนของท่านมีขอทานสิบคนที่เดินขออาหารจากบ้านหนึ่งไปยังอีกบ้านหนึ่ง แต่มีเก้าคนที่เป็นคนโกงซึ่งขอเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานและด้วยจิตใจที่ชั่วร้ายหลอกลวงผู้ที่มี ใจเอื้อเฝื้อและเผื่อแผ่ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาเยี่ยมบ้านท่านโดยมีค่าควรต่อการได้รับ ความเอื้ออารีของท่าน อะไรคือการกระทำที่ดีที่สุด ให้อาหารแก่คนทั้งสิบคนเพื่อให้แน่ใจว่า ได้ช่วยเหลือคนที่ต้องการจริงๆ เพียงหนึ่งคน หรือจะปฏิเสธทั้งสิบคนเพราะท่านไม่ทราบว่า คนไหนเป็นคนที่มีค่าควร อย่างนั้นหรือ? พวกท่านทุกคนจะตอบว่า ให้ของขวัญด้วยความ ใจบุญแก่คนทั้งสิบ แทนที่จะปฏิเสธคนที่มีค่าควรและมีความจำเป็นจริงๆ เพียงคนเดียวใน บรรดาพวกเขา หากท่านทำสิ่งนี้ จะไม่มีความแตกต่างในพรของท่าน ไม่ว่าท่านจะปฏิบัติ ต่อคนที่มีค่าควรหรือไม่มีค่าควรก็ตาม ตราบที่ท่านให้ทานด้วยการอุทิศอย่างสมบูรณ์เพื่อ ช่วยคนยากจน (DBY, 274)

อย่ากล่าวโทษ จงตัดสินด้วยวิจารณญาณอันชอบธรรม

อย่าตัดสิน เพื่อท่านจะไม่ถูกตัดสิน [ดู มัทธิว 7:1] อย่าให้ผู้ใดตัดสินเพื่อนมนุษย์ของเขา นอกจากเขาจะมีพระทัยฃองพระคริสต์อยู่ภายในตัวเขา [ดู โมโรไน 7:16–18] เราควร พิจารณาประเด็นต่อไปนี้อย่างถี่ถ้วน บ่อยเหลือเกินที่เราได้ยินคนพูดว่า—“คนนั้นทำผิด เขาจะเป็นสิทธิชนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่” ท่านรู้ได้อย่างไร?…อย่าตัดสิน คนเช่นนั้นเพราะท่านไม่ทราบจุดประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับเขา ฉะนั้น อย่ากล่าวว่าเขา ไม่ใช่สิทธิชน…บุคคลที่กล่าวว่าคนอื่นไม่ใช่สิทธิชนยุคสุดท้าย เพราะความผิดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตมนุษย์ผิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า พี่น้องชายหญิง ลองคิดถึงสิ่งต่อไปนี้ จดมันลงในกระดาษ เพื่อท่านจะจดจำมันได้เสมอ เอามันไปกับท่าน และอ่านมันบ่อยๆ หากฉันตัดสินพี่น้องชายหญิงของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ตัดสินพวกเขาด้วยการ เปิดเผยของพระเยซูคริสต์ ฉันก็ไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ หากฉันมี ฉันก็จะไม่ตัด สินผู้ใด (DBY, 277–78)

ความเศร้าโศกท่วมท้นอยู่ในใจของข้าพเจ้าเมื่อเห็นเอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอลหลายคน ปรารถนาให้ทุกคนมีมาตรฐานและได้รับการวัดด้วยมาตราวัดเดียวกันกับพวกเรา ทุกคนจะ ต้องตัวยาวมากเหลือเกินจึงจะมีขนาดพอดีกับโครงเตียงเหล็กของเขา [ดู อิสยาห์ 28:20] หรือไม่ก็ถูกตัดความยาวออก หากเตี้ยเกินไปเขาฟ้องถูกยืดตัวออกเพื่อให้ได้ตามข้อกำหนด (DBY, 279)

หากพวกเขาเห็นพี่น้องชายหรือหญิงที่ทำไม่ถูกต้อง ผู้ซึ่งวิถีของเขาหรือเธอไม่สอดคล้อง กับแนวความคิดเฉพาะเจาะจงของตนในเรื่องต่างๆ พวกเขาจะสรุปทันทีว่าเขาหรือเธอเป็น สิทธิชนไม่ได้ และเลิกคบ โดยสรุปว่า หากคนเหล่านั้นอยู่ในวิถีแห่งความจริง คนอื่นๆ จะ ต้องมีน้ำหนักและขนาดที่แน่นอนแบบเดียวกันกับพวกตน (DBY, 279)

ขอให้เรามีความอดทนต่อกัน ข้าพเจ้าไม่ได้มองดูทุกสิ่งโดยรวมเหมือนกับที่ท่านมองการ ตัดสินของข้าพเจ้าไม่เหมือนของท่านในทุกเรื่อง ทั้งของท่านก็ไม่เหมือนของข้าพเจ้า เมื่อ ท่านตัดสินชายหรือหญิง จงตัดสินเจตจำนงในใจ ไม่ใช่คำพูด หรือการกระทำ อารมณ์และ เจตจำนงในใจจะต้องได้รับการนำขึ้นมาและมนุษย์จะได้รับการตัดสินโดยสิ่งเหล่านี้ [ดู ค.พ. 137:9] (DBY, 273–74)

ขอให้สิทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนเรียนรู้ว่าความอ่อนแอของเผื่อนพี่น้องของท่านไม่ใช่บาป เมื่อชายหรือหญิงท่าความผิดโดยไม่เจตนา อย่าถือว่านั้นคือบาปที่พวกเขาท่า ขอให้เราเรียน รู้ที่จะมีความเห็นอกเห็นใจกัน ขอให้ความเมตตากรุณาท่าให้อารมณ์โกรธและความกลัดกลุ้มบรรเทาลง เพื่อเราจะเป็นคนที่อดทนนานและมีประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารซึ่งกัน และกันทุกอย่าง (DBY, 273)

จงรับใช้พระเจ้า และพยายามอย่าจับผิดกัน [ดู ค.พ. 88:124] จงดำเนินชีวิตในลักษณะ ที่ท่านจะไม่มีความผิดให้ตัวเองค้นพบ และไม่ใส่ใจกับความผิดของเพื่อนพี่น้อง เพราะแต่ ละคนก็มีความผิดของตนมากพอที่จะสนใจอยู่แล้ว (DBY, 280)

ท่านอาจเห็นหรือคิดว่าเห็นความผิดเป็นพันในเพื่อนพี่น้องของท่าน กระนั้นพวกเขาก็อยู่ ในกฎระเบียบเช่นเดียวกับท่าน พวกเขาคือเนื้อหนังแบบเดียวกับเนื้อหนังของท่าน กระดูก แบบเดียวกับกระดูกของท่าน พวกเขาเป็นของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ เรา ทุกคนเป็นลูกของพระองค์ควรพอใจกันและกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปไค้ (DBY, 271)

จงเคารพซึ่งกันและกัน อย่าพูดจาดูหมิ่นกัน บางคนมีความโน้มเอียงที่จะขับผู้นั้นลงนรก เพราะไม่มีค่าควรต่อการอยู่บนแผ่นดินโลกหากพวกเขารู้สึกขุ่นเคืองผู้นั้นเพียงเล็กน้อย โอ้ คนโง่! ช่างไม่เข้าใจว่าผู้ที่ท่านกล่าวโทษนั้นคืองานแห่งพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียว กับตัวท่านเอง! พระผู้เป็นเจ้าทรงมองดูความอ่อนแอของพวกเขา และตราบที่เขาท่าความดี เขาก็เป็นที่ยอมรับเช่นเดียวกับเรา จงขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่ท่านรู้มากขึ้น และเปียมไป ด้วยความเมตตากรุณา (DBY, 274)

พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรคนที่ถ่อมใจและชอบธรรม พระองค์ทรงเมตตาเราเนื่องจาก ความอ่อนแอที่มีอยู่ในธรรมชาติของเรา และเมื่อพิจารณาความอ่อนแอและความโง่เขลา อย่างมากมายของมนุษย์มตะ ขอให้เรามีความเมตตาต่อกัน (DBY, 272)

บุคคลที่เปี่ยมด้วยความเมตตาจะพบความเมตตา [ดู มัทธิว 5:7] (DBY, 273)

ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่ไม่ใช่หน้าที่ของเราในสภาวะปัจจุบันที่จะตัดสินโลก หากเป็นเช่นนั้นเราจะทำลายทุกสิ่ง เราไม่มีปัญญาเพียงพอ ความคิดของเราไม่ไค้เต็มไปด้วย ความรู้และพลังของพระผู้เป็นเจ้า วิญญาณของมนุษย์ต้องควบคุมร่างกายที่เป็นเนื้อหนัง มากขึ้นอีกจนกว่ามันจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะกิเลสของมัน จนกระทั่งทั้งจิต วิญญาณจะถูกนำมาลู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระทัยและพระประสงค์ของพระผู้ เป็นเจ้าเราต้องไค้มาซึ่งวิจารณญาณที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ในการมองอนาคตกาล ที่จะ เสาะหาให้แน่ใจและรู้ผลของการกระทำของเราในอนาคต แม่ในนิรันดร ก่อนที่เราจะมี ความลามารถในการตัดสิน (DBY, 278)

สร้างศรัทธาในกันและกันและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

หากเราไค้มาซึ่งศรัทธานั้นและไค้ความไว้วางใจต่อกัน และในพระผู้เป็นเจ้าของเรา เมื่อ เราขอความช่วยเหลือ เราจะทำสิ่งนั้นด้วยความเชื่อมั่นและความรู้อย่างสมบูรณ์ว่าเราจะไค้ รับ ท่านไม่เข้าใจหรือว่ามันจะนำเราให้กระทำต่อผู้อื่นตังที่เราต้องการให้พวกเขากระทำต่อ เราในธุรกิจและในสภาพแวดล้อมทุกอย่างของชีวิต? มันจะกระตุ้นให้เราทำไม่เพียงเท่าที่เรา ได้รับการขอร้อง แต่จะทำมากกว่านั้นอีก หากพี่น้องของท่านขอให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่ง กิโลเมตร ท่านจะไปกับเขาสองกิโลเมตร หากเขาจะฟ้องเพี่อเอาเสื้อของท่าน ท่านจะให้ เสื้อคลุมแก่เขาด้วย [ดู มัทธิว 5:40–41] หลักธรรมนี้กระตุ้นให้เราทำทุกสิ่งที่เราสามารถ ทำได้เพี่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ให้ทำอุดมการณ์ของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก และสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราทำ ขอให้เราพร้อมและเต็มใจที่จะทำสิ่งนั้น ทันที (DBY, 275)

แต่หากเราขาดความไว้วางใจ และอิจฉากัน สันติของเราจะถูกทำลาย หากเราฝึกฝน หลักธรรมแห่งความไว้วางใจอันไม่สั่นคลอนต่อกันและกัน ความปีติยินดีของเราจะเต็มเปี่ยม (DBY, 275)

งานที่ท่านและข้าพเจ้าเข้าร่วมคือการฟึ้นฟูความไว้วางใจให้กลับมาในจิตใจของผู้คนและ เมื่อข้าพเจ้าพิจารณาเรื่องที่พี่น้องสมาชิกฝ่าฝืนสัญญา ข้าพเจ้าถือว่ามันเป็นจุดด่างพร้อย ต่อคุณลักษณะของผู้คนเหล่านี้ เราควรรักษาสัญญาต่อกัน และหากเรามีความยุ่งยากใจ หรือความเข้าใจผิดต่อกัน จงพูดคุยกัน ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนละเอียดลออจริง จัง และรอบคอบ และเราจะพบว่าความยุ่งยากทั้งปวงจะได้รับการแก้ไขโดยวิธีนี้ซึ่งง่ายกว่า วิธีอื่น และเราจะพบด้วยว่าความยุ่งยากเกือบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบรรดาผู้อาศัยของแผ่นดิน โลกเกิดจากความเข้าใจผิด และหากปัญหานั้นเกิดจากความตั้งใจและจุดประสงค์ที่ผิดจริงๆ หากเรื่องนั้นได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วโดยปกติผู้ที่กระทำผิดมักจะเต็มใจยอมตาม ข้อตกลง (DBY, 276)

