การประชุมใหญ่สามัญ
ประชาชาติ ตระกูล และภาษาทั้งปวง
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2020


ประชาชาติ ตระกูล และภาษาทั้งปวง

ในแบบของเราเอง เราสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของสัมฤทธิผลในคำพยากรณ์และสัญญาของพระเจ้า—ส่วนหนึ่งของพระกิตติคุณที่เป็นพรแก่โลก

พี่น้องทั้งหลาย เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ในพิธีผนึกของพระวิหารโดยปฏิบัติตามแนวทางโควิด-19 เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวเป็นอดีตผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์ คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องทุกคนของพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าสาวเป็นลูกคนที่เก้าจากลูกสิบคน พี่น้องอีกเก้าคนของเธอนั่งเรียงลำดับจากคนโตสุดไปยังคนเล็กสุดตามการรักษาระยะห่างทางสังคม

ครอบครัวนี้พยายามเป็นเพื่อนบ้านที่ดีไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ไหน แต่มีชุมชนหนึ่งที่ไม่ยินดีต้อนรับ—คุณแม่ของเจ้าสาวบอกว่าเพราะครอบครัวพวกเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

ครอบครัวทำทุกสิ่งเพื่อผูกมิตรเพื่อนที่โรงเรียน ช่วยเหลือและทำให้เป็นที่ยอมรับ แต่ก็ไม่สำเร็จ ครอบครัวสวดอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าให้ใจของผู้คนอ่อนลง

คืนหนึ่ง ครอบครัวรู้สึกว่าคำสวดอ้อนวอนได้รับคำตอบ แม้จะในวิธีที่คาดไม่ถึง บ้านของพวกเขาถูกเพลิงไหม้จนไม่เหลืออะไร แต่มีอย่างอื่นเกิดขึ้น เพลิงไหม้ทำให้ใจของเพื่อนบ้านอ่อนลง

เพื่อนบ้านและโรงเรียนในท้องที่รวบรวมเสื้อผ้า รองเท้า และของจำเป็นอื่นๆ ที่จำเป็นต่อครอบครัวผู้สูญเสียทุกอย่าง น้ำใจเปิดทางสู่ความเข้าใจ นี่ไม่ใช่คำตอบคำสวดอ้อนวอนในวิธีที่ครอบครัวหวังหรือคาดไว้ แต่พวกเขาขอบพระทัยสำหรับสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ยากลำบากและคำตอบที่ไม่คาดคิดต่อคำสวดอ้อนวอนจากใจ

แท้จริงแล้ว สำหรับคนที่มีใจซื่อสัตย์และตาที่มองเห็น พระเมตตาอันละเอียดอ่อนของพระเจ้าประจักษ์ชัดท่ามกลางความท้าทายของชีวิต การเผชิญความท้าทายด้วยศรัทธาแน่วแน่และการเสียสละนำมาซึ่งพรจากสวรรค์ ในความเป็นมรรตัยนี้ เราอาจสูญเสียหรือเฝ้ารอบางสิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วเราจะพบสิ่งสำคัญที่สุด1 นั่นคือสัญญาของพระองค์2

ถ้อยแถลงเนื่องในวาระครบรอบสองร้อยปีของเราในปี 2020 เริ่มด้วยสัญญาที่ครอบคลุมทุกอย่างว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงรักบุตรธิดาของพระองค์ในทุกประชาชาติของโลก”3 ถึงเราแต่ละคนในทุกประชาชาติ ตระกูล ภาษา และผู้คน4 พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญา ทำพันธสัญญา และเชื้อเชิญให้เรามารับส่วนปีติและความดีงามอันอุดมสมบูรณ์ของพระองค์

ความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีให้ทุกคนได้รับการยืนยันทั่วพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม5 ความรักนั้นรวมถึงพันธสัญญาแห่งอับราฮัม การรวบรวมบุตรธิดาที่กระจัดกระจายของพระองค์6 และแผนแห่งความสุขของพระองค์ในชีวิตเรา

ในครัวเรือนแห่งศรัทธาต้องไม่มีคนแปลกหน้า คนต่างด้าว7 ไม่มีคนรวยและคนจน8 ไม่มี “คนนอก” ในฐานะ “พลเมืองเดียวกับบรรดาธรรมิกชน”9 เราได้รับเชิญให้เปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น จากภายในสู่ภายนอก ทีละคน ทีละครอบครัว ทีละหมู่บ้าน

สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและแบ่งปัน ช่วงต้นสมัยการประทานนี้ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟได้รับคำพยากรณ์อันน่าทึ่งว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงปรารถนาให้ทุกคนทุกหนแห่งค้นพบความรักของพระผู้เป็นเจ้าและสัมผัสกับเดชานุภาพของพระองค์เพื่อเติบโตและเปลี่ยนแปลง

ภาพ
บ้านครอบครัวสมิธ

คำพยากรณ์นั้นได้รับที่นี่ ในบ้านไม้ซุงของครอบครัวสมิธในพอลไมรา นิวยอร์ก10

ภาพ
เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์กองในบ้านครอบครัวสมิธ

บ้านครอบครัวสมิธสร้างเสร็จในปี 1998 โดยสร้างขึ้นใหม่บนรากฐานเดิม ห้องนอนชั้นสองมีพื้นที่เท่าเดิม 18 x 30 x 10 ฟุต (5.5 x 9 x 3 ม.) เป็นห้องที่โมโรไนในฐานะผู้ส่งสารกิตติมศักดิ์จากพระผู้เป็นเจ้ามาเยือนเด็กหนุ่มโจเซฟในค่ำวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 182311

ท่านจำสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟเล่าได้ไหม:

“[โมโรไน] กล่าวว่า … พระผู้เป็นเจ้าทรงมีงานให้ข้าพเจ้าทำ; และชื่อข้าพเจ้าจะทั้งดีและชั่วในบรรดาประชาชาติ, ตระกูล, และภาษาทั้งปวง …

“[โมโรไน] กล่าวว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งฝังอยู่, … ความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณอันเป็นนิจมีอยู่ในนั้น”12

เราจะหยุดตรงนี้ เรานมัสการพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์และพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ไม่ใช่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟหรือมนุษย์ชายหญิงคนใด

กระนั้น ให้พิจารณาว่าคำพยากรณ์ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ผู้รับใช้ของพระองค์เกิดสัมฤทธิผลอย่างไร13 บ้างเกิดสัมฤทธิผลก่อน บ้างในภายหลัง แต่ทั้งหมดล้วนเกิดสัมฤทธิผล14 เมื่อเราสดับฟังวิญญาณแห่งการพยากรณ์ของพระเจ้า เราสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของสัมฤทธิผลในคำพยากรณ์และสัญญาของพระองค์ในแบบของเราเอง—เป็นส่วนหนึ่งของพระกิตติคุณที่เป็นพรแก่โลก

ในปี 1823 โจเซฟเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่ไม่มีใครรู้จัก อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไม่มีชื่อเสียงในประเทศที่เพิ่งเป็นเอกราช เว้นเสียแต่จะเป็นความจริง เขาจะนึกขึ้นมาอย่างไรที่จะพูดว่าเขาจะเป็นเครื่องมือในงานของพระผู้เป็นเจ้าและแปลพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะเป็นที่รู้จักกันทุกแห่งด้วยของประทานและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า?

แต่เพราะนี่เป็นความจริง ท่านกับข้าพเจ้าจึงได้เห็นคำพยากรณ์นั้นกำลังเกิดสัมฤทธิผลแม้เมื่อเราได้รับเชิญมาช่วยทำให้เกิดขึ้น

พี่น้องทั่วโลก เราแต่ละคนที่ร่วมในการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคมปี 2020 นี้ อยู่ในบรรดาประชาชาติ ตระกูล และภาษาที่กล่าวถึง

ปัจจุบันสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอาศัยอยู่ในประชาชาติและอาณาเขต 196 แห่ง โดยมี 3,446 สเตคของศาสนจักรใน 90 แห่งนั้น15 เราเป็นตัวแทนทั้งความกว้างขวางทางภูมิศาสตร์และศูนย์รวมพลัง

ในปี 1823 ใครจะนึกว่าในปี 2020 จะมีสามประเทศที่มีสมาชิกศาสนจักรนี้มากกว่าหนึ่งล้านคนในแต่ละประเทศ—สหรัฐ เม็กซิโก และบราซิล?

หรือ 23 ประเทศที่มีสมาชิกศาสนจักรมากกว่า 100,000 คนในแต่ละประเทศ—สามในอเมริกาเหนือ สิบสี่ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ หนึ่งในยุโรป สี่ในเอเชีย และหนึ่งในแอฟริกา?16

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเรียกพระคัมภีร์มอรมอนว่า “ปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์”17 บรรดาพยานของพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานว่า “ขอให้ [พระคัมภีร์เล่มนี้] เป็นที่รู้แก่ประชาชาติ, ตระกูล, ภาษา, และคนทั้งปวง”18 ปัจจุบันการประชุมใหญ่สามัญมีใน 100 ภาษา ประธานเนลสันเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูใน 138 ประชาชาติและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มจากพระคัมภีร์มอรมอนฉบับพิมพ์ครั้งแรกปี 1830 จำนวน 5,000 เล่ม ประมาณ 192 ล้านเล่มตีพิมพ์ทั้งเล่มหรือบางส่วนมาแล้วใน 112 ภาษา งานแปลของพระคัมภีร์มอรมอนมีอย่างแพร่หลายทางดิจิทัลด้วย ปัจจุบันงานแปลพระคัมภีร์มอรมอนมีภาษาส่วนใหญ่ของภาษาโลก 23 ภาษาที่มีคนพูดอย่างน้อย 50 ล้านคน โดยรวมเป็นภาษาถิ่นของคนประมาณ 4.1 พันล้านคน19

โดยวิธีเล็กน้อยและเรียบง่าย—ซึ่งเราแต่ละคนได้รับเชิญให้มีส่วนร่วม—สิ่งสำคัญๆ บังเกิดขึ้น

ตัวอย่างเช่น ที่การประชุมใหญ่สเตคในมอนโร ยูทาห์ที่มีประชากร 2,200 คน ข้าพเจ้าถามว่ามีกี่คนที่รับใช้งานเผยแผ่ศาสนา เกือบทุกคนยกมือ ในไม่กี่ปีมานี้จากสเตคเดียวนั้น ผู้สอนศาสนา 564 คนเคยรับใช้ในสหรัฐทั้งหมด 50 รัฐและ 53 ประเทศ—ในทุกทวีปยกเว้นแอนตาร์กติกา

พูดถึงแอนตาร์กติกา แม้ในอูซัวยาทางใต้สุดของอาร์เจนตินา ข้าพเจ้าก็ยังเห็นคำพยากรณ์กำลังเกิดสัมฤทธิผลเมื่อผู้สอนศาสนาแบ่งปันพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ในสถานที่ซึ่งเรียกว่า “สุดขอบโลก”20

ภาพ
ภาพจิตรกรรมฝาผนังจากหนังสือวิสุทธิชน [Saints]

ภาพจิตรกรรมฝาผนังจากปกหนังสือ วิสุทธิชน [Saints]21 ทั้งสี่เล่มแสดงถึงการถักทอทั่วโลกของผลการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณที่มาสู่วิสุทธิชนผู้ซื่อสัตย์ทุกแห่ง ประวัติศาสนจักรของเรายึดเหนี่ยวอยู่ในประจักษ์พยานในชีวิตและการเดินทางในพระกิตติคุณของสมาชิกแต่ละคน รวมถึงแมรีย์ วิตเมอร์ พี่น้องสตรีผู้ซื่อสัตย์ที่โมโรไนแสดงแผ่นจารึกพระคัมภีร์มอรมอนให้ดู22

ภาพ
นิตยสารใหม่ของศาสนจักร

ในเดือนมกราคมปี 2021 นี้ นิตยสารศาสนจักรทั่วโลกฉบับใหม่สามเล่มของเรา—เพื่อนเด็ก เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน และ เลียโฮนา—เชื้อเชิญให้ทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งและแบ่งปันประสบการณ์และประจักษ์พยานในชุมชนแห่งศรัทธาของเราทั่วโลก23

พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเราเพิ่มพูนศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ ได้รับพรที่พบในการดำเนินชีวิตตามความจริงของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ ศึกษา ไตร่ตรอง ตลอดจนแบ่งปันเกี่ยวกับการฟื้นฟูต่อเนื่อง เรามีส่วนในการทำให้คำพยากรณ์เกิดสัมฤทธิผล

เรากำลังเปลี่ยนตนเองและโลกในรูปแบบพระกิตติคุณที่เป็นพรแก่ชีวิตทุกแห่งหน

พี่น้องสตรีชาวแอฟริกาคนหนึ่งบอกว่า “การรับใช้ด้วยฐานะปุโรหิตของสามีทำให้เขาอดทนและอ่อนโยนมากขึ้น ดิฉันจึงกลายเป็นภรรยาและมารดาที่ดีขึ้น”

ผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจนานาชาติที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงในอเมริกากลางบอกว่าก่อนเขาค้นพบพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระผู้เป็นเจ้า เขาใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายบนท้องถนน ตอนนี้เขากับครอบครัวได้พบตัวตน จุดประสงค์ และความเข้มแข็งแล้ว

เด็กหนุ่มในอเมริกาใต้เลี้ยงไก่และขายไข่ไก่เพื่อช่วยหาเงินซื้อหน้าต่างให้บ้านที่ครอบครัวกำลังสร้าง เขาจ่ายส่วนสิบก่อน เขาจะเห็นหน้าต่างสวรรค์เปิดออกจริงๆ

ที่โฟร์คอร์เนอร์ส ชุมชนหนึ่งในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ครอบครัวชนพื้นเมืองอเมริกันปลูกพุ่มกุหลาบให้เบ่งบานในทะเลทราย สัญลักษณ์ของศรัทธาในพระกิตติคุณและการพึ่งพาตนเอง

ผู้รอดชีวิตจากสงครามกลางเมืองอันขมขื่น พี่น้องชายคนหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สิ้นหวังกับชีวิตที่ไร้ความหมาย เขาพบความหวังในความฝันซึ่งในนั้นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนถือถาดศีลระลึกและเป็นพยานถึงศาสนพิธีแห่งความรอดและการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

พระบิดาบนสวรรค์ทรงเชื้อเชิญให้เราทุกแห่งสัมผัสความรักของพระองค์ เรียนรู้และเติบโตผ่านการศึกษา งานสุจริต การรับใช้แบบพึ่งพาตนเอง และรูปแบบของความดีงามและความสุขที่เราพบในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์

เมื่อเราวางใจพระผู้เป็นเจ้า บางครั้งผ่านการวิงวอนในช่วงเวลามืดมนที่สุด เดียวดายที่สุด และไม่แน่นอนที่สุด เราเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงรู้จักเราดีกว่าและรักเรามากกว่าที่เรารู้จักหรือรักตนเอง

นี่คือเหตุผลที่เราต้องการความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าในการสร้างความยุติธรรม ความเท่าเทียม ความเป็นธรรม และความสงบสุขที่ยั่งยืนในบ้านและชุมชนของเรา เรื่องราว สถานที่ และการเป็นส่วนหนึ่งที่ลึกซึ้งจริงแท้แน่นอนที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเราสัมผัสความรักแห่งการไถ่ของพระผู้เป็นเจ้า แสวงหาพระคุณและปาฏิหาริย์ผ่านการชดใช้ของพระบุตรของพระองค์ และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนโดยพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์

ความดีงามและปัญญาทางศาสนาเป็นที่ต้องการในโลกทุกวันนี้ที่ยุ่งเหยิง เสียงดัง เป็นพิษ จะมีวิธีอื่นใดอีกเล่าที่เราสามารถเติมพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และจรรโลงจิตวิญญาณมนุษย์ได้?24

ภาพ
ปลูกต้นไม้ในเฮติ
ภาพ
ปลูกต้นไม้ในเฮติ
ภาพ
ปลูกต้นไม้ในเฮติ

การปลูกต้นไม้ในเฮติเป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยตัวอย่างของคนที่มารวมกันทำความดี ชุมชนในท้องที่ รวมถึงสมาชิกศาสนจักรเรา 1,800 คนซึ่งเป็นผู้บริจาคต้นไม้ มารวมตัวกันปลูกต้นไม้เกือบ 25,000 ต้น25 โครงการปลูกป่าระยะยาวนี้ได้ปลูกต้นไม้ไปมากกว่า 121,000 ต้น และคาดว่าจะปลูกอีกหลายหมื่นต้น

ความพยายามร่วมมือกันครั้งนี้ให้ร่มเงา อนุรักษ์ดิน ลดการเกิดน้ำท่วมในอนาคต ทำให้หมู่บ้านสวยงาม สร้างชุมชน เป็นอาหารให้ผู้คน และบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณ ถ้าท่านถามชาวเฮติว่าใครจะเก็บเกี่ยวผลไม้จากต้นไม้เหล่านี้ พวกเขาจะบอกว่า “ใครก็ตามที่หิว”

80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกมีสังกัดศาสนา26 ชุมชนทางศาสนาไม่ลังเลที่จะตอบรับความต้องการเร่งด่วนหลังจากภัยธรรมชาติ ตลอดจนความต้องการต่อเนื่องของอาหาร ที่พัก การศึกษา การอ่านออกเขียนได้ และการอบรมด้านงานอาชีพ สมาชิก มิตรสหาย และศาสนจักรทั่วโลกช่วยชุมชนช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและจัดหาน้ำ สุขอนามัย การเคลื่อนย้ายคนพิการ และการดูแลสายตา—ทีละคน ทีละหมู่บ้าน ทีละต้น27 ไม่ว่าที่ใดเราพยายามเป็นบิดามารดาที่ดีและพลเมืองดี มีส่วนช่วยในละแวกบ้านและสังคมของเรา รวมถึงผ่านทางองค์กรการกุศลวิสุทธิชนยุคสุดท้าย28

พระผู้เป็นเจ้าประทานสิทธิ์เสรีทางศีลธรรม—และภาระรับผิดชอบทางศีลธรรมแก่เรา พระเจ้าตรัสว่า “เรา, พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า, ทำให้เจ้าเป็นอิสระ, ฉะนั้น เจ้าเป็นอิสระจริงๆ”29 ในการประกาศ “อิสรภาพแก่บรรดาเชลย”30 พระเจ้าทรงสัญญาว่าการชดใช้ของพระองค์และเส้นทางพระกิตติคุณสามารถทำลายการผูกมัดทางโลกและทางวิญญาณได้31 ด้วยพระเมตตา เสรีภาพแห่งการไถ่นี้ขยายไปยังผู้ที่จากความเป็นมรรตัยไปแล้ว

หลายปีมาแล้ว นักบวชคนหนึ่งในอเมริกากลางบอกข้าพเจ้าว่าเขากำลังศึกษา “การบัพติศมาแทนคนตาย” ของวิสุทธิชนยุคสุดท้าย นักบวชท่านนั้นบอกว่า “ดูเหมือนเป็นเรื่องยุติธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเสนอโอกาสรับบัพติศมาให้ทุกคน ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่เมื่อใดหรือที่ไหน ยกเว้นเด็กเล็กๆ ผู้ ‘มีชีวิตอยู่ในพระคริสต์’32 ท่านให้ข้อสังเกตว่า “อัครสาวกเปาโลพูดถึงคนตายเฝ้ารอบัพติศมาและการฟื้นคืนชีวิต”32 ศาสนพิธีพระวิหารแบบตัวแทนให้สัญญาแก่ประชาชาติ ตระกูล และภาษาทั้งปวงว่าจะไม่มีใคร “คง [ความ] เป็นทาสความตาย นรก หรือว่าสุสาน”34

เมื่อเราค้นพบพระผู้เป็นเจ้า บางครั้งคำตอบคำสวดอ้อนวอนที่คาดไม่ถึงพาเราออกจากถนน นำเรามาสู่ชุมชน ไล่ความมืดออกจากจิตวิญญาณเรา และนำทางเราไปพบที่หลบภัยทางวิญญาณและการเป็นส่วนหนึ่งในความดีงามของพันธสัญญาและความรักมั่นของพระองค์

สิ่งยิ่งใหญ่มักจะเริ่มจากเล็กๆ แต่ปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้าประจักษ์แจ้งทุกวัน เราสำนึกคุณสำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์จากสวรรค์ การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ตลอดจนหลักคำสอน ศาสนพิธี และพันธสัญญาของพระองค์ที่ได้รับการเปิดเผยซึ่งพบในศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ ที่เรียกชื่อตามพระนามของพระองค์

ขอให้เราตอบรับพระดำรัสเชิญของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเปี่ยมปีติที่จะรับและช่วยทำให้พรที่สัญญาและพยากรณ์ไว้ของพระองค์เกิดสัมฤทธิผลในประชาชาติ ตระกูล และภาษาทั้งปวง ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนในพระนามศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน