2023
15 วิธีสร้างสันติสุขเมื่อท่านรู้สึกโดดเดี่ยว
กันยายน 2023


ดิจิทัลเท่านั้น

15 วิธีสร้างสันติสุขเมื่อท่านรู้สึกโดดเดี่ยว

รู้สึกโดดเดี่ยว? พระบิดาบนสวรรค์ประทานวิธีมากมายให้เรารู้สึกถึงแสงสว่างและความรักของพระองค์เพื่อนำเราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ภาพ
สตรีที่ดูเศร้าหมองและมีความสุข

หลายปีก่อน เพื่อนคนหนึ่งกล่าวว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอมีวัน (หรือสัปดาห์) ที่ยากลำบาก และเธอต้องการแสงสว่างในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เธอมักจะพบว่ามีพระบัญญัติที่ต้องรักษาเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าเธอพยายามรักษาพระบัญญัติอยู่เสมอเพราะความรักที่เธอมีต่อพระผู้เป็นเจ้า เธอเพิ่งเข้าใจว่าเธอสามารถรู้สึกถึงแสงสว่างได้มากขึ้น—ในตอนนั้น—เมื่อเธอตั้งใจหาคนที่เธอจะรับใช้หรือโดยการทำประวัติครอบครัวบ่อยขึ้นหรือโดยการอ่านพระคัมภีร์มากขึ้นหรือโดยการแสดงความขอบคุณมากขึ้นสำหรับพรที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานแก่เธอ คำพูดของเพื่อนคนนั้นอยู่กับฉันเสมอ เตือนฉันว่า “เมื่อเราได้รับพรประการใดจากพระผู้เป็นเจ้า, ย่อมเป็นไปเนื่องจากการเชื่อฟังกฎนั้นซึ่งในนั้นทรงกำหนดพรไว้” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 130:21) ตอนนี้ฉันยึดมั่นความคิดแบบเดียวกันนั้นและติดตัวฉันไปทุกเมื่อที่ฉันต้องการความหวัง การปลอบโยน สันติสุข หรือปีติที่มากกว่าเดิม

เมื่อเราต้องการได้รับปีติเพิ่มขึ้น1 ในชีวิตหากเรารู้สึกโดดเดี่ยว (หรือทุกเวลา!) เราสามารถทำตามพระดำรัสเชิญของพระเจ้าด้วยพรที่สัญญาไว้ ต่อไปนี้คือตัวอย่างพระดำรัสเชิญ 15 ข้อที่ประทานผ่านอัครสาวกของพระองค์ซึ่งนำปีติเข้ามาในชีวิตฉันมากขึ้นและสามารถนำปีติมาสู่ชีวิตท่านมากขึ้นได้เช่นกัน!2

1. มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ที่ท่านมีอยู่แล้ว

เรามักรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะขาดการเชื่อมความสัมพันธ์เฉพาะกับคนที่เราแสวงหา แต่จําไว้เสมอว่ามักจะมีใครบางคนที่รอให้เรายื่นมือเข้าไปหาเสมอ อาจเป็นครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน พี่น้องผู้ปฏิบัติศาสนกิจ หรือผู้นำศาสนจักรคนอื่นๆ นึกถึงและเชื่อมโยงกับผู้คนที่พระเจ้าประทานให้ในชีวิตท่านเพื่อหนุนใจและเป็นพรแก่ท่าน

ดังที่ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์สอนว่า “จงรักษาและแผ่ขยายความสัมพันธ์ในครอบครัวของท่าน … จงให้คุณค่าแก่มิตรภาพและโอกาสในการเรียนรู้และการรับใช้ เพราะความพยายามเหล่านั้นสามารถนำไปสู่ปีติที่เป็นนิรันดร์ได้เช่นกัน”3 ดังที่เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเชื้อเชิญเราว่า “ข้าพเจ้าแนะนำให้ท่านไม่มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ที่ท่านยังไม่มี—แต่ให้มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ท่านมีอยู่แล้ว เมื่อท่านทำเช่นนั้น ท่านจะได้รับพรด้วยความใกล้ชิดและความสุขกับคนที่ท่านรักมากขึ้น”4

2. ยื่นมือออกไปและรับใช้

การให้ความสำคัญกับผู้อื่นสามารถช่วยให้เราเอาชนะความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ ในช่วงเวลานี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะยื่นมือออกไป หรือเราอาจสงสัยว่าผู้คนจะต้องการความช่วยเหลือจากเราหรือ แต่เราสามารถสวดอ้อนวอนถึงพระบิดาบนสวรรค์เพื่อทราบว่าใครต้องการความช่วยเหลือจากเรา และพระองค์จะทรงนำทางเราไปหาคนที่เราสามารถเป็นพรได้ (และจะประทานพรแก่เราเป็นการตอบแทนอย่างแน่นอน) เพราะมักจะมีใครบางคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่เสมอ

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองเตือนเราว่า

“เรามีชีวิตอยู่ในโลกของความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความสับสน ความต้องการของชีวิตประจำวันสามารถทำให้เราเหนื่อยล้า ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลักธรรมที่เรียบง่ายทว่าลึกซึ้งอยู่ข้อหนึ่งซึ่งสามารถช่วยเราปลดปล่อยตนเองจากใยที่พันกันยุ่งเหยิงของความท้าทายเพื่อพบสันติสุขทางใจและความสุข คือ การรับใช้กัน

“มีวิธีและสภาวการณ์เล็กน้อยและเรียบง่ายมากมายให้เราสามารถรับใช้และรักผู้อื่นที่บ้าน ที่โบสถ์ และในชุมชนของเรา

“สิ่งสำคัญยิ่งเกิดจากการแสดงน้ำใจและการรับใช้เล็กๆ น้อยๆ และเรียบง่าย การกระทำเหล่านี้จะสั่งสมกลายเป็นชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักต่อพระบิดาบนสวรรค์ การทุ่มเทต่องานของพระเยซูคริสต์ ความรู้สึกปีติและสันติสุขทุกครั้งที่เรายื่นมือช่วยเหลือกัน”5

3. เป็นพยานถึงพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้า บนสื่อสังคม หรือแม้แต่ในวารสารหรือ FamilySearch Memories สำหรับลูกหลานในอนาคต เราสามารถเป็นพยานถึงพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ การทำเช่นนั้นสามารถช่วยให้เรารู้สึกเหมือนเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ที่กล่าวว่า “ความสุขที่สุดประการหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้าคือการเป็นพยานถึงพระผู้ไถ่ของเราและเชื้อเชิญให้ผู้อื่นติดตามพระองค์ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ทุกท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และมาหาพระอง”6

แอลมาแบ่งปันประสบการณ์คล้ายกันนี้เมื่อท่านบันทึกว่า “ข้าพเจ้าอาจจะเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะนําจิตวิญญาณสักดวงมาสู่การกลับใจ, และนี่คือปีติของข้าพเจ้า” (แอลมา 29:9)

4. ร้องเพลงสวด

ดังที่ฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า

“เพลงสวดจะเป็นประโยชน์ต่อเราแต่ละคนอย่างมาก เพลงสวดสามารถยกระดับจิตวิญญาณของเรา ปลุกความกล้าหาญในเรา และนำเราไปสู่การกระทำที่ชอบธรรม สามารถเติมเต็มจิตวิญญาณของเราด้วยความคิดจากสวรรค์และนำวิญญาณแห่งสันติสุขมาสู่เรา …

“… ขอให้เราท่องจําและไตร่ตรอง ท่องและร้องเพลง และรับส่วนการบํารุงเลี้ยงทางวิญญาณ”7

เรารู้เช่นกันถึงคำสัญญาอันยิ่งใหญ่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 25:12: “เพราะจิตวิญญาณเราเบิกบานในเพลงจากใจ; แท้จริงแล้ว, เพลงจากคนชอบธรรมเป็นคำสวดอ้อนวอนต่อเรา, และจะได้รับตอบด้วยพรบนศีรษะพวกเขา”

ท่านสามารถค้นหาบทเพลงต่างๆ เพื่อยกระดับจิตใจท่านในหมวด “ดนตรี” ของแอปคลังค้นคว้าพระกิตติคุณ

5. วางใจในพระผู้เป็นเจ้าว่าพระองค์ทรงทราบว่าท่านรู้สึกอย่างไร

ช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวของเราอาจไม่ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์จะทรงเคียงข้างเราเสมอ และกับทั้งสองพระองค์ เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป เมื่อเราวางใจว่าพระองค์ทรงรู้จักเราและรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร จิตวิญญาณของเราจะเบิกบานขึ้นได้ ดังที่ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดแบ่งปันว่า:

“ความมืดที่เกิดขึ้นเมื่อเราประสบความยากลําบากจะทําให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและเหงา อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงชดใช้ให้เราในสวนเกทเสมนี พระองค์ไม่เพียงทรงทําเช่นนั้นเพื่อบาปของเราเท่านั้น พระองค์ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวที่เรารู้สึกเช่นกันเมื่อการทดลองเกิดขึ้น ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ยังมีพระองค์ผู้ทรงเดินบนเส้นทางเดียวกันและทรงนำทางเราเสมอ

“เมื่อรู้สิ่งนี้ ข้าพเจ้าสัญญาว่าเราจะรู้สึกทั้งปีติและการมองโลกในแง่ดีระหว่างการทดลอง—ไม่ใช่เพียงเพราะเราคาดหวังว่าช่วงเวลานั้นจะดีขึ้นหรือง่ายขึ้น แต่เพราะเราวางใจพระองค์ เราวางใจพระองค์มากพอที่จะสวดอ้อนวอนและทูลขอความช่วยเหลือ เราวางใจว่าพระองค์ทรงเข้าใจความรู้สึกของเราในช่วงเวลาเหล่านี้อย่างถ่องแท้ สิ่งนี้จะทำให้เรามั่นใจว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุกอย่างจะดีขึ้น”8

เอ็ลเดอร์เบดนาร์แบ่งปันคำสัญญาที่คล้ายกันด้วย: “พระผู้ช่วยให้รอดทรงเข้าใจความทุกข์ยากของเราอย่างถ่องแท้ เพราะพระองค์ทรงแบกรับความผิดหวัง ความอ่อนแอ และความปวดร้าวของเรา พระองค์จึงสามารถพยุงและเสริมกำลังเราได้ พระองค์จะทรงทำให้ความคิดและวิญญาณของเราเข้มแข็งขึ้น พระองค์จะทรงเสริมกำลังเราทั้งทางร่างกายและในทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อทำสิ่งที่เราต้องทำ เมื่อเราหันไปหาพระองค์ เราไม่มีวันโดดเดี่ยว”9

6. แสวงหาการเปลี่ยนแปลงและการเติบโต

บางครั้งเราได้รับพรให้เอาชนะความโดดเดี่ยวของเราโดยการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และกิจกรรมใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงสิ่งที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเรียกว่า “ปีติจากการกลับใจทุกวัน”10 และการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตลอดชีวิตด้วย

ดังที่ประธานเนลสันสอนว่า “ให้เรารับของประทานอันล้ำค่าและสมบูรณ์แบบจากพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เราทิ้งภาระและบาปไว้แทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดและสัมผัสกับปีติที่มาจากการกลับใจและการเปลี่ยนแปลง”11

เอ็ลเดอร์คุกแบ่งปันประโยชน์ของการเติบโตด้วยวิธีอื่นๆ เช่นกัน:

“พระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ทรงปลดภาระความรับผิดชอบส่วนตัวในวิธีที่เราดำเนินชีวิตในการชดใช้บาปของเรา คุณค่าของงาน ความอุตสาหะ การทำงานด้วยกำลังของเรา การปรับปรุงพรสวรรค์ของเรา และการจัดหาให้ครอบครัวได้รับการประกาศอย่างกว้างขวางในพระคัมภีร์ตั้งแต่ต้น

“ข้าพเจ้าท้าทายให้ท่านตรวจสอบเป้าหมายและพิจารณาว่าเป้าหมายใดจะช่วยให้ท่านบรรลุพันธกรณีของครอบครัว รักษาท่านให้อยู่บนเส้นทางพันธสัญญา และยอมให้ท่านมีปีติตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ โปรดจำไว้ว่าการมีเป้าหมายช่วยให้ท่านประหยัดเวลาและความพยายามโดยการวางแผนล่วงหน้า และไม่พลาดสิ่งสำคัญและกำหนดเวลาที่สำคัญ”12

แม้แต่พระผู้ช่วยให้รอดยังทรงแสดงให้เราเห็นความสําคัญของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะพระองค์ “เจริญขึ้นในด้านสติปัญญาและด้านร่างกาย เป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายด้วย” (ลูกา 2:52)

7. มุ่งเน้นไปที่พันธสัญญาของท่าน

แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เราสามารถจดจ่อกับพรนิรันดร์ที่เรามีผ่านพันธสัญญาของเรา ซึ่งคนจำนวนมากในโลกยังไม่มี พิจารณาพรและพลังฐานะปุโรหิตที่เราดึงมาใช้ได้ รวมถึงการมีส่วนร่วมในศีลระลึกทุกสัปดาห์และการเข้าถึงพลังอำนาจที่เราได้รับ (หรือสามารถรับได้) ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า เอ็ลเดอร์เบดนาร์สอนถึงพรและปีติอันยิ่งใหญ่นี้ว่า:

“การดำเนินชีวิตตามและความรักในคำมั่นสัญญาแห่งพันธสัญญาสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าแบบเป็นส่วนตัวอย่างลึกซึ้งและทรงพลังทางวิญญาณ เมื่อเราเคารพเงื่อนไขของพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และศาสนพิธี เราค่อยๆ เข้าใกล้พระองค์มากขึ้น และลิ้มรสอิทธิพลของความเป็นพระเจ้าและการดำรงอยู่จริงของพระองค์ในชีวิตเรา

“ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าการสานความสัมพันธ์กับพระบุตรที่ฟื้นคืนพระชนม์และพระชนม์ชีพของพระผู้เป็นเจ้าเป็นไปได้ผ่านพันธสัญญา สามารถเกิดขึ้นจริง และเป็นแหล่งที่มาสูงสุดของความมั่นใจ สันติสุข ปีติ และความเข้มแข็งทางวิญญาณที่ทำให้เราสามารถ ‘ไม่ใส่ใจ’ และ ‘ไม่กลัว แม้ว่าศัตรูจะเย้ยหยัน’”

เอ็ลเดอร์สตีเวนสันสอนเพิ่มเติมว่า “‘ไข่มุกอันล้ำค่า’ คือศาสนพิธี พันธสัญญา สัญญา และคําสั่งสอนที่ได้รับ [ในพระวิหาร] เป็นความสุขและปีติที่ผู้คนจากทั้งสองด้านของม่านสัมผัสได้เมื่อพวกเขาได้รับพรของพระวิหารและมาหาพระคริสต์” และท่านเชื้อเชิญให้พวกเรา “ใคร่ครวญถึงสันติสุขที่มาจากการนมัสการและการรับใช้ในพระวิหาร”14

8. ศึกษาพระคําของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเข้าใกล้พระองค์

ประธานอายริงก์แบ่งปันว่า:

“เมื่อข้าพเจ้าศึกษาพระคำของพระผู้ช่วยให้รอดและพระชนม์ชีพของพระองค์ ข้าพเจ้ารู้จักและรักพระองค์ในสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเราแต่ละคน …

“‘พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์’ (ยอห์น 3:16)

“ของประทานแห่งพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นของประทานอันล้ำค่า พระองค์ทรงเป็นของประทานที่ส่องสว่างนำทางและยกเราขึ้น พระองค์ทรงเป็นของประทานที่ค้ำจุนเราผ่านวันเวลาที่ยากลำบากในการเดินทางมรรตัยของเรา พระองค์ทรงเป็นของขวัญที่มอบความรักอันศักดิ์สิทธิ์ ความหวังที่ยั่งยืน และปีติที่แท้จริง”15

ยิ่งเราเรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นเท่าไรเราจะยิ่งรู้สึกถึงปีติแท้จริงของพระองค์มากขึ้นเท่านั้น ลีไฮแบ่งปันว่าสิ่งนี้เป็นพรแก่ท่านอย่างไรเมื่อท่านอ่านพระคัมภีร์ “ท่านเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า” (1 นีไฟ 1:12)

เราสามารถได้รับพรตามคําสัญญานี้เช่นกันขณะที่เราอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ดังที่เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า: “ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและทําตามคําสอนของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ เมื่อทำเช่นนั้น ท่านจะพบปีติและสันติสุขที่เพิ่มพูนในชีวิตนี้และในชีวิตที่จะมาถึง ข้าพเจ้าทราบว่านี่เป็นความจริง”16

9. พูดกับผู้อื่นด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

การแบ่งปันคําพูดที่ดีเกี่ยวกับผู้อื่นจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้เช่นกัน! ประธานอายริงก์สอนว่า “ข้าพเจ้าสัญญากับท่านได้ว่าจะรู้สึกสงบและปีติเมื่อท่านพูดสิ่งที่ดีเกี่ยวกับผู้อื่นในความสว่างของพระคริสต์”17

10. น้อมขอบพระทัย

เจตคติของความกตัญญูสามารถเปลี่ยนวันให้ดีขึ้นได้เสมอ! ดังที่เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองแบ่งปันดังนี้:

“แม้ว่าสภาวการณ์ของเรา ความท้าทายหรือการทดลองของเราจะเป็นอย่างไร จะมีบางสิ่งในทุกๆ วันให้เราชื่นชมยินดีเสมอ มีบางอย่างในแต่ละวันที่สามารถสร้างความสำนึกคุณและความสุขได้หากเพียงเรามองเห็นและชื่นชมมัน

“บางทีเราควรใช้ตามองให้น้อยลงและใช้ใจมองให้มากขึ้น ฉันชอบคำพูดที่ว่า ‘คน ๆ หนึ่งเห็นชัดด้วยใจเท่านั้น อะไรก็ตามที่สำคัญมิอาจเห็นได้ด้วยดวงตา’ [อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี, The Little Prince, แปลโดย ริชาร์ด ฮาเวิร์ด (2000), 63]

“เราได้รับบัญชา ‘ให้น้อมขอบพระทัยในทุกสิ่ง’ [โมไซยาห์ 26:39] ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าเรามองด้วยตาและใจแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสามารถน้อมขอบพระทัยได้ แทนที่จะพยายามโฟกัสในแง่ลบในสภาพปัจจุบันของเรา”18

11. เป็นหนึ่งเดียวกัน

บางทีความโดดเดี่ยวของท่านอาจมาจากการรู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจความคิดและแนวคิดของท่าน ถ้าเป็นเช่นนั้น จำคำสัญญานี้จากประธานอายริงก์:

“เรารู้จากประสบการณ์ว่าปีติเกิดขึ้นเมื่อเราได้รับพรด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน เราในฐานะบุตรธิดาทางวิญญาณของพระบิดาบนสวรรค์ เราโหยหาปีตินั้นซึ่งเราเคยมีกับพระองค์ในชีวิตก่อนหน้านี้ พระประสงค์ของพระองค์คือให้เรามีความปรารถนาอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกันอันเกิดจากความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเรา

“พระองค์จะไม่ประทานสิ่งนี้ให้เราเป็นรายบุคคล ปีติของความเป็นหนึ่งเดียวกันที่พระองค์ทรงประสงค์จะประทานแก่เราอย่างมากนั้นไม่ใช่ให้เราคนเดียว เราต้องแสวงหาและมีคุณสมบัติคู่ควรจะได้สิ่งนี้ร่วมกับผู้อื่น จึงไม่น่าแปลกใจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกระตุ้นให้เรามารวมกันเพื่อพระองค์จะประทานพรเราได้ พระองค์ทรงต้องการให้เรามารวมกันเป็นครอบครัว พระองค์ทรงจัดชั้นเรียน วอร์ด สาขา และทรงบัญชาให้เรามาประชุมกันบ่อยๆ ในการชุมนุมเหล่านั้นซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงวางรูปแบบไว้ เรามีโอกาสยิ่งใหญ่รอเราอยู่ เราสามารถสวดอ้อนวอนและทำสุดความสามารถเพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะนำปีติมาให้เราและเพิ่มพูนพลังในการรับใช้

“ถึงชาวนีไฟสามคน พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาปีติในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์เป็นรางวัลสุดท้ายหลังจากรับใช้อย่างซื่อสัตย์ พระองค์ตรัสว่า ‘เจ้าจะมีความบริบูรณ์แห่งปีติ; และเจ้าจะนั่งลงในอาณาจักรพระบิดาของเรา; แท้จริงแล้ว, ปีติของเจ้าจะเต็มเปี่ยม, แม้ดังพระบิดาประทานความบริบูรณ์แห่งปีติให้เรา; และเจ้าจะเป็นแม้ดังเราเป็น, และเราเป็นแม้ดังพระบิดา และพระบิดากับเราเป็นหนึ่ง’ [3 นีไฟ 28:10]”19

หาโอกาสหารือร่วมกันในครอบครัว วอร์ด และหน่วยอื่นๆ และพิจารณาหลักธรรมที่จะนําไปสู่การหารือกันอย่างมีประสิทธิภาพใน คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, 4.4

12. สร้าง

ค้นหาสิ่งที่จะสร้าง ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม งานศิลปะ เฟอร์นิเจอร์ หรือทำให้พื้นที่หนึ่งสะอาดขึ้น พิจารณาถ้อยคําเหล่านี้จากเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ ท่านคิดว่าอะไรคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ สําหรับข้าพเจ้า คําตอบของคําถามนี้คือ ความสุขของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนี้นําไปสู่คําถามอีกข้อหนึ่ง: อะไรคือความสุขของพระบิดาบนสวรรค์? … การสร้างและการเห็นอกเห็นใจเป็นจุดประสงค์สองประการที่นำไปสู่ความสุขอันบริบูรณ์ของพระบิดาบนสวรรค์ … การสร้างสรรค์นำมาซึ่งความพอใจและเติมเต็มอย่างลึกซึ้ง”20

13. อัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิตของท่าน

พระวิญญาณบริสุทธิ์นำปีติมาสู่ชีวิตเรา ดังนั้นทุกสิ่งที่เราทำเพื่อเชิญพระองค์เข้ามาในทุกๆ วันของเราสามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงปีตินั้น พระคัมภีร์สอนว่า “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์” [กาลาเทีย 5:22] และใน หลักคําสอนและพันธสัญญา 11:13 พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญากับเราว่า “เราจะเผยพระวิญญาณของเราส่วนหนึ่งให้เจ้า, ซึ่งจะให้ความสว่างแก่ความคิดเจ้า, ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณเจ้าเปี่ยมด้วยปีติ”

14. จงเชื่อฟัง

ปีติคือ “สภาพของความสุขอันยิ่งใหญ่ที่มาจากการดําเนินชีวิตอย่างชอบธรรม จุดประสงค์ของชีวิตมรรตัยคือให้ทุกคนมีปิติ (2 นีไฟ 2:22–25) ปีติที่เต็มเปี่ยมจะมาโดยผ่านพระเยซูคริสต์เท่านั้น (ยอห์น 15:[10–]11ค&พ 93:33–34101:36)”21

แม้ว่าการเชื่อฟังไม่ได้สัญญากับเราว่าโลกจะเป็นอิสระจากความท้าทายและความยากลำบาก แต่มันช่วยให้เรามีความเข้มแข็งและปีติที่จะผ่านมันไปได้ ดังที่เอ็ลเดอร์เบ็นจามิน เดอ โอโยสแห่งสาวกเจ็ดสิบสอนว่า “ความสุขเป็นสภาพทางจิตวิญญาณ สภาพแห่งปีตินี้เป็นผลจากการดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม”22

และเราได้รับคำเชื้อเชิญจาก โมไซยาห์ 2:41 ให้ “พิจารณาถึงสภาพอันเป็นพรและเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ”

15. สวดอ้อนวอน

พระบิดาบนสวรรค์ทรงรักเราแต่ละคนมากในฐานะบุตรธิดาของพระองค์ พระองค์ทรงต้องการให้เรารู้สึกปีติในการเป็นบุตรธิดาอันเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ และเราสามารถหันไปหาพระองค์ได้ทุกเมื่อ ดังที่ หลักคำสอนและพันธสัญญา 136:29 สอนว่า “หากเจ้าโศกเศร้าเสียใจ จงเรียกหาพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าด้วยการวิงวอน เพื่อจิตวิญญาณเจ้าจะเกิดปิติ”

ดังที่เอ็ลเดอร์ราสแบนด์เตือนเราว่า “พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงรักเรามาก เราเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า เราควรแบ่งปันความจริงที่สำคัญนี้กับทุกคนที่เรารู้จัก เราไม่มีวันโดดเดี่ยวแน่นอน ในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ เราค้นพบมิตรภาพและการค้ำจุนที่ยั่งยืน”23

ในทุกสิ่ง: ติดตามพระเยซูคริสต์

เหนือสิ่งอื่นใด ปีติอันเป็นนิจและสำคัญที่สุดของเรามาจากการทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดในทุกสิ่ง! ดังที่ประธานบัลลาร์ดสอน “ข้าพเจ้าน้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาที่ทรงส่งพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์มายังแผ่นดินโลก พระผู้ช่วยให้รอดทรงเอาชนะความตายและบาป ถ้าเราทําตามพระองค์ เราจะประสบปีติอันเป็นนิจ”24

เอ็ลเดอร์คุกกล่าวคล้ายกันว่า “เราใคร่ครวญและชื่นชมยินดีในทุกสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทําเพื่อเรา พระองค์ทรงสละพระชนม์ชีพให้เป็นการชดใช้แทนเรา โดยทรงเอาชนะความตาย และทรงจัดเตรียมการไถ่ให้มวลมนุษยชาติ ข้าพเจ้าสัญญาว่าการทำตามแสงสว่างและแบบอย่างของพระองค์จะนำปีติ ความสุข และสันติสุขในชีวิตนี้มาให้เรามากกว่าสิ่งอื่นใด”25

และสุดท้าย เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวไว้อย่างจับใจว่า “ความหวัง สันติสุข และปีติที่เกิดจากการติดตามพระเยซูคริสต์เป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงแต่อย่างใด แต่หมายถึงทุกสิ่ง”

จริงดังที่ประธานเนลสันกล่าวไว้ว่า “พระเยซูคริสต์ทรงเป็นปีติ”27 และท่านทําสัญญาเหลือเชื่อต่อไปว่า “วิสุทธิชนมีความสุขได้ภายใต้สภาวการณ์ทุกรูปแบบ เรารู้สึกมีปีติได้แม้เมื่อเรามีวันที่หนัก สัปดาห์ที่หนัก หรือแม้แต่ปีที่หนัก! พี่น้องที่รัก ปีติที่เรารู้สึกแทบไม่เกี่ยวกับสภาพการณ์ในชีวิตและทุกอย่างที่เราทำกับศูนย์กลางชีวิตเรา เมื่อศูนย์กลางของชีวิตเราอยู่ที่แผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า … และพระเยซูคริสต์กับพระกิตติคุณของพระองค์ เราจะรู้สึกมีปีติได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น—หรือไม่เกิดขึ้น—ในชีวิตเรา ปีติมาจากพระองค์และมาเพราะพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่มาของปีติทั้งปวง เรารู้สึกถึงความสุขนั้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อเราร้องเพลง ‘พระทรงบังเกิด โลกจงสุขี’ [โลกจงสุขี, เพลงสวด, บทเพลงที่ 94] เรารู้สึกอย่างนั้นได้ตลอดทั้งปี”28

หมายเหตุ

  1. โปรดทราบว่าความสุขที่แท้จริงไม่ใช่ความสุขที่พลุ่งพล่าน ดังที่ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุดสอนว่า “ปีติแบบที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไม่ใช่ความสุขที่เราประสบกับความยินดีชั่วครั้งชั่วคราว ปีติที่สร้างเรามารับนั้นยั่งยืน ข้าพเจ้าเชื่อว่าปีติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราพบได้ผ่านพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งอธิบายการกำเนิดของเราในฐานะวิญญาณ การสร้างโลก จุดประสงค์ของเราในความเป็นมรรตัย และจุดหมายของเราในนิรันดร” (Facebook, 8 ก.พ. 2022, facebook.com/dallin.h.oaks)

  2. หมายเหตุ: หากคุณเป็นโรคซึมเศร้า อาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน อ่านเพิ่มเติมในคำปราศรัยของเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “เหมือนภาชนะแตก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 40–42

  3. ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์, Facebook, 8 ก.พ. 2022, facebook.com/dallin.h.oaks

  4. เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุก, , Facebook, 14 ก.พ. 2022, facebook.com/quentin.lcook

  5. ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, Facebook, 1 ก.ย. 2022, facebook.com/mrussell.ballard

  6. เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์, Facebook, 1 ต.ค. 2021, facebook.com/davida.bednar

  7. คำกล่าวของฝ่ายประธานสูงสุด,”เพลงสวด. x

  8. ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์, Facebook, 7 มี.ค. 2022, facebook.com/henry.b.eyring

  9. เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์, Facebook, 14 ต.ค. 2022, facebook.com/davida.bednar

  10. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พลังของแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณ,”เลียโฮนา, พ.ย. 2022, 98; เน้นในต้นฉบับ

  11. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, Facebook, 24 ธ.ค. 2021, facebook.com/russell.m.nelson

  12. เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุก, Facebook, 8 ธ.ค. 2021, facebook.com/quentin.lcook

  13. เอ็ลเดอร์แกรีย์ อี. สตีเวนสัน,14 กันยายน 2021, facebook.com/stevenson.gary.e

  14. ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์, Facebook, 15 ธ.ค. 2022, facebook.com/henry.b.eyring

  15. เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์, Facebook, 18 มิถุนายน 2022, facebook.com/RonaldARasband

  16. เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “ใจเราผูกพันเป็นหนึ่งเดียว,” เลียโฮนา, พ.ย. 2008, 71.

  17. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ความเสียใจและการแก้ปัญหา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 24.

  18. เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “ใจเราผูกพันเป็นหนึ่งเดียว,” 69.

  19. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ “ความสุข มรดกของท่าน,” เลียโฮนา,พ.ย. 2008, 118.

  20. คู่มือพระคัมภีร์, “ปีติ,” คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ.

  21. เบ็นจามิน เดอ โอโยส, “ความสุขที่แท้จริง: การตัดสินใจอย่างมีสติ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2005, 31.

  22. เอ็ลเดอร์โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์, Facebook, 12 กรกฎาคม 2022, facebook.com/RonaldARasband

  23. ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, Facebook, 19 ธ.ค. 2021, facebook.com/mrussell.ballard

  24. เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุก, Facebook, 17 เม.ย. 2022, facebook.com/quentin.lcook

  25. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 82.

  26. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, 82