คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 5: การกลับใจ


บทที่ 5

การกลับใจ

“ขอให้เราเริ่มต้นใหม่วันนี้ และพูดจากใจจริงที่สุดของเรา ณ บัดนี้ว่าเราจะทิ้งบาปและเป็นคนชอบธรรม”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

วันที่ 14 มิถุนายน คริสต์ศักราช 1828 มาร์ติน แฮร์ริสออกจากเมืองฮาร์โมนี รัฐเพนน์ซิลเวเนียเพื่อนำต์นฉบับ 116 หน้าจากแผ่นจารึกทองคำไปอวดสมาชิก บางคนในครอบครัวที่เมืองพอลไมรา รัฐนิวยอร์ก วันกัดมาบุตรคนแรกของโจเซฟและเอ็มมาเกิด พวกเขาตั้งชื่อบุตรชายว่าอัลวิน เด็กทารกเสียชีวิตในวันนั้น สุขภาพของเอ็มมาก็แย่ลงจนกระทั่งเธอเองก็เกือบเสียชีวิต ต่อมามารดาของศาสดาเขียนว่า “มีช่วงหนึ่งที่ [เอ็นมา] เหมือนคนใกล้ตาย ดูเหมือนจุดจบจะ มาถึงเธอได้ทุกเมื่อถึงขนาดว่าในสองสัปดาห์นั้นสามีเธอจะนอนเต็มอิ่มสักหนึ่ง ชั่วโมงยังไบ่ได้ เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาดังกล่าวและภรรยามือาการดีขึ้นน้างแล้ว โดยที่เป็นห่วงต์นฉบับมากเขาจึงตัดสินใจว่าทันทีที่เธอแข็งแรงขึ้นอีกนิดเขา จะเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อติดตามเรื่องนี้”1

ในเดือนกรกฎาคม ตามข้อเสนอของเอ็มมา ศาสดาฝากเอ็มมาให์มารดาเธอ ดูแลและเดินทางโดยรถน้าสาธารณะไปน้านพ่อแบ่ของท่านในเขตเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก การเดินทางของศาสดารวมระยะทางประมาณ 125 ไมล์ และใข้เวลาสองถึงสามวัน โดยที่เป็นทุกข์มากกับการสูญเสียบุตรชายคนแรก กังวลเรื่องภรรยา และเป็นห่วงต์นฉบับอย่างยิ่ง โจเซฟถึงกับกินไบ่ได้นอนไม่ หลับระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เพื่อนร่วมทาง ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถม้าอีกคนหนึ่ง สังเกตเห็นสภาพอ่อนเพลียของศาสดาจึงยืนกรานจะเดินเป็นเพื่อนท่าน 20 ไมล์ จากสถานีรถน้าไปม้านตระกูลสมิธ ในช่วงสี่ไมล์สุดท้ายที่เดิน มารดาของศาสดา เล่าว่า “คนแปลกหน้าคนนั้นจำเป็นด้องให์โจเซฟจับแขนของเขาเดินเพราะโจเซฟหมดเรี่ยวแรงจนประคองตัวไบ่ไหวและจะหลับทั้งยืน”2 ทันทีที่มาถึงน้าน ของบิดามารดาท่าน ศาสดาก็ส่งคนไปตามบาร์ดิน แฮร์ริส

มาร์ตินมาถึงบ้านตระกูลสมิธตอนบ่ายอ่อนๆ คอตกและหน้าละห้อย เขาบอก ว่าไบ่มีด้นฉบับ และไบ่ทราบว่าบันอยู่ที่ไหน เมื่อได้ยินต้งนี้ โจเซฟก็ร้องขึ้นมา ว่า “โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์… หมด กัน หายหมด ผมจะทำอย่างไรดี ผมทำบาป ผมเองที่ยั่วพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าเพราะทูลขอในเรื่องที่ผมไบ่มีสิทธิ์ขอ… ผมจะปรากฎดัวเบื้องพระพักตร์พระเจ้าไดัอย่างไร ผมสมควรได้รับคำตำหนิจากเทพของพระผู้สูงสุดจริงๆ”

ขณะที่เวลาล่วงไป ศาสดาเดินกลับไปกลับมาในห้านของบิดามารดาท่านด้วย ความกลัดกลุ้ม “ร้องไห้และเศร้าโศกเสียใจ” วันรุ่งขึ้นท่านกลับไปฮาร์โมมี ซึ่ง ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเริ่มถ่อมตนในการสวดอ้อนวอนสูดกำลังต่อพระเจ้า … ว่าหากเป็นไปได้ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้รับพระเมตตาจากพระหัตถ์ของพระองค์และ ขอทรงยกโทษในเรื่องทั้งหมดที่ทำลงไปซึ่งขัดลับพระประสงค์ของพระองค์”3

พระเจ้าทรงติสอนศาสดาอย่างหนักเพราะท่านกลัวมนุษย์มากกว่าพระผู้เป็นเจ้า แต่ทรงรับรองว่าพระองค์จะประทานอภัย “เจ้าคือโจเซฟ” พระเจ้าตรัส “และเจ้าถูกเสือกให้ทำงานของพระเจ้า แต่เพราะการล่วงละเมิด หากเจ้าไบ่ระวังเจ้าจะตก แต่จงจำไว้ พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา ฉะนั้นจงกลับใจจากสิ่งที่เจ้า ทำไปซึ่งตรงลันข้ามลับคำสั่งซึ่งเราให้เจ้า และเจ้ายังถูกเลือกและถูกเรียกมายัง งานอีก” (ค.พ. 3:9–10)

พระเจ้าทรงนำยูรัมและธัมบัมลับแผ่นจารึกไปจากโจเซฟชั่วเวลาหนึ่ง แต่ไบ่ นานท่านก็ได้รับสิ่งเหล่านี้คืน “เทพยินดีเมื่อท่านคืนยูรัมลับธัมบัมให้ข้าพเจ้า” ศาสดาคิดชั่วครู่ “และกล่าวว่าพระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยความซื่อสัตย์และความ อ่อนน้อมถ่อมตนของข้าพเจ้า ทรงรักข้าพเจ้าเพราะความอดทนและความ พากเพียรของข้าพเจ้าในการสวดอ้อนวอน ซึ่งข้าพเจ้าปฏิบัติหน้าที่ได้ดีจน … สามารถเริ่มงานแปลได้อีกครั้ง”4 เนื่องด้วยโจเซฟตั้งอกตั้งใจทำงานใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าท่าน ความรู้สึกอ่อนโยนที่ได้รับอภัยจากพระเจ้าและความตั้งใจ ใหม่ที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์จึงท่าให้ท่านแข็งแกร่ง

คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ

โดยกลับใจจากบาปของเรา เราจะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น

วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์บันทึกไว้ในช่วงรับใช้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง ดังนี้ “โจเซฟผู้พยากรณ์ลุกขึ้นต้วยพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ตำหนิและ ประณามความชั่วต่อหน้าผู้คนในพระนามของพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้า ท่านประสงค์จะพูดเพียงไบ่กี่คำตามสภาพของคนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมกัน และกล่าวต่อ จากนั้นว่า

“ ‘ข้าพเจ้าจะพูดต้วยสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตในพระนามของพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า… ถึงแน้ที่ประชุมแห่งนี้จะอ้างว่าเป็นสิทธิชน แต่ข้าพเจ้าก็ยืน อยู่ท่ามกลางบุคคลทุกประเภททุกชนชั้น หากท่านประสงค์จะไปยังที่ที่พระผู้เป็นเจ้าอยู่ ท่านต้องเป็นเหมือนพระองค์ หรือครอบครองหลักธรรมซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง เพราะหากเราไบ่เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าในหลักธรรม เรา จะไปจากพระองค์และเข้าใกล้มาร ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนทุกประเภท

“ ‘จงสำรวจใจท่าน และดูว่าท่านเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าหรือไบ่ ข้าพเจ้า สำรวจใจตนเองแล้ว และรู้สึกว่าต้องกลับใจจากบาปทั้งหมดของข้าพเจ้า

“‘เรามีขโมยอยู่ในบรรดาพวกเรา มืคนล่วงประเวณี คนพูดปด คนหน้าซื่อ ใจคด หากพระผู้เป็นเจ้าจะตรัสจากสวรรค์ พระองค์จะทรงบัญชาท่านว่าอย่าลัก ขโมย อย่าล่วงประเวณี อย่าโลภ อย่าหลอกลวง แต่จงซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ… พระผู้เป็นเจ้าไบ่ดีหรอกหรือ ท่านต้องเป็นคนดี หากพระองค์ซื่อสัตย์ ท่านต้องซื่อสัตย์ จงเติมคุณธรรมให้ศรัทธาของท่าน เติมความรู้ให้คุณธรรม และแสวงหาทุกอย่างที่ดี ศาสนาจักรด้องสะอาด และข้าพเจ้าประกาศต่อต้าน ความชั่วร้ายทุกอย่าง’”5

“ท่านจะต้องบริสทธิ์ไร้มลทิน หาไบ่แล้วท่านจะมาอยู่เบื้องพระผักตร์พระผู้เป็มเข้าไบ่ได้ หากเราอยากจะนาอยู่เบื้อจพระผักตร์พระผู้เป็มเข้า าราต้อจร้กษาต้วให้นริสทธิ์ เฉกเช่นพระองค์ทรงบริสุทธิ์ มารมือำนาจมากที่จะหลอกลวง เขาจะเปลี่ยนสภาพสิ่งต่างๆ จนคนที่อำลังทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าต้องอ้าปากล้าง… ความชั่วร้ายท่ามกลางสิทธิชนต้องถูกชำระล้างให้หมดไป เมื่อนั้นม่านจะถูกฉีกออก และพรจากสวรรค์จะเทลงมา—พรจะไหลมาเหมือน แม่นั้ามิสซิสซิปป็”6

“อย่าให้ใครป่าวประกาศความชอบธรรมของตน เพราะคนอื่นจะเห็นเอง แต่ ให้เขาสารภาพบาปโดยเร็ว และเมื่อนั้นเขาจะไต้รับยกโทษ และเขาจะออกผล มากขึ้น”7

“ใจทุกดวงต้องกลับใจและบริสุทธิ์ และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงสนพระทัยเขา และทรงอวยพรเขาอย่างที่เขาจะรับพรเช่นนั้นไบ่ได้ด้วยวิธีอื่น”8

พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าคือเราต้องทิ้งบาปของเรา และกำจัดความชั่วออกไปจากพวกเรา

“จงฟ้ง เจ้าทั้งหลายสุดแดนแผ่นดินโลก—ปุโรหิตทั้งหลาย คนบาปทั้งหลาย และมนุษย์ทั้งหลาย จงกลับใจ! จงกลับใจ! จงปฏิบัติตามพระกิตติคุณ ห้นไปพึ่ง พระผู้เป็นเจ้า”9

“ขอให้เราเริ่มต้นใหม่วันนี้ และพูดจากใจจริงของเราว่าเราจะทิ้งบาปและ เป็นคนชอบธรรม”10

“คนไบ่มีศาสนาจะคว้าฟางทุกเส้นไวัใช้ประโยชน์จนกว่าความตายจะอยู่ตรง หน้าเขา และเมื่อนั้นความไบ่มีศาสนาของเขาจะหมดไป เพราะความเป็นจริง ของโลกนิรันดร้จะมีอิทธิพลต่อเขาอย่างมาก และเมื่อใดที่สิ่งคํ้าจุนและสิ่งคํ้ายัน ทางโลกทุกอย่างทำให้เขาไบ่สมหวัง เมื่อนั้นเขาจะรู้สึกถึงความจริงนิรันดร์ของ ความเป็นอมตะของจิตวิญญาณ เราควรรับการเตือนและไม่รอจนใกล้ตายแส้ว ค่อยกลับใจ เราเห็นเด็กทารกถูกความตายพรากไปฉันใด เยาวชนและผู้ใหญ่วัย กลางคนก็อาจจะถูกเรียกเช้าสู่ความเป็นนิรันดร์อย่างฉับพลันเช่นเดียวกับเด็ก ทารกได้ฉันนั้น ขอให้สิ่งนี้เตือนสติทุกคนว่าเขาด้องไบ่ผัดวันในการกลับใจ หรือ รอจนใกล้ตาย เพราะเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่มนุษย์จะกลับใจและ รับใช้พระองค์เมื่อยังมีสุขภาพดี มีความเช้มแข็งและมีพลังในความคิด ทั้งนี้ เพื่อจะได้รับพรของพระองค์และไบ่รอจนเขาถูกเรียกให้ตาย”11

“เราประกอบพิธีศีลระลึกให้ศาสนาจักร [เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1835] ค่อนประกอบพิธี ช้าพเจ้าได้พูดถึงระเบียบที่ถูกด้องของพิธีดังกล่าวในศาสนาจักรและพยายามเน์นความสำคัญของการทำด้วยการยอมรับต่อพระพักตร์พระเจ้าและถามว่า ท่านคิดว่าคนๆ หนึ่งจะรับส่วนพิธีการนี้อย่างไบ่มีค่าควรไต้นาน เท่าใดก่อนที่พระเจ้าจะทรงถอนพระวิญญาณไปจากเขา เขาจะล้อเล่นลับเรื่อง ศักดิ์สิทธิ์นี้นานแค่ไหนค่อนที่พระเจ้าจะทรงส่งเขาไปสู่การปะทะของซาตานจน ถึงวันแห่งการไถ่… ฉะนั้น ใจเราพึงนอบน์อมและเราต้องกลับใจจากบาปและ กำจัดความชั่วออกไปจากพวกเรา”12

“การกลับใจเป็นเรื่องที่เราจะล้อเล่นทุกวันไม่ได้ การล่วงละเมิดทุกวันและ การกลับใจทุกวันไบ่เป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า”13

ศาสดาโจเซฟ สมิธเขียนถึงวิลเลียม สมิธน้องชายหลังจากวิลเลียมโกรธท่าน และปฏิบัติต่อท่านอย่างดูหมิ่นต้งนี้ “[พี่พูดลับน้อง] เพราะมีเจตนาอยากจะ เตือน ชักชวน ดักเตือน และช่วยน้องไม่ให้ตกอยู่ในความยุ่งยากและความ เสียใจ ซึ่งพี่มองเห็นล่วงหน้าว่าน้องจะเอาตัวเขีาไป โดยเปิดทางให้วิญญาณชั่ว ร้ายนั้น ซึ่งน้องเรียกว่าโทสะ ซึ่งน้องควรข่มไว้ ทำลาย และสยบมันไว้แทบเท้า หากไบ่ทำเช่นนั้นความเห็นของพี่คือน้องจะรอดไบ่ได้ในอาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ความประสงค์ของมนุษย์ถูกกลืนเข้าไปใน พระประสงค์ของพระองค์”14

พระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงเต็มพระทัยประทานอภัยคนที่กลับใจ และกลับมาหาพระองค์ด้วยความตั้งใจจริง

คริสต์ศักราช 1835 ศาสดาโจเซฟ สมิธได้รับจดหมายจากฮาร์วีย์ วิทล็อคผู้ ละทิ้งความเชื่อจากศาสนาจักรและปรารถนาจะคืนสู่การเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ ศาสดาตอบว่า “ผมไต้รับจดหมายของคุณลงวันที่ 28 กันยายน มิ 1835 ผม อ่านจดหมายสองรอบและเกิดความรู้สึกที่เห็นภาพไต้มากกว่าคำบรรยาย ผมจะ พูดแต่เพียงว่าประตูทุกบานของหัวใจผมถูกนํ้าพัดพังหมดแห้ว… ผมไบ่อาจ ข่มความรู้สึกไว้ได้โดยไม่ร้องไห้ ผมขอบพระหัยพระผู้เป็นเจ้าที่ในใจคุณคิดจะ กลับมาหาพระเจ้า และมาหาคนเหล่านี้ หากเป็นเช่นนั้นก็ขอให้พระองค์จะทรง เมตตาคุณ ผมทูลถามพระเจ้าเกี่ยวลับเรื่องนี้แห้ว และนี่คือพระดำรัสที่มาถึงผม

การเมิดเผยถึงฮาร์วีย์ วิทล็อค

“‘ตามจริงแล้วพระเจ้าตรัสกับเจ้าดังนี้—ให้ฮาร์วีย์ผู้รับใช้ของเรากลับมาหา เรา และมาสู่อ้อมอกของศาสนาจักรของเรา ทิ้งบาปทั้งหมดที่เขาไต้ทำต่อเรา และดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรมและซื่อตรงนับจากนี้ และอยู่ภายใต้การคำลับดูแล ของผู้ที่เราตั้งให้เป็นเสาหลักและเป็นหัวหห้าของศาสนาจักรของเรา และตูเถิด พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าตรัส บาปของเขาจะถูกลบออกไปภายใต้ฟ้าสวรรค์ และผู้คนจะลืมเรื่องนี้ และจะไบ่เข้ามาในหูของเรา ทิ้งจะไม่ถูกบันทึกไว้เป็น อนุสรณ์กล่าวหาเขา แต่เราจะยกเขาขึ้นประหนึ่งจากโคลนลึก และเขาจะถูกยก ขึ้นบนที่สูง และจะถูกนับว่ามีค่าสมลับจะยืนอยู่ท่ามกลางเจ้าชายทั้งหลาย และ จะถูกทำให้เป็นลูกศรขัดเงาในแล่งของเราเพื่อโค่นห้มที่มั่นของความชั่วทำมกลางคนที่ตั้งตนเป็นใหญ่เพื่อหารือลันต่อสู้เราและต่อสู้ผู้รับการเจิมของเราใน วันเวลาสูดห้าย ดังนั้น ขอให้เขาเตรียมตัวอย่างรวดเร็วและมาหาเจ้าแห้ที่เกิร์ทแลนด์ และตราบที่เขาจะเอาใจใส่คำแนะนำทิ้งหมดของเจ้านับจากนี้ เขาจะถูก นำกลับสู่สถานะเดิมของเขาและจะรอดถึงระดับสูงสูด แม้ที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าประหับอยู่ เอเมน’

“ท่านจึงเห็นดังนี้ พี่ห้องที่รักของข้าพเจ้า ถึงความเต็มพระหัยของพระบิดา บนสวรรค์ที่จะทรงอภัยบาป และโปรดปรานทุกคนเหมือนเดิมหากเขายอม ถ่อมตนต่อพระพักตร์พระองค์ สารภาพบาปของเขา ทิ้งบาป และกลับมาหา พระองค์ด้วยความตั้งใจจริง โดยไบ่ทำการหน้าซื่อใจคด เพื่อรับใช้พระองค์จนถึง ที่สุด [ดู 2 นีไฟ 31:13]

“อย่าแปลกใจที่พระเจ้าทรงถ่อมองค์ตรัสจากสวรรค์และประทานคำแนะนำ ให้ท่านเพื่อท่านจะเรียนรู้หน้าที่ของท่าน พระองค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของ ท่านและทรงเห็นความอ่อนน้อมถ่อมตนของท่าน และทรงยื่นพระหัตถ์แห่งความอาทรดุจบิดาออกด้อนรับการกลับมาของท่าน เหล่าเทพปลื้มป็ติในท่าน ขณะที่สิทธิชนยอมรับท่านเช้าสู่การเป็นสมาชิกอีกครั้ง”15

“ไบ่มีเวลาใดที่วิญญาณแก่เฒ่าเกินกว่าจะเช้าเฝืาพระผู้เป็นเจ้า คนทั้งปวงผู้ บิได้กระทำบาปอันยกโทษให้ไบ่ได้อ้วนอยู่ในข่ายได้รับพระเมตตาอภัยโทษ”16

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • ขณะอ่านเรื่องราวความรู้สึกที่ศาสดามีต่อการสูญเสียด้นฉบับ 116 หน้า (หน้า 75–76) ท่านโด้ช้อคิดอะไรบ้างเกี่ยวกับใจเซฟ สบิธ ท่านเรียนรู้อะไรจาก แบบอย่างของโจเซฟเกี่ยวกับการกลับใจ

  • อ่านทวนหัวช้อที่เริ่มด้นในหน้า 76 ขณะไตร่ตรองคำสอนในบทนี้ ให้ใช้เวลา สำรวจใจท่านตามที่ศาสดาแนะนำ นึกถึงสิ่งที่ท่านด้องทำและสิ่งที่ท่านด้อง เลิกทำ––เพื่อจะเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น

  • ไตร่ตรองคำเตือนของโจเซฟ สบิธเกี่ยวลับการผัดวันในการกลับใจของเรา (หน้า 78-80) การผัดวันในการกลับใจจะส่งผลอะไรห้าง

