คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 40: มิตรแท้ที่ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมช่างประเสัริฐนัก


บทที่ 40

มิตรแท้ที่ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมช่างประเสัริฐนัก

“มิตรภาพเป็นหลักธรรมพื้นฐานข้อใหญ่ข้อหนึ่งของ ‘ชาวมอรมอน’… อิทธิพลอันก่อเกิดความสุขของมิตรภาพ ทำให้ครอบครัวมนุบย์เปีนหนึ่งเดียวอัน”

จากชีวิตฃองโจเซฟ ลมิธ

ในเดือนสิงหาคม คริสต์ศักราช 1842 เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนจากมิสซูรีพยายามจับศาสดาอยู่หลายครั้ง ศาสดาเกรงว่าจะถูกฆ่าถ้าถูกจับไปมิสซูรื ท่านจึงไป หลบซ่อนตัว วันที่ 11 สิงหาคม ท่านส่งข้อความไปถึงสมาชิกครอบครัวและ เพื่อนที่ภักดีหลายคนให้มาพบท่านบนเกาะแห่งหนึ่งในแม่นํ้ามิสซิสซิปปีไม่ไกล จากนอวู คืนนั้น เอ็มมา สมิธ ไฮรัม สมิธ นิวเวล เก. วิทนีย์ และคนอื่นๆ มารวมตัวกันริมแม่น้ำแถ้วเดินทางด้วยเรือเล็กไปยังจุดนัดพบ ศาสดาจับมือทุก คนด้วยความดีใจ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและการปลอบโยนของมิตรแห้ ต่อมาท่านเขียนในบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อสมาชิก กรอบกรัวและเพื่อนๆ ของท่าน บันทึกส่วนตัวบางตอนรวมอยู่ในบทนี้ หลายสัปดาห์ ต่อมา ศาสดาลงห้ายจดหมายที่เขียนถึงสิทธิชนด้วยถ้อยคำบรรยายความรู้สึกที่ ท่านมืต่อพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าเปีนผู้รับใช้ที่ต์าด้อยของท่านเสมอและเพื่อนที่ ไม่เคยหันเห โจเซฟ สมิธ” (ค.พ. 128:25)

สิทธิชนตอบแทนความรู้สึกของศาสดาโดยถือว่าท่านไม่เพียงเป็นศาสดาของ พวกเขาเท่านั้น แต่เป็นมิตรของพวกเขาด้วย เบ็นจาบิน เอฟ. จอห์นสันมิตร สนิทและเลขานุการส่วนตัวของโจเซฟ สมิธจำได้ว่า ‘โจเซฟศาสดา’—เป็น มิตรแห้ที่ซื่อสัตย์ อดกลั้น และมืจิตใจสูงส่ง…ในฐานะเพื่อนร่วมงานทาง สังคม ท่านได้รับของประทานอันสูงส่ง—อ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ร่าเริงเบิก บาน…ส่วนกิจกรรมนันทนาการ บางครั้งท่านจะเล่นมวยปลั้ากับเพื่อน หรือ ที่ม่อยกว่านั้นคือจะทดสอบความแข็งแกร่งกับคนอื่นๆ โดยนั่งบนพื้นเอาเห้ายัน กันและทั้งสองฝ่ายจะจับไม้อันเดียวกัน แต่ท่านไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแรง ทัดเทียมกับท่าน เรื่องขำขัน ภาพปริศนา [ใช้ภาพบรรยายคำพูด] การจับคู่คำ คล้องจอง ฯลฯ เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่การขอให้ร้องเพลงที่ท่านชื่นชอบ สักหนึ่งเพลงหรือมากกว่าทั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นม่อยครั้ง… ถึงแม้จะชอบสังคม และสนุกสนานห้างบางครั้ง แต่ท่านจะไม่ยโสโอหังหรือใช้เสรีภาพเกินขอบเขต”1

โจเซฟ สมิธเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและน่าคบ ดังที่ชายหนุ่มคนหนึ่งจำไล้ ว่า “ผมอยู่ที่ม้านของโจเซฟ ท่านอยู่ในม้าน และมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่บนรั้ว โจเซฟออกมาพูดกับเราทุกคน ไม่นานนักก็มีชายคนหนึ่งเดินมาบอกว่าห้านของ ชายยากจนคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรถูกไฟไหม้เมื่อคืนก่อน ผู้ชายเกือบทุกคนพูดว่าพวกเขารู้สึกเสียใจแทนชายคนนั้น โจเซฟเอามือล้วงลง ไปในกระเป้า หยิบเงินห้าดอลลาร์ดออกมาและพูดว่า ‘ผมรู้สึกเสียใจแทนบราเดอร์คนนี้เท่ากับห้าดอลลาร์ แล้วพวกคุณล่ะรู้สึกเสียใจมากเท่าใด’”2

บางทีความรักอันยิ่งใหญ่ที่โจเซฟ สมิธมืต่อเพื่อนของท่านอาจทำให้ท่านทน รับการทรยศของเพื่อนบางคนไม่ไต้ ในนอวู เพื่อนที่ศาสดาไว้ใจทันมาต่อล้าน ท่าน อย่างไรก็ดี เพื่อนหลายคนตอบแทนศาสดาล้วยความภักดีโดยยืนเคียงช้าง ท่านจนวาระสุดทัาย

เพื่อนคนหนึ่งคือวิลลาร์ด ริชาร์ดส์ สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองผู้ถูกขังคุกพร้อมโจเซฟกับไฮรัม สมิธและจอห์น เทย์เลอร์ในเมืองคาร์เทจ รัฐอิลลินอยส์ ขณะอยู่ในคุก พวกท่านไล้รับอนุญาตให้ย้ายออกจากห้องขังที่อยู่ชั้นล่าง ไปอยู่ในห้องนอนที่สบายกว่าบนชั้นสองของคุก ไม่นานก่อนมรณสักขี พัศดี เสนอว่านักโทษจะปลอดภัยกว่าล้าอยู่ในห้องขังลูกกรงเหล็กติดกับห้องนอน โจเซฟถามเอ็ลเดอร์ริชาร์ตส์ผู้ที่เพื่อนๆ เรียกเขาว่า “คุณหมอ” เพราะเขาเคย เปีนแพทย์รักษาโรคมาก่อนว่า “ ‘ล้าเราไปอยู่ในห้องขัง คุณจะไปอยู่กับเราทั้ย, คุณหมอตอบว่า ‘บราเดอรโจเซฟ คุณไม่ไล้ขอให้ผมช้ามนํ้ามากับคุณ—คุณไม่ ไล้ขอให้ผมมาที่คาร์เทจ—คุณไม่ไล้ขอให้ผมมาติดคุกกับคุณ—แล้วคิดหรือว่า ผมจะทั้งคุณตอนนี้ แด,ผมจะบอกคุณว่าผมจะท่าอะไร ล้าคุณถูกตัดสินประหาร ชีวิตล้วยการแขวนคอโทษฐานทรยศต่อชาติ ผมจะรับโทษแขวนคอแทนคุณเพื่อ ให้คุณเปีนอิสระ, ใจเซฟกล่าวว่า ‘คุณจะท่าอย่างนั้นไม่ไล้, คุณหมอตอบว่า ‘ผม จะท่า’ ”3

คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ

เพื่อนแท้บรรเทาความเศร้าโศกของกันและกันและ ยังคงชื่อสัตย์แม้ในช่วงเวลาของความยากลำบาก

โจเซฟ สบิธเขืยนเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆ กี่มาเยี่ยมฟานเมื่อ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1842 ขณะท่านหลบซ่อนต่วกังนี้ “สำหรัม่ข้าพเจ้าแล้ว ช่าง น่ายินดีและประเสริฐเลิศลํ้านักที่ได้พบเพื่อนผู้บริสุทธี้และศักดี้สิทธี้ มิตรแท้ที่ ซื่อสัตย์ และรักความยุติธรรม มิตรผู้ไม่สูญสิ้นความกล้าหาญ เข่าของพวกเขา มั่นคงไม่โอนเอนขณะรอคอยพระเจ้าและจัดหาสิ่งจำเปีนใท้ข้าพเจ้าในวันที่ความ เกรี้ยวโกรธของศัตรูข้าพเจ้าเทมาบนข้าพเจ้า …

