คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 31: ‘‘พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับเจ้า ตลอดกาลเเละตลอดไป’: ศาสดาในคุกลิเบอร์ตี้


บทที่ 31

‘‘พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับเจ้า ตลอดกาลเเละตลอดไป”: ศาสดาในคุกลิเบอร์ตี้

“ในพระนามอันเกริกก้องของพระองค์เราตั้งใจว่าจะอดทนต่อความยากลำบากไปจนถึงที่สุดเฉกเช่นทหารที่ดี”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

วันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1838 ศาสดาโจเซฟ สมิธ ไฮรัมพี่ชาย และพี่น้อง ชายคนอื่นๆ ถูกพาออกจากคุกในเมืองริชมอนด์ รัฐมิสซู่รีที่ซึ่งพวกท่านถูก กักขังอยู่ในน้านไน้ซุงหลังหนึ่ง ไปยังคุกในเมืองลิเบอร์ตี้ รัฐมิสซุรี พวกท่านอยู่ ที่นั่นนานกว่าสี่เดือนเผื่อรอรับการไต่สวนตามข้อกล่าวหาเท็จซึ่งมืมูลเหตมา จากการข่มเหงสิทธิชนในมิสซูรี ในช่วงนี้ สมาชิกศาสนาจักรถูกผู้ข่มเหงขับไล่ ออกจากบ้านของพวกเขาในมิสซูรี ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัส การทดลองของสิทธิชนเป็นม่อเกิดของความกระวนกระวายใจอย่างมากระหว่าง ที่ศาสดาและสหายของท่านถูกคุมขังอยู่นาน

คุกลิเบอร์ตี้แบ่งออกเป็นห้องชั้นบนกับคุกมืดชั้นล่างกว้าง 14 ตารางฟุตที่ใช้ ขังนักโทษ ศาสดาบรรยายสถานการณ์ดังนี้ “เราถูกคุมตัวไว้อย่างแน่นหนาทั้ง กลางวันกลางคืนในคุกที่มืกำแพงและประตูสองชั้น ไม่มืเสรีภาพที่จะกระทำตาม ความรู้สึกผิดชอบของเรา อาหารมีน้อยนิด เหมือนกันทุกมื้อ และรสชาติแย่ มาก เราไม่มืสิทธิ์ปรุงอาหารกินเอง เราถูกบังคับให้นอนบนพื้นฟาง มีผ้าห่มโม่พอให้ความอบอุ่น และเมื่อก่อไฟเราต้อง สูดควันไฟเกือบตลอดเวลา ผู้พิพากษาบอกเราค้วยท่าทางขึงขังหลายครั้งว่าพวก เขารู้ว่าเราปริสุทธิ์ และควรไต้รับ การปล่อยตัว แต่พวกเขาไม่กล้าดำเนินการทางกฎหมายให้เราเพราะกลัวกลุ่ม คนร้าย”1

ห้องสูงไม่พอให้เรายืนตัวตรงได้ นักโทษคนหนึ่งชื่ออเล็กซานเดอร์ แม็คเร บอกว่าอาหาร “แย่มาก” และสกปรกมากถึงขนาดพวกเรากินไม่ลงจนกว่าจะหิว จนทนไม่ไหว”2

เมอร์ซี พิเลดิง ธอมพ์สัน สมาชิกศาสนาจักรคนหนึ่งที่ไปเยี่ยมพวกท่านใน คุกเขียนในเวลาต่อมาว่า “ดิฉันไม่อาจบรรยายความรู้สึกของดิฉันได้เมื่อผู้คุม อนุญาตให้เราเข้าไปในคุกและล็อคประตูตามหลัง เราอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ไม่ได้เมื่อรู้ตัวว่าถูกขังอยู่ในถํ้าที่มืดอับอย่างนั้น ซึ่งเหมาะสำหรับอาชญากรที่ กระทำความผิดขั้นอุกฤษฏ์ แต่ที่นั่นเราเห็นโจเซฟศาสดา—บุคคลผู้ได้รับเลือก จากพระผู้เป็นเจ้าในสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลาให้ถือกุญแจอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลก พร้อมด้วยอำนาจที่จะผูกและแกัตามที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกำกับ—ถูกักบริเวณให้อยู่ในคุกน่ารังเกียจโดยไม่มืสาเหตุหรือ เหตุผลใดนอกเหนือจากที่ท่านกล่าวอ้างว่าได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าให้ สถาปนาศาสนาจักรของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์”3

