เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 23: พระผู้ช่วยให้รอดทรงฟื้นฟูฐานะปุโรหิต ศาสนจักร และพระกิตติคุณของพระองค์


บทที่ 23

พระผู้ช่วยให้รอดทรงฟื้นฟูฐานะปุโรหิต ศาสนจักร และพระกิตติคุณของพระองค์

คำนำ

อัครสาวกยุคปัจจุบันเป็นพยานว่า “เราขอประกาศด้วยถ้อยคำอันแสดงออกถึงความเคารพว่าฐานะปุโรหิตของพระองค์และศาสนจักรของพระองค์ได้รับการฟื้นฟูมายังแผ่นดินโลก” (“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก,” เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 3) ขณะที่ท่านสอนบทนี้ จงช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าการปฏิบัติศาสนกิจนิรันดร์ส่วนหนึ่งของพระผู้ช่วยให้รอดคือทรงกำกับดูแลการฟื้นฟูพระกิตติคุณและศาสนจักรของพระองค์ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ การศึกษาพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาอย่างละเอียดเปิดเผยว่าพระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:18–20

พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ในยุคสุดท้าย

เริ่มชั้นเรียนโดยขอให้นักเรียนเขียนคำถามสำคัญบางข้อที่อาจมีคนถามพระบิดาบนสวรรค์ หลังจากนักเรียนหลายคนตอบ ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:18–19 จากนั้นให้ถามว่า

  • โจเซฟ สมิธถามอะไรพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

  • พระเยซูคริสต์ทรงตอบว่าอย่างไร (ท่านอาจจะชี้ให้เห็นว่า ข้อ 20 บันทึกว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงย้ำพระดำรัสตอบของพระองค์ว่า “พระองค์ทรงห้ามข้าพเจ้าอีกไม่ให้นับถือนิกายใด”)

  • ถ้าทุกนิกาย “ผิด” จำเป็นต้องเกิดอะไรขึ้นเพื่อให้ศาสนจักรของพระเจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก (จำเป็นต้องมีการฟื้นฟูศาสนจักรพันธสัญญาใหม่ของพระเจ้า)

ให้ดูข้อความต่อไปนี้ของประธานเจมส์ อี. เฟาสท์ (1920–2007) แห่งฝ่ายประธานสูงสุด และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์

“เราเชื่อว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นการฟื้นฟูศาสนจักรดั้งเดิมที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาไว้ ซึ่งตั้งอยู่ “บนรากฐานของบรรดาอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ มีพระเยซูคริสต์เป็นศิลาหัวมุม’ [เอเฟซัส 2:20] มิได้แตกแขนงมาจากนิกายอื่น” (“การฟื้นฟูทุกสิ่ง,” เลียโฮนา, พ.ค. 2006, 82)

  • หมายความว่าอย่างไรเมื่อเรากล่าวว่า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นการฟื้นฟูศาสนจักรดั้งเดิมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสถาปนาไว้ในสมัยพันธสัญญาใหม่

บอกนักเรียนว่ามีเวลาในชั้นเรียนไม่มากพอให้เปรียบเทียบองค์ประกอบของศาสนจักรดั้งเดิมของพระเจ้ากับศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู แต่ท่านอาจต้องการให้นักเรียนทบทวน ลูกา 6:13; 10:1; กิจการของอัครทูต 14:23; เอเฟซัส 4:11; ฟิลิปปี 1:1; และ ทิตัส 1:5 ระบุองค์ประกอบของโครงสร้างอย่างเป็นระบบของศาสนจักรดั้งเดิมที่ดำรงอยู่ในศาสนจักรยุคปัจจุบันเช่นกัน (กระตุ้นให้นักเรียนอ่านตัวอย่างเพิ่มเติมใน “พิมพ์เขียวของศาสนจักรของพระคริสต์คืออะไร” โดยบราเดอร์แทด อาร์. คอลลิสเตอร์ ประธานโรงเรียนวันอาทิตย์สามัญ ซึ่งระบุไว้ในสิ่งที่นักเรียนควรอ่านของบทนี้) ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยบราเดอร์คอลลิสเตอร์ และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
แทด อาร์. คอลลิสเตอร์

“ถ้าใครสักคนต้องการเปรียบเทียบ … ศาสนจักรดั้งเดิมของพระคริสต์กับทุกศาสนจักรในโลกทุกวันนี้ เขาจะพบว่าประเด็นต่อประเด็น องค์การต่อองค์การ คำสอนต่อคำสอน ศาสนพิธีต่อศาสนพิธี ผลต่อผล และการเปิดเผยต่อการเปิดเผย จะตรงกันกับศาสนจักรเดียว—ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” (“พิมพ์เขียวของศาสนจักรของพระคริสต์คืออะไร,” [การให้ข้อคิดทางวิญญาณระบบการศึกษาของศาสนจักรสำหรับคนหนุ่มสาว, 12 ม.ค., 2014]; LDS.org).

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องมีประจักษ์พยานว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นการฟื้นฟูศาสนจักรดั้งเดิมของพระผู้ช่วยให้รอด (ประจักษ์พยานเช่นนั้นช่วยให้เราตระหนักว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นศาสนจักรที่แท้จริงของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ เพราะพระเจ้าทรงเป็นเหมือนกันทั้งวันวาน วันนี้ และตลอดกาล เราจึงควรคาดหวังให้ศาสนจักรของพระองค์มีองค์ประกอบเดียวกันในทุกสมัยการประทาน)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:17, 38; 18:34–35

พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลงานแห่งการฟื้นฟู

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17 และระบุว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงบัญชาให้โจเซฟ สมิธทำอะไร (ฟังพระบุตรของพระองค์) จากนั้นให้อ่านออกเสียงข้อความต่อไปนี้ของประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ (1876–1972)

ภาพ
ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ

“การเปิดเผยทั้งหมดตั้งแต่การตกผ่านมาทางพระเยซูคริสต์” (Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie, 3 vols. [1954–56], 1:27)

เพื่ออธิบายความจริงนี้ ให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:17, 38; 18:34–35 ในใจพร้อมกับนึกถึงคำถามต่อไปนี้: ข้อเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจความจริงที่ว่า พระเยซูคริสต์ทรงนำทางและกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์ผ่านการเปิดเผย ดีขึ้นอย่างไร หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว เชื้อเชิญนักเรียนให้แบ่งปันสิ่งที่พบ

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์แกรีย์ เจ. โคลแมนแห่งสาวกเจ็ดสิบ และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
เอ็ลเดอร์แกรีย์ เจ. โคลแมน

“พระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาเป็นพยานหลักฐานยุคสุดท้ายเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์ต่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าผ่านศาสดาพยากรณ์และผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า แสดงให้เห็นรูปแบบการเปิดเผยที่นำทางศาสนจักรและสมาชิกศาสนจักรในปัจจุบัน” (“You Shall Have My Word: The Personal Ministry of Jesus Christ in the Restoration,” ใน You Shall Have My Word: Exploring the Text of the Doctrine and Covenants, ed. Scott C. Esplin, Richard O. Cowan, and Rachel Cope, The 41st Annual Brigham Young University Sidney B. Sperry Symposium [2012], 3)

  • ตามคำกล่าวของเอ็ลเดอร์โคลแมน เหตุใดพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาจึงสำคัญต่อศาสนจักรในปัจจุบัน (เพราะเป็นพยานหลักฐานยุคสุดท้ายเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซู และแสดงให้เห็นว่าการเปิดเผยนำศาสนจักรในทุกวันนี้อย่างไร)

  • ท่านคิดว่าเหตุใดจึงสำคัญที่บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์จะเข้าใจความจริงที่เอ็ลเดอร์โคลแมนสอน

เป็นพยานว่าการปรากฏของพระผู้ช่วยให้รอด การเปิดเผย การมอบอำนาจและกุญแจฐานะปุโรหิตในช่วงการฟื้นฟูเป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติศาสนกิจนิรันดร์ของพระองค์ เพื่อช่วยให้นักเรียนเห็นชัดมากขึ้นว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงกำกับดูแลการฟื้นฟูพระกิตติคุณอันเป็นนิจและศาสนจักรของพระองค์ในยุคสุดท้ายอย่างไร ให้ดูแผนภูมิต่อไปนี้หรือเตรียมเอกสารแจกนักเรียน (ไม่ต้องให้ดูข้อความในวงเล็บ)

ภาพ
เอกสารแจก พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำกับดูแลงานแห่งการฟื้นฟู

พระผู้ช่วยให้รอดทรงกำกับดูแลงานแห่งการฟื้นฟู

หลักคำสอนของศาสนจักร

ศาสนพิธีของศาสนจักร

การนำศาสนจักร

หัวข้อภาคและสรุปใจความสำคัญของหลักคำสอนและพันธสัญญา 76 (อาณาจักรแห่งรัศมีภาพ ชีวิตหลังความตาย)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:33–39 (คำปฏิญาณและพันธสัญญาของฐานะปุโรหิต)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:1, 15, 18 (บัพติศมาแทนคนตาย)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 131:1–4 (การแต่งงานซีเลสเชียลจำเป็นต่อความสูงส่ง)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:6–10; 138:29–35 (ผู้ที่สิ้นชีวิตโดยปราศจากความรู้เรื่องความจริงจะมีโอกาสรับการไถ่)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:37, 72–74 (ข้อกำหนดและวิธีบัพติศมาที่ถูกต้อง)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:70 (การให้พรเด็ก)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:75–77, 79 (การปฏิบัติศีลระลึก)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:33–39 (ศาสนพิธีพระวิหาร)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 132:7, 15–20 (การแต่งงานนิรันดร์)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:38–59 (หน้าที่ในตำแหน่งฐานะปุโรหิต)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:61–62 (การดำเนินการประชุมใหญ่ของศาสนจักรที่จัดเป็นประจำ)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 26:2 (ความเห็นชอบร่วมกัน)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 107:22–27, 33–35, 64–67, 85–91 (หน้าที่ของผู้นำศาสนจักร)

แบ่งชั้นเรียนออกเป็นสามกลุ่มและมอบหมายให้แต่ละกลุ่มศึกษาหนึ่งคอลัมน์ เชื้อเชิญให้นักเรียนแต่ละคนอ่านพระคัมภีร์อ้างอิงสามสี่ข้อในคอลัมน์ที่มอบหมายและเตรียมตอบคำถามต่อไปนี้

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงฟื้นฟูอะไรให้แผ่นดินโลกผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

  • เหตุใดหลักธรรมหรือแนวทางปฏิบัติที่ท่านค้นพบจึงสำคัญ

หลังจากให้เวลาหลายนาทีแล้ว ขอให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่ค้นพบ ขณะพวกเขาแบ่งปัน ให้เน้นว่า พระเยซูคริสต์ทรงกำกับดูแลงานแห่งการฟื้นฟู หากจำเป็น ให้ถามคำถามทำนองนี้

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าพระเยซูยังคงกำกับดูแลงานของศาสนจักรและผู้นำศาสนจักร

  • ประสบการณ์ใดช่วยให้ท่านรู้ว่าศาสนจักรนี้เป็นศาสนจักรของพระเยซูคริสต์

หากเวลาเอื้ออำนวย ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:30 จากนั้นให้ถามนักเรียนว่า

  • หลังจากพิจารณาสิ่งที่เราสนทนาไปแล้ววันนี้ เหตุใดศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจึงเป็น “ศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่แห่งเดียวตลอดทั้งพื้นพิภพ” (เพราะเป็นศาสนจักรเดียวบนแผ่นดินโลกที่ได้รับสิทธิอำนาจจากสวรรค์ให้สอนพระกิตติคุณที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ ปฏิบัติศาสนพิธีที่จำเป็นต่อความรอด และได้รับการเปิดเผยต่อเนื่องผ่านผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงกำหนด)

เพื่อสรุปบทเรียนนี้ ท่านอาจขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:40–42 ขณะนักเรียนที่เหลือดูตาม เป็นพยานว่าข้อเหล่านี้เป็นบทสรุปการปฏิบัติศาสนกิจนิรันดร์ของพระผู้ช่วยให้รอด ท้าทายให้นักเรียนพิจารณาสิ่งที่พวกเขาจะทำถวายพระเยซูคริสต์ผู้ทรงทำการชดใช้เพื่อให้เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ สะอาด และรอดในอาณาจักรของพระบิดา

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน