2010–2019
การรวบรวมครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า
เมษายน 2017


การรวบรวมครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงต้องการให้ลูกๆ ของพระองค์กลับบ้านอีกครั้ง ทั้งครอบครัวและด้วยรัศมีภาพ

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้ายินดีที่มีโอกาสอยู่กับท่านในช่วงแรกของภาคการประชุมใหญ่สามัญครั้งนี้ ขอต้อนรับท่านด้วยความอบอุ่นยิ่ง

การประชุมใหญ่สามัญเป็นเวลาที่วิสุทธิชนยุคสุดท้ายมาชุมนุมกันเสมอ เนื่องจากศาสนจักรเจริญขึ้นอย่างมากจนไม่สามารถให้ผู้คนมาชุมนุมในที่แห่งเดียวได้ อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงจัดเตรียมวิธีที่ทำให้พรของการประชุมใหญ่สามัญเข้าถึงทุกท่านได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ขณะยืนอยู่ที่แท่นพูดนี้แม้เราจะรู้สึกประทับใจกับภาพการชุมนุมของวิสุทธิชนในศูนย์การประชุมใหญ่อันกว้างขวางนี้ แต่ในดวงตาแห่งความคิดของเรายังมีภาพผู้คนหลายล้านคนที่ชุมนุมพร้อมกับเราทั่วโลกเพื่อรับชมและรับฟังการประชุมใหญ่ครั้งนี้ หลายท่านชุมนุมอยู่กับครอบครัว บ้างก็ชุมนุมอยู่กับเพื่อนๆ หรือเพื่อนสมาชิกในศาสนจักร

ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าท่านจะได้ยินเสียงข้าพเจ้าด้วยวิธีใด โปรดทราบว่าแม้ท่านไม่ได้อยู่กับเราที่นี่ แต่เรารู้สึกได้ว่าท่านอยู่กับเราโดยวิญญาณ เราหวังว่าทุกท่านจะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเรา—คือรู้สึกถึงพลังทางวิญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่กลุ่มผู้ที่เชื่อชุมนุมกันในพระนามของพระเยซูคริสต์

วันนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่จะพูดกับท่านเกี่ยวกับการชุมนุมอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงทุกๆ หกเดือนอย่างการประชุมใหญ่สามัญ แต่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงแรกของการฟื้นฟูศาสนจักร และการชุมนุมรูปแบบนี้มีการรีบเร่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีนี้ ข้าพเจ้ากล่าวถึงการรวบรวมครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า

เพื่ออธิบายการชุมนุมนี้ อาจดีที่สุดที่จะเริ่มตั้งแต่ก่อนเราเกิด ก่อนเวลาที่พระคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า “ปฐมกาล” (ปฐมกาล 1:1) เวลานั้น เราอาศัยอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ในฐานะลูกๆ ของพระองค์ที่เป็นวิญญาณ เรื่องนี้เป็นความจริงสำหรับทุกคนที่เคยมีชีวิตบนโลกนี้

คำว่า “บราเดอร์” และ “ซิสเตอร์” ไม่ใช่การทักทายที่เป็นมิตรหรือถ้อยคำที่แสดงความรักเท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกถึงความจริงนิรันดร์ด้วย: พระผู้เป็นเจ้าคือพระบิดาที่แท้จริงของมนุษยชาติ เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนิรันดร์ของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักเราด้วยความรักของพระบิดาผู้ทรงดีพร้อม พระองค์ทรงต้องการให้เราก้าวหน้าและพัฒนาจนเป็นเหมือนพระองค์ ทรงจัดตั้งแผนให้เรามายังโลกนี้ ในครอบครัว และรับประสบการณ์ที่เตรียมให้เรากลับไปอยู่กับพระองค์เหมือนดังที่พระองค์ทรงพระชนม์

แก่นแท้ของแผนนี้คือพระสัญญาว่าพระเยซูคริสต์จะทรงอุทิศพระองค์เองโดยพลีพระชนม์ชีพเพื่อช่วยเราให้พ้นจากบาปและความตาย งานของเราในแผนนั้นคือยอมรับการพลีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดโดยทำตามกฎและศาสนพิธีของพระกิตติคุณ ท่านและข้าพเจ้ายอมรับแผนนี้ ที่จริงแล้ว เรายินดีในแผนนี้ แม้จะหมายถึงการออกจากที่ประทับของพระบิดาและลืมประสบการณ์ที่เรามีกับพระองค์ที่นั่น

แต่พระองค์มิได้ทรงส่งเรามาที่นี่ในความมืดมิด เราทุกคนได้รับส่วนของแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเรียกว่า “แสงสว่างของพระคริสต์” ซึ่งช่วยให้เราแยกแยะผิดชอบชั่วดี นี่คือเหตุที่แม้แต่ผู้ที่มีชีวิตอยู่โดยมีความรู้เพียงน้อยนิดหรือไม่มีเกี่ยวกับแผนของพระบิดายังคงรู้สึกได้ในใจว่าการกระทำใดเที่ยงธรรมและถูกต้องทำนองคลองธรรม

ดูเหมือนว่าความรู้ถูกรู้ผิดของเราจะลึกซึ้งเป็นพิเศษในช่วงที่เราเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ทุกคนมีความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะสอนลูกให้รู้คุณธรรมจริยธรรม นี่เป็นส่วนหนึ่งของปาฏิหาริย์ในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ทรงต้องการให้ลูกๆ ของพระองค์มาสู่โลก ตามรูปแบบนิรันดร์ของครอบครัวในสวรรค์ ครอบครัวคือหน่วยองค์กรพื้นฐานของอาณาจักรนิรันดร์ พระองค์จึงทรงมีเจตนาให้ครอบครัวเป็นหน่วยพื้นฐานบนโลกด้วย แม้ครอบครัวบนโลกจะห่างไกลความดีพร้อม แต่ก็ให้โอกาสดีที่สุดแก่ลูกพระผู้เป็นเจ้าที่จะได้รับการต้อนรับสู่โลกพร้อมความรักแบบเดียวบนโลกที่ใกล้เคียงกับความรักที่เรารู้สึกในสวรรค์—ความรักของพ่อแม่ ครอบครัวยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักษาและสืบทอดคุณธรรมจริยธรรมและหลักธรรมที่แท้จริงซึ่งเป็นสิ่งเหมาะสมที่สุดที่จะนำเรากลับสู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า

ในช่วงชีวิตนี้ ลูกพระผู้เป็นเจ้าส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่เข้าใจแผนของพระผู้เป็นเจ้าอย่างถ่องแท้ พร้อมทั้งมีโอกาสรับศาสนพิธีและเข้าสู่พันธสัญญาฐานะปุโรหิตซึ่งทำให้การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดเกิดผลต่อชีวิตเราอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ผู้ที่เกิดมาพร้อมพ่อแม่ที่ดีที่สุดก็อาจดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ตามแสงสว่างที่พวกเขามี แต่ไม่มีวันได้ยินเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์หรือได้รับการเชื้อเชิญให้รับบัพติศมาในพระนามของพระองค์ เรื่องนี้เป็นความจริงกับพี่น้องของเรามากมายหลายล้านคนตลอดประวัติศาสตร์โลก

บางคนอาจถือว่านี่ไม่ยุติธรรม พวกเขาอาจถึงกับถือว่านี่เป็นหลักฐานว่าไม่มีแผน ไม่มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับความรอด—ด้วยความรู้สึกที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเที่ยงธรรมและเปี่ยมด้วยความรักจะไม่ทรงสร้างแผนซึ่งมีไว้ให้เฉพาะลูกๆ ส่วนน้อยของพระองค์ อีกพวกหนึ่งอาจสรุปว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินพระทัยไว้ล่วงหน้าแล้วว่าลูกคนใดที่พระองค์จะทรงช่วยให้รอดและทำให้พระกิตติคุณมีไว้สำหรับพวกเขา ส่วนผู้คนที่ไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณก็เพียงเป็นพวกที่ไม่ได้ “รับเลือก”

แต่ความจริงที่ได้รับการฟื้นฟูผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ทำให้ท่านและข้าพเจ้าทราบดีว่า แผนของพระผู้เป็นเจ้าให้ความรักและความยุติธรรมยิ่งกว่านั้น พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการรวบรวมและอวยพรครอบครัวของพระองค์ทั้งหมด ขณะที่พระองค์ทรงทราบว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเลือกรับการรวบรวม แผนของพระองค์จึงให้โอกาสลูกแต่ละคนที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการเชื้อเชิญ และครอบครัวคือหัวใจของแผนนี้

หลายศตวรรษมาแล้ว ศาสดาพยากรณ์มาลาคีกล่าวว่าในวันที่จะมาถึง พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งเอลียาห์มาเพื่อ “ทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ” (มาลาคี 4:6)