ระหว่างที่ศาสดาถูกคุมขัง เอ็มมาภรรยาสามารถมาเยี่ยมท่านได้สามครั้งเท่านั้น การติดต่อส่วนใหญ่จะผ่านทางจดหมาย วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1839 ศาสดาเขียนตังนี้ “ภรรยาที่รักของผม คืนวันพฤหัสบดี ผมนั่งลงตอนดวง อาทิตย์ตกดินพอดีขณะมองผ่านลูกกรงหนัาต่างคุกที่ห้างจ้างแห่งนี้ และเขียนถึง คุณเพื่อให้คุณรับรู้สถานการณ์ของผม ผมคิดว่าถึงตอนนี้ก็ประมาณห้าเดือนหก วันแห้วตั้งแต่ผมถูกผู้คุมหนัาตาบูดบึ้งจับตามองทั้งกลางวันและกลางคืน ภายใน กำแพง ลูกกรงหนัาต่าง และประตุเหล็กลั่นเอี๊ยดๆ ของคุกที่อ้างจ้าง มืดอับ และสกปรก ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นทรงทราบ ความคิดคำนึงของผมภายใด้สภาวการณ์เหล่านี้ไม่อาจเขียน หรือ พูด หรือให้เหล่าเทพสาธยายหรือแสดงให้มนุษย์ผู้ไม่เคยประสบอย่างที่เราประสบเข้าใจได้… เราพึ่งพระพาหุของพระเยโฮวาห์ให้ทรงปลดปล่อยเราและไม่พึ่ง ใคร”4

จากคุกลิเบอร์ตี้ ศาสดาเขียนจดหมายถึงสิทธิชนด้วยเช่นกันโดยบรรยายถึง ความรักที่ท่านมืต่อพวกเขาและศรัทธาของท่านที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงคํ้าจุน คนที่วางใจพระองค์เสมอ เนื้อหาส่วนใหญ่ต่อไปนี้มาจากจดหมายที่เขียนถึง สมาชิกของศาสนาจักร ลงวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1839 ประกอบด้วยกำแนะนำของศาสดาถึงสิทธิชน กำวิงวอนของท่านต่อพระผู้เป็นเจ้า และกำตอบของ พระผู้เป็นเจ้าสำหรับการสวดอ้อนวอนของท่าน ส่วนต่างๆ ของจดหมายฉบับ นี้ต่อมากลายเป็นคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 121, 122 และ 123

ดำสอนฃองโจเซฟ สมิธ

ไม่มีความทุกข์ใดแยกเราจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าและมิตรภาพที่มีให้กันได้

“ผู้รับใช้ที่ถ่อมตนของท่าน โจเซฟ สมิธ จูเนียร์ นักโทษที่เห็นแก่พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และเห็นแก่สิทธิชน ถูกอำนาจของอนารยชนภายใต้การปกครอง แบบขุดรากถอนโคนของท่านผู้ว่าการลิลเบิร์น ดับเบิลยู. บอกส์ จับกุมพร้อม เพื่อนนักโทษของท่านและพี่น้องชายที่ท่านรัก ได้แก่ คาเล็บ บาลต์วิน ไลมัน ไวท์ ไฮรัม สบิธ และอเล็กซานเดอร์ แม็คเร ส่งคำอวยพรมาถึงทุกท่าน5 ขอ ให้พระคุณของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และของพระเจ้าของเราและพระผู้ช่วยให้ รอดพระเยซูคริสต์มาถึงทุกท่าน และอยู่กับท่านตลอดไป ขอให้ความรู้เพิ่มพูน แก่ท่านโดยพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ขอให้ศรัทธาและคุณธรรม ความรู้และ ความยับยั้งตน ความอดทนและความเป็นพระผู้เป็นเจ้า ความกรุณาฉันพี่น้อง และความใจบุญจงมีอยู่ในท่านและมีมากมาย เพี่อท่านจะไม่ขาดสิ่งใดและไม่ไร้ ผล [ดู 1 เปโตร 1:5–8]

“เนื่องด้วยเราทราบว่าพวกท่านส่วนใหญ่คุ้นเคยดีกับความไม่เป็นธรรม ความ อยุติธรรมที่ทำตามอำเภอใจ และความโหดร้ายที่ปฏิบัติต่อเรา โดยเห็นว่าเราถูก จับเป็นนักโทษ ถูกฟ้องว่าทำความชั่วร้ายทุกรูปแบบทั้งที่ไม่ได้ทำ ถูกโยนเช้า คุก ปีดล้อมด้วยกำแพงแน่นหนา มีผู้คุมแข็งแรงคอยเฟ้าตลอดวันตลอดคืน อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเช่นที่มารเป็นขณะล่อลวงและวางกับดักผู้คนของพระผู้เป็นเจ้า

“ด้วยเหตุนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราจึงพร้อมและเต็มใจรับมิตรภาพและความ รักของท่าน เพราะสภาวการณ์ของเราปลุกวิญญาณของเรามาสู่ความทรงจำอัน ศักดิ์สิทธิ์ถึงทุกสิ่ง และเราคิดว่าวิญญาณของท่านก็เช่นกัน เพราะเหตุนี้จึงไม่มี สิ่งใดแยกเราจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าและมิตรภาพที่มีให้กันได้ [ดู โรม 8:39] ความชั่วร้ายและความโหดร้ายทุกรูปแบบที่ปฏิบัติต่อเรามีแต่จะทำให้ใจเรา ผูกพันกันและผนึกไว้ด้วยกันในความรัก

“เราไม่จำเปีนต้องบอกท่านว่าเราถูกพันธนาการโดยไม่มีมูล และท่านไม่จำเป็นต้องบอกเราว่าพวกเราถูกไล่ออกจากบ้านและถูกทรมานโดยไร้เหตุผล เรา ต่างเข้าใจว่าถ้าผู้อาศ้ยของรัฐมิสซูรีปล่อยสิทธิชนไว้ตามลำพัง และให้มีสันติสุข สมปรารถนา ย่อมไม่มีสิ่งใดนอกจากสันติสุขและความเงียบสงบในรัฐจนถึงวัน นี้ เราคงไม่ไต้อยู่ในนรกแห่งนี้… ที่ซึ่งเราถูกบังคับใบ้ฟ้งแต่คำด่าทอพระผู้เป็นเจ้า เห็นภาพของการสบประมาท ความมีนเมา ความหบ้าซื่อใจคด และ ความลุ่มหลงทุกรูปแบบ และอนึ่ง เสียงร้องของเด็กกำพร้าและหญิงม่ายคงไม่ขึ้นไปถึงพระผู้เป็นเจ้าเพื่อฟ้องพวกเขา ทั้งเลือดของผู้บริสุทธิ์คงไม่เปื้อนแผ่น ดินมิสซู่รี… นึ่เป็นเรื่องราวของวิบัติ เรื่องราวอันน่าโศกสลด แท้จริงแล้ว เรื่องราวอันน่าเศร้า มากเกินกว่าจะบอก มากเกินกว่าจะใคร่ครวญ มากเกินไป สำหรับมนุษย์ …

[ผู้ข่มเหงของเรา] ปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ต่อสิทธิชนผู้มิไต้กระทำผิด ผู้บริสุทธิ์ และมีคุณธรรม รักพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเขา และยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ เห็นแก่พระคริสต์ เรื่องแบบนี้น่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะบอกเล่า แต่เป็น เรื่องจริง จำเป็นค้องมีเหตุใบ้หลงผิด แต่วิบ้ติแก่ผู้ก่อเหตุใบ้หลงผิดนั้น [ดู บัทธิว 18:7]”6

ความยากลำบากจะเกิดขึ้นเพียงชั่วประเดี๋ยว ถ้าเราอดทนด้วยดีเราจะได้รับความสูงส่งในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า

“โอ้ พระผู้เป็นเว้า พระองค์ประทับอยู่ไหนเล่า? และพลับพลาซึ่งปกปีดที่ ซ่อนของพระองค์อยู่ไหนเล่า? อีกนานเท่าใดเล่าพระหัตถ์ของพระองค์จะทรง หยุดยั้งและพระเนตรของพระองค์ แบ้จริงแบ้ว พระเนตรอันบริสุทธิ์ของพระองค์จากบ้องฟ้านิรันดร์ทรงเห็นความผิดที่ผู้คนของพระองค์และผู้รับใข้ของ พระองค์ไค้รับ และพระกรรณของพระองค์ไค้ยินเสียงร้องของพวกเขา?

“แท้จริงแล้ว โอ้ พระเว้า พวกเขาจะทนความผิดที่ไค้รับและการกดขี่ที่ผิด กฎหมายเหล่านี้อีกนานเท่าใดเล่า ก่อนที่พระทัยของพระองค์จะอ่อนกับพวก เขา และอุทรของพระองค์จะเกิดเมตตาสงสารพวกเขา?

“โอ้ พระเว้าพระผู้เป็นเว้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงสร้างสวรรค์ แผ่นดินโลก และทะเล และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น และผู้ทรงบังคับและทำใบ้มารขึ้นอยู่ และการ ครอบครองที่มืดและอับแสงของซีโอล—ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกมา ขอพระเนตรของพระองค์ทิ่มแทง ขอทรงเอาพลับพลาของพระองค์ขึ้นไป ขอ อย่าทรงปกปีดทิ่ซ่อนของพระองค์ต่อไปเลย ขอพระกรรณของพระองค์ฟ้งเสียง ขอพระทัยของพระองค์อ่อน และอุทรของพระองค์เกิดเมตตาสงสารพวกข้า พระองค์ ขอความกริ้วของพระองค์ก่อขึ้นกับศัตรูของพวกข้าพระองค์ และใน ความเกรี้ยวกราดของพระทัยของพระองค์พร้อมด้วยดาบของพระองค์แก้แค์น ให้พวกข้าพระองค์ในความผิดที่พวกข้าพระองค์ได้รับ ขอทรงนึกถึงสิทธิชน ของพระองค์ที่ทนทุกข์ โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพระองค์ และผู้รับใช้ของ พระองค์จะชื่นชมในพระนามของพระองค์ตลอดกาล …

“…ลูกของพ่อ สันติจงอยู่กับจิตวิญญาณของเจ้า ความทุกข์ของเจ้าและ ความทุกข์ทรมานของเจ้าจะเป็นไปเพียงชั่วประเดี๋ยว และแล้วหากเจ้าอดทนมัน ด้วยดี พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยกเจ้าขึ้นบนที่สูง เจ้าจะมีชัยชนะศัตรูทั้งหมดของ เจ้า”7 [ข้อความแต่ละย่อหน้าในหมวดนี้อยู่ใน ค.พ.121:1–8 ด้วย]

อำนาจของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความชั่วร้ายใดๆและความจริงของพระกิตติคุณจะมีชัยในที่สุด

“ข้าพเจ้าขออนุญาตพูดกับท่าน พี่น้องทั้งหลาย ว่าความเขลา ความเชื่อที่ไร้ เหตุผลอันสมควร และทิฐิที่ไม่ควรมี มักขวางทางความรุ่งเรืองของศาสนาจักร นี้ เหมือนพายุฝนจากเทือกเขาที่พัดพาโคลนตม ดินเลน และความสกปรก มาท่วมธารนี้าใสบริสูทธิ์ ทำให้นํ้าที่เคยใสกลับขุ่นไปหมด และทุกอย่างไหล ทะลักไปตามมํ้าท่วมใหญ่ แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แม้ขณะนี้ เราจะกลิ้งเกลือกอยู่ในโคลนตมของนี้าท่วม แต่เมื่อเวลาผ่านไป คลื่นลูกต่อไป อาจนำแหล่งนํ้าใสดังแก้วผลึกและบริสุทริ์ดังหิมะมาให้เราก็ได้ขณะที่ความ สกปรก ไม้ที่ลอยมา และขยะมูลฝอยถูกขจัดออกไประหว่างทาง

“นานเท่าไรเล่านํ้าที่เป็นระลอกจะคงไม่บริสูทธิ์อยู่ได้? อำนาจอะไรเล่าจะ หยุดห้องฟ้า? ดังมนุษย์จะได้ยื่นแขนน้อยๆ ของเขาออกไปหยุดแม่นํ้ามิสซูรืใน วิถีที่เป็นอยู่ของมัน หรือทำให้ไหลกลับฉันใด ก็จะชัดขวางพระผู้ทรงฤทธานุภาพมิให้หลั่งความรู้จากสวรรค์ลงมาบนศีรษะสิทธิชนยุคสูดห้ายฉันนั้น [ข้อ ความในย่อหน้านี้มีอยู่ใน ค.พ.121:33 ด้วย]

“[ผู้ว่าการลิลเบิร์น ดับเบิลยู.] บอกส์หรือกลุ่มฆาตกรรมของเขาเป็นอะไร หรืออ้าไม่ใช่ตันหลิวริมฝั่งที่คอยจับไม้ลอยนํ้า เราเถียงว่านํ้าไม่ใช่นํ้าเพราะนํ้าบน ภูเขาไหลบ่ามาพร้อมโคลนตมและทำให้ธารนํ้าสะอาดใสกลับสกปรกแม้หลัง จากนั้นจะทำให้นํ้าบริสุทธี้กว่าแต่ก่อนก็ตาม หรือเถียงว่าไฟไม่ใช่ไฟเพราะมัน จะดับเมื่อถูกนํ้าท่วม ก็เหมือนลับที่เราพูดว่าอุดมการณ์ของเราถดถอยเพราะคน ทรยศ คนโป้ปด ปุโรหิต ขโมย และฆาตกรผู้เชื่อมั่นในฟึมือและข้อบัญญัติทาง ศาสนาของตนได้เทดินเลน โคลนตม และความสกปรกจากความชั่วร้ายทาง วิญญาณในสถานฟ้าอากาศ … ลงมาบนศีรษะเรา

