คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 16: เปีดเผยและ ศาลดาทมชวต


บทที่ 16

การเปีดเผยและ ศาลดาที่มีชีวิต

“กฎข้อใหญ่ของสวรรค์ [คือ]จะไม่ทำสิ่งไดบนแผ่นดินโลก โดยไม่เปีดเผยความลับให้ศาสดาผู้รับใช้ของพระองค์”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

ในเมืองเคิร์ทแลนด์ รัฐโอไฮโอ ศาสดาโจเซฟ สมิธได้รับการเปีดเผยมากมาย ทำให้ช่วงเวลานี้มืความสำคัญยิ่งต่อการสถาปนาหลักคำสอนและการปกครอง ศาสนาจักร เมื่อศาสดาได้รับการเปีดเผยเหล่านี้ บ่อยครั้งที่ท่านอยู่ต่อหห้าผู้น่า ศาสนาจักรท่านอื่นๆ โดยมืผู้บันทึกด้อยคำของท่านขณะที่ท่านได้รับการเปีดเผย จากพระเจ้าการเปีดเผยมักมาสู่ท่านในคำตอบของการสวดด้อนวอน พาร์ลีย์ พี. แพรทท์ ซึ่งต่อมาเป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง อยู่ที่นั่นเมื่อศาสดาได้รับ การเปีดเผย ปัจจุบันคือคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 50 เอ็ลเดอร์แพรทท์จำ ได้ว่า

“หลังจากสวดด้อนวอนด้วยกันในห้องแปลของท่านแด้ว ท่านก็บอกให้จด การเปีดเผยต่อไปนี้ต่อหห้าเรา ท่านเอ่ยแต่ละประโยคช้าๆ ชัดด้อยชัดคำ และ หยุดเปีนช่วงๆ ระหว่างประโยค นานพอที่ผู้เขียนทั่วไปจะบันทึกได้ด้วยวิธีเขียน ธรรมดา… ไข่มืความลังเล การตรวจทาน หรือการอ่านทวนเพื่อให้เรื่องราว ปะติดปะต่อ”1

แห้การเปีดเผยบางเรื่องจะคัดลอกด้วยมือเพื่อนำไปใช้ส่วนตัว แดโดยปกติ แด้วสมาชิกศาสนาจักรจะไน่ได้อ่านการเปีดเผยเหล่านั้น ใจเซฟ สมิธทราบว่า การเปีดเผยของพระผู้เป็นเจ้ามืความสำคัญมากถึงขนาดว่าด้องเก็บรักษาได้อย่าง ดีและให้โลกได้ใช้ประโยชน์ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1831 ณ การประชุม พิเศษซึ่งจัดที่เมืองไฮรัม รัฐโอไฮโอ ศาสดาและผู้น่าศาสนาจักรท่านอื่นๆ ตัด- สินใจจัดพิมพ์การเปีดเผยที่ศาสดาได้รับจนถึงเวลานั้นโดยเลือกมาบางเรื่อง หลัง จากตัดสินใจ ศาสดาได้รับการติดต่อจากสวรรค์ที่พระเจ้าทรงเรียกว่า “คำน่าของ เราให้แก่หนังสือพระบัญญัติของเรา” (ค.พ. 1:6) การเปีดเผยนึ ซึงปัจจุบันคือ คำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 1 แสดงให้รู้ว่าพระเจ้าทรงเห็นชอบให้ตีพิมพ์การ เปีดเผยพร้อมทั้งอธิบายจุดประสงค์ของพระองค์ที่ประทานการเปีดเผย “จงค้น หาบัญญัติเหล่านี้” พระเจ้าทรงประกาศ “เพราะบันแท้จริงและซื่อสัตย์ และ คำพยากรณ์และสัญญาซึ่งอยู่ในนั้นจะสำเร็จทั้งหมด” (ค.พ. 1:37). หลังจาก ได้ยินการเปีดเผยที่อ่านทวนให้ท่านพิงในการประชุมวันที่สอง ศาสดาก็ “ลุกขื้นแสดง ความรู้สึกและความกตัญญของท่าน” ต่อการแสดงความเห็น ชอบของพระเจ้าใน ครั้งนี้2

หลังจากการประชุมครั้งนั้น ศาสดาเล่าว่า “เวลาของข้าพเจ้าหมดไปกับการ ตรวจทานพระบัญญัติและนั่งอยู่ในการประชุมใหญ่นานเกือบสองอาทิตย์ เพราะ เราจัดประชุมพิเศษสี่ครั้งตั้งแต่วันที่หนึ่งถึงวันที่สิบสองของเดือนพฤศจิกายน ในครั้งสุดท้าย… ที่ประชุมลงความเห็นว่าการเปีดเผยมีค่าเท่ากับ… ความ ร่ำรวยของทั้งแผ่นดินโลก” ที่ประชุมประกาศด้วยว่าการเปีดเผยคือ “รากฐาน ของศาสนาจักรในวันเวลาสุดท้ายนี้ และเปีนประโยชน์ต่อโลก โดยแสดงให้ เห็นว่ากุญแจไขความลึกลํ้าแห่งอาณาจักรของพระผู้ช่วยให้รอดของเราได้มอบ ได้แก่มนุษย์อีกครั้ง และความรํ่ารวยของนิรันดร [อยู่] ภายในวงค้อมของผู้ที่ เต็มใจดำเนินชีวิตตามคำทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระผู้เป็นเจ้า”3

สำเนาลายมือของการเปีดเผยถูกนำไปให้วิลเลียม ดับเบิลยู. เฟลพ์สในรัฐ มิสซูรีเพื่อจัดพิมพ์เปีนหนังสือพระบัญญ่ติ ไข่นานบราเดอร์เฟลพ์สผู้ได้รับบัญชา จากพระเจ้าให้ไปมิสซูรีและเปีนผู้พิมพ์สำหรับศาสนาจักร (ดู ค.พ. 57:11) ก็ ได้เริ่มเรียงพิมพ์หนังสือ อย่างไรก็ตี ในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1833 คนร้าย กลุ่มหนึ่งมาท้าลายเครื่องพิมพ์และงานพิมพ์ส่วนใหญ่ สมาชิกศาสนาจักรเก็บ งานบางส่วนที่กระจายเกลื่อนกลาดและยังไม,ได้ดัดเอาได้ได้และนำไปเย็บเปีน เล่มๆ ไป แต่ศาสนาจักรไข่ได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้อย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1835 การเปีดเผยที่ตั้งใจจะให้หนังสือพระบัญญัติบวกกับการเปีดเผยเพิ่มเติมอีก มากมายได้รับการจัดพิมพ์ในเคิร์ทแลนด์เปีนพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา เนื่องด้วยการเปีดเผยเพิ่มเติมที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ปี 1835 หนังสือเล่มนี้จึงเปีน พยานยืนยันว่าพระผู้เปีนเจ้าตรัสในทุกวันนี้ผ่านศาสดาที่มีชีวิดของพระองค์ซึ่ง เปีนประธานของศาสนาจักรเพื่อเปีนพรและเปีนแนวทางสำหรับศาสนาจักรของ พระองค์

คำลโอนฃองโจเซฟ สมิธ

พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำทางผู้คนของพระองค์และศาสนาจักร ของพระองค์โดยผ่านการเปีดเผยเสมอ

หลักแห่งความเชื่อข้อ 9 “เราเชื่อทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปีดเผยมา ทั้ง หมดที่พระองค์ทรงเปีดเผยขณะนี้ และเราเชื่อว่าพระองค์จะยังทรงเปีดเผยเรื่อง สำคัญและยิ่งใหญ่อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า”4

“เราจะเข้าใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าและเรื่องของสวรรค์ไข่ได้เลย นอกจาก โดยการเปีดเผย เราอาจจะพูดเรื่องทางวิญญาณและแสดงกวามคิดเห็นไปตลอด กาล แต่นั่นไม่ใช่ด้วยสิทธิอำนาจ”5

“หลักอำสอนเรื่องที่มีการเปีดเผยเลิศลํ้ากว่าหลักอำสอนที่ไข่มีการเปีดเผย เพราะความจริงเพียงหนึ่งอย่างที่เปีดเผยจากสวรรค์ก็มีค่ายิ่งกว่าแนวความคิดที่ มีอยู่ทั้งหมดของนิกายต่างๆ”6

“ความรอดเกิดขึ้นไข่ได้หากปราศจากการเปีดเผย เสียแรงเปล่าที่คนๆ หนึ่ง จะปฏิบัติศาสนกิจโดยปราศจากการเปีดเผย… ไข่มีใครเป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจ ของพระเยซูคริสต์ได้เว้นแต่เขาจะมีประจักษ์พยานในพระเยซู และนึ่คือวิญญาณ แห่งการพยากรณ์ [ดู วิวรณ์ 19:10]. ทุกครั้งที่ประกาศความรอด จะประกาศโดย ประจักษ์พยาน มนุษย์ยุคปัจจุบันเป็นพยานถึงสวรรค์และนรก ทั้งที่ไข่เคยเห็น และข้าพเจ้าจะกล่าวว่าไข่มีใครรู้เรื่องเหล่านี้หากปราศจากการเปีดเผย”7

“พระเยซูตรัสในอำสอนของพระองค์ว่า ‘บนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของ เราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้, [บัทธิว 16:18] ศิลาอะไรหรือ การเปีดเผยนั่นเอง”8

“ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้ายมีรากฐานอยู่บนการ เปีดเผยโดยตรง เช่นศาสนาจักรที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าเคยเป็นมา ตามที่ พระคัมภีร์กล่าว (อาโมส 3:7; และ กิจการ 1:2) และโดยทางพระประสงค์ และพรของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระองค์มาจน ถึงหัดนี้เพื่อผลักดันอุดมการณ์ของไซอันไปข้างหท้า”9

ศาสดาพูดที่การประชุมใหญ่ของศาสนาจักรเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1834: ดังนี้ “ประธานโจเซฟ สมิธ จูเนียร์อ่านคำพยากรณ์ในโยเอลบทที่สอง สวดอ้อนวอน และปราศรัยต่อที่ประชุมดังนี้… ‘เราอยู่ในสถานการณ์ต่างจากคน อืนๆ ทีเคยดำรงอยู่บนแผ่นดินโลก ด้วยเหตุนึการเปีดเผยในอดีตเหลำนนจึงเข้า กันไข่ได้กบสภาพของเรา เพราะประทานให้ผู้ที่อยู่ก่อนเรา แต่ในวันเวลาสุดห้าย พระผู้เปีนเจ้าทรงเรียกผู้ที่เหลืออยู่ซึ่งด้องได้รับการปลดปล่อย เช่นเดียวกับใน เยรูซาเล็มและไซกัน [ดู โยเอล 2:32]. ห้าพระผู้เปีนเจ้าไบ,ประทานการเปีดเผย อีก เราจะพบไซอันและผู้ที่เหลือเหล่านี้ที่ไหน … ’

“ต่อจากนั้นประธานเล่าเรื่องการได้รับและแปลพระคัมภีร์มอรมอน การเปีด เผยฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน การจัดตั้งศาสนาจักรในปี ค.ศ. 1830 การเปีดเผย เรื่องฐานะปุโรหิตสูง และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้ที่หลั่งให้ศาสนา- จักร และกล่าวว่า ‘ห้าเอาพระคัมภีร์มอรมอนและการเปีดเผยออกไป ศาสนา ของเราจะอยู่ที่ไหน เราก็ไม่มีศาสนาน่ะสิ’”10

ประธานของศาสนาจักรถูกกำหนดให้รับการเปีดเผย จากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับศาสนาจักร บุคคลแต่ละคนอาจได้รับการ เปีดเผยสำหรับความรับผิดชอบของตนเอง

“พระเยซู… ทรงตั้งอัครสาวกไวัในศาสนาจักรเป็นอันดับแรก และศาสดา เป็นอันดับที่สอง เพื่อทำงานแห่งการปฎิบัดิศาสนกิจ ทำให้สิทธิชนดีพร้อม เป็นด้น… กฎข้อใหญ่ของสวรรค์ [คือ] จะไข่ทำสิ่งใดบนแผ่นดินโลกโดยไข่ เปีดเผยความลับให้ศาสดาผู้รับใช้ของพระองค์ ตรงตามอาโมส 3:711

ในดือนสิงหาคม คริสต์ศักราช 1830 โจเซฟกับเต็มมา สมิธย้ายจากเมือง ฮาฺร์โมนี รัฐเพนน์ซิณวเนียไปเมืองเฟเยทต์ รัฐนิวยอร์ก พอไปถึง พวกท่านพบ ว่าสิทธิชนบางคนถูกหลอกใหเชื่อคำกล่าวอ้างเรื่องการเปีดเผยเท็จ “ยังความ โศกเศร้าแก่เราเป็นอย่างยิ่ง… เพราะไข่นานเราก็พบว่าซาตานชุ่มรออยู่เพื่อ หลอก และเสาะหาคนที่เขาอาจทำลายได้ บราเดอร์ไฮร้ม เพจมีหินด้อนหนึ่งอยู่ ในครอบครองซึ่งเขาได้ ‘การเปีดเผย’ บางอย่างมาจากหินก้อนนั้นเกี่ยวกับการ เสริมสร้างไซอัน ระเบียบของศาสนาจักร เปีนด้น ซึ่งล้วนแตกต่างโดยสิ้นเชิง จากระเบียบแห่งพระนิเวศน์ของพระผู้เปีนเจ้าตามที่วางไวในพระคริสต์ธรรมคัม-ภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่และในการเปีดเผยระยะหลังของเรา เนื่องด้วยการประ-ชุมใหญ่ถูกกำหนดให้บีขึ้นในวันที่ 26 เดือนกันยายน ข้าพเจ้าจึงคิดว่าจะยังไข่ สนทนาเรื่องนี้กับพื่น์องชาย จนกว่าจะพบกันที่การประชุมนั้น อย่างไรก็ดื โดย ที่พบว่าบีหลายคน โดยเฉพาะครอบครัววิตเบอร์และออลิเวอร์ คาวเดอรี เชื่อ อย่างมากในเรื่องที่หินก้อนนี้บอก เราจึงคิดว่าน่าจะดีที่สุดก้าทูลถามพระเจ้าเกี่ยว กับเรื่องสำคัญดังกล่าว และล่อนการประชุมใหญ่ เราได้รับการเปีดเผยดังต่อไปนี้

“การเปีดเผยถึงออลิเวอร์ คาวเดอรื ประทานให้ที่เมืองเฟเยทท์ รัฐนิวยอร์ก กันยายน ค.ศ. 1830

“‘ดุเถิด ตามจริง ตามจริงแล้วเรากล่าวกับเจ้า ไข่มีใครจะถูกกำหนดให้รับ กำสั่งและการเปีดเผยในศาสนาจักรนี้เว้นแต่ผู้รับใช้ของเราโจเซฟ สมิธ จูเนียร์ เพราะเขาได้รับมันแห้ดังโมเสส และเจ้าจงเชื่อฟ้งเรื่องซึ่งเราจะให้แก่เขา. …

“‘และเจ้าจะไข่สั่งคนที่เป็นหัวหห้าของเจ้า และมัวหห้าของศาสนาจักร เพราะเราให้กุญแจแห่งความลับลึกและการเปีดเผยซึ่งถูกผนึกไว้แก่เขาจนกว่า เราจะกำหนดคนอื่นให้พวกเขาแทนเขา …

“‘และอนึ่ง เจ้าจะพาไฮรัม เพจพี่ของเจ้าไประหว่างเขากับเจ้าตามลำพัง และบอกเขาว่าเรื่องเหล่านั้นซึ่งเขาเขียนจากหินนั้นมิใช่ของเรา และว่าซาตาน หลอกลวงเขา เพราะดูเถิด มิได้กำหนดสั่งเหล่านี้ไว้ให้เขา ทั้งจะไม่กำหนดสั่ง ใดให้ใครในศาสนาจักรนี้ตรงกันช้ามกับพันธสัญญาศาสนาจักร

“‘เพราะทุกสิ่งด้องเปีนไปในระเบียบ และโดยความยินยอมร่วมกันในศาส- นาจักร โดยกำสวดก้อนวอนแห่งศรัทธา’ [ค.พ. 28:2–3, 6–7, 11–13.] …

“ในที่สุดการประชุมใหญ่ของเราก็เริ่มขึ้น เรื่องก้อนหินที่เอ่ยถึงล่อนหห้านี้ ถูกหยิบยกขื้นมาสนทนา และหลังจากพินิจพิจารณากันพอสมควรแล้ว บรา- เดอร์เพจและทุกคนที่นั่นก็เลิกเชื่อหินก้อนดังกล่าวและทุกเรื่องที่เกี่ยวช้อง ยังความพึงพอใจและความสุขแก่พวกเราเป็นอันมาก”12

“ประธานหรือฝ่ายประธาน [สูงสุด] อยู่เหนือศาสนาจักร การเปีดเผยพระ-คำริและพระประสงค์ของพระผู้เปีนเจ้าต่อศาสนาจักรด้องผ่านมาทางฝ่าย ประธาน นึ่คือระเบียบของสวรรค์ พลังอำนาจ และเอกสิทธของฐานะปุโรหิต [แห่งเบีลคิเซเด็ค] อีกนั้งเปีนเอกสิทธของเจ้าหห้าที่ในศาสนาจักรนี้ด้วยที่จะได้ รับการเปีดเผยตราบที่เกี่ยวช้องกับการเรียกและหห้าที่ของเขาในศาสนาจักร”13

“เราถือว่าตัวเราไข่ได้ถูกผูกมัดให้รับการเปีดเผยใดๆ จากชายหรือหญิงคนใด คนหนึ่งหากคนๆ นั้นไข่ได้ถูกกำหนดและรับการแต่งตั้งอย่างถูกด้องสู่สิทธิ-อำนาจนั้น และให้ข้อพิสูจน์เพียงพอว่าได้รับแต่งตั้งจริง

“… เป็นการตรงกันข้ามกับระบบของพระผู้เปีนเจ้าทีสมาชิกคนหนึงคนใด ของศาสนาจักร หรือใครก็ตามจะได้รับคำแนะนำแทนผู้ที่มีสิทธิอำนาจสูงกว่า เขา ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่าท่านไข่สมควรเอาใจใส่คำแนะนำเหล่านั้น แต่ถ้าบุคคล หรือการเยือนจากทูตสวรรค์ นั่นจะด้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของเขาและเพื่อแนะนำสั่งสอนเขา เพราะหลักธรรมพื้นฐาน การปกครอง และ คำสอนของศาสนาจักรควบชุมโดยกญแจแห่งอาณาจักร”14

ประธานของศาสนาจักรถ่ายทอดพระคำของพระผู้เป็นเจ้า ให้เราเพื่อยุศสมัยและคนในรุ่นของเรา

ฮืเบอร์ ซี. คิมบัลล์ รายงานขฌะรับใช้เ ปรึกษาของประขานบริคับ ยังก์ ดังนี้ “บราเดอร์ ใจเซฟ สมิธพูดกับบราเดอร์บริกัมและตัวข้าพ-เจ้า และกับคนอื่นๆ หลายครั้งว่าท่านเป็นตัวแทน ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมาสอนและกำกับดูแลเรา และว่ากล่าวผู้ทำผิด”15

วิลฟอร์ด วูดรัฟฟื ประธานศาสนาจักรคนทีสี่ รายงานว่า “ข้าพเจ้าจะพูดถึงการประชุมหนึ่งที่ ข้าพเจ้าเข้าร่วมในเมืองเคิร์ทแลนดในช่วงวัยเยาว์ ของข้าพเจ้า ที่การประชุมนั้นมืบางคนตั้งข้อสังเกต… เกี่ยวกับพระวจนะที่มื ชีวิตและเกี่ยวกับพระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระผู้เป็นเจ้า ผู้นำท่านหนึ่ง ในศาสนาจักรลุกขึ้นพูดเรื่องนี้ และกล่าวว่า ‘ท่านมีพระคำของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ ตรงหน์าท่าน ที่นึ่ในพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์มอรมอน และพระคัมภีร์คำ สอนและพันธสัญญา ท่านมีพระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระผู้เป็นเจ้า และท่านที่ให้การเปีดเผยควรให้การเปีดเผยตามหนังสือเหล่านั้น โดยถือว่าสั่งที่ เขียนไวัในหนังสือเหล่านั้นคือพระคำของพระผู้เป็นเจ้า เราควรจำกัดอยู่แก่นั้น’

“เมื่อบราเดอร์โจเซฟสรุป ท่านเหลียวมองบราเดอร์บริกัม ยังค์ และพูดว่า ‘บราเดอร์บริกัม ผมด้องการให้คุณมาที่แท่นพูดและบอกเราถึงทัศนะที่คุณมีต่อ พระวจนะที่มีชีวิตและพระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระผู้เป็นเจ้า’ บราเดอร์ บริกัมขึ้นมายืนที่แท่นพูด เขาหยิบพระคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมา แล้ววางลง เขาหยิบ พระคัมภีร์มอรมอนขึ้นมา แล้ววางลง เขาหยิบพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา นิ้มาแล้ววางลงตรงหน้าเขา และกล่าวว่า ‘มีพระคำทีเป็นลายลักษณ์อักษรของ พระผู้เปีนเจ้ามาถึงเรา เกี่ยวกับงานของพระผู้เป็นเจ้านับแต่กาละเริ่มต้นของโลก จนเกือบจะถึงยุคสมัยของเรา และบัดนี้’ ท่านกล่าว ‘เมื่อเทียบกับพระวจนะ [ที่มีชีวิต]แล้ว หนังสือเหล่านั้นไข่สำคัญสำหรับข้าพเจ้าเลย เพราะหนังสือเหล่า นั้นมิไต้ถ่ายทอดพระคำของผู้เปีนเจ้ามาถึงเราเวลานี้ เหมือนอย่างที่ถ้อยคำของ ศาสดาหรือชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตศักดสิทธี้ถ่ายทอดมาถึงเราในยุคสมัยและคน ในรุ่นของเรา ข้าพเจ้าอยากมีพระวจนะที่มีชีวิตมากกว่างานเขียนทั้งหมดใน หนังสือ’ นั่นคือเล้นทางที่เขาแสวงหา เมื่อเขาพูดจบ บราเดอรัโจเซฟก็กล่าว กับที่ประชุมว่า ‘บราเดอร์บริลัมบอกพระคำของพระเจ้าแก่ท่านแล้วและเขาบอก ความจริงแก่ท่านแล้ว’16

บริคัน ยังก์ ประธานศาสนาจักรคนที่สองจำได้ว่า: “หลายปีล่อน ศาสดาโจเซฟ ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าผู้คนไต้รับการเปีดเผยที่ท่านมีและท่าตามการเปีดเผยนั้นอย่าง ฉลาด ตามที่พระเจ้าทรงบัญชา ต้วยพลังของเขาที่จะท่าและเข้าใจ พวกเขาอาจ ลํ้าหน้ากว่าที่เปีนอย,ขณะนั้นไปอีกหลายปี”17

