คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 7: บัพติศมาและของประทาน แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์


บทที่ 7

บัพติศมาและของประทาน แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

“บัพติศมาด้วยนํ้าจะไม่เกิดประโยชน์อันใดหากปราศจากบัพติศมาด้วยไฟ และพระวิญญาณบริสุทธิ์มิได้เข้าร่วม ทั้งสองอย่างจำเป็นและเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

ในสมัยของโจเซฟ สมิธ แม่นํ้าซัสเควฮันนาไหลเป็นทางกว้างคดเคี้ยวไปตาม ป่าไม้เนื้อแข็งและป่าสน โอบล้อมด้วยเนินเขายาวเหยียดและทุ่งข้าวสาลี แม่นํ้าสายใหญ่ที่สุดในเพนน์ซิลเวเนียสายนื้คือส่วนสำคัญของภูมิทัศน์รอบเมือง ฮาร์โมมื รัฐเพนน์ซิลเวเมืย เพราะแม่นํ้าอยู่ใกล้ม้านท่านและเป็นสถานที่เงียบ สงัด บางครั้งศาสดาจึงปลีกตัวไปที่นั่นเพื่อคิดและสวดอ้อนวอน

ริมฝั่งแม่นํ้าสายนื้คือสถานที่ซึ่งศาสดาและออลิวอร์ คาวเดอรีไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1829 เพื่อสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับความสำคัญของมัพติศมา เพื่อตอบคำสวดอ้อนวอนของท่านทั้งสอง ยอห์นผู้ถวายมัพติศมาจึงมาปรากฎ โดยประสาทฐานะปุโรหิตแห่งแอรันและสั่งไห้พวกท่านม้พติศมาให้กัน พรที่ พวกท่านแสวงหามาดลอดมัดนื้ได้ประกอบพิธีการอย่างถูกด้องด้วยอำนาจและ สิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า พวกท่านลงไปในนํ้า ให้ม้พติศมากัน โดยใจเซฟ โห้ม้พติศมาออสิเวอร์ก่อน ตามที่ยอห์นสั่ง จากนั้นโจเซฟก็วางมือบนศีรษะออสิเวอร์และวางมือแต่งตั้งออลิเวอร์เข้าสู่ฐานะปุโรหิต ออสิเวอร์ทำโห้ใจเซฟแบบ เดียวกัน ศาสดาจำได้ว่า

“เราประสบพรอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์จากพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ทันทีที่ ข้าพเจ้าให้บ้พติศมาออสิเวอร์ คาวเดอรี พระวิญญาณบริสุทธี์เสด็จลงมาบนเขา และเขายีนขึ้นและพยากรณ์หลายเรื่องซึ่งจะบ้งเกิดขึ้นในไม่ข้า และอนึ่งทันทีที่ ข้าพเจ้าได้รับทัพติศมาจากเขา ข้าพเจ้ามีวิญญาณแห่งการพยากรณ์ด้วย เมื่อยีน ขึ้นข้าพเจ้าพยากรณ์เกี่ยวกับการเกิดขึ้นมาของศาสนาจักรแห่งนี้และอีกหลาย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาจักรและชั่วอายุนี้ของลูกหลานมนุษย์ เราเปี่ยมไปด้วย พระวิญญาณบริสุทธี์และชื่นชมในพระผู้เป็นเจ้าแห่งความรอดของเรา” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:73)

ไม่นานพรของบัพติศมาก็ขยายไปถึงผู้เชื่อคนอื่นๆ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม แซบิวเอสม้องชายของศาสดามาเยี่ยมโจเซฟและออณิวอลิที่ฮารัโมนื “เรา … พยายามชักชวนเขาให้เชื่อในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจวนจะได้รับ การเปีดเผยโดยครบถ้วน” ศาสดากล่าว แซมิวเอลได้รับประจักษ์พยานถึงงาน นี้ ออลิเวอร์ คาวเดอรีก็ให้บัพติศมาเขา หลังจากแซนิวเอล “กลับไปบ้านของ บิดา กล่าวสดุดีและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอย่างมาก และเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณด้กดิ์สิทธี์”1 ในเดือนมิถุนายนศาสดาให้บัพติศมาไฮรัมพี่ชายซึ่งเปีนผู้ที่ เชื่อในข่าวสารของศาสดามาดลอด “จากนั้นเป็นด้นมา หลายคนกลายเป็นผู้ เชื่อ” โจเซฟบันทึก “และบางคนรับบัพติศมาขณะที่เรายังคงสอนและชักชวน ต่อไป”2

ศาสดารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ได้เห็นโจเซฟ สบิธ ซีเมียร์บิดาของท่านรับบัพติศมา ศาสดามีความรักอย่างสุดซึ้งต่อบิดาของท่านผู้เป็นคนแรกที่เชื่อข่าวสาร ของศาสดาหลังจากโมโรไนมาเยือนท่านครั้งแรก โจเซฟ สบิธ ซีเนืยร์รับบัพติศมาเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 วันจัดตั้งศาสนาจักร ลูซี แม็ค สบิธ มารดาของศาสดาจำได้ว่า “โจเซฟยืนอยู่บนฝั่งเมื่อคุณฟ่อของเขาขึ้นมาจากน้ำ และขณะจับมือคุณพ่อเขาร้องออกมาว่า ‘… ผมมีชีวิตจนได้เห็นคุณพ่อรับบัพติศมาเข้าสู่ศาสนาจักรที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์’ และเขาซบหน้ากับอกบิดา และร้องไห้โฮด้วยความยินดีเช่นเดียวกับโจเซฟสมัยโบราณเมื่อเขาเห็นบิดาเข้า มาในแผ่นดินอียิปต์”3

ในวันจัดตั้งศาสนาจักร สิทธิชนหน้ายคนที่รับบัพติศมาก่อนหมัานี้ได้รับของ ประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธโดยอำนาจฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลกิเซเด็ค ศาสดาโจเซฟ สบิธสอนโดยเน้นถึงความจำเป็นของทั้งบัพติศมาและการวางมือมอบ ของประทานแห่งพระวิญญาณปริสุทธี์ “บัพติศมาด้วยนี้าจะไม่เกิดประโยชน์อัน ใดหากปราศจากบัพติศมาด้วยไฟและพระวิญญาณบริสุทธี์มิได้เข้าร่วม” ท่าน ประกาศ “ทั้งสองอย่างจำเป็นและเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก ทุกๆ คนด้อง เกิดจากนี้าและพระวิญญาณจึงจะเข้าในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้”4

คำลโอนฃองโจเซฟ สมิธ

พิธีการบัพติศมาจำเป็นต่อความสูงส่ง

“พระผู้เป็นเจ้าทรงวางเครื่องหมายมากมายไว้บนแผ่นดินโลก เช่นเดียวกับ ในสวรรค์ ตัวอย่างเช่น ต้นโอ๊คในป่า ผลจากต้น สมุนไพรจากทุ่ง—ทั้งหมดเป็น เครื่องหมายว่าไต้หว่านเมล็ดไว้ที่นั่น เพราะเป็นประกาศิตของพระเจ้าที่ต้นไม้ทุก ต้น พืช และสมุนไพรที่มีเมล็ดทุกอย่างจะออกผลตามชนิดของมัน และจะออก มาตามกฎหรือหลักธรรมอื่นไม่ไต้

“ข้าพเจ้ายืนยันหลักธรรมเดียวกันว่าม้พดิศมาคือเครื่องหมายที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงกำหนด เพราะผู้เชื่อในพระคริสต์จะรับเครื่องหมายนี้เพื่อเข้าในอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้า ‘ถ้าผู้ใดไม่ไต้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้า ในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้’ พระผู้ช่วยให้รอดตรัส [ดู ยอห์น 3:5] นี่คือ เครื่องหมายและพระบัญชาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้มนุษย์เข้าสู่อาณาจักร ของพระองค์ ผู้พยายามเข้าในวิธีอื่นย่อมพยายามโดยไร้ประโยชน์ เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงต้อนรับเขา และเหล่าเทพจะไม่ยอมรับงานของพวกเขา เพราะ พวกเขาไม่ปฏิบัติตามพิธีการ ทั้งไม่เอาใจใส่เครื่องหมายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเพื่อความรอดของมนุษย์ เพื่อเตรียมเขาและให้เขามีสิทธี้รับรัศมีภาพชั้น สูง และพระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศิตว่าทุกคนที่จะไม่ปฏิบัติตามสูรเสียงของพระองค์ย่อมหนีไม่พ้นโทษของนรก โทษของนรกคืออะไร คือการไปอยู่ลับสังคม ของผู้ไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์

“บัพติศมาเป็นเครื่องหมายต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อเหล่าเทพ และต่อพ้าสวรรค์ ว่าเราทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีวิธีอื่นใดภายใต้ท้องฟ้าที่ พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้มนุษย์มาหาพระองค์เพื่อรับความรอดและเข้าในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ยกเว้นศรัทธาในพระเยซูคริสต์ การกลับใจ และบัพติศมาเพื่อการปลดบาป และวิถีทางอื่นไร้ประโยชน์ หลังจากนั้นท่านมีสัญญาว่า จะไต้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสูทธี์”5

“เมื่ออ่านพระลัมถีร์ไบเบิลศักดสิทธอย่างละเอียด ด้นคว้าไปถึงศาสดาและ กำพูดของอัครสาวก เราจะไม่พบเรื่องใดที่เกี่ยวข้องก้บความรอดมากเท่าเรื่อง บัพติศมา … ขอให้เราเข้าใจว่า คำว่า baptise มีรากศัพท์มาจาก baptiso ซึ่งเป็นคำกิริยาภาษากรีก และหมายถึงจุ่มลงไปทั้งตัว…

“…คงไม่ผิดถ้าจะแนะมำให้รู้จักการมอบหมายและพระบัญชาของพระเยซู ในเรื่องนี้—พระองค์ตรัสกับอัครสาวกสิบสอง ซึ่งมีสิบเอ็ดคนในเวลานั้นว่า ‘เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ …ให้รับบัพดิศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสั่ง สารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้’ บัทธิวบันทึกไว้ดังนั้น [มัทธิว 28:19–20] ใน มาระโกเรามีถ้อยคำสำคัญดังนี้ ‘เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อ จะด้องปรับโทษ’ [มาระโก 16:15–16]…

“… ‘นิโคเดบัสเป็นขุนนางของพวกยิว… มาหาพระเยซูในเวลากลางคืน ทูลพระองค์ว่า ท่านอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นครูที่มาจาก พระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดกระทำหมายสำคัญซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้ นอกจากว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย พระเยซูตรัสตอบเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้า ผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ นิโคเดม้สทูล พระองค์ว่า คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สอง และบังเกิดใหม่ได้หรือ พระเยซูตรัสว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้’ [ยอห์น 3:1–5]

“พระดำรัสตอบที่หนักแน่นและชัดเจนของพระเยซูเกี่ยวคับบัพดิศมาด้วยน้ำ ตอบคำถามที่ว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนเดิม เมื่อวานนี้ วันนี้ และ ตลอดกาล ย่อมไม่มีใครสงสัยว่าพระองค์ทรงยืนยันได้ในคำประกาศที่ยิ่งใหญ่ว่า ‘ผู้ใดเชื่อและรับบัพดิศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไข่เชื่อจะด้องปรับโทษ’ [มาระโก 16:16] ไม่มีนามอื่นใต้ภายใด้ฟ้าสวรรค์และไม่มีพิธีการใดเป็นที่ยอมรับ ซึ่งโดยการนั้นมนุษย์จะรอดได้ ไม่แปลกที่อัครสาวกจะกล่าวว่า เมื่อ ‘ถูกผังไว้ ก้บพระองค์ในพิธีบัพติศมาแล้ว’ ท่านจะลุกขึ้นจากความตาย! [โคโลสี 2:12] ไม่แปลกที่เปาโลต้องลุกขึ้นรับบัพติศมาและล้างบาปของเขา [ดู กิจการ 9:17–18]”6

ในทุกสมัยการประทาน สิทธิชนได้รับมัพติศมา ในพระนามของพระเยซูคริสต์

“คนสมัยโบราณผู้เป็นบรรพบุรุษของศาสนาจักรในยุคสมัยต่างๆ เมื่อศาสนาจักรรุ่งเรืองบนแผ่นดินโลก … เริ่มเข้าในอาณาจักรโดยบัพติศมา เพราะเป็นที่ ประจักษ์ชัดในพระคัมภีร์ว่า—พระผู้เป็นเจ้าหาทรงเปลี่ยนแปลงไม่ อัครสาวก กล่าวว่าพระกิตติคุณคือพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าอันไปสู่ความรอด ไปสู่คน ที่เชื่อ ทั้งยังบอกอีกว่าชีวิตและความเป็นอมตะเป็นที่กระจ่างเพราะพระกิตติคุณ [ดู โรม 1:16; 2 ทิโมชี 1:10] …

“สมมติว่าพระคัมภีร์กล่าวตามที่หมายถึง และหมายความตามที่พูด เราย่อม มีเหตุผลเพียงพอที่จะอ่านต่อไปและพิสูจน์จากพระ คัมภีร์ไบเบิลว่าพระกิตติคุณ เหมือนเติมตลอด พิธีการที่ต้องทำตามข้อกำหนดก็เหมือนเติม และเจ้าหน้าที่ ประกอบพิธีการ เหมือนเติม เครื่องหมายและผลสืบเนื่องจากคำสัญญา เหมือน เติม ต้วยเหตุนี้ ในฐานะที่โนอาเป็นผู้สั่งสอนความชอบธรรม เขาจึงต้องรับบัพติศมาและรับการแต่งตั้งสู่ฐานะปุโรหิตโดยการวางมือ เป็นต้น เพราะไม่มืมนุษย์ คนใดรับเกียรตินี้ไว้กับตนนอกจากเขาจะไต้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียว กับแอรัน [ดู ฮีบรู 5:4]…

“… เราจะเห็นและยอมรับว่าถ้ามืบาปในบรรดามนุษย์ การกลับใจย่อมจำเป็นในช่วงเวลานั้นหรือยุคนั้นของโลกเท่ากับช่วงเวลาอื่น—และไม่มืรากฐานใด ที่มนุษย์จะตั้งอยู่บนนั้นได้นอกจากรากฐานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ ด้วยเหตุนี้ กัาอาแบลเป็นคนชอบธรรม เขาเป็นเช่นนั้นเพราะรักษาพระบัญญัติ ถ้าอีนิคชอบธรรมพอที่จะเข้าในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า และเดินกับพระองค์ เขาป็องเปีนเช่นนั้นด้วยการรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเป็นเช่นนั้นกับ คนชอบธรรมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอีนิคผู้สั่งสอนความชอบธรรม อับราฮัมบิดา ของผู้ซื่อสัตย์ ยาโคบผู้มีชัยร่วมกับพระผู้เป็นเจ้า โมเสสบุรุษผู้เขียนเรื่องพระคริสต์ และนำกฎออกมาตามพระบัญชาเสมือนหนึ่งครูนำมนุษย์มาสู่พระคริสต์ หรือไม่ว่าจะเป็นพระเยซูคริสต์พระองค์เอง ผู้ไม่จำเป็นต้องกลับใจ เพราะมิได้ กระทำบาป ตามคำประกาศอันน่าเกรงขามของพระองค์ต่อยอห์นว่า—บัดนี้จง ยอมให้เรารับบัพติศมาเถิด เพราะไม่มืมนุษย์คนใดเข้าอาณาจักรได้หากไม่ปฏิบัติ ตามพิธีการนี้ เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสั่งชอบธรรมทุกประการ [ดู Joseph Translation, Matthew 3:43] โดยแท้แล้วหากเป็นการสมควรที่ ยอห์นและพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดจะกระทำตามสั่งชอบธรรมทุกประการ —ย่อมสมควรโดยแน่แท้ที่ทุกคนผู้แสวงหาอาณาจักรสวรรค์จะไปและทำอย่าง เดียวกัน เพราะพระองค์คือประตู และหากคนใดปีนขึ้นไปทางอื่น คนคนนั้นก็ คือขโมยและโจร! [ดู ยอห์น 10:1–2]

“ในบรรพกาลของโลก ก่อนพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมาในเนื้อหนัง ‘สิทธิชน’ รับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ผู้จะเสด็จมา เพราะไม่มืนามอื่นใดที่ มนุษย์จะรอดได้ และหลังจากพระองค์เสด็จมาในเนื้อหนังและทรงถูกตรึง กางเขน ตอนนั้นสิทธิชนรับบัพติมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงกางเขน พินคืนพระชนม์ และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เพื่อพวกเขาจะถูกฝังในบัพติศมา เช่นพระองค์ และถูกยกขึ้นในรัศมีภาพเช่นพระองค์ มีพระเจ้าเดียว ศรัทธา เดียว บัพติศมาเดียว และพระผู้เป็นเจ้าเดียวและทรงเป็นพระบิดาของเราทุกคน ฉันใด [ดู เอเฟซัส 4:5–6] ย่อมมีประดูเดียวสู่แดนสุขาวดีฉันนั้น”7

เด็กที่เสียชีวิตก่อนถึงอายุที่รับผิดชอบได้ไม่ต้องรับบัพติศมาเพราะ พวกเขาได้รับการไถ่โดยการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

“บัพติศมามีไว้เพื่อการปลดบาป เด็กไม่มีบาป พระเยซูทรงอวยพรพวกเขา และตรัสว่า ‘จงทำอย่างที่เจ้าเห็นเราทำ’ เด็กทุกคนมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ และ คนที่มีอายุมากกว่านั้นมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์โดยผ่านศรัทธาและการกลับใจ”8

“หลักคำสอนเรื่องการให้บัพติศมาเด็ก หรือการพรมนํ้า หรือพวกเขาต้อง ทรมานอยู่ในนรก ล้วนเป็นหลักคำสอนที่ไม่ถูกต้อง งานเขียนศักดิ์สิทธี์ไม่ไค้ สนับสนุน และไม่สอดคล้องกับพระอุปนิสัยของพระผู้เป็นเจ้า เด็กทุกคนได้รับ การไถ่โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ และทันทีที่เด็กจากโลกนี้ไป พวกเขา จะถูกนำไปลู่อ้อมอกของอับราฮัม”9

ศาสดาโจเซฟ สมิธอธิบายไว้ดังนี้อัพป็นส่วนหนึ่งของภาพปรากฏที่ท่านได้ รับเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1836 และต่อบาบันทึกไว้ในคำสอนและพันธสัญญา 137:1, 10 ‘‘ท้องฟ้าเปีดต่อเราและข้าพเจ้าเห็นอาณาจักรชั้นสูงของพระผู้เป็นเจ้า และรัศมีภาพของที่นั่น… ข้าพเจ้ามองเห็นด้วยว่าเด็กทุกคนผู้ที่ตาย ก่อนถึงอายุรับผิดชอบได้รอดอยู่ในอาณาจักรชั้นสูงแห่งสวรรค์”10

หลังจากบัพติศมาด้วยนํ้า เราจะได้รับของประทาน แห่งพระวิญญาณบริลุทธี์ด้วยการวางมือ

“พระกิตติคุณเรียกร้องการบัพติศมาโดยลงไปในนํ้าทั้งตัวเพื่อการปลดบาป ซึ่งเป็นความหมายของคำในภาษาดั้งเติม คือ ผิงหรือจุ่มลงไปทั้งตัว … ข้าพเจ้าเชื่อมากขึ้นไปอีกในของประทานแห่งพระวิญญาณบริสูทธต้วยการวางมือ [ตังที่เห็นไต้] จากการสั่งสอนของเปโดรในวันเพ็นเทคอสต์ในกิจการ 2:38 ท่านให้บัพติศมาลุงทรายยังดีกว่าให้บ้พติศมามนุษย์หากไม่ได้ดำเพื่อการปลด บาปและการรับพระวิญญาณบริสูทธี์ บัพติศมาด้วยน้ำเป็นนัพติศมาเพียงครึ่งเดียว และไม่เกิดประโยชน์อันใดหากปราศจากอีกครึ่งที่เหลือซึ่งก็คือการทัพติศมาของพระวิญญาณบริสูทธี์ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า ‘ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิด ใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้ทั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ไต้’ [ยอห์น 3:5]”11

แดเนืยล ไทเลอร์ เล่าถึงคำปราศรัยที่โจเซฟ สบิธ พูดใน สปริงฟืลด์ เพนน์ ซิลวาเนืย ในปี ค.ศ. 1833 ว่า “ระหว่างที่เขาพักอยู่ไม่นาน เขาสอนที่ห้าน ของบิดาข้าพเจ้าซึ่งเป็นกระท่อมซุงหลังเล็กๆ เขาอ่านยอห์นบทที่ 3 … อธิบายข้อ 5 โดยเขากล่าวว่า ‘การบังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ’ [หมายถึง] การลงไปในน้ำทั้งตัวเพื่อการปลดบาป และได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณ บริสูทธหลังจากนั้น ซึ่งประทานให้โดยการวางมือของผู้ได้รับมอบสิทธิอำนาจ จากพระผู้เป็นเจ้า”12

“การเกิดใหม่มาโดยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าผ่านพิธีการ”13

“บัพติศมาเปีนพิธีการศักดี้สิทธิ์ที่ต้องทำก่อนรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็น ช่องทางและกุญแจซึ่งจะมอบพระวิญญาณบริสุทธี์โดยทางนั้น เราจะรับของ ประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการวางมือจะรับโดยผ่านสื่อกลางของหลัก ธรรมอื่นใดไม่ไต้นอกจากหลักธรรมแห่งความชอบธรรมเท่านั้น”14

“จะเป็นอย่างไรถ้าเราพยายามรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านวิธีอื่นที่ไม่ใช่สัญลักษณ์หรือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนด—เราจะได้รับหรือไม่ แน่นอนว่าไม่ไต้ วิธีอื่นใช้ไม่ไต้ พระเจ้าตรัสว่าจงทำอย่างที่เรากล่าว และเราจะ อวยพรเจ้า

“มีกำสำคัญและสัญลักษณ์ที่แน่นอนของฐานะปุโรหิตซึ่งต้องปฏิบัติตามเพื่อ จะได้รับพร สัญลักษณ์ที่เปโตร [สอน] คือกลับใจและรับบัพติศมาเพื่อการปลด บาป พร้อมด้วยคำสัญญาถึงของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้ และจะไม่ได้ รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวิธีอื่น [ดู กิจการ 2:38]

“มีความแตกต่างระหว่างพระวิญญาณบริสุทธิ์กับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ โครเนลิอัสได้รับพระวิญญาณบริสุทธี้ก่อนที่เขาจะรับบัพติศมา ซึ่ง คือพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่โน้มน้าวจิตใจเขาให้เชื่อมั่นในความจริงของ พระกิตติคุณ แต่เขาจะรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้จนกว่าจะ รับบัพติศมาแห้ว หากเขาไม่รับสัญลักษณ์หรือพิธีการนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่ง โน้มน้าวจิตใจเขาให้เชื่อมั่นในความจริงของพระผู้เป็นเจ้าจะทรงจากเขาไป [ดู กิจการ 10:1–48] ถ้าเขาไม่ปฎิบ้ติตามพิธีการเหล่านี้และรับของประทานแห่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการวางมือตามระเบียบของพระผู้เป็นเจ้า เขาจะรักษา คนป่วยหรือสั่งวิญญาณชั่วให้ออกจากมนุษย์ไม่ได้ และมันจะไม่เชื่อฝังเขา เพราะวิญญาณเหล่านั้นจะพูดกับเขาเช่นเดียวกับที่พูดกับพวกบุตรของเสวาว่า ‘พระเยซูข้าก็คุ้นเคย และเปาโลข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า’ [ดู กิจการ 19:13–15]”15

ในเดือนธันวาคม คริสต์ศักราช 1839 ขฌะอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อขอให้ ชดเชยความผิดที่กระทำต่อสิทธิชนในมิสซูรี ใจเซฟ สมิธและอิไลอัส ฮิกปี เขียนถึงไฮรัม สมิธดังนี้ “ในการสัมภาษณ์ประธานาธิบดี [ของสหรัฐ] ท่าน สอบถามว่าศาสนาของเราแตกต่างจากศาสนาอื่นของยุคนี้ตรงจุดไหน บราเดอร์ โจเซฟตอบว่าเราแตกต่างตรงรูปแบบของมัพติศมาและของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการวางมือ เราถือว่าประเด็นอื่นทั้งหมดถ้วนอยู่ในของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์”16

ของประทานแห่งพระวิญญาณบริลุทธิ์ำนำสันติสุข ความปีติยินดี การนำทางจากสวรรค์ และของประทานอื่นๆ เข้ามาในชีวิตเรา

“เราเชื่อในของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้ที่ได้รับเวลานี้ เท่ากับที่ได้ รับในสมัยของอัครสาวก เราเชื่อว่า [ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์] จำเป็นต่อการสร้างและการวางระเบียบฐานะปุโรหิต ไม่บีชายใดรับเรียกให้ดำรง ตำแหน่งในการปฎิบติศาสนกิจได้หากปราศจากฐานะปุโรหิต เราเชื่อในการพยากรณ์ การพูดภาษา ภาพที่มาให้เห็น และในการเปีดเผย ในของประทาน และ ในการรักษา และเราจะรับสั่งเหล่านี้ไม่ได้หากปราศจากของประทานแห่งพระ วิญญาณบริสุทธิ์ เราเชื่อว่าผู้บริสุทธิ์สมัยก่อนพูดตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรง น่า และผู้บริสุทธิ์ในสมัยนี้พูดโดยอาศัยหลักธรรมเดียวกัน เราเชื่อในการเป็น พระผู้ปลอบโยนและพระผู้เป็นพยานของพระวิญญาณบริสทธี้ ซึ่งนำเรื่องต่างๆ ในอดีตเข้ามาในความทรงจำของเรา นำเราใปสู่ความจริงทงมวล และแสดงให้ เราเห็นสิ่งที่จะมาถึง เราเชื่อว่า ‘ไม่ป็ผู้ใดอาจพูดว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้เปีนเจ้า นอกจากผู้ที่พูดโดยพระวิญญาณบริสุทธี้’ [ดู 1 โครินธ์ 12:3] เราเชื่อใน [ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์] ในความบริบูรณ์ พลังอำนาจ ความยิ่ง ใหญ่ และรัศมีภาพทั้งหมดแห่งของประทานดังกล่าว”17

ในเดือนกุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช 1847 เกือบสามปีหลังจากศาสดาโจเซฟ สมิธเสียชีวิตเป็นมรณสักขี ท่านปรากฏต่อประธานบริศัม ยังและให้ข่าวสารดังนี้ “จงบอกผู้คนให้อ่อนน้อมถ่อมตนและซื่อสัตย์ และต้องมีพระวิญญาณของ พระเจ้าสถิตอยู่ต้วยตลอดเวลา และพระวิญญาณจะทรงนำพวกเขาให้ทำสิ่งถูก ต้อง จงระวังและอย่าหันหลังให้สุรเสียงสงบแผ่วเบา เพราะสุรเสียงนั้นจะสอน [ท่าน] ว่าต้องทำอะไรและไปที่ไหน และจะให้ผลของอาณาจักร จงบอกพี่น้อง ชายให้จำนนต่อเหตุผลเผื่อว่าเมื่อพระวิญญาณบริสุทธี้มาถึงเขา ใจเขาจะพร้อม รับ พวกเขาจะแยกพระวิญญาณของพระเจ้าออกจากวิญญาณอื่นไต้ พระวิญญาณจะกระซิบสันติสุขและความปีติยินดีลับจิตวิญญาณของเขา และจะนำ ความเคียดแค้น ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา การทะเลาะวิวาท และความ ชั่วร้ายทั้งหมดออกไปจากใจเขา และความปรารถนาทั้งหมดของเขาคือจะต้อง ทำความดี น่าความชอบธรรมออกมา และเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า จงบอกพี่น้องชายว่าถ้าพวกเขาจะทำตามพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขา จะมีชีวิตราบรื่น”18

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมไต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านทวนหน้า 95–97 ซึ่งศาสดาโจเซฟ สมิธแสดงความรู้สึของเขาเมื่อเขา ก้บออลิเวอร์ คาวเดอรีรับมัพติศมาและเมื่อบิดาของโจเซฟรับมัพติศมา ท่านจำอะไรไต้บ้างเกี่ยวก้บมัพติศมาของท่านหรือบัพติศมาของสมาชิกใน ครอบครัวและเพี่อนๆ ท่านอาจจะบันทึกความทรงจำเหล่านี้ไว้ในบันทึก ส่วนตัวหรือชีวประวัติของท่าน

  • ข้อความในหน้า 98–101 นำมาจากข่าวสารที่โจเซฟ สมิธให้แก่คนที่รับ บัพติศมาแล้ว ท่านคิดว่าเหตุใดสมาชิกที่รับบัพติศมาแล้วของศาสนาจักรจึง ต้องได้รับการเตือนให้นึกถึงความจริงเหล่านี้ ท่านได้ข้อคิดใหม่ๆ อะไรบ้าง ขณะศึกษาคำสอนเหล่านี้

  • ท่านจะพูดอะไรกับเพื่อนที่เชื่อว่าบัพติศมาไข่ม่ำเป็น ท่านจะพูดอะไรกับเพื่อน ที่เชื่อว่าเด็กทารกต้องรับบัพติศมา (ดูตัวอย่างในหน้า 101–102)

  • อ่านย่อหน้าที่สามในหน้า 102 เหตุใดบัพติศมาจึง “ไม่เกิดประโยชน์อันใด” หากปราศจากของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ใจเซฟ สมิธกล่าวว่า “มีความแตกต่างระหว่างพระวิญญาณบริสุทธิ์กับของประทานแห่งพระวิญญาณปริสุทธี้” (หน้า 104) จากประสบการณ์ของท่าน มีพรอะไรบ้งที่ จะเข้ามาในชีวิตท่านไต้เมื่อท่านมีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้

  • อ่านทวนย่อหน้าสองในหน้า 104 เหตุใดรูปแบบของบัพติศมาจึงมีความแตก ต่างกันมากระหว่างศาสนาจักรที่ไต้รับการฟื้นฟูกับศาสนาจักรอื่น เหตุใดของ ประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงมีความแตกต่างกันมาก “ข้อพิจารณา อื่นทั้งหมดล้วนอยู่ในของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้” ในทางใด

  • ศึกษาย่อหท้าสุดห้ายในบทเรียน (หน้า 105) คิดลูว่าท่านจะดำเนินชีวิตให้มี ค่าควรต่อการไต้รับและตระหนักถึงการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธี้ได้ อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที่เที่ยาข้อง: ยอห์น 15:26; โรม 6:3–6; 2 นี่ไฟ 31:13; 3 นี่ไฟ 11:18–41; โมโรไน 8:1–23

อ้างอิง

  1. History of the Church, 1:44; จาก book A-1, p. 19 หอจดหมาย เหตุ ของศาสนาจักร ศาสนาจักรของพระ เยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท้เลคซิตี้ ยูทาห์

  2. History of the Church, 1:51; จาก “History of the Church” (ต้นฉบับ), book A-1, p. 23 หอจด “History of the Church” (ต้น-ฉบับ), หมายเหตุของศาสนาจักร

  3. Lucy Mack Smith, “The History of Lucy Smith, Mother of the Prophet,” 1844-45 manuscript, book 9, p. 12 หอจดหมายเหตุของ ศาสนาจักร

  4. History of the Church, 6:316; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดยวิลฟอร์ด วูดรัฟฝั วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ โธมัส บัลล็อค และวิลเลียม เคลย์ตัน

  5. History of the Church, 4:554–55; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำ ปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ; ดูภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  6. “Baptism” บทความที่จัดพิมฟ์ใน Times and Seasons, Sept. 1, 1842, pp. 903-5 ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรค ตอนให้ทันสมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่ง ย่อหน้า; ลบตัวเอน; ใจเซฟ สมีธเป็น บรรณาธิการวารสาร

  7. “Baptism” บทความที่จัดพิมฟ์ใน Times and Seasons, Sept. 1, 1842, pp. 904-5; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมาย วรรคตอนให้ทันสมัย; ลบตัวเอน; ใจ เซฟ สมีธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  8. History of the Church, 5:499; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงาน โดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  9. History of the Church, 4:554; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงาน โดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  10. คำสอนและพันธสัญญา 137:1, 10; ภาพที่โจเซฟ สมีธเห็นเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 1836 ในพระวิหารในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  11. History of the Church, 5:499; ปรับ เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด วิชาร์ดส์; ดู ภาค ผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  12. Daniel Tyler, “Recollections of the Prophet Joseph Smith,” Juvenile Instructor, Feb. 1, 1892, p. 93-94 ปรับเปลี่ยนตัวสะกดและ เครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; ปรับ เปลี่ยนย่อหน้า

  13. History of the Church, 3:392; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธประมาณ เดือนกรกฎาคม 1839 ในคอมเมีร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  14. History of the Church, 3:379; ปรับ เปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำปราศรัย ของใจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงาน โดย วิลลาร์ด วิชาร์ดส์

  15. History of the Church, 4:555; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงาน โดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

  16. History of the Church, 4:42; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมีธและอิไลอิส ฮิกปีเขียนถึงไฮรัม สมิธและผู้นำศาสนาจักร ท่านอื่นๆ 5 ธ.ค. 1839 วอชิงตัน ดี. ซี.; ประธานาธิบดีของสหรัฐในสมัยนั้น คือมาร์ติน แวน บูเร็น

  17. History of the Church, 5:27; คำในวงเล็บชุดแรกและชุดที่สามอยู่ในต้นฉบับเดิม; จาก “Gift of the Holy Ghost” บทความที่จัดพิมฟ์ไน Times and Seasons, June 15, 1842, p. 823; ใจเซฟ สมิธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  18. อ้างโดยบริคัม ยังก์ ใน Brigham Young, Office Files, Brigham Young, Vision, Feb. 17, 1847 หอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

ภาพ
Joseph Smith Sr.

โจเซฟ สมิธ ซีเนืยร์ บิดาของศาสดารับบัพติศมาเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 ขฌะที่บิดาของท่านขึ้นมาจากนํ้าศาสดา “ซบหน้ากับอกบิดาและร้องไห้โฮด้ายความยินดี”

ภาพ
Alma baptizing others

แอลมาบัพติศมาในนํ้ามอรมอน ไจเซฟ สมิรสอนว่า “ก่อนพระผู้ข่วยให้รอดเสดืจมา ในเนื้อหนัง ‘สิทธิชน’ รับนัพติศมาไนพระนามของพระเยซูคริสต์ผู้จะเสด็จมา เพราะไม่มืนามอื่นไดที่มนุษย์จะรอดได้”

ภาพ
young woman being confirmed

ของประทานแห่งพระวิญญาฌบริสุทธี์ “ประทานให้โดยการวางมือของผู้ได้รับมอบสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า”