“ไม่! พระผู้เป็นเจ้าทรงห้าม นรกอาจเดือดดาลเหมือนลาวาร้อนระอุของภูเขา ไฟเวสุเวียส หรือภูเขาไฟเอทนา หรือภูเขาไฟที่น่ากลัวที่สุด แต่ ‘ความเชื่อของ มอรมอน’ จะตั้งอยู่ นํ้า ไฟ ความจริง และพระผู้เป็นเจ้าล้วนเป็นความจริง ความจริงคือ ‘ความเชื่อของชาวมอรมอน’ พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้รังสรรค์ พระองค์ทรงเป็นโล่ของเรา โดยพระองค์เรารับการเกิดของเรา โดยสุรเสียงของ พระองค์เราได้รับเรียกสู่สมัยการประทานพระกิตติคุณของพระองค์ในการเริ่มด้น ความสมบูรณ์แห่งเวลา โดยพระองค์เราได้รับพระคัมภีร์มอรมอน และโดยพระองค์เราอยู่มาจนทุกวันนี้ และโดยพระองค์เราจะอยู่ต่อไป หากมั่นจะเป็นไปเพื่อ ลิริของเรา และในพระนามอันเกริกก้องของพระองค์ เราตั้งใจว่าจะอดทนต่อ ความยากลำบากไปจนถีงที่สุดเฉกเช่นทหารที่ดื

“…ท่านจะเรียนรู้เมื่อท่านอ่านสิ่งนี้ และหากท่านไม่เรียนรู้ ท่านอาจจะเรียน รู้ว่ากำแพงและโซ่ตรวน ประตูและบานพับลั่นเอี๊ยดๆ ผู้คุมที่น่าหวาดหวั่นและ พัศดี… แท้จริงแล้วมืไจ้เพื่อทำให้จิตวิญญาณของคนซื่อสัตย์รู้สึกแข็งแกร่งกว่า อำนาจของนรก …

“…เราเป็นพื่น้องของท่านและผู้ร่วมทุกข์กับท่าน เป็นมักโทษของพระเยซูคริสต์เพื่อเห็นแก่พระกิตติคุณและเพื่อความหวังแห่งลิริซื่งอยู่ในเรา”8

พระผู้ช่วยให้รอดเข้าพระทัยความทุกข์ทั้งสิ้นของเรา และพระองค์จะทรงอยู่กับเราชั่วกาลนาน

พระเจ้าทรงปลอบโยนศาสดาด้วยพระดำรัสต่อไปนี้ “ที่สุดของแผ่นดินโลก จะสอบถามนามของเจ้า และคนโง่จะเยาะเย้ยเจ้า และนรกจะเดือดดาลเจ้า ขณะที่ผู้มืใจบริสุทธี้ และคนฉลาด และผู้มืศีลธรรม และผู้มืคุณธรรมจะแสวงหากำแนะนำและอำนาจและพรอยู่เสมอจากภายใด้มือของเจ้า และประจักษ์ พยานของคนทรยศจะไม่ห้นผู้คนของเจ้าให้ต่อด้านเจ้าได้เลย และแม้ว่าอิทธิพล ของเขาจะเอาเจ้าไปสู่ความลำบาก และไปสู่กรง และกำแพงเจ้าก็จะได้รับเกียรติ และเพียงชั่วประเดี๋ยว และเสียงของเจ้าจะน่าหวาดกลัวท่ามกลางศัตรูของเจ้ายิ่ง กว่าสิงห์ที่ดุร้าย เพราะความชอบธรรมของเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะทรง ยืนข้างเจ้าตลอดกาลและตลอดไป

“หากเจ้าถูกเรียกให้ผ่านความยากลำบาก หากเจ้าอยู่ในอันตรายในบรรดาพี่ น่องปลอม หากเจ้าอยู่ในอันตรายในบรรดาโจร หากเจ้าอยู่ในอันตรายทางบก หรือทางทะเล หากเจ้าถูกกล่าวหาด้วยวิธีการทั้งหมดที่เป็นการกล่าวหาผิดๆ หากศัตรูของเจ้ารุกรานเจ้า หากเขาพรากเจ้าจากสังคมของบิดามารดา และพี่ ฟ้องชายหญิงของเจ้า และหากด้วยดาบที่ชักออกของศัตรูของเจ้าพรากเจ้าจาก อกของภริยาของเจ้า และของลูกหลานของเจ้า และบุตรคนโตของเจ้า แม้เพียง อายุหกขวบ จะฉุดอาภรณ์ของเจ้า และจะกล่าวว่า พ่อของลูก พ่อของลูก ทำไม พ่ออยู่กับเราไม่ได้? โอ้ พ่อของลูก พวกเขากำลังจะำำำำทำอะไรกับพ่อ? และเมื่อ นั้น หากเขาจะถูกผลักไปจากเจ้าด้วยดาบ และเจ้าจะถูกลากไปที่คุมขัง และศัตรู ของเจ้าด้อมมองอยู่รอบเจ้าเหมือนสุนัขป่าหาเลือดของลูกแกะ และหากเจ้าจะ ถูกโยนลงเหว หรือในมือของฆาตกร และเจ้าถูกตัดสินประหารชีวิต หากเจ้าถูก โยนลงไปในความลึก หากคลื่นซัดโหมมาที่เจ้า หากลมแรงกลับเป็นศัตรูของเจ้า หากท้องฟ้าจับกลุ่มเป็นความมืด และธาตุทั้งหมดรวมลันนั้นทางและเหนืออะไร ทั้งหมด หากขากรรไกรอันนี้ของนรกจะเปีดปากกว้างเพื่องับเจ้า ลูกของฟ่อเจ้า จงรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นประสบการณ์แก่เจ้าและจะเป็นไปเพื่อความดีของ เจ้า