เราสนับสนุนประธานของศาสนาจักรและผู้นำศาสนาจักรท่านอืนๆ โดยสวดอ้อนวอนให้พวกท่านและเอาใจใส่คำแนะนำของพวกท่าน

โจเซฟ สป็ธบันทึกเหตุการณ์ทีเกิดขื้นในการอุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์เมื่อ วันที 27 มีนาคม ค.ศ. 1836 ดังนี้ “ข้าพเจ้ากล่าวคำปราศรัยสั้นๆ หลังจากนั้น และขอให้หลายๆ โควรัม และสิทธิชนทุกคนที่มาชุมนุมกันยอมรับฝ่ายประธาน [สูงสุด] ในฐานะศาสดาและผู้พยากรณ์ และสนับสนุนพวกท่านด้วยคำสวด ถ้อนวอนของพวกเขา ทุกคนท่าพันธสัญญาด้วยการลุกขึ้นยืน

“จากนั้นข้าพเจ้าขอให้โควรัมและสิทธิชนที่มาชุมนุมกันยอมรับอัครสาวก สิบสองซึ่งอยู่ที่นั่นในฐานะศาสดา ผู้พยากรณ์ ผู้เปีดเผย และพยานพิเศษต่อ ประชาชาติทั้งหลายของแผ่นดินโลก โดยถือกุญแจของอาณาจักร เพื่อไขกุญแจ และท่าให้สำเร็จลุล่วงท่ามกลางพวกเขา และสนับสนุนพวกท่านด้วยคำสวด- ถ้อนวอนของพวกเขา ซึ่งพวกเขาเห็นชอบด้วยการลุกขึ้นยืน

“ต่อมาข้าพเจ้าขอให้โควรัมและสิทธิชนที่มาชุมนุมอันยอมรับประธานของ สาวกเจ็ดสิบ… และสนับสนุนพวกท่านด้วยคำสวดอ้อนวอน พวกเขาสนับ- สนุนด้วยการลุกขึ้นยืน …

“มติเปีนเอกฉันท่ในทุกกรณี และข้าพเจ้าพยากรณ์ต่อคนทั้งปวงว่าตราบที่ พวกเขาจะสนบสนุนบุคคลเหลานเนตาแหนงตางๆ… พระเจาจะทรงอวยพร พวกเขา แท้จริงแล้ว ในพระนามของพระคริสต์ พรของสวรรค์จะเปีนของพวก เขา.”18

“เฉกเช่นคนที่ยกมือโมเสส [ดู อพยพ 17:8–13] ขอใท้เรายกมือผู้ที่ไต์รับ แต่งตั้งใท้กำกับดูแลกิจการงานของอาณาจักร เพื่อพวกเขาจะเข้มแข็ง สามารถ ดำเนินการตามแผนมากมายที่วางไว้ และเปีนเครื่องมือในการทำใท้งานยิ่งใหญ่ ของวันเวลาสุดทุายบังเกดผล”19

“บัดนี้ สำหรับบุคคลที่ทำสิ่งต่างๆ เพียงเพราะได้รับคำแนะนำให้ทำ และบ่น ทุกครั้งที่ทำ ย่อมไข่เกิดประโยชน์อันใด พวกเขาอาจจะไข่ทำด้วยซํ้า มืคนที่ ประกาศว่าเปีนสิทธิชนแต่ชอบบ่นและจับผิดทุกครั้งที่ได้รับคำแนะนำขัดกับ ความรู้สึกของตน แท้เมื่อพวกเขาเปีนฝ่ายขอคำแนะนำเอง ยิ่งคำแนะนำที่พวก เขาได้รับโดยไข่ได้ขอซึ่งไข่สอดคล้องกับความคิดของพวกเขาในเรื่องนั้นด้วย แล้ว ยิ่งไบ,ด้องพูดถึง แต่พื่น์องทั้งหลาย เราหวังสิ่งที่ดีกว่าจากพวกท่านส่วน ใหญ่ เราเชื่อว่าท่านปรารถนาคำแนะนำในบางครั้ง และท่านจะยินดีปฏิบัติตาม ไข่ว่าท่านจะได้รับจากแหล่งที่ถูกด้องเมื่อใดก็ตาม”20

อีไลซา อาร์. สโนว์บันทึกดังนี้ “[ใจเซฟ สมิธ] กล่าวว่า ล้าพระผู้เปีนเจ้า ทรงแต่งตั้งท่านและทรงเลือกท่านให้เปีนเครื่องมือนำศาสนาจักร เหตุใดจึงไข่ ปล่อยให้ท่านนำจนถึงที่สุดเล่า เหตุใดจึงยืนขวางทางเมื่อท่านได้รับแต่งตั้งให้ท่า สิ่งหนึ่ง ใครรู้พระดำริของพระผู้เปีนเจ้าท้าง พระองค์มิได้ทรงเปีดเผยเรื่องต่างๆ ผิดแผกไปจากที่เราคาดหวังหรือ [ศาสดา] กล่าวว่าท่านฮึดสู้ตลอดเวลา แท้ทุก อย่างจะตรงเข้าเล่นงานท่าน ขวางทางท่าน และต่อด้านท่าน แท้จะมีการต่อ ด้านทั้งหมดนี้ แต่สุดท้ายท่านมักจะเปีนฝ่ายถูกเสมอ. …

“ท่านตำหนิคนที่ชอบจับผิดการบริหารจัดการเรื่องราวต่างๆ ของศาสนาจักร โดยกล่าวว่าพระผู้เปีนเจ้าทรงเรียกท่านให้นำศาสนาจักร และท่านจะนำให้ดี คน ที่เข้ามากิาวก่ายจะด้องอับอายเมื่อความโง,ของเขาเปีนที่ประจักษ์”21

คนที่ไม่ยอมรับศาสดาที่มีชีวิตจะไม่ก้าวหน้าและจะนำการพิพากษา ของพระผู้เร็เนเจ้ามาให้ตน

“พดตามตรงก็คือ ถึงแท้ความ!ทั้งมวลจะมาจากพระผ้เปีนเจ้า แต่เมื่อเปีด เผยความรู้มันกใช่ว่าทุกคนจะเชือการเปีดเผยดังกล่าว. …

“โนอาห์เปีนคนดีรอบคอบ และความรู้หรือการเปีดเผยของเขาถึงสิ่งที่ต้อง เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกให้พลังแก่เขา เพื่อเตรียมและช่วยให้ตนเองตลอดจน ครอบครัวรอดพ้นจากการทำลายห้างของนํ้าท่วม ผู้อาศัยของแผ่นดินโลกไข่เชื่อ… ความรู้,หรือการเปีดเผยนี้ พวกเขารู้ว่าแอดัมเปีนมนุษย์คนแรก ถูกสร้าง ตามรูปลักษณ์ของพระผู้เปีนเจ้า และเขาเป็นคนดี เอโนคเดินกับพระผู้เปีนเจ้า สามร้อยหกสิบห้าปี และถูกแปรสภาพขึ้นสวรรค์โดยไข่ต้องลิ้มรสความตาย แต่พวกเขาทนรับการเปีดเผยใหม่ไข่ไต้ และพูดว่าเชื่อการเปีดเผยสมัยเก่า เพราะบรรพบุรุษของเราเชื่อ แต่ไข่นำพาการเปีดเผยใหม่ และนํ้าท่วมกวาดห้าง พวกเขา …

“หลักธรรมเดียวกันนี้… ประจักษ์ชัดในบรรดาชาวยิวเมื่อพระผู้ช่วยให้รอด เสด็จมาในเนื้อหนัง [พวกเขา] อวดห้างการเปีดเผยสมัยเก่า ตกแต่งสุสานของ คนตาย ถวายส่วนสิบของสะระแหน่และลูกผักชี แสร้งท่าเปีนสวดห้อนวอน ยาวยืด ข้ามนี้าข้ามทะเลไปหาผ้เปลี่ยนใจเลื่อมใส แต่เมื่อการเปีดเผยใหม่ออก มาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงเปีนอยู่ พวกเขาทนรับไข่ได้——มันมากเกิน ไป การเปีดเผยใหม่แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของคนรุ่นนั้น เช่นเดียวกับ คนรุ่นอื่นก่อนหห้าพวกเขา และพวกเขาราร้องให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน เสีย! …

“ภาษาและวิถีเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งเมื่อพระคัมภีร์มอรมอนมาถึงคน รุ่นนี้ การเปีดเผยสมัยเก่า ผู้ประสาทพร มักแสวงบุญ และอัครสาวกสมัยเก่า น่ะหรือ เราเชื่อ แต่เราไข่สามารถทำตามการเปีดเผยสมัยใหม่ได้”22

“ชาวโลกมักเช้าใจผิดคิดว่าศาสดาปลอมคือศาสดาจริง และคนที่พระผู้เปีน- เจ้าส่งมาเปีนศาสดาปลอมและด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงฆ่า ขว้างก้อนหินใส่ ลงโทษ และจองจำศาสดาที่แห้จริง พวกท่านด้องซ่อนตัวอยู่ “ในถิ่นทุรกันดารและตาม ภูเขา และอยู่ตามถํ้าและตามโพรง’ [ดู ฮีบรู 11:38] แห้จะเปีนคนมีเกียรติที่สุด ของแผ่นดินโลก พวกเขาก็ยังเนรเทศพวกท่านออกจากสังคมไปเปีนคนร่อนเร่ พเนจร ขณะที่พวกเขาเอาอกเอาใจ ยกย่อง และสนับสนุนคนอันธพาล คนจร หมอนหมื่น คนหห้าซื่อใจคด มักด้มตุ๋น และคนตาช้าที่สุดของมนุษย์”23

“ข้าพเจ้าไข่เคยคิดว่าถ้าพระคริสต์เสด็จมาบนแผ่นดินโลกและสั่งสอนเรื่อง รุนแรงเช่นที่พระองค์ทรงสั่งสอนชาวยิว คนรุ่นนี้จะไข่ปฏิเสธพระองค์เพราะการ สั่งสอนที่รุนแรงเช่นนั้น… หลายคนจะพูดว่า ‘ข้าจะไข่ทิ้งท่าน แต่จะยืนเคียง ข้างท่านเสมอ’ แต่ทันทีที่ท่านสอนเขาให้รู้ความลึกลํ้าบางอย่างเกี่ยวกับอาณา-จักรของพระผู้เปีนเจ้าที่เก็บไว้ในสวรรค์และจะเปีดเผยต่อลูกหลานมนุษย์เมื่อ พวกเขาพร้อมรับ พวกเขาจะเปีนคนแรกที่ขว้างถ้อนหินใส่ท่านให้ถึงตาย นี่คีอ หลักการเดียวกับหลักการที่ตรึงกางเขนพระเจ้าพระเยซูคริสต์ และจะท่าให้ผู้คน ฆ่าศาสดาในชั่วอายุนี้

“มีหลายเรื่องที่ [ไข่สามารถอธิบาย] ให้ลูกหลานมนุษย์ในวันเวลาสุดห้าย เช้าใจได้ ตัวอย่างเช่น พระผู้เปีนเจ้าจะทรงท่าให้คนตายฟืน [พวกเขาลืม] ไป ว่าเรื่องที่ถูกปีดบังไว้ก่อนการวางรากฐานของโลกจะถูกเปีดเผยต่อเด็กทารกในวัน เวลาลดห้าย

“มีชายหญิงที่ฉลาดหลักแหลมอยู่ท่ามกลางพวกเรามากเกินไป ผู้ฉลาดเกิน กว่าจะรับการสอน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องตายในความไข่รู้ และในการฟืนคืน ชีวิตพวกเขาจะพบความผิดพลาดของตน หลายคนปีดประดูสวรรค์เสียสนิทโดย กล่าวว่า ถ้าพระผู้เปีนเจ้าเปีดเผยสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ฉันจะไข่เชื่อ. …

