คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 4: ทำความรู้จักและถวายพระเกียรติ พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์


บทที่ 4

ทำความรู้จักและถวายพระเกียรติ พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประกอบเป็นพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ ประธานบริคัม ยัง สอนสิทธิชนยุคสุดท้ายให้ สักการะพระผู้เป็นเจ้า พระบิดา และกล่าวคำสวดอ้อนวอนถึงพระองค์ในพระนามของ พระเยซูคริสต์ ท่านสอนอีกว่าครั้งหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงเคยเป็นมนุษย์บนดาว พระเคราะห์ดวงหนึ่ง ผู้ทรง “ผ่านพ้นการทดสอบอย่างเข้มงวดดังที่เรากำลังผ่านอยู่ขณะ นี้ พระองค์ทรงได้รับประสบการณ์ ทรงได้รับทั้งความทุกข์ทรมานและความสุข และทรง รู้บุกสิ่งที่เรารู้เที่ยวยับความยากลำบาก ความทุกข์ ชีวิต และความตายของความเป็น มตะนี้” (DBY, 22)

คำสอนของบริคัม ยัง

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงวางแผน และทรงปกครองโลกนับไม่ถ้วน ทรงสร้างมนุษย์ และทรงเป็นพระบุคคลซึ่งจะเป็นที่รู้จักและรับการสักการะได้

เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าเดียว พระผู้เป็นกลางพระองค์เดียว และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์เดียว [ดู หลักแห่งความเชื่อข้อ 1] เราไม่อาจเชื่อได้แม้เพียงชั่วประเดี๋ยวว่าพระผู้ เป็นเจ้าไม่มีพระวรกาย อวัยวะ อารมณ์หรือพระลักษณะ พระองค์จะทรงแสดงพระลักษณะ ให้บุคคลที่ทรงจัดวางไว้เท่านั้นเห็น พระลักษณะทั้งมวลมีอยู่ในและเป็นผลของความเป็น อยู่ที่ได้รับการจัดวางไว้ (DBY, 23)

บางคนอาจท่าให้เราเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ทุกแห่งหน มันไม่ใช่เช่นนั้น พระองค์ ไม่ได้ประทับอยู่ทุกแห่งหน เพราะพระบิดาและพระบุตรทรงมีพระวรกายเดียว (DBY, 23–24)

เราคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ทุกแห่งหนในเวลาเดียวกัน และผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์?” [สดุดี 139:7] พระองค์ทรง อยู่กับสรรพสิ่งที่พระองค์สร้างโดยทางอิทธิพลของพระองค์ ทางการปกครอง วิญญาณ และ อำนาจของพระองค์ แต่พระองค์เองทรงเป็นพระบุคคลที่มีพระวรกาย และพวกเราถูกสร้าง ให้มีลักษณ ะเหมือนกับพระองค์ (DBY, 24)

บางคนเชื่อหรือคิดว่าการรู้จักพระผู้เป็นเจ้าจะลดคุณค่าของพระองค์ลงในสายตาของเรา แต่ข้าพเจ้าสามารถพูดได้ว่าสำหรับข้าพเจ้าแส้วการเข้าใจหลักธรรมหรือการเป็นอยู่ใดๆ บน แผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ใม่ได้ลดคุณค่าที่แท้จริงลงไปเลย ตรงกันข้าม สิ่งนี้กลับมีคุณค่า เพิ่มขึ้นต่อข้าพเจ้า และยิ่งข้าพเจ้ารู้จักพระผู้เป็นเจ้ามากเท่าใด พระองค์ก็จะยิ่งเป็นที่รัก และมีค่าต่อข้าพเจ้ามากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้ความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อพระองค์สูงส่ง มากขึ้น (DBY, 18)

ขอให้ทุกคนเป็นสหายของพระผู้เป็นเจ้า [ดู ยากอบ 2:23] (DBY, 18)

สถาปนิก ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ ผู้ควบคุม และผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ ผู้ชี้นำงานนี้มองไม่ เห็นตาฝ่ายธรรมชาติของเรา พระองค์ทรงดำรงอยู่ในอีกโลกหนึ่ง พระองค์ทรงเป็นอยู่ในอีก สถานะหนึ่ง พระองค์ทรงผ่านพ้นการทดสอบอย่างเข้มงวดเหมือนดังที่เรากำลังผ่านขณะนี้ พระองค์ทรงได้รับประสบการณ์ทรงได้รับทั้งความทุกข์ทรมานและความสุข และทรงรู้ทุกสิ่ง ที่เรารู้เกี่ยวกับความยากสำบาก ความทุกข์ ชีวิต และความตายของความเป็นมตะพระองค์ ทรงผ่านสิ่งทั้งหมดนี้ และทรงรับมงกุฎของพระองค์ ทรงรับความสูงส่ง ทรงถือกุญแจและ อำนาจของอาณาจักรนี้ พระองค์ทรงกวัดแกว่งคทาของพระองค์ และทรงทำตามพระประ สงค์ของพระองค์ในบรรดาลูกหลานมนุษย์ ในบรรดาสิทธิชน ในบรรดาคนบาปและนำผลที่ เหมาะสมกับจุดประสงค์ของพระองค์ออกมาในบรรดาอาณาจักร ประชาชาติ และจักรวรรดิ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะเกิดผลในรัศมีภาพ และความสมบูรณ์พร้อมในงานของพระองค์ (DBY, 22)

พระองค์ทรงควบคุมโลกนับไม่ถ้วนซึ่งทำให้ดาวเคราะห์ดวงน้อยนี้และโลกเป็นล้านๆ โลก ที่เรามองไม่เห็นล่องสว่าง และพระองค์ยังทอดพระเนตรเห็นส่วนที่เล็กที่สุดแห่งการสร้าง ของพระองค์ไม่มีสักสิ่งเดียวที่รอดพ้นจากสายพระเนตรของพระองค์ได้ และไม่มีลักสิ่งเดียว ที่ไม่ได้สร้างจากพระปรีชาญาณและอำนาจของพระองค์ (DBY, 20)

พระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงให้กำเนิดวิญญาณทุกดวงที่เคยอยู่หรือจะอยู่บนโลกนี้ [ดู ฮีบรู 12:9] และพวกเขาถือกำเนิดเป็นวิญญาณในโลกนิรันดร จากนั้นพระเจ้าทรงจัดวาง ระเบียบร่างกายมตะของมนุษย์ โดยอำนาจและปรีชาญาณของพระองค์ เราถูกสร้างทาง วิญญาณก่อน และต่อจากนั้นก็ทางร่างกาย (DBY, 24)

มีบันทึกไว้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งและมีอำนาจทุกอย่าง [ดู 1 นิไฟ 9:6] (DBY, 20)

พระองค์ทรงเป็นพระผู้ควบคุมสูงสุดของจักรวาล โดยการติเตียนของพระองค์ทำให้ทะเล แห้ง และแม่นํ้ากลายเป็นแดนทุรกันดาร พระองค์ทรงตวงนํ้าด้วยอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ และวัดฟ้าสวรรค์ด้วยคืบเดียว ทรงบรรจุผงคลีของแผ่นดินโลกไว้ในกังเดียว ชั่งภูเขาในตาชั่ง และชั่งเนินเขาด้วยตราชู สำหรับพระองค์ประชาชาติก็เหม่อนนํ้าหยดหนึ่งจากกัง พระองค์ ทรงหยิบเกาะทั้งหลายขึ้นมาเหมือนผงคลี ผมของเราพระองค์ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น และ ถ้าพระบิดาไม่ทรงเห็นชอบนกกระจาบแม้สักตัวเดียวก็จะตกลงดินไม่ได้ และพระองค์ทรงรู้ ความนึกคิดและเจตนาทั้งหมดในใจของทุกคน เพราะพระองค์สถิตอยู่ทุกแห่งหนโดยอำนาจ ของพระวิญญาณของพระองค์–ผู้ปฏิบัติของพระองค์ พระวิญญาณบ่ริสุทธิ์ พระองค์ทรง เป็นบิดาของคนทั้งปวง ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวง ทั่วคนทั้งปวง และในท่านทั้งปวง [ดู เอเฟซัส 4:6] พระองค์ทรงรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับโลกนี้ และพระองค์ทรงรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับโลกนับ ล้านๆ โลกที่เหมือนกันนี้ (DBY, 19)

พระองค์ประทานรูปแบบ การเคลื่อนไหวและชีวิตแก่โลกวัตถุใบนี้ ทรงทำดวงความสว่าง ทั้งใหญ่และเล็กที่ล่องสว่างในท้องฝ้าเบื้องบน ทรงจัดสรรเวลาและฤดูกาล และทรงกำหนด อาณาเขต พระองค์ทรงทำให้อากาศและนํ้าเต็มไปด้วยชีวิต ทรงปกคลุมภูเขาและที่ราบด้วย สัตว์เลื้อยคลาน และทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผู้ปกครองเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง (DBY, 18)

พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิด ทรงเป็นที่มาแห่งความรู้แจ้งทั้งมวล ไม่สำคัญว่าใคร คือผู้ครอบครอง ไม่ว่ามนุษย์บนแผ่นดินโลก ดวงวิญญาณในโลกแห่งวิญญาณ เหล่าเทพที่ อยู่ในความเป็นนิรันดรของบรรดาพระผู้เป็นเจ้าหรือดวงความรู้แจ้งที่อยู่ระดับตาสุดในบรรดา มารร้ายในนรก ทุกคนได้รับความรู้แจ้ง ความสว่าง อำนาจ และสิ่งที่เป็นอยู่จากพระผู้เป็น เจ้า—จากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับที่เราได้รับ ของประธานที่ดีและดีเลิศทุกอย่างมาจากพระ ผู้เป็นเจ้า [ดู ยากอบ 1:17] การคันพบทางด้านวิทยาศาสตร์ และศิลปะทุกอย่างที่ถูกต้อง และเถิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อมนุษยชาติประทานให้โดยผ่านการเปิดเผยโดยตรงจาก พระผู้เป็นเจ้า แต่กระนี้นก็มีน้อยคนที่ยอมรับ พระองค์ประทานให้ด้วยเจตนาเพื่อเตรียม ทางสำหรับชัยชนะขั้นสุดท้ายของความจริงและการไก่แผ่นดินโลกให้พ้นจากอำนาจของบาป และชาตาน (DBY, 18)

คนจำนวนมากพยายามแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงแต่ทว่าเป็นเรื่อง ง่ายสำหรับมดที่จะนับจำนวนเม็ดทรายบนแผ่นดินโลก มนุษย์ที่มีขีดจำกัดในเรื่องความรู้ แจ้งกลับเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าใจความเป็นนิรันดร์—มันง่ายสำหรับริ้นไรที่จะสืบ สาวประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงด้นกำเนิดของมนุษย์ เช่นเดียวกัน มันง่ายสำหรับมนุษย์ที่จะ เข้าใจพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในความเป็นนิรันดร์และเปิดเผย ความสับลึกที่นักปรัชญาด้นหามาตั้งแต่ด้น แล้วอะไรควรเป็นการเรียกและหน้าที่ของลูก หลานมนุษย์เล่า? แทนที่จะสอบถามถึงด้นกำเนิดของบรรดาพระผู้เป็นเจ้า—แทนที่จะ พยายามสำรวจความลึกของความเป็นนิรันดร์ตังที่เคยเป็นมา ที่เป็นอยู่ และที่กำลังจะเป็น แทนที่จะพยายามด้นหาเขตแดนของห้วงอวกาศที่เริ้งว้าง ขอให้พวกเขาจงแสวงหาเพื่อให้ ทราบจุดประสงค์ของการเป็นอยู่ขณะปัจจุบัน และใช้ความรู้แจ้งที่ครอบครองอยู่ในวิธีที่ เถิดประโยชน์ที่สุดเพื่อความดีและความรอดที่ต่างก็มือยู่ร่วมกันขอให้เขาแสวงหาที่จะรู้และ เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้ภายในขีดความสามารถของตน และทำความคุ้นเคยกับ วัตถุประสงค์ของการเป็นอยู่บนโลกนี้ โดยแสวงหาความรู้จากพระผู้เป็นเจ้าอย่างพากเพียร และโดยการศึกษาจากหนังสือที่ดีที่สุดอย่างตั้งใจ (DBY, 25)