“ข้าพเจ้ารู้สึกยินดียิ่งเมื่อได้พบกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์และเป็นมิตรในคืนวัน พฤหัสบดีที่ลิบเอ็ดบนเกาะที่ปากนํ้า [ป่าชายเลน] ระหว่างเมืองเซราเฮ็มลากับ เมืองนอวู คืนนั้นข้าพเจ้าจับมือเอ็มมาที่รักของข้าพเจ้า—เธอผู้เป็นภรรยาของ ข้าพเจ้า แท้ภรรยาในวัยหนุ่มของข้าพเจ้า และเปีนคนพิเศษสูดในใจข้าพเจ้า—ด้วยความดีอกดีใจจนพูดไม่ออก และความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นสุมอยู่ในอก ความคิดมากมายประดังเข้ามาในสมองเมื่อข้าพเจ้าตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งถึงเหตุการณ์มากมายที่เราได้รับเรียกใท้ประสบ ความเหน็ดเหนื่อยและลำบากตรากตรำ ความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมาน ความปีติยินดีและความสบายใจ ซึ่งเกิด ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเส้นทางของเรา และวางอยู่เต็มโต๊ะของเรา โล้ มืความ คิดมากมายอยู่ในสมองข้าพเจ้าขณะนี้ เธออยู่ที่นึ่อีกครั้ง …ไม่หวาดหวั่น หนัก แน่น และไม่หวั่นไหว—ไม่เปลี่ยนแปลง เอ็มมาที่รัก!

“คนต่อมาที่จับมือข้าพเจ้าด้วยคือบราเดอรัใฮรัม พี่ชายแท้ๆ ข้าพเจ้าคิดใน ใจว่า พื่ไฮรัม พี่ช่างมืใจซื่อสัตย์เหลือเกิน! โล้ ขอพระเยโฮวาห์ผู้สถิตนิรันดร์ ทรงสวมมงกุฎแห่งพรนิรันดรบนศีรษะพี่ด้วยเถิด เพี่อเป็นรางวัลสำหรับความ เอาใจใส่ที่พี่มืต่อจิตวิญญาณของผม! โล้ ลี่ครั้งแล้วที่เราร่วมทุกข์กันมา และเรา ถูกพันธนาการอีกครั้งด้วยการกดขี่ไม่เลิกรา ไฮรัม ซื่อของพี่จะถูกจารึกไวัใน หนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้าเพี่อใท้คนที่มาหลังจากพี่มองเห็นว่าพวกเขาลอก เลียนแบบงานของพี่ได้

“ข้าพเจ้าพูดกับตนเองว่า บราเดอร์นิวเวล เค. วิทนีย์อ็อยู่ที่นึ่ด้วย มีเหตุการณ์อันน่าสลดใจเกิดขึ้นมากมายในเส้นทางของเรา แต่เราได้พบอันและร่วม ทุกขโศกกันอีกครั้ง ท่านเป็นมิตรที่ซื่อสัตย์ผู้ซึ่งบรรดาบุตรชายที่เดือดร้อนของ มนุษย์สามารถวางใจได้ และจะพบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ ขอให้พรของ องค์นิรันดร์เปีนมงกุฎสวมบนศีรษะเขาเช่นกัน เขามีใจเมตตาสงสารและจิตวิญญาณของเขาปรารถนาความผาสุกของคนที่ถูกขับไล่และแทบทุกคนเกลียด ขัง บราเดอร์วิทมีย์ ท่านไม่รู้หรอกว่าสายใยที่ผูกมัดจิตวิญญาณและใจของ ข้าพเจ้ากับของท่านเหมียวแน่นเพียงใด …

“ข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่พูดรายละเอียดของประวัติศาลตร้ในคืนศักดสิทธี้นั้น ซึ่ง ข้าพเจ้าจะจดจำตลอดไป แต่ชื่อของผู้ซึ่อสัตย์คือซึ่อที่ข้าพเจ้าประสงค์จะบันทึก ไร้ ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าพบพวกเขาในความรุ่งเรือง และพวกเขาเปีนมิตรของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าพบพวกเขาในความยากลำบาก พวกเขายังคงเปีนมิตรที่สนิท กว่าเติม คนเหล่านี้รักพระผู้เปีนเจ้าที่ข้าพเจ้ารับใช้ พวกเขารักความจริงที่ข้าพเจ้าประกาศ พวกเขารักคำสอนที่ดืงามและศักดสิทธี้เหล่านั้นซึ่งข้าพเจ้าทะนุถนอมไร้ในใจด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่สุดของใจและด้วยความกระดือรือร้นซึ่งไม่ อาจปฏิเสธได้ …

“…ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้พบ [มิตรของข้าพเจ้า] อีกครั้ง ข้าพเจ้าจะตรากตรำงานหมักเพื่อพวกเขา และให้การปลอบโยนพวกเขา พวกเขาจะไม่ขาด เพื่อนขณะที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ใจข้าพเจ้าจะรักคนเหล่านั้น และมือข้าพเจ้าจะ ตรากตรำงานหมักเพื่อคนเหล่านั้นผู้รักและตรากตรำงานหมักเพื่อข้าพเจ้า และ จะซื่อสัตย์ต่อมิตรของข้าพเจ้าตลอดไป ข้าพเจ้าจะเนรคุณหรือ ไม่เลย! พระผู้เปีนเจ้าทรงห้าม!4

วันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1842 ศาสดาเขียนต่อไปว่า “ข้าพเจ้าพบว่าความ รู้สึกที่มีต่อ… มิตรของข้าพเจ้ากลับคืนมาอีกครั้งขณะใคร่ครวญคุณธรรม คุณสมบัติ และคุณลักษณะกันดืของคนซื่อสัตย์สองสามคน ซึ่งข้าพเจ้ากำลังบันทึก ไร้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า—ชื่อของคนที่ยืนเคียงข้างข้าพเจ้าทุกโมง ยามของอันตราย เปีนเวลานานถึงสิบห้าปี—ตัวอย่างเช่น โจเซฟ ไนท์ ซีเมียร์ พี่ชายผู้สูงวัยและเปีนที่รักของข้าพเจ้า ผู้อยู่ในบรรดาคนกลุ่มแรกที่จัดหาสิ่งจำเปีนให้ข้าพเจ้าขณะข้าพเจ้าเริ่มนำงานของพระเจ้าออกมา และวางรากฐานให้ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดห้าย เปีนเวลาสิบห้าปีที่เขาซึ่อสัตย์และแน่วแน่ ยุติธรรมและเปีนแบบอย่าง มีคุณธรรมและอ่อนโยน ไม่มัน ขวาหรือช้าย ดูเถิด เขาเป็นคนชอบธรรม ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธี้ทรง ยืดวันเวลาของชายผู้สูงวัยนี้ออกไปเถิด และขอให้ร่างกายที่สั่นเทา ทุกข์ทรมาน และแตกหักของเขากลับคืนสู่สภาพเดิม และมีกำลังวังชาเหมือนเดิม หากนั่น เปีนพระประสงค์ของพระองค์ โอ้พระผู้เปีนเจ้า และบุตรชายทั้งหลายของไซอันจะพูดถึงเขานานเท่านานตราบที่พวกเขายังอยู่ว่าชายผู้นี้เปีนคนซื่อสัตย์ใน อิสราเอล ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครลืมซื่อของเขา …

“… ขณะนึกถึงคนซื่อสัตย์สองสามคนผู้มีชีวิตอยู่เวลานี้ ข์าพเจ้านึกถึงมิตร ที่ซื่อสัตย์ของข้าพเจ้าผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย เพราะพวกเขามีมากมาย และความ กรุณาของพวกเขามีมากมาย—ด้วยความกรุณาฉันบิดาและฉันพี่ห้อง—ซึ่งพวก เขามอบให้ข้าพเจ้า และตั้งแต่ข้าพเจ้าถูกชาวมิสซูรีตามล่ามีภาพเหตุการณ์มาก มายเข้ามาในความนึกคิดของข้าพเจ้า …

“มีจิตวิญญาณมากมายที่ข้าพเจ้ารักด้วยความรักที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าความตาย ข้าพเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าซื่อสัตย์ต่อพวกเขาต่อคนที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะ พิสูจนให้เห็นว่าซื่อสัตย์ จนกว่าพระผ้เป็นเจ้าจะทรงขอให้ข้าพเจ้าคืนลมหายใจ”5

มิตรภาพทำให้ครอบครัวมนุษย์เป็นหนึ่งเสียวกัน โดยขจัดความเกลียดชังและความเข้าใจผิด

“ข้าพเจ้าไม่สนใจว่าคนๆ นั้นจะมีนิสัยอย่างไร อ้าเขาเป็นมิตรสับข้าพเจ้ามิตรแห้ ข้าพเจ้าจะเป็นมิตรสับเขา สั่งสอนพระกิตติคุณแห่งความรอดให้เขา และให้คำแนะน่าที่ดีแก่เขาโดยช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความยุ่งยาก

“มิตรภาพเป็นหลักธรรมพื้นฐานข้อใหญ่ข้อหนึ่งของ ‘ชาวมอรมอน’ [มีไอ้] เพี่อปฏิวัติและทำให้โลกเจริญ ทำให้สงครามและความขัดแย้งยุติ ทำให้มนุษย์ เป็นมิตรและเป็นพี่ห้องกัน …

“…มิตรภาพเปรียบเหมือนบราเดอร์ [ธีโอดอรั] เทอร์ลืย์กำลังเชื่อมเหล็ก สับเหล็กในร้านตีเหล็กของเขา อิทธิพลอันก่อเกิดความสูขของมิตรภาพทำให้ ครอบครัวมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวสัน”6

“มิตรภาพดังกล่าวซื่งผู้มีปัญญาจะยอมรับด้วยความจริงใจด้องเกิดจากความ รัก และความรักนั้นมาจากคุณธรรม ซื่งเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาเท่าๆ ้กับความ สว่างเป็นส่วนหนึ่งของพระเยโฮวาห์ พระเยซูจึงตรัสดังนี้ ‘ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพี่อมิตรสหายของตน’ [ยอห์น 15:13]”7

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1839 ขณะศาสดาโจเซฟ สมิธและสหายหลายคนถูก คุมขังในคุกที่เมืองสิเบอร์ลี้ รัฐมิสซูรี ศาสดาเขียนจดหมายถึงสมาชิกของ ศาสนาจักรดังนี้ “คืนที่แล้วเราได้รับจดหมายจากบางคน—ฉบับหนึ่งจากเอ็มมา ฉบับหนึ่งจากดอน ซี. สมิธ [น้องชายของโจเซฟ] และฉบับหนึ่งจากอธิการ [เอ็ดเวิร์ด] พาร์ทริดจ์—ทุกฉบับถ่ายทอดวิญญาณที่อ่อนโยนและให้การปลอบ ประโลม เนื้อหาในจดหมายทำให้เราซาบซึ้งมาก เราไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ นาน แล้ว และเมื่อเราอ่านจดหมายเหล่านั้น บันเปีนเหมือนลมโชยที่ให้ความชุ่มชื่น แก่จิตวิญญาณของเรา แต่ความปีติยินดีของเราระคนด้วยความเศร้าโศกเพราะ ความทุกข์ทรมานของคนยากจนและสิทธิชนที่เดือดร้อนมาก เราไม่จำเป็นด้อง บอกท่านว่าประตูนั้าของใจเราถูกยกขึ้นและนัยน์ตาของเราเป็นแหล่งนั้าตา แต่คนที่ไม่เคยถูกกำแพงคุกล้อมโดยไม่ทราบสาเหตุหรือมูลเหตุอันล่อให้เกิดความ เดือดดาลคงคิดได้เพียงน้อยนิดว่าเสียงของเพื่อนช่างหวานเหลือเกิน เครื่อง หมายอย่างหนึ่งของมิตรภาพไม่าจะมาจากแหล่งใดก็ตามจะปลุกเร้าให้เกิด ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ รื้อฟันเรื่องทุกเรื่องในอดีตขึ้นมาอย่างฉับพลัน ยึด ปัจจุบันไว้ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าของสายฟ้าแลบ ตะครุบอนาคตไว้ ด้วยความดุร้ายของเสือ และทำให้ความคิดกลับไปกลับมา จากเรื่องหนึ่งไปอีก เรื่องหนึ่ง จนในที่สุดความเปีนศัตรู ความอาฆาตมาดร้าย ความเกลียดชัง ความแตกต่างในอดีต ความเข้าใจผิด และการดำเนินงานผิดพลาดด้องปราชัย อยู่แทบเห้าของความหวัง”8

สิทธิชนของพระผู้เปีนเจ้าเปีนมิตรแท้ต่อกัน

ศาสดาเขียนข้อความต่อไปนี้ถึงสมาชิกศาสนาจักรในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1835 “เรานึกถึงครอบครัวของท่านกับครอบครัวรุ่นแรกทั้งหมดของศาสนาจักร ผู้น้อมรับความจริงเปีนคนแรก เรานึกถึงความสูญเสียและความเศร้าโศกของ ท่าน สายสัมพันธ์ครั้งแรกของเราไม่ขาด เราประสบพร้อมกับท่านทั้งในความ ชั่วร้ายและความดี ในความเศร้าโศกและความปีติยินดี เราเชื่อว่าเอกภาพของ เราแข็งแกร่งกว่าความตาย และจะไม่มืวันขาดสะบั้น”9

ศาสดาพูดถึงงานเลี้ยงที่ท่านไปร่วมในเดือนมกราคม ค.ศ. 1836 ในเคิรีท เเลนดืดังนี้ “ข้าพเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงครั้งใหญ่ที่ร้านของอธิการนิวเวล เก. วิทนึย์ งานเลี้ยงดังกล่าวเปีนไปตามระเบียบของพระบุตรของพระผู้เปีนเจ้า—คนง่อยคนขาเบี และคนตาบอดได้รับเชิญ สอดคล้องกับคำแนะนําของพระผู้ช่วยให้ รอด [ดู สูกา 14:12–13] … แขกเหรื่อบีมากมาย และก่อนรับประทานอาหาร เราร้องเพลงแห่งไซอันบางเพลงและใจเราเบิกบานเพราะคาดว่าความปีติยินดี เหล่านั้นจะเทลงมาบนศีรษะสิทธิชนเมื่อพวกเขามาชุมนุมกันบนเขาไซอัน ได้ เปีนเพื่อนคบล้าสมาคมกันตลอดไป แห้ชื่นชมพรทั้งหมดของสวรรค์ เมื่อจะไม่บี ใครก่อกวนหรือทำให้เรากลัว”10

ซิสเตอร์พรีเซนเดีย อันพิงตัน บูเอลล์พยายานไปเยี่ยนโจเซฟ สมิธขณะถูก จองจำในคุกลิเบอร์ตี้เฝ็อปี ค.ศ. 1839 แต่พัศดีไม่ยอมให้เธอเข้า ศาสดาเขียน จดหมายถึงเธอในเวลาต่อมาดังนี้ “โล้ เราจะยินดีสักเพียงใดล้าได้เห็นมิตรของ เรา ผมคงดีใจล้าได้บีโอกาสสนทนากับคุณ แด,มือของทรราชเลี้อง่าอยู่เหนือเรา … ผมด้องการให้คุณกับ [สาบี] รู้ว่าผมเปีนมิตรแห้ของพวกคุณ …ไม่บีคำพูด ใดบอกได้ว่าหลังจากถูกทำแพงคุกล้อมไจ้เป็นเวลาห้าเดือน การได้เห็นหห้าคน ที่เคยเป็นมิตรทำให้ชายคนหนึ่งปลื้มปีติสุดพรรณนา ดูเหมือนใจผมจะอ่อน โยนมากกว่าเติม ใจผมเจ็บปวดทุกครั้งที่นืกถึงความเดือดร้อนของศาสนาจักร โล้ ผมน่าจะได้อยู่กับพวกเขา ผมจะไม่กลัวความลำบากตรากดรำเพื่อจะปลอบ โยนและปลอบประโลมพวกเขาผมต้องการพรของการได้เปล่งเสียงท่ามกลาง สิทธิชนอีกครั้ง ผมจะทุ่มเทจิตวิญญาณต่อพระผู้เปีนเจ้าเพื่อการแนะนำสั่งสอน พวกเขา”11

ศาสดาพูดในนอวู อิลลินอยส์ ซึ่งสมาชิกจำนวนมากของศาสนาจักรมาถึง พร้อมทรัพย์สินทางโลกเพียงเล็กน้อย โดยสอนว่า “เราควรปลูกฝังความเห็น อกเห็นใจต่อคนทุกข์ยากท่ามกลางพวกเรา หากมีสถานที่หนึ่งบนแผ่นดินโลก ให้มนุษย์ปลูกฝังวิญญาณและเอานํ้ามันกับเหล้าองุ่นเทใส่จิตใจของคนทุกข์ยาก สถานที่แห่งนั้นอยู่ที่นึ่และวิญญาณดังกล่าวประจักษ์ชัดที่นึ่ แม้แต่ [คน] แปลก หนำและทุกข์ยากก็ยังพบพื่ห้องและมิตรคนหนึ่งผู้พร้อมจะจัดหาสั่งจำเปีนให้ เขาเมื่อมาถึง