“เปีนเช่นบันเสมอมาเมือพระผู้เปีนเจ้าทรงส่งชายคนหนึงมาพร้อมฐานะปุ- บขาเริ่มสั่งสอนความสมบรณ์ของพระกิตติกณ เขาจะถกเหน็บแนม ทนทจากเพอนๆ ผู่พร์อมจะแสเนอเขาถ์าเขาสอนเรองทพวกเขาคดว่าผด และ พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนตามหลักการนี้”24

“วิบัติ วิบัติแก่คนนั้นหรือคนกลุ่มนั้นผู้ยกมือต่อต้านพระผู้เปีนเจ้าและพยาน ของพระองคในวันเวลาสุดท้ายนี้ เพราะพวกเขาเกือบจะหลอกผู้ไต้รับเลือกอยู่ แล้ว!

“… เมื่อชายคนหนึ่งกำลังพยากรณ์ และสั่งคนอื่นใท้เชื่อฟ้งกำสอนของเขา ล้าเขาไม่ใช่ศาสดาจริงกืคงเปีนศาสดาปลอม ศาสดาปลอมจะลุกขึ้นต่อต้านศาส- ดาจริงเสมอและพวกเขาจะพยากรณ์ใกล้เคียงความจริงมากจนพวกเขาเกือบจะ หลอกผู้ เดรับเลอกอยู่แลว”25

“ผลอันสืบเนื่องจากการไข่ยอมรับพระกิตติกณของพระเยซคริสต์และศาสดา ผู้ทีพระผู้เปีนเจ้าทรงส่งมา การพิพากษาของพระผู้เปีนเจ้าจึงเกิดกับผู้คน เมือง และประเทศในยุคต่างๆ ของโลก ซึ่งเปีนกรณีเดียวกับเมืองโสโดมและโกโมราห์ ที่ถูกทำลายเพราะไข่ยอมรับศาสดา”26

วิลเลียม พี. แน็คอินไทร์รายงานดังนี้ “[โจเซฟ สมิธ] พยากรณ์ว่าทุกคนที่ ดูแคลนการเปีดเผยที่ประทานไท้ ดูแคลนท่านและล้อยกำของท่าน อีกไข่นาน จะต้องร้องไท้คริ่าครวญ “…ว่า โธ่เอ๋ย รู้อย่างนี้เราจะพีงพระกำของพระผู้เปีน- เจ้าและการเปีดเผยที่ใท้มา”27

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ-ⅹⅱ

  • อ่านทวนเรืองราวในหน้า 207-208 สังเกตว่าสมาชิกศาสนาจักรในสมัยเริ่ม แรกรู้สึกอย่างไรต่อการเปีดเผยที่ได้รับผ่านโจเซฟ สมิธ ท่านมีความรู้สึก อย่างไรเกี่ยวกับพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา

  • อ่านย่อหน้าที่สี่ในหน้า 209 ท่านคิดว่าเหตุใด “ความรอดจึงเกิดขึ้นไข่ได้หาก ปราศจากการเปีดเผย”

  • อ่านทวนหน้า 210-211 ท่านคิดว่าเหตุใดบางครั้งผู้คนจึงยอมให้ตนเองถูก หลอกเหมือนในเรื่องของไฮรัม เพจ เราท่าอะไรได้ห้างเพื่อจะไข่ถูกศาสดา ปลอมหรือคำสอนปลอมหลอก

  • อ่านทวนสองย่อหน้าสุดท้ายในหน้า 211 และย่อหน้าที่หนึ่งในหน้า 212 เรา ได้ประโยชน์อย่างไรจากการมีเพียงคนเดียวที่สามารถรับการเปีด เผยสำหรับ ทั้งศาสนาจักร ท่านมีประสบการณใดน้างที่พระเจ้าทรงนำทาง ท่านในความ รับผิดชอบที่จำเพาะเจาะจงของท่าน

  • อ่านหน้า 212-213 เพื่อดูว่าใจเซฟ สมิธและบริคัม ยังก์ตอบสนองอย่างไร เมื่อชายคนหนึ่งพูดว่าเราควรจำกัดอยู่แค่การเปีดเผยที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ อะไรจะขาดหายไปจากชีวิตท่านหากท่านจำกัดอยู่แค่งานมาตรฐานโดยไข่ฟ้ง ท้อยคำของศาสดาที่มีชีวิต เราทำอะไรได้บ้างเพื่อทำตามคำแนะนำของบริคัม ยังก์

  • เราท่าอะไรได้น้างเพื่อสนับสนุนประธานของศาสนาจักรและผู้นำศาสนาจักร ท่านอื่นๆ (ดูตัวอย่างหน้า 213-214) ประธานของศาสนาจักรใท้คำแนะนำ อะไรน้างในการประชุมใหญ่สามัญที่ผ่านมา ท่านได้รับพรในด้านใดน้างเมื่อ ท่านท่าตามศาสดาและผู้นำศาสนาจักรท่านอื่นๆ

  • มีวิธีใดน้างที่ผู้คนไข่ยอมรับศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า (ดูตัวอย่างหน้า 213–217.) ผลลัพธ์บางอย่างของการเลือกไข่ท่าตามคำแนะนำของผู้ที่พระเจ้าทรง เลือกใท้นำศาสนาจักรของพระองค์มีอะไรน้าง

ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: สุภาษิต 29:18; เจคอบ 4:8; 3 มีไพี 28:34; มอร-มอน 9:7-9; ค.พ. 21:1-6

อ้างอิง

  1. Parley P. Pratt, Autobiography of Parley P. Pratt, ed. Parley P. Pratt Jr. (1938), p. 62; ปรับเปลี่ยน เครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; ปรับ เปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

  2. “The Conference Minutes and Record Book of Christ’s Church of Latter Day Saints 1838–39; 1844,” entry for Nov. 2, 1831, p. 16, รายงานโดยจอห์น วิตเมอร์ หอ จดหมายเหตุของศาสนาจักร ศาสนา- จักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุค- สุดท้าย ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห้ มันทึก เล่มนี้มีบันทึกจากปี 1830 ถึง 1844

  3. History of the Church, 1:235; จาก “History of the Church” (ต้น-ฉบับ), book A-1, pp. 172–73, หอ จดหมายเหตุของศาสนาจักร

  4. หลักแห่งความเชื่อข้อ 9.

  5. History of the Church, 5:344; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมีธเมื่อ 8 เม.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ และวิลเลียม เคลย์ ตัน

  6. History of the Church, 6:252; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมิธเมื่อ 10 มี.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  7. History of the Church, 3:389–90; จากคำปราศรัยของใจเซฟ สมีธประมาณ ก.ค. 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  8. History of the Church, 5:258; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมิธเมื่อ 22 ม.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  9. History of the Church, 6:9; จาก Joseph Smith, “Latter Day Saints,” ใน 1. Daniel Rupp, comp., He Pasa Ekklesia [The Whole Church]: An Original History of the Religious Denominations at Present Existing in the United States (1844), p. 404.

  10. History of the Church, 2:52; ปรับ เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จาก มันทึกการประชุมใหญ่ของศาสนาจักร เมื่อจันที่ 21 เม.ย. 1834 ในนอร์ตัน โอไฮโอ; รายงานโดย ออลิเวอร์ คาว-เดอรี

  11. “Baptism” บทความที่จัดพิมพ์ใน Times and Seasons, Sept. 1, 1842, p. 905; เปลี่ยนไวยากรณให้ทันสมัย; ใจเซฟ สมีธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  12. History of the Church, 1:109–11, 115; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จาก “History of the Church” (ต้น- ฉบับ), book A-1, pp. 53–55, 58, หอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

  13. History of the Church, 2:477; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อ 6 เม.ย. 1837 ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; รายงาน โดย Messenger and Advocate, Apr. 1837, p. 487.

  14. History of the Church, 1:338; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมิธและเฟรเดอริค จี. วิลเลียมส์เขียนถึงจอห์น เอส คาร์- เตอร์ 13 เม.ย. 1833 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  15. Heber C. Kimball, Deseret News, Nov. 5, 1856, p. 274.

  16. Wilford Woodruff, ใน Conference Report, Oct. 1897, pp. 22–23; ปรับ เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

  17. Brigham Young, Deseret News, Dec. 9, 1857, p. 316.

  18. History of the Church, 2:417–18; from a Joseph Smith journal entry, Mar. 27, 1836, เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; ดู Messenger and Advocate, Mar. 1836, p. 277 ด้วย

  19. History of the Church, 4:186; จากจดหมายที่โจเซฟ สมิธและที่ปรึกษา ของท่านในฝ่ายประธานสูงสุดเขียนถึง สิทธิชน ก.ย. 1840 นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพ์ใน Times and Seasons, Oct. 1840, p. 178.

  20. History of the Church, 4:45, เชิง อรรถ; จากจดหมายที่ฝ่ายประธานสูงสุด และสภาสูงเขียนถึงสิทธิชนที่อาศัยอยู่ ทางตะวันตกของเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ 8 ธ.ค. 1839 คอมเมิร์ซ อิลลินอยส์ จัด พิมพ็ไน Times and Seasons, Dec. 1839, p. 29.

  21. History of the Church, 4:603-4; จากคำปราศรัยของไจเซฟ สมิธเมื่อ 28 เม.ย. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดย อีไลซา อาร์. สโนว์; ดู ภาค ผนวก หน้า 604, ข้อ 3 ด้วย.

  22. “Knowledge Is Power” บทความที่ จัดพิมพ์ใน Times and Seasons, Aug. 15, 1842, pp. 889–90; เปลี่ยน ตัวสะกด วรรคตอน และไวยากรณให้ ทันสมัย; ลบตัวเอน; ไจเซฟ สมิธเป็น บรรณาธิการวารสาร

  23. History of the Church, 4:574; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จาก “Try the Spirits,” บท- ความที่จัดพิมพ็ไน Times and Seasons, Apr. 1, 1842, p. 744; ไจเซฟ สมิธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  24. History of the Church, 5:423–25; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำปราศรัยของไจเซฟ สมิธเมื่อ 11 มิ.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดยวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็และวิลลาร์ด ริชาร์ดส์; ดู ภาคผนวก หน้า 604, ข้อ 3 ด้วย.

  25. History of the Church, 6:364; จาก คำปราศรัยของไจเซฟ สมิธเมื่อ 12 พ.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดย โธมัส บัลล็อค

  26. History of the Church, 5:256–57; จากคำปราศรัยของไจเซฟ สมิธเมื่อ 22 ม.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย- งานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  27. วิลเลียม พี. แม็คอินไทร์ ระหว่างราย- งานคำปราศรัยของไจเซฟ สมิธเมื่อต้น ปี 1841 ในนอวู อิลลินอยส์; William Patterson McIntire, Notebook 1840–45, หอจดหมายเหตุ

ภาพ
Joseph receiving revelation

เที่อศาสดาโจเซฟ สนิธ ได้รับการเปีดเผย ท่านมักอยู่กับผู้นำศาสนาจักรท่านอื่น โดยปีผู้บันทึกด้อยคำของท่านขฌะที่ท่านได้รับการเป็ดเผยจากพระเจ้า

ภาพ
Heber C. Kimball

ฮืเบอร์ ซี. คิมบัลล์

ภาพ
Noah preaching

“โนอาห์เป็นคนดิรอบคอบ และควพรูหรือการเป็ดเผยของเขพึงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก… ไม่ไดีรับความเชื่อถือจากผูอาศัยของแผ่นดินโลก”