พระเยซูคริสต์ พระบุตรผู้ถือกำเนิดองค์เดียวของพระบิดาในเนื้อหนัง ทรงชดใช้บาปของคนทั้งปวงที่กลับใจ

สิทธิชนยุคสุดท้ายเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระบุตรผู้ถือกำเนิดพระองค์เดียวของพระบิดา (ในเนื้อหนัง) ผู้เสด็จมาในศูนย์กลางแห่งเวลา ทรงทำงานของพระองค์ ทรงรับโทษบาปและ จ่ายหนี้บาปตั้งเดิมของมนุษย์โดยทรงมอบพระชนม์ชีพของพระองค์เอง ทรงพี้นคืนพระชนม์ และเสด็จขึ้นไปเฟ้าพระบิดาของพระองค์ และดังที่พระเยซูทรงเสด็จลงตากว่าสิ่งทั้งปาง ฉันใด พระองค์จะเสด็จขึ้นเหนือสิ่งทั้งปางฉันนั้น เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาอีก ดัง ที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์ว่า “เมื่อเขากำลังเขม้นดูฟ้า เวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นไปนั้น มี สองคนสามเสื้อขาวมายืนอยู่ข้างๆ เขา สองคนนั้นกล่าวว่า ชาวกาสิลีเอ๋ยเหตุไฉนท่านจึง เขม้นดูฟัาสวรรค์ พระเยซูองค์นี้ชึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีก เหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น [กิจการ 1:10–11]” (DBY, 26)

ศรัทธาของเรามีศูนย์รวมอยู่ในพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า และโดยทางพระองค์เราจึงมี ศรัทธาในพระบิดา (DBY, 26)

สิทธิชนยุคสุดท้ายและบุคคลอื่นๆ มีสิทธิ์ได้รับความรอด และทุกคนยกเว้นผู้ที่ทำบาป โดยต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์จะรู้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์ในวิธีเดียวกับที่เปโตรรู้ [ดู มัทธิว 16:13–19] สิ่งอัศจรรย์ไม่ได้ให้ความรู้นี้แก่มนุษยชาติ แม้ว่าพากเขาจะรับใช้ในฐานะ พยานอ้างอิงที่เสริมกำลังแก่ผู้ที่เซื่อ สิ่งอัศจรรย์ของพระเยซูเป็นที่รู้แก่ชาวยิว แต่ทว่าพากเขา ยังยอมให้พระองค์ถูกนำไปสู่ความตายในฐานะผู้หลอกลวงมนุษยชาติ และผู้ที่ถูกผีสิง (DBY, 28)

พระเยซูทรงดำเนินการจัดตั้งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรง แนะนำกฎเละพิธีการต่างๆ ของอาณาจักร (DBY, 29)

พระองค์มีได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ พระองค์ทรงแสดงสิ่งอัศจรรย์และกระทำงานดีบนแผ่น ดินโลก แต่มิได้ทรงกระทำสิ่งใดตามใจชอบของพระองค์เอง พระองค์ตรัสว่า “สิ่งใดที่พระ บิดาทรงกระทำ สิ่งนั้นพระบุตรจึงทรงกระทำด้าย” [ดู ยอห้น 5:19] “เรามีได้มุ่งที่จะทำ ตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา” [ดู ยอห์น 5:30] เรา ต้องมาสู่ข้อสรุปที่ว่า พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้ามิไดัทรงแนะนำ ชี้แนะ ปฎิบิติหรือแสดงให้ ประจักษ์ถึงพลังอำนาจ รัศมีภาพ หรือภารกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก เว้นแต่ว่าสิ่งนั้น มาจากพระดำริและพระประสงค์ของพระบิดาของพระองค์ (DBY, 26)

“เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” [ยอห์น 10:30] พระเยซูตรัส มีร่างกายเดียวกัน หรือ? ไม่เลย…ทั้งสองพระองค์มีได้เป็นองค์เดียวกัน ข้าพเจ้ากับบุตรชายคนหนึ่งของ ข้าพเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถ้าบุตรชายของข้าพเจ้าได้รับการสอนจากข้าพเจ้า เขาจะ เดินไปในทางที่ข้าพเจ้าวางไว้ให้เขาเดิน หากศรัทธาของเขาเป็นเหมือนกับข้าพเจ้า จุดประ สงค์ของเขาก็จะเหมือนกัน และเขาจะทำงานของพ่อด้งที่พระเยซูทรงทำงานของพระบิดา ของพระองค์ และด้งนั้นบุตรชายของข้าพเจ้าจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับข้าพเจ้าในความ หมายเชิงพระคัมภีร์ (DBY, 28)

พระเจ้าทรงเปิดเผยแผนหนึ่งแก่เราซึ่งโดยแผนนั้นจะช่วยเรารอดทั้งในชีวิตนี้และหลัง จากนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งที่เราจะทูลขอ และมากกว่าที่เราทูลขอเสียอีกพระ ภารกิจของพระเยซูที่มีต่อแผ่นดินโลกคือการนำพี่น้องชายหญิงกลับไปยังทีประทับของพระ บิดา พระองค์ทรงทำงานในส่วนของพระองค์ และเหลือไว้ให้เราทำในส่วนของเรา ไม่มีลัก สิ่งเดียวที่พระเจ้าทรงทำได้เพี่อความรอดของครอบครัวมนุษย์แล้วพระองค์ทรงเพิกเฉยไม่ กระทำ และสิ่งที่เหลือเป็นของลูกหลานมนุษย์ที่จะยอมรับหรือปฏิเสธความจริงทุกสิ่งนี้สามารถทำให้สำเร็จได้เพี่อความรอดของเขาเอง ก็บรรลุได้ในและโดยพระผู้ช่วยให้รอด…บัดนี้ พระองค์ทรงเป็นราชันแห่งกษัตริย์และพระเจ้าแห่งพระเจ้าและเวลาจะมาถึงที่ทุกเข่าจะย่อ ลงและทุกลิ้นจะสารภาพ [ดู โมไชยา 27:31] ต่อรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาว่าพระ เยซูคือพระคริสต์ [ดู ฟีลิปปี 2:10–11] ลักษณะพิเศษด้งกล่าวถูกยกมาพิจารณา มีใช่ใน ฐานะพระผู้ช่วยให้รอด แต่ในฐานะคนเลว ผู้ถูกตรึงกางเขนระหว่างโจรสองคนและถูกสบ ประมาทด้วยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม จะได้รับการต้อนรับจากมนุษย์ทั้งปวง ในฐานะพระผู้ เป็นอยู่พระองค์เดียวซึ่งพวกเขาจะรับความรอดได้โดยทางพระองค์ (DBY, 27)

พระวิญญาณบริสุทธิเป็นบุคคลที่เป็นวิญญาณ ผู้เป็นพยานภึงความจริง

เราเชื่อว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นบุคคลหนึ่งที่จัดอยู่ใน…พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ มีใช่องค์เดียวในสามหรือสามองค์ในหนึ่ง แต่พระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งเดียวในแก่นสาร เช่นเดียวกับหัวใจของคนสามคนถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวในสรรพ สิ่งทั้งมวล พระองค์ทรงเป็นบุคคลหนึ่งในสามบุคคลที่เราเชื่อ หน้าที่ของพระองค์คือช่วย ครอบครัวมนุษย์ที่รักความจริง ข้าพเจ้าอธิบายว่า สามพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่น เดียวกับใจของคนสามคนเป็นหนึ่งเดียว เพี่อท่านจะได้ไม่เข้าใจข้าพเจ้าผิด ข้าพเจ้าจะพูด ว่าข้าพเจ้าไม่ประสงค์ให้ท่านเข้าใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระบุคคลที่มีร่างกาย ด้งเช่น พระบิดาและพระบุตร แต่พระองค์ทรงเป็นผู้สื่อสารของพระผู้เป็นเจ้าที่แพร่อิทธิพลของ พระองค์ผ่านทางงานทั้งหมดของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ (DBY, 30)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้ปฎิบัติ [ของพระบิดาและพระบุตร] ที่จะทำให้เราระลึกถึง ความจริงจะทรงเปิดเผยความจริงใหม่แก่เรา ทรงสอน แนะนำ และชี้นำวิถีความคิดทุก อย่าง จนกว่าเราจะถูกทำให้ดีพร้อมและพร้อมที่จะกลับไปสวรรค์หสัังจากชีวิตนี้ ที่ซึ่งเราจะ เห็นและลนทนากับพระบิดาบนสวรรค์ใด้ (DBY, 26)

ข้าพเจ้าได้พิสูจน์จนเป็นที่พอใจตามความรู้ที่ดีที่ี่สุดที่ข้าพเจ้าจะรวบรวมมาได้ว่า มนุษย์ จะถูกหลอกได้โดยการมองเห็นด้วยตาธรรมชาติ เขาจะถูกหลอกได้โดยการได้ยินด้วยหูและ โดยการสัมผัสด้วยมือว่าเขาจะถูกหลอกได้ในทุกเรื่องที่เรียกว่าประสาทสัมผัสทางธรรมชาติ แต่มืสื่งหนึ่งที่เขาจะถูกหลอกไม่ได้ อะไรหรือ? นั่นคือการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณและอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อมนุษย์ สิ่งนี้จะสอนเขาในเรื่องของสวรรค์ ชี้นำเขาถึงทางแห่งชีวิต ให้กุญแจแก่เขาซึ่งเขาจะใช้ทดสอบแผนของมนุษย์ได้ และแนะนำ เรื่องของพระผู้เป็นเจ้า ไม่เฉพาะกับสิทธิซนที่มีอยู่ที่นี่ และที่จะรวมกันไปสู่ไชอัน แต่กับ ประชาชนทุกชาติ ทุกทวีป หรือทุกเกาะที่นับถือศาสนาซึ่งสอนโดยพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และอัครสาวกของพระองค์ และสอนโดยโจเซฟ สมิธ พวกเขาแสดงประจักษ์พยานเดียวกัน พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าซุบดวงตาของพวกเขาชี้นมา และพวกเขาเห็นตรงกันใจของ พวกเขาก็ได้รับการซุบชี้นมาด้วยพวกเขาจึงรู้สึกและเข้าใจเหมือนกันและไม่มีการโต้เถียงใน บรรดาพวกเขาเกี่ยวกับคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด (DBY, 31)

หากไม่มีอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ บุคคลอาจหันเหออกจากหน้าที่ความรับผิด ชอบ พวกเขาอาจทำสิ่งที่เขาจะรู้สึกเสียใจ พวกเขาอาจทำสิ่งที่ผิดพลาด และเมื่อพวกเขา พยายามทำอย่างดีที่สุด จะเห็นว่าเขาทำสิ่งนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่ชอบ (DBY, 31)

ข้าพเจ้าอยากเห็นชายและหญิงที่ทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นลมหายใจเข้าออกตลอด ชีวิตของพวกเขาโดยดำเนินชีวิตอย่างแน่วแน่ในแลงแห่งพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 31)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงวางแผนและทรงปกครองโลกนับไม่ถ้วน ทรงสร้างมนุษย์ และทรงเป็นพระบุคคลซึ่งจะเป็นที่รู้จักและรับการสักการะได้

  • ประธานยังสอนอะไรเกี่ยวกับความสำคัญของการรู้จักพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา? (ดู ยอหัน 17:3 ด้วย) การรู้จักใครสัักคนส่่งผลต่อสัมพันธภาพของเรากับคนนี้นอย่างไร? สิ่งใดช่วย ให้ท่านรู้จักพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา?

  • อิทธิพลของพระผู้เป็นเจ้า “ได้รับการพิจารณาว่าประทับอยู่ทุกแห่งหนในเวลาเดียวกัน” ได้อย่างไร? มีตัวอย่างอะไรบ้างเกี่ยวกับความห่วงใยของพระบิดาบนสวรรค์ที่มีต่อ “ส่วน ที่เล็กที่สุดแห่งการสร้างของพระองค์”?

  • คำสอนที่ว่า ครั้งหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเคยเป็นมนุษย์ และเจริญก้าวหน้าจนมาเป็น พระผู้เป็นเจ้าคือสุดยอดของคำสอนของศาสนาจักรแห่งนี้ ทานรู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้า “ทรงรู้ทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับความยากลำบาก ความทุกข์” ของความเป็นมตะ โดยทางประสบการณ์ของพระองค์เอง?

  • ประธานยังสอนว่า สิ่งดีทุกอย่างและการค้นพบที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ “ประทานให้โดยผ่านการเปิดเผยโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า” ความก้าวหน้าที่ได้รับการ ดลใจในด้านต่างๆ เหล่านี้ช่วยท่าให้งานของพระผู้เป็นเจ้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไร?

  • ประธานยังพูดว่าอะไรคือ “การเรียกและหน้าที่ของลูกหลานมนุษย์”? เราจะเข้าใจเรื่องที่ อยู่ภายในขอบเขตของเราและรู้จุดประสงค์ของเราบนโลกนี้ได้อย่างไร? เราจะแสวงหา ความเข้าใจดังกล่าวได้จากที่ใด?

พระเยซูคริสต์ พระบุตรผู้ถือกำเนิดองค์เดียวองพระบิดาในเนื้อหนัง ทรงชดใช้บาปของคนทั้งปวงที่กลับใจ

  • ประธานยังสอนอะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และภารกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก?

  • หลักธรรมข้อแรกของพระกิตติคุณคือศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์การมีศรัทธาในพระ บุตรของพระผู้เป็นเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในทางใด? (ดู เจคอบ 4:10–11 และ โมโรไน 7:41–42 ด้วย)

  • ประธานยังสอนว่าสิทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนจะรู้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์ในวิธีเดียวกับที่ อัครสาวกเปโตรรู้ (ดู มัทธิว 16:13–19 ด้วย) บางคนรู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูคือพระ คริสต์? เหตุใดสิ่งอัศจรรย์จึงไม่ให้ความรู้มากพอแก่บุคคล ในการที่เขาจะรู้ว่าพระเยซูคือ พระคริสต์? เหตุใดความรู้นี้จึงสำคัญต่อความรอดของเรา?

  • พระเยซูปฏิบัติภารกิจของใครเมื่อพระองค์ปฏิบัติต่อผู้อาศัยของแผ่นดินโลก? เราจะเรียน รู้อะไรจากตัวอย่างของพระองค์และสิ่งนั้นจะนำไปใช้กับชีวิตของเราได้อย่างไร? เราสามารถเรียนรู้และยอมรับภารกิจของเราเองจากพระเจ้าไค้อย่างไร?

  • ประธานยังเตือนเราว่า วันหนึ่ง “ทุกเข่าจะย่อลง และทุกลิ้นจะสารภาพ” ว่าพระเยซูคือ พระคริสต์ (โมไชยา 27:31; ดู พีลิปปี 2:9–11 ด้วย) การดำเนินชีวิตในฐานะสาวกที่แท้ จริงของพระเยซูคริสต์ยากกว่าการพูดแต่เพียงว่าพระเยซูคือพระคริสต์ อะไรสามารถให้ พลังแก่ท่านที่จะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณในฐานะสาวกที่อุทิศตน?

พระวิญญาณบริสุทธิเป็นบุคคลที่เป็นวิญญาณ ผู้เป็นพยานถึงความจริง

  • ภารกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์คืออะไร? พระองค์ทรงทำงานในชีวิตของลูกๆ ของพระผู้ เป็นเจ้าอย่างไร?

  • ความเป็นบุคคลของพระวิญญาณบริสุทธิ์แตกต่างจากของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและ พระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์อย่างไร? (ดู ค.พ. 130:22 ด้วย) สมาชิกสามพระองค์ ในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์เป็น “อันหนึ่งอันเดียวกัน” ในทางใด?

  • พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ปฎิบิตของพระบิดาและพระบุตรอย่างโร?

  • ท่านได้รับประสบการฌ์ใดบ้างที่เป็นพยานต่อท่านถึงความสามารถของพระวิญญาณ บริสุทธิ์ที่ได้สอนและนำทางท่าน?

ภาพ
First Vision

ทัศนะของจิตรกรเกี่ยวกับภาพปรากฎครั้งแรกของใจเซฟ สมิธ ประธานยังกล่าวว่าใจเซฟ สมิธ “นำสวรรค์ไป… และนำมันลงมาสู่โลก” ใดยการเปิดเผยธรรมชาติกี่แท้จริงของพระผู้เปีนเจ้าสามพระองค์ (DBY, 458)