การประชุมใหญ่สามัญ
พลังของแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณ
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2022


พลังของแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณ

ข้าพเจ้าขอแนะนำการกระทำห้าอย่างที่เราทำได้เพื่อช่วยเรารักษาแรงเคลื่อนทางวิญญาณในเชิงบวก

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้ารักท่าน ข้าพเจ้าหวงแหนโอกาสนี้ที่ได้พูดกับท่านวันนี้ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนทุกวันขอให้ท่านรอดพ้นจากการโจมตีอย่างดุเดือดของปฏิปักษ์และมีพลังฝ่าฟันความท้าทายอะไรก็ตามที่ท่านเผชิญ

ความยากลำบากบางอย่างเป็นภาระส่วนตัวลึกๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น บางอย่างโลดแล่นบนเวทีโลก ความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธในยุโรปตะวันออกเป็นหนึ่งในนั้น ข้าพเจ้าเคยไปยูเครนและรัสเซียหลายครั้ง ข้าพเจ้ารักแผ่นดินเหล่านั้น ผู้คน และภาษาของพวกเขา ข้าพเจ้าร้องไห้และสวดอ้อนวอนให้ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ เราในฐานะศาสนจักรกำลังทำสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ทนทุกข์และดิ้นรนเอาชีวิตรอด เราเชื้อเชิญให้ทุกท่านอดอาหารและสวดอ้อนวอนต่อไปให้ทุกคนที่ถูกทำร้ายเพราะมหันตภัยครั้งนี้ ทุกสงครามเป็นการละเมิดร้ายแรงต่อทุกอย่างที่พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงสอนและยึดมั่น

เราไม่สามารถควบคุมประชาชาติหรือการกระทำของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวเราเอง แต่เราควบคุมตัวเราเองได้ ข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าวันนี้ พี่น้องที่รัก คือให้ยุติความขัดแย้งที่กำลังลุกลามในใจ ท่าน ในบ้าน ท่าน และในชีวิต ท่าน ฝังความรู้สึกที่อยากจะทำร้ายผู้อื่นทั้งหมดที่มี—ไม่ว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะเป็นอารมณ์โกรธ วาจาเชือดเฉือน หรือความเคืองแค้นต่อคนที่ทำร้ายท่าน พระผู้ช่วยให้รอดทรงบัญชาให้เราหันแก้มอีกข้าง1 รักศัตรูของเรา และสวดอ้อนวอนให้คนที่ใช้เราอย่างดูหมิ่น2

การปล่อยวางความโกรธที่รู้สึกว่าสมควรโกรธอาจเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ อาจดูเหมือนว่าการให้อภัยคนที่ทำลายผู้บริสุทธิ์เป็นไปไม่ได้ ทว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเตือนเราว่าต้อง “ให้อภัยมนุษย์ทั้งปวง”3

เราคือผู้ติดตามองค์สันติราช เวลานี้สิ่งที่เราต้องการมากกว่าแต่ก่อนคือสันติสุขที่พระองค์เท่านั้นจะให้ได้ เราจะคาดหวังให้สันติสุขดำรงอยู่ในโลกได้อย่างไรในเมื่อเรา แต่ละคน ไม่แสวงหาสันติสุขและความปรองดอง? พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าสิ่งที่กำลังแนะนำนั้นไม่ง่าย แต่ผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ควรเป็นแบบอย่างให้ชาวโลกทำตาม ข้าพเจ้าขอร้องท่านให้ทำสุดความสามารถเพื่อยุติความขัดแย้ง ส่วนตัว ที่กำลังลุกลามในใจและในชีวิตท่าน

ข้าพเจ้าขอย้ำข้อเรียกร้องนี้ด้วยการพูดถึงแนวคิดหนึ่งที่ข้าพเจ้านึกถึงเมื่อเร็วๆ นี้ขณะดูการแข่งขันบาสเกตบอล

ในนัดนั้น ครึ่งแรกเป็นการต่อสู้แบบสูสี ผลัดกันได้แต้ม จากนั้นในช่วงห้าวินาทีสุดท้ายของครึ่งแรก การ์ดของทีมหนึ่งโยนลูกสามแต้มได้อย่างสวยงาม เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวินาที เพื่อนร่วมทีมของเขาชิงลูกที่กระดอนลงพื้นมาได้และโยนเข้าห่วงตอนหมดเวลาพอดี! ทีมนั้นจึงเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีคะแนนนำไปสี่แต้มพร้อมกับแรงขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัด พวกเขายังคงรักษาแรงขับเคลื่อนนั้นในครึ่งหลังและชนะการแข่งขันนั้นไป

แรงขับเคลื่อน เป็นแนวคิดที่ทรงพลัง เราทุกคนประสบแรงขับเคลื่อนนั้นในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง—ตัวอย่างเช่น ในรถที่ค่อยๆ เร่งความเร็ว หรือเมื่อมีความเห็นแย้งที่จู่ๆ กลายเป็นการถกเถียง

ข้าพเจ้าจึงถามว่า “อะไรจะจุด แรงขับเคลื่อนทางวิญญาณได้?” เราเคยเห็นตัวอย่างของแรงขับเคลื่อนทั้งด้านบวกและด้านลบ เรารู้จักผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ที่เปลี่ยนใจเลื่อมใสและเติบโตในศรัทธา แต่เราก็รู้จักผู้เชื่อที่เคยมุ่งมั่นแล้วตกไปเช่นกัน แรงขับเคลื่อนอาจแกว่งไกวคล้ายลูกตุ้ม

เราไม่เคยต้องการแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณ ด้านบวก มากเท่าเวลานี้ เพื่อตอบโต้ความเร็วที่ความชั่วร้ายและหมายสำคัญอันมืดมนของกาลเวลากำลังเร่งทวีขึ้น แรงขับเคลื่อนทางวิญญาณด้านบวกจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความกลัวและความไม่แน่นอนอันเกิดจากโรคระบาด สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด และการคุกคามโดยอาวุธ แรงขับเคลื่อนทางวิญญาณจะช่วยเราต้านทานการโจมตีชั่วร้ายที่ไม่หยุดหย่อนของปฏิปักษ์และขัดขวางความพยายามที่จะกัดกร่อนรากฐานทางวิญญาณของเรา

การกระทำมากมายสามารถจุดแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณด้านบวกได้ การเชื่อฟัง ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน การรับใช้ และความกตัญญู4 เป็นต้น

วันนี้ข้าพเจ้าขอแนะนำการกระทำห้าอย่างที่เราทำได้เพื่อช่วยเรารักษาแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณด้านบวก

หนึ่ง: ขึ้นมาบนเส้นทางพันธสัญญาและอยู่บนนั้น

ไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าฝันเห็นภาพชัดเจน ในฝันข้าพเจ้าพบกับคนกลุ่มใหญ่ พวกเขาถามคำถามมากมาย คำถามส่วนใหญ่เกี่ยวกับเส้นทางพันธสัญญาและเหตุใดมันจึงสำคัญขนาดนั้น

ในความฝัน ข้าพเจ้าอธิบายว่าเราเข้าสู่เส้นทางพันธสัญญาโดยรับบัพติศมาและทำพันธสัญญาแรกของเรากับพระผู้เป็นเจ้า5 ทุกครั้งที่เรารับส่วนศีลระลึก เราสัญญา อีกครั้ง ว่าจะรับพระนามของพระผู้ช่วยให้รอด ระลึกถึงพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์6 พระผู้เป็นเจ้าทรงรับรองเป็นการตอบแทนว่าเราจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับเรา ตลอดเวลา

ต่อมาเราทำพันธสัญญาเพิ่มเติมในพระวิหารซึ่งเราได้รับสัญญามากขึ้น ศาสนพิธีและพันธสัญญาให้สิทธิ์เราเข้าถึงพลังอำนาจแบบพระผู้เป็นเจ้า เส้นทางพันธสัญญาเป็นเส้นทาง เดียว ที่นำไปสู่ความสูงส่งและชีวิตนิรันดร์

ในความฝัน สตรีคนหนึ่งถามว่าคนที่ฝ่าฝืนพันธสัญญาของตนจะกลับไปสู่เส้นทางนั้นได้อย่างไร คำตอบของคำถามนั้นนำไปสู่คำแนะนำที่สอง:

ค้นพบ ปีติ จากการกลับใจทุกวัน

การกลับใจสำคัญเพียงใด? แอลมาสอนว่าเรา “ไม่ควรสั่งสอนอะไรเลยนอกจากจะเป็นการกลับใจและศรัทธาในพระเจ้า”7 การกลับใจจำเป็นต่อทุกคนที่อยู่ในภาวะรับผิดชอบได้และปรารถนารัศมีภาพนิรันดร์8 ไม่มีข้อยกเว้น ในการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ พระเจ้าทรงตีสอนผู้นำศาสนจักรยุคแรกๆ เพราะไม่สอนพระกิตติคุณให้ลูกๆ ของตน9 การกลับใจเป็น กุญแจ สู่ความก้าวหน้า ศรัทธาที่บริสุทธิ์ทำให้เราเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางพันธสัญญา

โปรดอย่ากลัวหรือเลื่อนการกลับใจ ซาตานดีใจในความเศร้าหมองของท่าน จงตัดให้มันจบ ขับอิทธิพลนั้นออกจากชีวิต จงเริ่มประสบปีติของการทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนเสียแต่วันนี้10 พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักเราเสมอ แต่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรากลับใจ พระองค์ทรงสัญญาว่าแม้ “ภูเขาทั้งหลายอาจถูกเคลื่อนย้ายไป และบรรดาเนินเขาอาจจะคลอนแคลน … ความรักมั่นคงของเรา จะไม่เคลื่อนย้ายไปจากเจ้า”11

ถ้าท่านรู้สึกว่าท่านหลงออกนอกเส้นทางพันธสัญญาไปไกลหรือนานเกินไปแล้วและไม่มีทางกลับ นั่นไม่จริงเลย12 โปรดติดต่ออธิการหรือประธานสาขาของท่าน เขาเป็นตัวแทนของพระเจ้าและจะช่วยให้ท่านประสบปีติและการปลดเปลื้องจากการกลับใจ

ต่อไปนี้คือคำเตือน: การกลับสู่เส้นทางพันธสัญญา ไม่ได้ หมายความว่าชีวิตจะง่าย เส้นทางนี้ลำบากมากและบางครั้งจะรู้สึกเหมือนปีนผาสูงชัน13 แต่การปีนนี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบและสอนเรา ขัดเกลาธรรมชาติวิสัยของเรา และช่วยให้เรากลายเป็นวิสุทธิชน เป็นเส้นทาง เดียว ที่นำไปสู่ความสูงส่ง ศาสดาพยากรณ์ท่านหนึ่ง14บรรยายถึง “สภาพอันเป็นพรและความสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ; และหากพวกเขายืนหยัดอย่างซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้วพวกเขาจะได้รับเข้าสู่สวรรค์ … [และ] พำนักอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในสภาพแห่งความสุขอันไม่รู้จบ”15

การเดินบนเส้นทางพันธสัญญาควบคู่กับการกลับใจทุกวันเติมเชื้อไฟให้กับแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณด้านบวก

คำแนะนำที่สาม: เรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและวิธีที่พระองค์ทรงทำงาน

ความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดอย่างหนึ่งของเราทุกวันนี้คือการแยกแยะระหว่างความจริงของพระผู้เป็นเจ้ากับความจอมปลอมของซาตาน นั่นคือสาเหตุที่พระเจ้าทรงเตือนให้เรา “สวดอ้อนวอนเสมอ … เพื่อ [เรา] จะชนะซาตาน, และ … หนีให้พ้นมือผู้รับใช้ของซาตาน ที่เกื้อหนุนงานเขา”16

โมเสสให้แบบอย่างถึงวิธีแยกแยะระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับซาตาน เมื่อซาตานมาล่อลวงโมเสส เขาจับการหลอกลวงได้เพราะเขาเพิ่งสนทนาหน้าต่อหน้ากับพระผู้เป็นเจ้ามา โมเสสจึงรู้ทันทีว่าซาตานเป็นใครและสั่งให้เขาออกไป17 เมื่อซาตานดึงดัน โมเสสรู้วิธีทูลขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากพระผู้เป็นเจ้า โมเสสได้รับพลังจากพระองค์และติเตียนมาร อีกครั้ง ว่า “จงไปจากข้าพเจ้า, ซาตาน, เพราะพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวนี้เท่านั้นที่ข้าพเจ้าจะนมัสการ”18

เราควรทำตามแบบอย่างนั้น จงขับอิทธิพลของซาตานออกจากชีวิตท่าน! ได้โปรดอย่า ตาม เขาไปยัง “ห้วงแห่งความเศร้าหมองและวิบัติอันหาได้สิ้นสุดไม่”19

ประจักษ์พยานที่ไม่บำรุงเลี้ยงทุกวัน “ด้วยพระวจนะอันประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้า”20จะพังเร็วจนน่าตกใจ ดังนั้นยาแก้กลเม็ดของซาตานจึงชัดเจนคือ: เราต้องมีประสบการณ์ทุกวันในการนมัสการพระเจ้าและการศึกษาพระกิตติคุณ ข้าพเจ้าวิงวอนว่าจงให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่าน แบ่งเวลาของท่านให้พระองค์อย่างเหมาะสม ขณะทำเช่นนั้น ให้ลองสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณด้านบวกของท่าน

คำแนะนำที่ 4: แสวงหาและคาดหวังปาฏิหาริย์

โมโรไนรับรองว่า “พระผู้เป็นเจ้ายังไม่ทรงยุติการเป็นพระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์”21 พระคัมภีร์ ทุกเล่ม แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าเต็มพระทัยเพียงใดที่จะเข้ามาในชีวิตของคนที่เชื่อในพระองค์22 พระองค์ทรงแยกทะเลแดงให้โมเสส ทรงช่วยให้นีไฟได้แผ่นจารึกทองเหลือง และทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ปาฏิหาริย์แต่ละอย่างนี้ใช้เวลาและอาจไม่ได้เกิดขึ้นตามที่คนเหล่านั้นขอจากพระเจ้าในตอนแรก

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าจะประทานพร ท่าน ด้วยปาฏิหาริย์ ถ้า ท่านเชื่อในพระองค์ “โดยไม่สงสัยในสิ่งใด”23 จงทำงานทางวิญญาณเพื่อแสวงหาปาฏิหาริย์ สวดอ้อนวอนทูลขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยท่านใช้ศรัทธาเช่นนั้น ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะประสบด้วยตนเองว่าพระเยซูคริสต์ “ประ‌ทานกำลังแก่คน‍อ่อน‍เปลี้ย และผู้ไม่‍มีพลังนั้นพระ‍องค์ทรงให้มีเรี่ยว‍แรงมาก”24 มีไม่กี่อย่างที่เร่งแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณได้มากกว่าการตระหนักว่าพระเจ้าทรงกำลังช่วยท่านเคลื่อนภูเขาในชีวิต

คำแนะนำที่ 5: ยุติความขัดแย้งในชีวิตส่วนตัว

ข้าพเจ้าย้ำข้อเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งในชีวิต ท่าน ใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกล้าหาญ และความเข้มแข็งที่จำเป็นทั้งต่อการให้อภัยและการแสวงหาการให้อภัย พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่า “ถ้า [เรา] ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาบนสวรรค์ [ของเรา] จะทรงให้อภัย [เรา] ด้วย”25

สองสัปดาห์นับจากวันนี้เราจะฉลองอีสเตอร์ ระหว่างวันนี้ถึงวันนั้น ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านหาทางยุติความขัดแย้งส่วนตัวที่ถ่วงท่านไว้ จะมีการกระทำใดที่เหมาะสมไปกว่านี้ในการแสดงความกตัญญูต่อพระเยซูคริสต์สำหรับการชดใช้ของพระองค์? ถ้าดูเหมือนการให้อภัยตอนนี้เป็นไปไม่ได้ จงทูลขอพลังผ่านพระโลหิตที่ชดใช้ของพระเยซูคริสต์ให้ช่วยเหลือท่าน เมื่อท่านทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะมีสันติสุขส่วนตัวและมีแรงขับเคลื่อนทางวิญญาณขึ้นมาทันที

เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงชดใช้ให้มวลมนุษย์ พระองค์ทรงเปิดทางให้คนที่ติดตามพระองค์ได้มีสิทธิ์เข้าถึงอำนาจของพระองค์ที่ให้การเยียวยา เพิ่มพลัง และให้การไถ่ สิทธิพิเศษทางวิญญาณเหล่านี้มีให้ทุกคนที่พยายามฟังและทำตามพระองค์

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนอย่างสุดใจขอให้ท่านขึ้นมาบนเส้นทางพันธสัญญาและอยู่บนนั้น ประสบปีติจากการกลับใจทุกวัน เรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและวิธีที่พระองค์ทรงทำงาน แสวงหาและคาดหวังปาฏิหาริย์ พยายามยุติความขัดแย้งในชีวิต

เมื่อท่านทำตามเป้าหมายเหล่านี้ ข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะสามารถเดินหน้าบนเส้นทางพันธสัญญาด้วยแรงขับเคลื่อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเผชิญอุปสรรคอะไรก็ตาม และสัญญาว่าท่านจะมีพลังต่อต้านการล่อลวงมากขึ้น มีสันติสุขในใจ เป็นอิสระจากความกลัวมากขึ้น และเป็นหนึ่งเดียวกันในครอบครัวยิ่งกว่าเดิม

พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์! พระเยซูคือพระคริสต์! พระองค์ทรงพระชนม์! พระองค์ทรงรักเราและจะทรงช่วยเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งนี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้ไถ่ของเรา พระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู 3 นีไฟ 12:39.

  2. ดู 3 นีไฟ 12:44.

  3. หลักคำสอนและพันธสัญญา 64:10; ดู ข้อ 9 ด้วย.

  4. ดังที่อัครสาวกเปาโลกล่าว “จงขอบพระคุณในทุกกรณี” (1 เธสะโลนิกา 5:18) ยาแก้ความสิ้นหวัง ความท้อแท้ และความเฉื่อยชาทางวิญญาณที่ได้ผลชะงัดที่สุดอย่างหนึ่งคือความกตัญญู มีอะไรอีกบ้างที่เราจะขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าได้? ขอบพระทัยพระองค์สำหรับความสวยงามของแผ่นดินโลก การฟื้นฟูพระกิตติคุณ และวิธีนับไม่ถ้วนที่พระองค์และพระบุตรของพระองค์ทรงทำให้เรามีเดชานุภาพของพระองค์บนโลกนี้ได้ ขอบพระทัยพระองค์สำหรับพระคัมภีร์ สำหรับเหล่าเทพที่ตอบคำวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า สำหรับการเปิดเผย และสำหรับครอบครัวนิรันดร์ และสำคัญที่สุดคือขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับของประทานแห่งพระบุตรของพระองค์และการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งทำให้เราบรรลุพันธกิจที่ทรงส่งเรามาทำบนโลกนี้

  5. เพื่อเข้าใจเส้นทางพันธสัญญา สำคัญที่ต้องเข้าใจว่าพันธสัญญาเกี่ยวข้องกับคำมั่นสัญญาสองทางระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับลูกคนหนึ่งของพระองค์ ในพันธสัญญาพระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเงื่อนไข และเรายอมรับเงื่อนไขเหล่านั้น พระผู้เป็นเจ้าทรงทำสัญญากับเราเป็นการแลกเปลี่ยน พันธสัญญามากมายมาคู่กับสัญลักษณ์ภายนอก—หรือศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์—ซึ่งเรามีส่วนร่วมโดยมีพยานอยู่ที่นั่น ตัวอย่างเช่น บัพติศมาเป็นสัญลักษณ์ต่อพระเจ้าว่าผู้รับบัพติศมาได้ทำพันธสัญญาว่าจะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

  6. ดู โมโรไน 4:3; 5:2; หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:77, 79.

  7. โมไซยาห์ 18:20.

  8. ดู โมเสส 6:50, 57.

  9. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:40–48.

  10. ดู โมไซยาห์ 3:19.

  11. อิสยาห์ 54:10, เน้นตัวเอน; ดู 3 นีไฟ 22:10 ด้วย. ความกรุณา แปลจากคำภาษาฮีบรู hesed เป็นคำที่มีพลังและมีความหมายลึกซึ้ง ครอบคลุมทั้งความกรุณา ความเมตตา ความรักตามพันธสัญญา และอื่นๆ

  12. เราชดใช้ความเสียหายให้บาปบางอย่างได้ แต่บางอย่างไม่ได้ ถ้าคนหนึ่งกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายอีกคนหนึ่ง หรือถ้าคนหนึ่งปลิดชีวิตอีกคนหนึ่ง ไม่มีทางชดใช้คืนได้หมด คนบาปในกรณีเหล่านี้ถึงจะทำอะไรมากแค่ไหน ก็ยังคงเหลือหนี้ก้อนโต เพราะพระเจ้าเต็มพระทัยยกหนี้ที่ค้างชำระ เราจึงมาหาพระองค์ได้ไม่ว่าเราหลงไปไกลเพียงใดแล้วก็ตาม เมื่อเรากลับใจอย่างจริงใจ พระองค์จะทรงให้อภัยเรา หนี้ที่เหลือระหว่างบาปกับความสามารถในการชดใช้ความเสียหายของเราจะชำระได้ด้วยการใช้การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสามารถสร้างของประทานแห่งความเมตตาเท่านั้น ความเต็มพระทัยยกหนี้ที่เหลือของเราเป็นของประทานอันประมาณค่ามิได้

  13. ดู 2 นีไฟ 31:18–20.

  14. กษัตริย์เบ็นจามินศาสดาพยากรณ์ชาวนีไฟ

  15. โมไซยาห์ 2:41.

  16. หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:5; เน้นตัวเอน.

  17. ดู โมเสส 1:16; ดู ข้อ 1–20 ด้วย.

  18. โมเสส 1:20.

  19. ฮีลามัน 5:12.

  20. โมโรไน 6:4.

  21. มอรมอน 9:15; ดู ข้อ 19 ด้วย.

  22. ยอห์นอัครสาวกประกาศว่าเขาบันทึกปาฏิหาริย์ของพระผู้ช่วยให้รอด “เพื่อ [เรา] จะได้เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์” (ยอห์น 20:31)

  23. มอรมอน 9:21.

  24. อิสยาห์ 40:29.

  25. มัทธิว 6:14.