คำพยากรณ์นี้สำคัญยิ่ง พระผู้ช่วยให้รอดทรงยกข้อความนี้เมื่อเสด็จเยือนทวีปอเมริกาหลังการฟื้นคืนพระชนม์ (ดู 3 นีไฟ 25:5–6) และเมื่อเทพโมโรไนมาเยือนศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ท่านยกคำพยากรณ์เกี่ยวกับเอลียาห์และจิตใจ พ่อ และลูก (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:36–39)

วันนี้ วันที่ 1 เมษายน อีกสองวันเป็นวันที่ 3 เมษายน นับได้ 181 ปีจากวันที่คำพยากรณ์ของมาลาคีสำเร็จ ในวันนั้น เอลียาห์มาเยือนและมอบอำนาจฐานะปุโรหิตสำหรับการผนึกครอบครัวชั่วนิรันดร์แก่โจเซฟ สมิธ (ดู คพ. 110:13–16)

จากวันนั้นถึงวันนี้ ความสนใจค้นคว้าประวัติครอบครัวของเราเพิ่มขึ้นทวีคูณ ด้วยอัตราเพิ่มที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูเหมือนผู้คนให้ความสนใจบรรพชนมากกว่าความอยากรู้อยากเห็นแบบผิวเผิน ห้องสมุด สมาคม และเทคโนโลยีเกี่ยวกับลำดับการสืบเชื้อสายผุดขึ้นทั่วโลกเพื่อสนับสนุนความสนใจนี้ พลังอินเทอร์เน็ตเสริมพลังการสื่อสารจนครอบครัวสามารถทำงานค้นคว้าประวัติครอบครัวร่วมกันอย่างรวดเร็วและทั่วถึงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เหตุใดจึงเกิดสิ่งเหล่านี้ เมื่อไม่มีคำที่เหมาะสมกว่านี้เราเรียกสิ่งนี้ว่า “วิญญาณของเอลียาห์” เราอาจเรียกสิ่งนี้ในความหมายเดียวกันว่า “สัมฤทธิผลของคำพยากรณ์” ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเอลียาห์มาจริง ใจของลูกหลาน—ท่านและข้าพเจ้า—หันไปหา บรรพชนของเราแล้ว ความรักที่ท่านรู้สึกต่อบรรพชนเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้คำพยากรณ์นั้นเกิดสัมฤทธิผล สิ่งนี้ฝังลึกอยู่ในการรับรู้ว่าท่านเป็นใคร แต่สิ่งที่ต้องทำในเรื่องนี้มีมากกว่าการสืบทอดดีเอ็นเอเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านทำตามการกระตุ้นเตือนให้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติครอบครัว ท่านอาจพบว่าญาติห่างๆ ของท่านมีหน้าตาคล้ายคลึงกับท่าน หรือมีความสนใจในหนังสือหรือพรสวรรค์ในการร้องเพลงเหมือนท่าน เรื่องนี้อาจน่าสนใจมากและอาจเป็นข้อมูลที่ลึกซึ้ง แต่ถ้าท่านหยุดงานของท่านตรงนั้น ท่านจะรู้สึกว่าบางอย่างขาดหายไป นี่เป็นเพราะการรวบรวมและการทำให้ครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันเรียกร้องมากกว่าความรู้สึกอบอุ่น ต้องมีการทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับศาสนพิธีฐานะปุโรหิต

บรรพชนมากมายของท่านไม่ได้รับศาสนพิธีเหล่านั้น แต่โดยการเตรียมของพระผู้เป็นเจ้า ตัวท่านได้รับ และพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าท่านจะรู้สึกเข้าใกล้บรรพชนของท่านในความรักและท่านจะมีเทคโนโลยีที่จำเป็นที่จะทราบว่าพวกเขาคือใคร พระองค์ทรงทราบด้วยว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่การเข้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อปฏิบัติศาสนพิธีจะทำได้มากกว่าที่เคยทำมาในประวัติศาสตร์ และทรงทราบอีกว่าจะทรงวางใจท่านให้ทำงานนี้แทนบรรพชนจนสำเร็จได้

แน่นอน เราทุกคนต้องทำและให้เวลากับหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญเร่งด่วนมากมาย เราทุกคนพบว่าบางส่วนของสิ่งที่พระเจ้าทรงคาดหวังให้เราทำนั้นเกินความสามารถของเรา ช่างดีเหลือเกินที่พระเจ้าทรงเตรียมวิธีให้เราแต่ละคนมีความมั่นใจและความพึงพอใจในการรับใช้ทั้งหมดของเรา รวมถึงการรับใช้งานประวัติครอบครัวด้วย เราได้รับพละกำลังที่จะทำสิ่งที่ทรงร้องขอผ่านศรัทธาของเรา ซึ่งพระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ประทานพระบัญญัติ “นอกจากพระองค์จะทรงเตรียมทางไว้ให้ [เรา] เพื่อ[เรา] จะทำสำเร็จในสิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชา” (1 นีไฟ 3:7).

จากประสบการณ์ข้าพเจ้ารู้ว่าเรื่องนี้จริง หลายปีก่อน ขณะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าพบชายผู้หนึ่งทำงานให้บริษัทคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก ขณะนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของยุคคอมพิวเตอร์ และสิ่งที่เกิดขึ้นคือบริษัทส่งชายคนนี้มาขายคอมพิวเตอร์ให้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

ข้าพเจ้าสังเกตว่าเซลแมนคนนี้ไม่มีความเชื่อในศาสนา แต่เขายังพูดด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อว่า “ในโบสถ์นี้พวกเขาทำสิ่งที่เรียกว่า ‘ลำดับการสืบเชื้อสาย’ โดยค้นหารายชื่อผู้คนที่ล่วงลับ พยายามค้นหาว่าบรรพชนของตนเป็นใคร ผู้คน ส่วนใหญ่สตรี วิ่งไปมาระหว่างตู้เอกสาร ค้นหาข้อมูลจากการ์ดใบเล็กๆ หากข้าพเจ้าจำได้ถูกต้อง เขาพูดว่าผู้หญิงสวมรองเท้ากีฬาเพื่อพวกเธอจะวิ่งได้เร็วขึ้น เขากล่าวต่อไปว่า “จากปริมาณงานที่ผมเห็นพวกเขาพยายามทำอยู่ ผมตระหนักได้เลยว่าผมพบเหตุผลของการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์แล้ว”

เขาพูดถูกบางส่วน คอมพิวเตอร์จะมีส่วนสำคัญมากต่องานประวัติครอบครัวในอนาคต—แต่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่เขาขาย ผู้นำศาสนจักรที่ได้รับการดลใจท่านหนึ่งไม่เลือกซื้อคอมพิวเตอร์ของเขา ศาสนจักรต้องรอเทคโนโลยีที่แม้ขณะนั้นยังไม่มีใครนึกถึงเลย แต่ข้าพเจ้าเรียนรู้หลายปีนับจากนั้นว่าแม้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็ไม่มีทางทดแทนการเปิดเผยจากสวรรค์ได้ การเปิดเผยอย่างที่ผู้นำศาสนจักรท่านนั้นได้รับ นี่เป็นงานทางวิญญาณ และพระเจ้าทรงกำกับดูแลผ่านพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าทำงานประวัติครอบครัวโดยมีผู้ให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ และมีผู้ช่วยเหลืออีกท่านหนึ่งทางโทรศัพท์ บนจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้ามีปัญหาที่เกินกำลังมนุษย์ธรรมดาอย่างข้าพเจ้าจะแก้ไขได้ ข้าพเจ้าเห็นรายชื่อสองชื่อ ส่งถึงข้าพเจ้าด้วยเทคโนโลยีที่น่าอัศจรรย์ จากผู้คนที่อาจกำลังรอคอยศาสนพิธีพระวิหาร ปัญหาคือชื่อทั้งสองต่างกัน แต่มีเหตุผลบางอย่างทำให้เชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน งานของข้าพเจ้าคือต้องตัดสินใจว่าความจริงคืออะไร

ข้าพเจ้าขอให้ผู้ให้คำแนะนำบอกข้าพเจ้า พวกเขาพูดว่า “ไม่ได้ คุณต้องเลือกเอง” พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าข้าพเจ้าจะค้นพบความจริง พลังและข้อมูลของคอมพิวเตอร์เป็นพรแก่ข้าพเจ้าโดยให้โอกาสที่จะจ้องมองดูชื่อทั้งสองบนจอ ประเมินข้อมูลที่มี ค้นหางานค้นคว้าอื่นๆ สวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆ และค้นหาว่าอะไรคือความจริง ขณะสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้ารู้สึกมั่นใจว่าจะทำอะไร—เช่นเดียวกับที่เคยได้รับในสถานการณ์อื่นๆ เมื่อข้าพเจ้าต้องวางใจความช่วยเหลือจากสวรรค์ในการแก้ปัญหา

เราไม่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะดลใจให้ผู้คนคิดค้นสิ่งอัศจรรย์ใดเพื่อช่วยงานรวบรวมครอบครัวของพระองค์ แต่ไม่ว่าจะมีสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ใด การใช้งานสิ่งนั้นยังต้องมีพระวิญญาณที่จะทำงานกับคนอย่างท่านและข้าพเจ้า เรื่องนี้ไม่ควรทำให้เราแปลกใจ เหนือสิ่งอื่นใด ท่านเหล่านี้คือบุตรและธิดาของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงส่งการดลใจทุกรูปแบบที่จำเป็นมาเพื่อให้โอกาสพวกเขากลับไปหาพระองค์