เมื่อเกิดความแตกแยกในการตัดสินระหว่างสองกลุ่ม จงให้พวกเขามาพร้อมกันและ แสดงข้อคิดเห็นที่แตกต่างต่อกัน โดยวางตนอยู่ในความถ่อมใจ และกล่าวว่า “บราเดอร์ (หรือชิสเตอร์) ผมต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง อันที่จริง ผมถึงกับจะทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายผิด เพี่อจะทำให้คุณเป็นฝ่ายถูก” ท่านไม่คิดหรือว่าชายหรือหญิงที่กระทำในลักษณะนี้ต่อเพื่อน บ้านของเขาหรือเธอ จะได้รับการพิสูจน์ให้ถูกต้องด้วยกฎแห่งความชอบธรรม? พวกเขานำ เอาการตัดสินมาอยู่ด้วยกัน และเห็นพ้องกัน ด้งนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้บุคคล ที่สามมาแก้ไขความแตกแยก หลังจากวิธีนี้แล้ว หากท่านยังตกลงกันไม่ได้ จึงค่อยให้บุคคล ที่ลามมาแก้ไข (DBY, 276–77)

ความขัดแย้งมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ จนทำให้ผู้คนเหินห่างกันจนถึงระดับที่ว่าไม่มีศรัทธาใน ความชื่อตรงและคุณธรรมของกันและกัน ซึ่งบางทีทั้งสองกลุ่มที่ขัดแย้งกันนั้นสะดุดเพียง ความเข้าใจผิดที่โง่เขลา เห็นแก่ตัวเล็กๆ น้อยๆ จนขยายออกไปถึงระดับที่อยากจะตัดอีก ฝ่ายหนึ่งออกจากศาสนาจักร บ่อยเหลือเกินที่กรณีเช่นนี้ถูกนำเสนอมาให้ข้าพเจ้า เมื่อเปิด เผยความยุ่งยากออกมาก็พบว่ามันเริ่มต้นจากความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ในความสัมพันธ์ กับเรื่องเล็กๆ ความยุ่งยากทั้งหมดเกิดขึ้นจากสาเหตุที่หยุมหยิมที่สุด จงหลีกเลี่ยงการบำรุง เลี้ยงความเข้าใจผิดจนกระทั่งมันกลายเป็นความยุ่งยาก (DBY, 277)

หากเพื่อนบ้านของท่านพูดคุยเกี่ยวกับท่าน และท่านคิดว่าพากเขาทำผิดที่พูดสิ่งเลาร้าย ต่อท่าน อย่าให้พากเขารู้ว่าทานได้ยินคำพูดนั้น ประพฤติตัวท่านเองราวกับว่าพากเขาทำสิ่ง ที่ถูกต้องเสมอ (DBY, 277)

นับแต่เวลานี้ไปขอให้เราดำเนินชีวิตในลักษณะที่จะสร้างความไว้วางใจในทุกคนที่เรา ปฏิบัติและติดต่อด้วย สะสมความไว้วางใจแม้เพียงเล็กน้อยที่สุดที่เราได้รับเหมือนกับว่าสิ่ง นั้นเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดที่มนุษย์มตะพึงหามาได้ เมื่อข้าพเจ้าทำให้เพื่อนบ้านไว้ วางใจในตัวข้าพเจ้าโดยการกระทำดี ข้าพเจ้าลาดอ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้าไม่ทำสิ่งใดที่จะทำ ลายมัน (DBY, 276)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

จงตกแต่งกายเจ้าด้วยพันธะแห่งความใจบุญ

  • อะไรคือ “ภาระผูกพันซึ่งกันและกัน” ที่เรามีในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัวมนุษย์? ทัศนคติและการกระทำต่อคนอื่นมีผลต่อความรอดของเราอย่างไร? ความใจบุญช่วยให้ เรา “กล่อมเกลาบุตรและบิดาที่หลงทางของแอดัมและอีฟ” ได้อย่างไร?

  • ทำไมเราจึงรักพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงไม่ได้หากเราไม่ได้รักผู้อื่น? ทำไมจึงเป็นสิ่งจำ เป็นที่จะ “มองดู [ผู้อื่น] ดังที่พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเขา”? ท่านจะเพิ่มความ ลามารถในการทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

  • ความใจบุญ “ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์” แสดงออกได้หลายวิธี (ตัวอย่างเช่น โมโรไน 7:45–47) อะไรคือการแสดงออกถึงความใจบุญตังที่ประธานยังเน้น? เราจะแสดง ความใจบุญต่อผู้ที่ท่านติดต่อด้ายอย่างไร? ผู้อื่นแสดงความใจบุญต่อท่านอย่างไรบ้าง?

อย่ากล่าวโทษ จงตัดสินด้วยวิจารณญาณอันชอบธรรม

  • ประธานยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตัดสินกันและกันอย่างไร? ท่านจะนำคำแนะนำนี้มา ใช้ได้อย่างไรเมื่อแสดงปฏิกิริยาต่อผู้ที่คิดหรือประพฤติแตกต่างจากท่าน?

  • อะไรคือผลที่ตามมาหากเราตัดสินเพื่อนมนุษย์อย่างไม่ชอบธรรม? อะไรจะช่วยให้เรา ตัดสินอย่างชอบธรรมหากเราอยู่ในสถานะที่ต้องตัดสินผู้อื่น? (ดู โมโรไน 7:14–18) ทำไม การแสดงความเมตตาต่อกันจึงเป็นสิ่งสำคัญลำหรับเรา?

  • การระลึกว่าเราคือลูกของพระผู้เป็นเจ้าช่วยเราได้อย่างไรในการติดต่อกับสมาชิกในครอบดรัว เพื่อน และคนที่เรารู้จักดุ้นเคย?

สร้างศรัทธาในกันและกันและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

  • เราจะสร้างศรัทธาและความไว้วางใจในกันและกันได้อย่างไร? หากเราทำเช่นนั้นอะไร คือผลของมัน? จะเกิดอะไรขึ้นหากเราไมมีความไว้วางใจในกันและกัน?

  • แหล่งที่มาของความขัดแย้งคืออะไร? (ดู 2 นีไฟ 26:32–33 ด้วย) ความขัดแย้งคืออะไร และเราจะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นได้อย่างไร? ในอดีต ท่านเคยทำอะไรบ้างที่ช่วยให้ท่านประลบ ผลสำเร็จในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง? ประธานยังแนะนำให้เราประพฤติตนอย่างไร เมื่อมีความไม่เห็นพ้องต้องกันหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น?

  • ท่านคิดว่าทำไมประธานยังจึงบรรยายว่าความไว้วางใจที่ผู้อื่นมีต่อเรานั้นเปรียบเสมือน “ทรัทย์สินที่มีค่ามากที่สุดที่มนุษย์มตะพึงหามาได้”? ท่านทำสิ่งเฉพาะเจาะจงอะไรได้บ้าง เพื่อเพิ่มความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของผู้อื่นในตัวท่าน? พระผู้ช่วยให้รอดทรงใช้ เรื่องราวของชาวสะมาเรียผู้ใจดีเพื่อลอนเราถึงวิธีที่เราควรรักเพื่อนบ้านของเรา

ภาพ
good Samaritan

พระผู้ช่วยให้รอดทรงใช้เรื่องราวของชาวสะมาเรียผู้ใจดี เพื่อสอนเราถึงวิธีที่เราควรรักเพื่อนห้าน

ภาพ
pioneers traveling with handcarts

กลุ่มรถลากได้รับการสนับสนนด้วยเงินบริจาคของสิทธิชนเข้าลู่กองทุนหมุนเวียนเพื่อการอพยพตลอดไป ประธานยังจัดตังกองทุนนี้เพื่อช่วยเหลือสิทธิชนที่ยากจนให้มารวมกันที่ไซอัน