“ข้าพเจ้าจะถือว่าหากข์าพเจ้าต้องทุกข์ยากในโลกนี้ พรประเสริฐสุดประการ หนึ่งคือเมื่อข้าพเจ้ามีชะตากรรมอยู่ในที่ซึ่งข้าพเจ้าไต้พบพื่ห้องและมิตรสหาย อยู่รอบตัว”12

จอร้จ เอ. สมิธลูกพี่ลูกน้องของศาสดาเล่าว่า “เมื่อจบการสนทนา โจเซฟ เอาแขนโอบข้าพเจ้า กอดข้าพเจ้าไว้แนบอกและพูดว่า ‘จอร์จ เอ. ผมรักคุณ เท่ากับที่ผมรักชีวิตของผม่’ ผมรู้สึกตื้นตันใจมากจนพูดไม่ออก”13

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเดิม่ใต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านทวนย่อหนำแรกในหนำ 493 แล้วเปีดไปที่หนำ 496–498 และสังเกต คุณลักษณะที่ใจเซฟ สมิธชื่นชมในตัวเอ็มมา สมิธ ไฮรัม สมิธ นิวเวล เค. วิทมีย์ และโจเซฟ ไนท์ ซีเมียร์ ท่านคิดว่าเหตุใดมิตรภาพของคนเหล่านี้ จึงปลอบโยนโจเซฟในยามยาก ท่านไต้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆ อย่างไร ห้างเมื่อท่านเผชิญความยากลำบาก เราท่าอะไรไต้ห้างเพื่อสนับสนุนผู้อื่นเมื่อ พวกเขาประสบการทดลอง

  • เรื่องราวส่วนใหญ่ในบทนี้เกี่ยวข้องกับคุณค่าของการเป็นมิตรแห้ในยามยาก แต่ในย่อหนำที่อยู่ห้ายสุดของหนำ 493 เห็นจามิน เอฟ. จอห์นสันพูดถึง มิตรภาพของโจเซฟ สมิธซีนยามสงบสุข ท่านไต้อะไรจากคำบรรยายนี้ มิตรภาพของเราและความสัมพันธในครอบครัวมีประโยชน์อย่างไรเมื่อเรามี เวลาหัวเราะและเล่นด้วยกัน

  • ศึกษาย่อหน้าที่สี่ในหน้า 498 ท่านคิดว่าเหตุใดโจเซฟ สมิธจึงกล่าวว่ามิตรภาพเป็น “หลักธรรมพื้นฐานข้อใหญ่ข้อหนึ่งของ ‘ชาวมอรมอน’ พระกิตติคุณที่ได้รับการฟ้นฟูช่วยใหัผู้คนเข้าใจได้อย่างไรว่าเราเป็นเพื่อนกัน ประธานศาสนาจักรท่านอื่นๆ เป็นแบบอย่างของการเป็นมิตรกับทุกคนอย่างไร

  • อ่านทวนย่อหน้าที่หัาในหน้า 498 มิตรภาพเปรียบเหมือนการเชื่อมเหล็กกับ เหล็กอย่างไร

  • อ่านย่อหน้าสุดท้ายในหน้า 500 และย่อหน้าต่อมา สังเกตการอ้างถึงว่า “นํ้าหันกับเหท้าองุ่น” จากอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี (สูกา 10:34) เราจะ ท่าสิ่งใดเป็นพิเศษได้ท้างเพื่อท่าตามคำแนะน่าของศาสดา และท่าตามแบบ อย่างของชาวสะมาเรียผู้ใจดี

ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: 1 ซามูเอล 18:1; สุภาษิต 17:17; 2 นีไฟ 1:30; โมไซยา 18:8–10; แอลมา 17:2; ค.พ. 84:77; 88:133

อ้างอิง

  1. จดหมายที่ฌ็นจามิน เอฟ. จอห์นสัน เขียนถึงจอร์จ เอฟ. กิบห์ส 1903 หน้า 6–8; Benjamin Franklin Johnson, Papers, 1852–1911 หอจดหมายเหตุ ของศาสนาจักร ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท์เลศซิตี้ ยูทาห์

  2. Andrew J. Workman ใน “Recollections of the Prophet Joseph Smith,” Juvenile Instructor, Oct. 15, 1892, p. 641.

  3. History of the Church, 6:616; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากข้อมุลมันทึกส่วนตัวของวิลลาร์ด ริชา้ัร์ดสั 27 มิ.ย. 1844 คารํเทจ อิลสินอยส์.