  • ศึกษาคำแนะนำของศาสดาเกี่ยวลับการหันไปพึ่งพระผู้เป็นเจ้าและอ่อนน้อม ถ่อมตนเบื้องพระพักตร์พระองค์ (หน้า 78–81) เหตุใดการกลับใจจึงไบ่สมบูรณ์หากไบ่อ่อนน้อมถ่อมตน ท่านคิดว่า “กลับมาหา [พระผู้เป็นเจ้า] ด้วย ความตั้งใจจริง” หมายความว่าอะไร (หน้า 81)

  • อ่านการเปีดเผยที่โจเซฟ สบิธได้รับสำหรับฮาร์วีย์ วิทล็อค โดยสังเกตคำ สัญญาของพระเจ้าอ้าบราเดอร์วิทล็อคจะกลับใจอย่างแห้จริง (หน้า 80) ท่านมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรห้างขณะไตร่ตรอง “ความเต็มพระทัย ของพระบิดาบนสวรรค์ที่จะทรงอภัยบาปและโปรดปราน [เรา] เหมือนเติม”

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: 2 โครินธ์ 7:9–10; โมไซยา 4:10–12; แอลมา 34:31–38; ค.พ. 1:31–33; 58:42–43

อ้างอิง

  1. Lucy Mack Smith, “The History of Lucy Smith, Mother of the Prophet,” 1844–45 manuscript, book 7, pp. 1-2 หอจดหมายเหตุของ ศาสนาจักร ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท้เลศ ซิตี้ ยูทาห์

  2. Lucy Mack Smith, “The History of Lucy Smith, Mother of the Prophet,” 1844–45 manuscript, book 7, p. 5 หอจดหมายเหตุของ ศาสนาจักร

  3. อ้างโดย Lucy Mack Smith, “The History of Lucy Smith, Mother of the Prophet,” 1844–45 manuscript, book 7, pp. 6-9 หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  4. อ้างโดย Lucy Mack Smith, “The History of Lucy Smith, Mother of the Prophet,” 1844–45 manuscript, book 7, p. 11 หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  5. History of the Church, 4:588; คำที่วงเล็บไว้อยู่ในต์นฉบับเดิม; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำ ปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดยวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  6. History of the Church, 4:605; ปรับ เปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำปราศรัย ของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย อีไลซา อาร์. สโนว้

  7. History of the Church, 4:479; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 1841 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  8. คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย อีไลซา อาร์. สโนว้ ในสมาคม สงเคราะห์ Minute Book Mar. 1842–Mar. 1844, p. 34 หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  9. History of the Church, 6:317; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดยวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ, วิลลาร์ด ริชาร์ดส์, โธบัส บัลล็อค และวิลเลียม เคลย์ตัน

  10. History of the Church, 6:363; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย โธบัส บัลล็อค

  11. History of the Church, 4:553–54; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยของโจเซฟ สมิธ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

  12. History of the Church, 2:204; จาก บันทึกการประชุมสภาศาสนาบักรซึ่งจัด เมื่อจันที่ 1 มี.ค. 1835 ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  13. History of the Church, 3:379; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  14. History of the Church, 2:342; จากจดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงวิลเลียม สมิธ 18 ธ.ค. 1835 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  15. History of the Church, 2:314–15; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากจดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียน ถึงฮาร์วีย์ วิทล็อค 16 พ.ย. 1835 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  16. History of the Church, 4:425; จาก บันทึกการประชุมใหญ่ของศาสนาจักร ซึ่งจัดเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 1841 ในนอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพัใน Times and Seasons, Oct. 15, 1841, p. 577.

ภาพ
Christ in Gethsemane

การกลับใจเกิดขึ้นได้โดยพ่านการพลีพระชนม์ชีพเพี่อการชดไข้ของพระผู้ช่วยให้รอด พระเยชูคริสต์ “จงสำรวจใจท่าน และดูว่าท่านเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าหรือไป” ศาสดาโจเซฟ สมืธ ประกาศ “ข้าพเจ้าสำรวจใจตนเองแล้ว และรู้สึกว่าด้องกลับใจจากบาป็ทั้งหมดของข้าพเจ้า”

ภาพ
prodigal son returning

เข่นเดียวกับบิดาต้อนรับบุตรชายที่กลับบ้าน พระบิดาบนสวรรค์ทรงเต็มพระทัยที่จะ “ทรงอภัยบาป และโปรดปรานทุกคนเหมือนเดิม หากเขายอมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระองค์”