“หากเจ้าถูกเรียกให์ผ่านความยากลำบาก หากเจ้าอยู่ในอันตรายในบรรดาพี่ น่องปลอม หากเจ้าอยู่ในอันตรายในบรรดาโจร หากเจ้าอยู่ในอันตรายทางบก หรือทางทะเล หากเจ้าถูกกล่าวหาด้วยวิธีการทั้งหมดที่เป็นการกล่าวหาผิดๆ หากศัตรูของเจ้ารุกรานเจ้า หากเขาพรากเจ้าจากสังคมของบิดามารดา และพี่ ฟ้องชายหญิงของเจ้า และหากด้วยดาบที่ชักออกของศัตรูของเจ้าพรากเจ้าจาก อกของภริยาของเจ้า และของลูกหลานของเจ้า และบุตรคนโตของเจ้า แม้เพียง อายุหกขวบ จะฉุดอาภรณ์ของเจ้า และจะกล่าวว่า พ่อของลูก พ่อของลูก ทำไม พ่ออยู่กับเราไม่ได้? โอ้ พ่อของลูก พวกเขากำลังจะำำำำทำอะไรกับพ่อ? และเมื่อ นั้น หากเขาจะถูกผลักไปจากเจ้าด้วยดาบ และเจ้าจะถูกลากไปที่คุมขัง และศัตรู ของเจ้าด้อมมองอยู่รอบเจ้าเหมือนสุนัขป่าหาเลือดของลูกแกะ และหากเจ้าจะ ถูกโยนลงเหว หรือในมือของฆาตกร และเจ้าถูกตัดสินประหารชีวิต หากเจ้าถูก โยนลงไปในความลึก หากคลื่นซัดโหมมาที่เจ้า หากลมแรงกลับเป็นศัตรูของเจ้า หากท้องฟ้าจับกลุ่มเป็นความมืด และธาตุทั้งหมดรวมกันกั้นทางและเหนืออะไร ทั้งหมด หากขากรรไกรอันนี้ของนรกจะเปีดปากกว้างเพื่องับเจ้า ลูกของฟ่อเจ้า จงรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นประสบการณ์แก่เจ้าและจะเป็นไปเพื่อความดีของ เจ้า

“บุตรมนุษย์เสด็จลงมาภายได้ทั้งหมด เจ้าใหญ่ยิ่งกว่าพระองค์หรือ?

“ฉะนั้น จงยึดมั่นทางของเจ้าและฐานะปุโรหิตจะคงอยู่ลับเจ้า เพราะกำหนด ขอบเขตของพวกเขา เขาจะผ่านไม่ได้ วันเวลาของเจ้าเป็นที่รู้ และจะไม่นับปี ของเจ้าท้อยลง ฉะนั้น อย่ากลัวว่ามนุษย์จะทำอะไรได้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะ อยู่ลับเจ้าตลอดกาลและตลอดไป”9 [ข้อความในย่อหท้าเหล่านี้อยู่ใน ค.พ.122:1–9 ด้วย]

ลุรเสียงสงบแผ่วเบากระซิบการปลอบประโลมแก่จิตวิญญาณของเราในห้วงลึกฃองความเศร้าโศกและความอาดูร

ไม่นานหลังจากศาสดาได้รับอนุญาตให้หลบหนีผู้จับกุมท่านในมิสซูรี ท่านจำ ความรู้สึกที่นีระหว่างถูกกุมขังได้ “ระหว่างนั้นข้าพเจ้าอยู่ในมือศัตรู ข้าพเจ้า ด้องบอกว่า แม้จะรู้สึกกังวลมากเกี่ยวกับครอบครัวและเพื่อนๆ ผู้ได้รับการปฏิบัติอย่างไร้ความปรานีและถูกทารุณกรรม … แต่ในส่วนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า รู้สึกสงบที่สุด และยอมใท้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้ารู้ถึงความบริสุทธี้ของตนเองเท่าๆ กับความบริสุทธี้ของสิทธิชน และเรา มิได้ทำสิ่งใดซึ่งสมควรจะถูกปฏิบัติเช่นนั้นจากมือผู้กดขี่ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึง หวังพึ่งการปลดปล่อยจากพระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นผู้ทรงมีชีวิตของมวลมนุษย์อยู่ ในพระหัตถ์และผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าบ่อยครั้งใท้พ้นจากประตูนรก และแท้ดูเหมือน ทางหนีจะปีดหมดทุกทาง ความตายจ้องหท้าข้าพเจ้า และความพินาศถูกกำหนด ไว้แล้ว แต่ตราบที่เกี่ยวข้องลับมนุษย์ ตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้ามาในค่าย ข้าพเจ้ารู้สึก มั่นใจว่าข้าพเจ้าลับพื่ท้องและครอบครัวของเราจะได้รับการปลดปล่อย

“ใช่แล้ว สุรเสียงสงบแผ่วเบานั้น ซึ่งบ่อยครั้งกระซิบการปลอบประโลมแก่จิตวิญญาณข้าพเจ้าในห้วงลึกของความเศร้าโศกและความอาดูร จะบอกให้ข้าพเจ้ารื่นเริง และสัญญาถึงการปลดปล่อยซึ่งให้การปลอบโยนแก่ข้าพเจ้าอย่างมาก แม้บรรดาประชาชาติคิดกบฎและชนชาติทั้งหลายคิดปองร้ายกันเปล่าๆ แต่ พระเจ้าจอมโยธา พระผู้เป็นเจ้าของยาโคมทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า และเมื่อ ข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์ในวันแท่งความยากลำบาก พระองค์ทรงปลดปล่อยข้าพเจ้า [ดู สดุดี 46:7; 50:15] ข้าพเจ้าขอให้จิตวิญญาณและทั้งหมดที่อยู่ในข้าพเจ้าอวยพรและสรรเสริญพระนามกันศักดี้สิทธี้ของพระองค์ เพราะถึงแม้ข้าพเจ้า จะ ‘ถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระติกไม่ไหว [ข้าพเจ้า] จนปัญญา แต่ก็ ไม่ถึงกับหมดมานะ [ข้าพเจ้า] ถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง [ข้าพเจ้า] ถูกตีลง แล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย’ [ดุ 2 โครินธ์ 4:8–9]”10

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านทวนคำบรรยายเกี่ยวกับคุกในลิเบอร์ตี้ มิสซู่รี (หน้า 387–390) ขณะที่ ท่านศึกษาและสนทนาบทนี้ ให้นึกถึงสภาวการณ์ของศาสดาเมื่อท่านเขียน ถ้อยคำดังบันทึกไวัในบทนี้ อ่านทวนย่อหน้าที่สามในหน้า 392 เรื่องราวของ ศาสดาในคุกลิเบอร์ตี้เป็นตัวอย่างของความจริงนี้อย่างไร

  • ศึกษาย่อหน้าที่สามในหน้า 390 บางครั้งสภาวการณ์ที่ยากลำบาก “ปลุก วิญญาณของเรามาสู่ความทรงจำอันศักดิ้สิทธี้” อย่างไร การทดลองและการ ข่มเหง “ทำให้ใจเราผูกพัน” กับสมาชิกครอบครัวและมิตรสหายอย่างไร ท่านเคยมีประสบการณ์ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับความจริงเหล่านี้

  • โจเซฟ สมิธประกาศว่าไม่มีสิ่งใดแยกท่านและพี่น้องชายจากความรักของ พระผู้เป็นเจ้าได้ (หน้า 390) ท่านมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรบ้างขณะ ไตร่ตรองคำกล่าวนี้ เราจะถูกแยกจากความรักของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร เราด้องทำอะไรบ้างเพี่อจะอยู่ในความรักของพระผู้เป็นเจ้า

  • อ่านย่อหน้าแรกในหน้า 392 เราทำอะไรได้บ้างเพี่อรับสันติสุขที่พระเจ้าทรง มอบให้เรา ท่านได้อะไรจากคำรับรองของพระเจ้าที่ว่าความยากลำบากและ ความทุกข์ทรมานของโจเซฟจะเป็นไป “เพียงชั่วประเดี๋ยว”

  • อ่านทวนคำรับรองของโจเซฟ สมิธต่อสิทธิชนที่ว่าศัตรูของศาสนาจักรจะขัด ขวางอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ (หน้า 392–393) เหตุใดบางครั้งเราจึง ลืมความจริงนี้ เราทำอะไรได้ป้างเพื่อจดจำความจริงดังกล่าว

  • ศึกษาพระดำรัสที่พระเจ้าตรัสกับศาสดาในหน้า 395–396 ชีวิตเราเปลี่ยน ไปอย่างไรเมื่อเราจดจำว่าการทดลองจะให้ประสบการณ์และเป็นไปเพื่อความ ดีของเรา การรู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จลงตํ่ากว่าสิ่งทั้งปวงมีความหมายต่อ ท่านอย่างไร ท่านคิดว่า “ยึดมั่นทางของเจ้า” หมายความว่าอย่างไร

  • อ่านย่อหน้าสุดท้ายของบทนี้ (หน้า 396) นึกถึงเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธี้ ทรงปลอบโยนท่านในยามยากลำบาก ท่านเคยมีประสบการณ์ทำนองนึ้ทึ่เห็น ควรจะแบ่งปันหรือไม่

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: ฟืลิปปี 3:8–9; โมไซยา 23:21–24; แอลมา 7:11; 36:3

อ้างอิง

  1. จดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงไอแซค กอลแลนด์ 22 มี.ค. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี จัดพิมพ์ไน Times and Seasons, Feb. 1840, p. 52; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย

  2. อเล็กซานเดอร์ แม็คเร อ้างใน History of the Church, 3:257; จากจดหมาย ทื่อเล็กซานเดอร์ แม็คเรเขียนถึงบรรณาธิการ Deseret News, Oct. 9, 1854 ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห้ จัดพิมพ์ใน Deseret News, Nov. 2, 1854, p. 1.

  3. Mercy Fielding Thompson, “Recollections of the Prophet Joseph Smith,” Juvenile Instructor, July 1, 1892, p. 398; เปลี่ยนเครื่องหมาย วรรคตอนให้ทันสมัย

  4. จดหมายทื่โจเซฟ สมีธขียนถึงเอ็มมา สมิธ 4 เม.ย. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี; Beinecke Library, Yale University, New Haven, Connecticut; สำเนาอยู่ทื่หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร ศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ ในจดหมายฉบับนี้ เมื่อศาสดาพูดถึงการถูกคุมขังนานกว่า ห้าเดือน ท่านนับเวลาทื่ถูกคุมขังอยู่ใน อินดิเพนเดนซ์และริชมอนด์ มิสซูรี รวมกับในลิเบอร์ตี้

  5. ซิดนีย์ ริกดันลูกขังอยู่ในคุกลิเบอร์ตี้ พร้อมกับพี่ท้องชายท่านอื่นเมื่อ 1 ธันวาคม 1838 อย่างไรก็ตี วันที่ 25 มกราคม 1839 ราวสองเดือนก่อนที่ ศาสดาจะเขียนจดหมายฉบับนี้ ซิดนีย์ ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกจากคุก เพราะป่วยหนัก เนื่องด้วยคำขู่ที่ได้รับ มาตลอดทำให้ซิดนีย์ไม่กล้าออกจากคุก เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย เขาจึงเลือก อยู่ในคุกต่อไปจนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์

  6. History of the Church, 3:289–91; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนและไวยากรณ์ให้ทันสมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่ง ย่อหน้า; จากจดหมายที่โจเซฟ สมีธ และคนอื่นๆ เขียนถึงเอ็ดเวิร์ด พาร์ทริดจ์และศาสนาจักร 20 มี.ค. 1839 คุก ลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี ต่อมาได้รวม ส่วนต่างๆ ของจดหมายฉบับนี้ไว้ใน พระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาภาค ที่ 121, 122 และ 123

  7. History of the Church, 3:291, 293; เปลี่ยนตัวสะกดให้ทันสมัย; ปรับเปลี่ยน การแบ่งย่อหน้า มีการเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนและไวยากรณ์เล็กน้อย เพื่อเตรียมส่วนต่างๆ ในการจัดพิมพ์ จดหมายของศาสดาไว้ในพระคัมภีร์คำ สอนและพันธสัญญา ด้วยเหตุนี้จึงเห็น ความแตกต่างอยู่ประปรายในคำสอนและ พันธสัญญาภาคที่ 121, 122 และ 123 และเนื้อหาที่นำเสนอในบทนี้

  8. History of the Church, 3:296–98; เปลี่ยนตัวสะกดและเครื่องหมายวรรค ตอนให้ทันสมัย

  9. History of the Church, 3:300–301; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

  10. History of the Church, 3:328–29; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จาก “Extract, from the Private Journal of Joseph Smith Jr.,” Times and Seasons, Nov. 1839, pp. 7–8.

ภาพ
Joseph in Liberty Jail

ขฌะที่ศาสดาโจเซฟ สปีธถูกคุมขังอยู่ในคุกลิฒอร์ตื้ ท่านเขียมจดหมายจำมวนหนึ่งถึงครอบครัวของท่านและสิทธิชนเพี่อเป็นพยานถึงเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าเพี่อให้ปีชัยชนะเหนือความชั่วจ้ายและอยู่เคียงข้างสิทธิชนของพระองค์ “ตลอดกาลและตลอดไป”

ภาพ
Savior before Pilate

พระผู้ข่ายให้รอดต่อหน้าปีลาต “บุตรมนุษย์เสด็จลงมาภายไห้ทั้งหมดเจ้าใหญ่ยิ่งกว่าพระองค์หรือ?”