  4. History of the Church, 5:107–9; เปลี่ยนตัวสะกดและเครื่องหมายวรรค ตอนให้ทันสมัย; จากข้อมูลบันทึกส่วน ตัวของโจเซฟ สมิธ 16 ส.ค. 1842 ใกล้นอวู อิลลินอยส์

  5. History of the Church, 5:124–25, 127; จากข้อมูลบันทึกส่วนตัวของโจเซฟ สมิธ 23 ส.ค. 1842 ใกล้นอวู อิลลินอยส์: บันทึกตังกล่าวลงจันที่ไว้ ใน History of the Church เป็น 22 ส.ค. 1842 ซึ่งไม่ถูกต้อง

  6. History of the Church, 5:517; คำ ในวงเล็บชุดแรกอยู,ในต้นฉบับ; จากคำ ปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ 23 ก.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

  7. History of the Church, 6:73; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมีธเขียนถึงเจมส์ อาร์ลิงตัน เบนณ็ต 13 พ.ย. 1843 นอวู อิลลินอยส์; นามสกุลของเจมส์ เบนเน็ต (Bennet) สะกดไว์ใน History of the Church เป็น Bennett ซึ่งไม่ถูกต้อง

  8. History of the Church, 3:293; เปลี่ยนตัวสะกดให้ทันสมัย; จากจดหมายที่โจเซฟ สมีธและคนอื่นๆ เขียน ถึงเอ็ดเวิร์ด พาร์ทริดจ์และศาสนาจักร 20 มี.ค. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี

  9. ปัจฉิมลิขิตของโจเซฟ สมีธในจดหมาย ที่ท่านกับคนอื่นๆ เขียนถึงเฮเซคียาห้ เพ็ค 31 ส.ค. 1835 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; ใน “The Book of John Whitmer,” pp. 80–81 หอจดหมาย เหตุของชุมชนพระคริสต์ อินดิเพนเดนซ์ มีสซู่รี; สำเนาของ “The Book of John Whitmer” อยู่ในหอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  10. History of the Church, 2:362–63; จากข้อมูลมันทึกส่วนตัวของโจเซฟ สมีธ 7 ม.ค. 1836 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  11. History of the Church, 3:285–86; เปลี่ยนตัวสะกดให้ทันสมัย; จากจดหมายที่โจเซฟ สมีธเขียนถึงพรีเซนเดีย ฮันทิงตัน บูเอลล์ 15 มี.ค. 1839 คุก ลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มีสซูรี; นามสกุล ของซิสเตอร์บูเอลล์ (Buell) สะกดไว้ ใน History of the Church. ว่า “Bull” ซึ่งไม่ถูกต้อง

  12. History of the Church, 5:360–61; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากคำปราศรัยของโจเซฟ สมีธเมื่อ 16 เม.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟึและวิลลาร์ด วิชาร์ดส์

  13. George A. Smith อ้างใน History of the Church, 5:391; จาก George A. Smith, “History of George Albert Smith by Himself,” p. 1, George Albert Smith, Papers, 1834–75 หอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

ภาพ
Joseph and Hyrum

ไฮรัม สมีธยังคงเป็นม่อเกิดแห่งพลังและการสนับสนุน่ใจเซฟน้องชายของท่าน ศาสดากล่าวว่า “พี่ไฮรัม พีช่างปีใจที่ขี่อสัตย์เหลือเกิน”

ภาพ
Joseph greeting member

สิทธิชนหลายคนขึ้งมาถึงท่าเทียบเรือในนอวูจำไต้ว่าศาสดาโจเซฟ สป็รมารับพวกเขาขึ้นฝ็ง พร้อมทั้งต้อนรับพวกเขาสู่บ้านหลังใหม่