พระคัมภีร์
แอลมา 19


บทที่ ๑๙

ลาโมไนได้รับแสงสว่างแห่งชีวิตอันเป็นนิจและเห็นพระผู้ไถ่—ครัวเรือนของเขาตกอยู่ในภวังค์, และหลายคนเห็นเทพ—แอมันได้รับการปกปักรักษาอย่างปาฏิหาริย์—ท่านให้บัพติศมาหลายคนและสถาปนาศาสนจักรในบรรดาคนเหล่านั้น. ประมาณ ๙๐ ปีก่อนคริสตกาล.

และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือหลังจากนั้นสองวันกับสองคืนคนทั้งหลายเกือบจะนำร่างของเขาไปวางในอุโมงค์, ซึ่งพวกเขาทำไว้เพื่อจุดมุ่งหมายในการฝังคนตาย.

บัดนี้ราชินีโดยที่ได้ยินชื่อเสียงของแอมัน, ฉะนั้นนางจึงส่งคนไปและปรารถนาให้ท่านมาหานาง.

และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือแอมันรับคำบัญชา, และเข้าไปพบราชินี, และปรารถนาจะรู้ว่านางประสงค์ให้ท่านทำสิ่งใด.

และนางกล่าวแก่ท่าน : ผู้รับใช้ของสามีข้าพเจ้าทำให้เป็นที่รู้แก่ข้าพเจ้าว่าท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่ง, และว่าท่านมีพลังความสามารถที่จะทำงานยิ่งใหญ่หลายอย่างในพระนามของพระองค์;

ฉะนั้น, หากเป็นเช่นนี้, ข้าพเจ้าประสงค์ให้ท่านเข้าไปดูสามีข้าพเจ้า, เพราะเขานอนอยู่บนเตียงของเขาตลอดเวลาสองวันกับสองคืนแล้ว; และบางคนว่าเขายังไม่ตาย, แต่คนอื่น ๆ ว่าเขาตายแล้วและเขามีกลิ่นเหม็น, และควรจะนำไปไว้ในอุโมงค์ฝังศพ; แต่สำหรับตัวข้าพเจ้า, กับข้าพเจ้าเขาไม่มีกลิ่น.

บัดนี้, นี่เป็นสิ่งที่แอมันปรารถนา, เพราะท่านรู้ว่ากษัตริย์ลาโมไนอยู่ภายใต้เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า; ท่านรู้ว่าม่านอันมืดมนแห่งความไม่เชื่อกำลังถูกโยนทิ้งไปจากจิตใจเขาแล้ว, และแสงสว่างที่ทำให้จิตใจเขาสว่าง, ซึ่งเป็นแสงสว่างแห่งรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้า, ซึ่งเป็นความสว่างอันน่าอัศจรรย์แห่งพระคุณความดีของพระองค์—แท้จริงแล้ว, แสงสว่างนี้สาดส่องปีติมากมายอะไรเช่นนี้เข้าไปในจิตวิญญาณของเขา, โดยที่เมฆแห่งความมืดมนถูกขับออกไป, และว่าแสงสว่างของชีวิตอันเป็นนิจจุดขึ้นในจิตวิญญาณเขา, แท้จริงแล้ว, ท่านรู้ว่าสิ่งนี้ทำให้ร่างธรรมชาติของเขาหมดกำลัง, และอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าจึงพาเขาไป—

ฉะนั้น, สิ่งที่ราชินีปรารถนาจากท่านก็คือความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของท่าน. ฉะนั้น, ท่านจึงเข้าไปดูกษัตริย์ตามที่ราชินีปรารถนาจากท่าน; และท่านเห็นกษัตริย์, และท่านรู้ว่ากษัตริย์ยังไม่ตาย.

และท่านกล่าวแก่ราชินีว่า : เขายังไม่ตาย, แต่เขาหลับอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า, และในวันพรุ่งเขาจะลุกขึ้นอีก; ฉะนั้นจงอย่าฝังเขา.

และแอมันกล่าวแก่นาง : ท่านเชื่อเรื่องนี้ไหม ? และนางกล่าวแก่ท่าน : ข้าพเจ้าไม่มีพยานนอกจากถ้อยคำของท่าน, และถ้อยคำของผู้รับใช้ของเรา; กระนั้นก็ตามข้าพเจ้าเชื่อว่ามันจะเป็นตามที่ท่านกล่าว.

๑๐ และแอมันกล่าวแก่นาง : ท่านเป็นสุขแล้วเพราะศรัทธายิ่งของท่าน; ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่าน, หญิงเอ๋ย, ไม่เคยมีศรัทธาแน่วแน่เช่นนี้มาก่อนเลยในบรรดาผู้คนชาวนีไฟทั้งหมด.

๑๑ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือนางเฝ้าอยู่ที่เตียงสามีของนาง, นับจากเวลานั้นแม้จนถึงเวลานั้นในวันพรุ่งที่แอมันกำหนดว่าเขาจะลุกขึ้น.

๑๒ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือเขาลุกขึ้น, ตามถ้อยคำของแอมัน; และเมื่อเขาลุกขึ้น, เขายื่นมือไปที่หญิงนั้น, และกล่าวว่า : ขอพระนามพระผู้เป็นเจ้าทรงเจริญด้วยพระสิริเถิด, และท่านเป็นสุขแล้ว.

๑๓ เพราะแน่นอนดังที่ท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด, ดูเถิด, ข้าพเจ้าเห็นพระผู้ไถ่ของข้าพเจ้าแล้วฉันนั้น; และพระองค์จะเสด็จออกมา, และทรงถือกำเนิดจากหญิงผู้หนึ่ง, และพระองค์จะทรงไถ่มนุษยชาติทั้งปวงที่เชื่อในพระนามของพระองค์. บัดนี้, เมื่อเขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้, ใจเขาก็พองอยู่ภายใน, และเขาฟุบลงอีกด้วยปีติ; และราชินีก็ฟุบลง, ด้วยหมดกำลังโดยพระวิญญาณ.

๑๔ บัดนี้แอมันโดยที่เห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเทลงมาให้ชาวเลมันตามคำสวดอ้อนวอนของท่าน, พี่น้องท่าน, ผู้เป็นเหตุแห่งความโศกเศร้าอย่างมากมายในบรรดาชาวนีไฟ, หรือในบรรดาผู้คนทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้าเพราะความชั่วช้าสามานย์ของพวกเขาและประเพณีของพวกเขา, ท่านจึงคุกเข่าลง, และเริ่มทุ่มเทจิตวิญญาณท่านในการสวดอ้อนวอนและน้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อพี่น้องท่าน; และท่านหมดกำลังด้วยปีติ; และด้วยเหตุนี้คนทั้งสามจึงฟุบอยู่กับพื้น.

๑๕ บัดนี้, เมื่อผู้รับใช้ของกษัตริย์เห็นว่าคนทั้งสามล้มอยู่, พวกเขาจึงเริ่มร้องทูลพระผู้เป็นเจ้าด้วย, เพราะความเกรงกลัวพระเจ้าเกิดแก่พวกเขาด้วย, เพราะพวกเขานั่นเองที่ยืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และเป็นพยานแก่เขาเกี่ยวกับพลังความสามารถอันยิ่งใหญ่ของแอมัน.

๑๖ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือพวกเขาเรียกหาพระนามของพระเจ้า, ด้วยสุดกำลังของตน, แม้จนพวกเขาทั้งหมดล้มอยู่กับพื้นดิน, นอกจากหญิงชาวเลมันผู้เดียว, ชื่อของนางคือเอบิช, โดยที่นางเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้าหลายปีแล้ว, เนื่องมาจากนิมิตอันน่าทึ่งของบิดานาง—

๑๗ ดังนั้น, โดยเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า, และไม่เคยทำให้เป็นที่รู้, ฉะนั้น, เมื่อนางเห็นว่าผู้รับใช้ของลาโมไนทุกคนล้มอยู่กับพื้นดิน, และราชินี, นายผู้หญิงของนางด้วย, และกษัตริย์, และแอมันนอนราบอยู่บนพื้นดิน, นางรู้ว่าเป็นเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า; และโดยคิดว่าโอกาสนี้, จะทำให้เป็นที่รู้แก่ผู้คนว่าได้เกิดอะไรขึ้นในบรรดาพวกเขา, เพื่อโดยการเห็นภาพนี้ย่อมจะทำให้ผู้คนเชื่อในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า, ฉะนั้นนางจึงออกวิ่งจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง, ทำให้เป็นที่รู้แก่ผู้คน.

๑๘ และคนทั้งหลายเริ่มมาชุมนุมกันที่บ้านของกษัตริย์. และฝูงชนมามาก, และยังความฉงนแก่พวกเขา พวกเขาเห็นกษัตริย์, และราชินี, และผู้รับใช้ของพวกเขานอนราบอยู่บนพื้นดิน, และพวกเขานอนอยู่ที่นั่นทั้งหมดราวกับตายแล้ว; และพวกเขาเห็นแอมันด้วย, และดูเถิด, ท่านเป็นชาวนีไฟ.

๑๙ และบัดนี้ผู้คนเริ่มพร่ำบ่นในบรรดาพวกเขาเอง; บ้างกล่าวว่าเป็นความชั่วร้ายแรงที่เกิดกับพวกเขา, หรือกับกษัตริย์และครัวเรือนของเขา, เพราะเขาได้ยอมให้ชาวนีไฟอยู่ในแผ่นดิน.

๒๐ แต่คนอื่น ๆ ติเตียนพวกเขา, โดยกล่าวว่า : กษัตริย์นำความชั่วนี้มาสู่ครัวเรือนของเขา, เพราะเขาสังหารผู้รับใช้ของเขาผู้ที่ทำให้ฝูงสัตว์ของตนกระจัดกระจายที่ผืนน้ำแห่งซีบัส.

๒๑ และคนเหล่านั้นซึ่งยืนอยู่ที่ผืนน้ำแห่งซีบัสและทำให้ฝูงสัตว์ซึ่งเป็นของกษัตริย์กระจัดกระจายไปติเตียนคนเหล่านี้ด้วย, เพราะพวกเขาโกรธแอมันโดยเหตุจากจำนวนพี่น้องของตนซึ่งท่านสังหารที่ผืนน้ำแห่งซีบัส, ขณะปกป้องฝูงสัตว์ของกษัตริย์.

๒๒ บัดนี้, คนหนึ่งในพวกนั้นซึ่งพี่ชายของเขาถูกสังหารด้วยดาบของแอมัน, โดยที่โกรธแอมันยิ่ง, จึงชักดาบและออกไปหมายจะเข้าฟันแอมัน, เพื่อสังหารท่าน; และเมื่อเขายกดาบจะฟันท่านนั้น, ดูเถิด, เขาล้มลงตาย.

๒๓ บัดนี้เราจึงเห็นว่าแอมันถูกสังหารไม่ได้, เพราะพระเจ้าตรัสกับโมไซยาห์, บิดาท่านว่า : เราจะละเว้นเขา, และมันจะบังเกิดกับเขาตามศรัทธาของเจ้า—ฉะนั้น, โมไซยาห์จึงมอบท่านไว้ในความดูแลของพระเจ้า.

๒๔ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือเมื่อฝูงชนเห็นว่าชายที่ล้มลงตายนั้น, คือผู้ที่เงื้อดาบจะสังหารแอมัน, ความกลัวก็เกิดแก่พวกเขาทุกคน, และพวกเขาไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะต้องท่านหรือใครก็ตามที่ล้มอยู่นั้น; และพวกเขาเริ่มประหลาดใจอีกในบรรดาพวกเขาเองว่าอะไรจะเป็นเหตุของพลังความสามารถอันยิ่งใหญ่นี้, หรือเรื่องทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร.

๒๕ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือมีหลายคนในบรรดาพวกเขาที่กล่าวว่าแอมันคือพระวิญญาณยิ่งใหญ่, และคนอื่น ๆ กล่าวว่าพระวิญญาณยิ่งใหญ่ส่งท่านมา;

๒๖ แต่คนอื่น ๆ ติเตียนพวกเขาทั้งหมด, โดยกล่าวว่าท่านเป็นอสูร, ที่ชาวนีไฟส่งมาทรมานพวกเขา.

๒๗ และมีบางคนกล่าวว่าพระวิญญาณยิ่งใหญ่ทรงส่งแอมันมาเพื่อทำให้พวกเขารับทุกข์เพราะความชั่วช้าสามานย์ของตน, และว่าพระวิญญาณยิ่งใหญ่นี้เองที่ดูแลชาวนีไฟเสมอมา, ที่ปล่อยคนเหล่านี้ออกจากเงื้อมมือของพวกเขาตลอดมา; และพวกเขากล่าวว่าพระวิญญาณยิ่งใหญ่นี้เองที่ทำลายชาวเลมัน, พี่น้องของตนเสียมากมาย.

๒๘ และด้วยเหตุนี้การโต้แย้งเริ่มเข้มข้นยิ่งขึ้นในบรรดาพวกเขา. และขณะที่พวกเขาโต้แย้งกันอยู่ดังนั้น, ผู้รับใช้หญิงซึ่งเป็นเหตุให้ฝูงชนมาชุมนุมกันก็มาถึง, และเมื่อนางเห็นการโต้แย้งซึ่งมีอยู่ในบรรดาฝูงชนนางโทมนัสยิ่ง, แม้ถึงกับน้ำตาไหล.

๒๙ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือนางไปจับมือของราชินี, เผื่อว่าบางทีนางอาจยกเธอขึ้นจากพื้นได้; และทันทีที่นางแตะต้องมือของเธอ เธอก็ผุดลุกขึ้นยืน, และร้องด้วยเสียงอันดัง, มีความว่า : โอ้พระเยซูผู้ทรงบุญญาธิการ, ผู้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากนรกอันน่าสะพรึงกลัว ! โอ้พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงบุญญาธิการ, ทรงโปรดเมตตาคนพวกนี้เถิด !

๓๐ และเมื่อนางกล่าวดังนี้แล้ว, นางประสานมือของตน, เปี่ยมด้วยปีติ, กล่าวถ้อยหลายประการซึ่งไม่อาจเข้าใจได้; และเมื่อนางทำดังนี้แล้ว, นางจึงจับมือกษัตริย์, ลาโมไน, และดูเถิดท่านผุดลุกขึ้นยืน.

๓๑ และเมื่อเขา, เห็นการโต้แย้งในบรรดาผู้คนของเขา, เขาออกไปโดยทันที, และเริ่มติเตียนคนพวกนี้, และสอนพวกเขาถึงถ้อยคำที่เขาได้ยินจากปากของแอมัน; และมากเท่าที่ฟังคำของเขาก็เชื่อ, และเปลี่ยนใจเลื่อมใสมาสู่พระเจ้า.

๓๒ แต่มีอยู่หลายคนในบรรดาคนเหล่านี้ที่ไม่ยอมฟังคำของเขา; ฉะนั้นพวกเขาจึงไปตามทางของตน.

๓๓ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือเมื่อแอมันลุกขึ้นเขาปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วย, และผู้รับใช้ทุกคนของลาโมไนก็ปฏิบัติด้วย; และคนทั้งหมดนั้นประกาศเรื่องเดียวกันแก่ผู้คน—ว่าใจพวกเขาเปลี่ยนแปลงแล้ว; ว่าพวกเขาไม่มีความปรารถนาจะทำความชั่วอีกต่อไป.

๓๔ และดูเถิด, หลายคนได้ประกาศแก่ผู้คนว่าพวกเขาเห็นเทพและพูดกับพวกท่าน; และดังนั้นพวกท่านบอกคนเหล่านั้นถึงเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า, และเรื่องความชอบธรรมของพระองค์.

๓๕ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือมีหลายคนที่เชื่อในถ้อยคำของพวกเขา; และมากเท่าที่เชื่อก็รับบัพติศมา; และพวกเขาจึงกลับกลายเป็นผู้คนที่ชอบธรรม, และพวกเขาสถาปนาศาสนจักรขึ้นในบรรดาพวกเขา.

๓๖ และดังนั้นงานของพระเจ้าจึงเริ่มขึ้นในบรรดาชาวเลมัน; พระเจ้าทรงเริ่มเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมาให้พวกเขาดังนี้; และเราจึงเห็นว่าพระพาหุของพระองค์เอื้อมออกไปสู่ผู้คนทั้งปวงผู้จะกลับใจและเชื่อในพระนามของพระองค์.