ไม่กี่ปีมานี้ เยาวชนของศาสนจักรตอบสนองวิญญาณของเอลียาห์ในวิธีที่สร้างแรงบันดาลใจ ขณะนี้หลายคนถือใบรับรองพระวิหารจำกัดการใช้ของตนเองและใช้ใบรับรองนั้นบ่อยๆ มีการใช้ห้องบัพติศมาในพระวิหารมากกว่าแต่ก่อน พระวิหารบางแห่งต้องปรับกำหนดการเพื่อรองรับจำนวนเยาวชนที่เข้าพระวิหารเพิ่มขึ้น

การที่เยาวชนนำรายชื่อบรรพชนของตนเองมาพระวิหารเคยเป็นข้อยกเว้นที่น่ายินดีและไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ และบ่อยมากที่เยาวชนเองคือผู้ค้นพบบรรพชนเหล่านั้น

นอกจากนี้ เยาวชนมากมายพบว่าการให้เวลากับการค้นคว้าประวัติครอบครัวและงานพระวิหารทำให้ประจักษ์พยานในแผนแห่งความรอดลึกซึ้งยิ่งขึ้น สิ่งนี้เพิ่มพูนอิทธิพลของพระวิญญาณในชีวิตพวกเขาและลดอิทธิพลของปฏิปักษ์ลง และช่วยให้พวกเขาใกล้ชิดครอบครัวและพระเจ้า พระเยซูคริสต์ มากขึ้น พวกเขาเรียนรู้ว่างานนี้ไม่เพียงช่วยให้คนตายรอดเท่านั้น แต่ช่วยเราทุกคนให้รอดด้วย (ดู คพ. 128:18)

น่าชื่นชมที่เยาวชนเหล่านั้นมีวิสัยทัศน์ที่เหมาะสม และบัดนี้ถึงเวลาที่บิดามารดาของพวกเขาจะต้องตามให้ทัน ขณะนี้ผู้คนมากมายยอมรับบัพติศมาในโลกวิญญาณเพราะงานที่เยาวชนเหล่านั้นทำ และพวกเขารอคอยศาสนพิธีอื่นๆ ที่ผู้ใหญ่เท่านั้นสามารถปฏิบัติได้ในพระวิหารในโลกนี้ งานรวบรวมครอบครัวของพระบิดาบนสวรรค์ไม่ใช่งานของเยาวชนเท่านั้น และไม่ใช่งานของปู่ย่าตายายเท่านั้น งานนี้เป็นงานของทุกคน เราทุกคนคือผู้รวบรวม

นี่คืองานของคนในรุ่นเรา สิ่งที่อัครสาวกเปาโลเรียกว่า “สมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา” เมื่อท่านกล่าวว่าพระผู้เป็นเจ้าจะ “ทรงรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์และในแผ่นดินโลกให้อยู่ในพระคริสต์” (เอเฟซัส 1:10) สิ่งนี้เกิดขึ้นได้โดยงานชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระบุตรผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากพระองค์ สมาชิกครอบครัวของเรา “ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์ เพราะว่าพระองค์เองทรงเป็นสันติภาพของเรา . . . ทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่แยกระหว่างสองฝ่าย” (เอเฟซัส 2:13–14) ท่านรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ เหมือนกับที่ข้าพเจ้ารู้สึก เมื่อท่านรู้สึกความรักเพิ่มพูนขึ้นขณะมองไปที่ภาพของบรรพชน ท่านรู้สึกถึงสิ่งนี้ในพระวิหารเมื่อชื่อในการ์ดดูเหมือนจะเป็นมากกว่าชื่อ และท่านไม่อาจระงับความรู้สึกที่ว่าบุคคลนี้รู้จักท่านและรู้สึกถึงความรักของท่าน

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงต้องการให้ลูกๆ ของพระองค์กลับบ้านอีกครั้ง ทั้งครอบครัวและด้วยรัศมีภาพ พระผู้ช่วยให้รอดทรงพระชนม์ ทรงกำกับดูแลและประทานพรแก่งานนี้ และทรงเฝ้าดูแลและนำทางเรา ทรงขอบใจเราที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์ในการรวบรวมครอบครัวของพระบิดา ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะได้รับความช่วยเหลือที่ท่านต้องการ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน