เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 1: พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์


บทที่ 1

พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์

คำนำ

พยานยุคปัจจุบันประกาศดังนี้: “เราแสดงประจักษ์พยานในฐานะอัครสาวกที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องของพระองค์—ว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์” (“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก,”เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 3) เพราะดูเหมือนโลกจะไม่ตระหนักในพระลักษณะอันแท้จริงของพระเยซูคริสต์และความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา การมีพยานที่ซื่อสัตย์ของพระบุตรที่รักของพระผู้เป็นเจ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ บทเรียนนี้จะช่วยนักเรียนทราบความจำเป็นในเรื่องนี้และเรียนรู้ว่าพวกเขาจะเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ต่อครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อนบ้านได้ดีขึ้นอย่างไร

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์

เขียนคำถามต่อไปนี้บนกระดาน

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นใคร และเหตุใดเราจึงเชื่อในพระองค์

บอกนักเรียนว่าคนมากมายตอบคำถามนี้ด้วยการแสดงประจักษ์พยาน ประจักษ์พยานเช่นนั้นส่วนหนึ่งอยู่ในเพลงสวด “ฉันรู้พระผู้ไถ่ทรงพระชนม์” (เพลงสวด, บทเพลงที่ 59) จัดเตรียมเนื้อร้องของเพลงนี้ให้นักเรียน และแบ่งนักเรียนออกเป็นสี่กลุ่ม มอบหมายเนื้อร้องให้กลุ่มละข้อ และขอให้พวกเขาอ่าน หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • มีคำหรือวลีใดที่ใช้ในเพลงนี้เพื่อบอกให้รู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นใครและพระองค์ทรงทำอะไรเพื่อเรา (คำตอบควรได้แก่ “พระอยู่หัวของฉัน” “พระสหายสวรรค์” “ศาสดา ราชา” “พระผู้ช่วย” พระองค์ประทานพรเราด้วยความรักของพระองค์ ทรงวิงวอนแทนเรา ทรงนำทางเรา ทรงปลอบโยนเรา และประทานลมหายใจให้เราในแต่ละวัน)

  • เพลงสวดเพลงนี้ใช้คำใดบอกวิธีที่ประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์มีผลต่อเรา (คำตอบควรรวมถึง “ปลอบโยน” “สุข”)

บอกชั้นเรียนว่าฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสากสิบสองประกาศประจักษ์พยานของพวกท่านเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ต่อสาธารณชนใน “พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก” (ดู เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 2–3) จัดเตรียมสำเนาประจักษ์พยานดังกล่าวให้นักเรียนแต่ละคน และอธิบายว่าหลักสูตรนี้นำหัวข้อบทเรียนหลายหัวข้อมาจากหลักคำสอนและหลักธรรมที่นำเสนอในเอกสารที่ได้รับการดลใจนี้ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าแรก

“ขณะที่เราเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการประสูติของพระเยซูคริสต์เมื่อสองพันปีที่ผ่านมา เรามอบประจักษ์พยานของเราถึงความจริงในพระชนม์ชีพอันหาที่เปรียบมิได้ของพระองค์และพระบารมีอันหาที่สุดมิได้ของการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ไม่มีผู้ใดอื่นอีกแล้วที่มีอิทธิพลลึกซึ้งเช่นนั้นต่อผู้คนที่มีชีวิตอยู่และยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนแผ่นดินโลก” (“พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: ประจักษ์พยานของอัครสาวก,เลียโฮนา, เม.ย. 2000, 2)

  • ท่านต้องการให้การศึกษาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณอันเป็นนิจของพระองค์มีอิทธิพลอะไรต่อท่านในเทอมนี้ (ขณะที่นักเรียนตอบ ท่านอาจต้องการเน้นว่า การศึกษาพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์อย่างจริงใจจะช่วยให้เราเห็นคุณค่าของอิทธิพลอันลึกซึ้งที่พระองค์ทรงเคยมีและจะมีได้ในชีวิตเรา)

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีอิทธิพลในด้านใดต่อทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่หรือจะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก (ขณะที่นักเรียนตอบ จงเน้นการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งมีผลต่อคนทั้งโลก)

บอกนักเรียนว่าหลักสูตรนี้จะมุ่งเน้นการปฏิบัติศาสนกิจนิรันดร์ของพระผู้ช่วยให้รอดตลอดพระชนม์ชีพก่อนมรรตัย ขณะทรงเป็นมรรตัย และหลังมรรตัยของพระองค์ ขณะที่นักเรียนศึกษาบทบาทมากมายของพระผู้ช่วยให้รอด ความรักและประจักษ์พยานที่พวกเขามีต่อพระองค์จะลึกซึ้ง

ยอห์น 20:30–31; 1 นีไฟ 6:4; 2 นีไฟ 25:23, 26

พระคัมภีร์เขียนไว้เพื่อให้ผู้คนเชื่อในพระเยซูคริสต์

ถามนักเรียนว่าพวกเขาคิดว่ามีหนังสือกี่เล่มเขียนเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ อธิบายว่าการศึกษาพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์อย่างถูกต้องจะต้องใช้พระคัมภีร์เป็นหลัก เชื้อเชิญนักเรียนให้ผลัดกันอ่านออกเสียงข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้: ยอห์น 20:30–31; 1 นีไฟ 6:4; และ 2 นีไฟ 25:23, 26 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตามโดยมองหาเหตุผลว่าทำไมพระคัมภีร์จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าเมื่อศึกษาการปฏิบัติศาสนกิจนิรันดร์ของพระผู้ช่วยให้รอด

  • ข้อเหล่านี้สอนหลักธรรมอะไรเกี่ยวกับจุดประสงค์ของพระคัมภีร์ (ถึงแม้นักเรียนจะใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: ขณะที่เราศึกษาข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด ประจักษ์พยานของเราในพระองค์จะเข้มแข็งขึ้นและเราจะใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น)

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน

“จุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์ทุกเล่มคือเติมจิตวิญญาณของเราด้วยศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและในพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ …

“… ศรัทธาเกิดจากการที่พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานต่อจิตวิญญาณเรา [พระวิญญาณต่อวิญญาณ] เมื่อเราได้ยินหรืออ่านพระคำของพระผู้เป็นเจ้า และศรัทธาเติบโตขึ้นเมื่อเราดื่มด่ำพระวจนะ…อยู่เสมอ” (“พรจากพระคัมภีร์,”เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 42)

  • พระคัมภีร์สามารถช่วยเราเสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์หรือใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นในวิธีใดบ้าง

  • การศึกษาพระคัมภีร์ได้เสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานของท่านในพระเยซูคริสต์อย่างไร

แจกสำเนาแหล่งข้อมูลที่ระบุไว้ในหมวด สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน สำหรับหลักสูตรนี้ให้นักเรียนแต่ละคน (อาจทำเป็นสำเนากระดาษ หรือท่านอาจจะอธิบายให้นักเรียนฟังว่าจะหาสำเนาดิจิทัลได้จากที่ใด) ท้าทายนักเรียนให้ศึกษาสิ่งที่ควรอ่านสำหรับหลักสูตรนี้เป็นประจำทุกวันในช่วงเทอมนี้ รับรองกับนักเรียนว่าเมื่อพวกเขาทำตามการท้าทายดังกล่าว พระวิญญาณจะทรงสอนพวกเขาและพวกเขาจะใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น

การเป็นพยานของพระเยซูคริสต์

อธิบายให้นักเรียนฟังว่าการศึกษาเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดในพระคัมภีร์เท่านั้นยังไม่พอ เราต้องได้รับพยานหรือประจักษ์พยานส่วนตัวทางวิญญาณผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นกันว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระผู้ได้รับการเจิม พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา แบ่งปันข้อความต่อไปนี้ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุดกับชั้นเรียน

ภาพ
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“เราไม่สามารถพึ่งพาประจักษ์พยานของผู้อื่น เราจะต้องรู้ด้วยตัวเราเอง ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์กล่าวว่า ‘วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนมีความรับผิดชอบที่ต้องรู้ด้วยตนเองโดยปราศจากความสงสัยว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรที่ฟื้นคืนพระชนม์และทรงพระชนม์อยู่ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์’ (Fear Not to Do Good, Ensign, May 1983, 80)

“แหล่งที่มาของความรู้อันแน่นอนและความเชื่อมั่นนี้คือการเปิดเผยจากสวรรค์ ‘เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ’ (วิวรณ์ 19:10)

“เราได้รับประจักษ์พยานนี้เมื่อพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตรัสกับวิญญาณภายในเรา …

“แก่นของประจักษ์พยานนี้จะเป็นศรัทธาและความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระพันธกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เสมอ” (“พลังของประจักษ์พยานส่วนตัว,”เลียโฮนา, พ.ย. 2006, 47–48)

  • ท่านคิดว่าเหตุใดพระเยซูคริสต์จึงควรเป็นแก่นของประจักษ์พยานของเรา

  • ท่านรู้สึกว่าพระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้ท่านทำอะไรกับประจักษ์พยานของท่านในพระองค์

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้โดยเอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน

“คนทั่วไปควรได้เห็นส่วนหนึ่งของพระเยซูคริสต์ในตัวเรา วิธีที่เรากระทำ พูด ดู และแม้แต่คิดจะสะท้อนถึงพระองค์และทางของพระองค์ … แม้เราจะไม่ได้อยู่กับพระองค์ในการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ แต่เมื่อเราค้นคว้าพระคัมภีร์ เรา เห็น พระเยซูและสิ่งที่พระองค์ตรัสและทำ และเมื่อเราเลียนแบบ ก็เท่ากับเราเป็นพยานถึงพระองค์” (“การเป็นพยานของพระคริสต์,” เลียโฮนา, มี.ค. 2008, 60)

ติดตามผลโดยถามนักเรียนว่า

  • ท่านเคยเห็นผู้อื่นเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ผ่านการกระทำของพวกเขาอย่างไร

  • ขณะนึกถึงโลกที่ท่านอาศัยอยู่ เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้พยานและประจักษ์พยานของเราในพระผู้ช่วยให้รอดส่งผลต่อผู้อื่น

เป็นพยานว่า เมื่อเราได้รับประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์ผ่านอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรามีหน้าที่ต้องแบ่งปัน

ท้าทายนักเรียนให้ดำเนินชีวิตแต่ละวันโดยพร้อมเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ผ่านคำพูดและการกระทำของพวกเขา กระตุ้นให้พวกเขาอ่านสิ่งที่มอบหมายให้อ่านก่อนมาชั้นเรียนและเต็มใจแบ่งปันข้อคิด ถามคำถาม และมีส่วนร่วมในการสนทนาของชั้นเรียน

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน