การประชุมใหญ่สามัญ
ท่านเจ้าข้า เราอยากจะเห็นพระเยซู
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2023


ท่านเจ้าข้า เราอยากจะเห็นพระเยซู

เราต้องการเห็นพระเยซูตามที่พระองค์ทรงเป็นและรู้สึกถึงความรักของพระองค์

โรคลืมใบหน้า

วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิปี 1945 ชายหนุ่มคนหนึ่งตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลทหาร เขาโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่—เขาถูกยิงหลังใบหู แต่แพทย์ผ่าตัดให้ ตอนนี้เขาสามารถเดินและพูดได้เป็นปกติ

น่าเศร้าที่กระสุนทำลายสมองส่วนที่ใช้จดจำใบหน้า ตอนนี้เขามองภรรยาโดยไม่มีวี่แววว่าจะจำเธอได้ และจำแม่ของตนเองไม่ได้ แม้แต่ใบหน้าในกระจกเขาก็ไม่คุ้น—เขาบอกไม่ได้ว่านั่นคือผู้หญิงหรือผู้ชาย1

เขาเป็นโรคลืมใบหน้า—ภาวะที่ส่งผลต่อคนนับล้าน2

คนที่ลืมใบหน้าอย่างรุนแรงพยายามจำแนกผู้อื่นด้วยการจำกฎเกณฑ์—กฎเกณฑ์สำหรับการจำลูกสาวคือจากรอยกระของเธอ หรือจำเพื่อนจากการเดินลากเท้า

เติบโตขึ้น

เรื่องที่สองใกล้ตัวมากขึ้น: เมื่อยังเด็ก ข้าพเจ้ามักจะมองคุณแม่ว่าเป็นผู้ตั้งกฎ ท่านตัดสินใจว่าข้าพเจ้าจะเล่นได้เมื่อใด ต้องเข้านอนเวลาใด หรือแย่กว่านั้นคือต้องถอนวัชพืชในสวนเมื่อใด

เห็นได้ว่าท่านรักข้าพเจ้า แต่บ่อยครั้งเหลือเกินและน่าเสียดายที่ข้าพเจ้าเห็นท่านเป็นเพียง “คนที่เราต้องเชื่อฟัง”

หลายปีต่อมาข้าพเจ้าถึงได้เห็นท่านเป็นคนจริงๆ ข้าพเจ้าละอายใจที่ไม่เคยสังเกตเห็นการเสียสละของท่านหรือสงสัยว่าทำไมท่านสวมกระโปรงเก่าตัวเดิมสองตัวเป็นเวลาหลายปี (ขณะที่ข้าพเจ้าได้ชุดนักเรียนใหม่) หรือทำไมตอนสิ้นวันท่านจึงเหนื่อยมากและอยากให้ข้าพเจ้าเข้านอนเร็วๆ

เราอาจเป็นโรคลืมใบหน้า

บางทีท่านอาจจะสังเกตเห็นว่าจริงๆ แล้วสองเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียว—ข้าพเจ้าเป็นโรคลืมใบหน้ามานานหลายปีมาก ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นคุณแม่เป็นคนจริงๆ ข้าพเจ้าเห็นกฎของท่านแต่ไม่เห็นความรักของท่านในกฎเหล่านั้น

ข้าพเจ้าเล่าสองเรื่องนี้เพื่อชี้ประเด็นหนึ่ง: ข้าพเจ้าสงสัยว่าท่านรู้จักใครบางคน (ท่านอาจจะ เป็น คนนั้น) ที่ทนทุกข์จากโรคลืมใบหน้าทางวิญญาณ

ท่านอาจไม่เห็นพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระบิดาที่ทรงรักเรา ท่านอาจมองไปยังสวรรค์และเห็น ไม่ใช่ใบหน้าแห่งความรักและความเมตตา แต่เป็นกฎอันหนาแน่นมากมายที่ท่านต้องเดินตาม บางทีท่านอาจจะเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงปกครองในฟ้าสวรรค์ ตรัสผ่านศาสดาพยากรณ์ และทรงรักน้องสาวท่าน แต่แอบสงสัยว่าพระองค์ทรงรักท่านหรือไม่3 บางทีท่านอาจจะรู้สึกถึงราวเหล็กที่อยู่ในมือแต่ยังไม่ได้สัมผัสถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอดที่ราวเหล็กนั้นนำไปถึง4

ข้าพเจ้าคิดว่าท่านรู้จักคนแบบนี้ เพราะข้าพเจ้า เป็น แบบนี้มานาน—เป็นโรคลืมใบหน้าทางวิญญาณ

ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตข้าพเจ้าคือการทำตามกฎและการพยายามรักษามาตรฐานที่เป็นนามธรรม ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรัก ท่าน อย่างสมบูรณ์แต่ตัวข้าพเจ้าไม่รู้สึก ข้าพเจ้าเกรงว่าตนเองนึกถึงการเข้าไปในสวรรค์มากกว่าการอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์

หากท่านเหมือนข้าพเจ้า คือแค่ลิปซิงค์ได้บางครั้งแต่ไม่ “ร้องเพลงสดุดีความรักที่ไถ่”5 เราจะทำอะไรได้บ้าง?

ตามที่ประธานเนลสันย้ำเตือนเรา คำตอบคือพระเยซูคริสต์เสมอ6 และนั่นเป็นข่าวดีมาก

ท่านเจ้าข้า เราอยากจะเห็นพระเยซู

มีข้อสั้นๆ ในยอห์นที่ข้าพเจ้าชอบ ซึ่งพูดถึงคนนอกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปหาสานุศิษย์คนหนึ่งพร้อมคำขอสำคัญ “ท่านเจ้าข้า” พวกเขากล่าว “เรา [อยากจะ] เห็นพระเยซู”7

นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการ—เราต้องการเห็นพระเยซูตามที่พระองค์ทรงเป็นและรู้สึกถึงความรักของพระองค์ นี่ควรเป็นเหตุผลของเกือบทุกสิ่งที่เราทำในศาสนจักร—และแน่นอนว่าในทุกการประชุมศีลระลึก หากท่านเคยสงสัยว่าจะสอนบทเรียนใด จะวางแผนการประชุมแบบไหน และจะยกเลิกกิจกรรมมัคนายกไปเล่นฟุตบอลแทนหรือไม่ ท่านอาจใช้ข้อนี้เป็นแนวทาง: การทำเช่นนี้จะช่วยให้คนเห็นและรักพระเยซูคริสต์หรือไม่? ถ้าไม่ อาจลองทำอย่างอื่นแทน

เมื่อข้าพเจ้าตระหนักว่าตนเป็นโรคลืมใบหน้าทางวิญญาณ เห็นกฎแต่ไม่เห็นพระพักตร์เปี่ยมเมตตาของพระบิดา ข้าพเจ้ารู้ว่านั่นไม่ใช่ความผิดของศาสนจักร หรือของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างสูญสิ้น แต่เป็นสิ่งที่เรา ทุกคน ต้องเรียนรู้ แม้แต่พยานคนแรกๆ ที่เห็นการฟื้นคืนพระชนม์และพบพระเจ้าผู้ฟื้นคืนพระชนม์บ่อยๆ แต่กลับจำพระองค์ไม่ได้ ตั้งแต่อุโมงค์ในสวนไปจนถึงฝั่งทะเลกาลิลี ผู้ติดตามพระองค์กลุ่มแรก “เห็นพระเยซูทรงยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นพระองค์”8 พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะจดจำพระองค์ เราก็เช่นกัน9

จิตกุศล

เมื่อข้าพเจ้ารู้ตัวว่าตนเป็นโรคลืมใบหน้าทางวิญญาณ ข้าพเจ้าเริ่มทำตามคำแนะนำของมอรมอนให้สวดอ้อนวอน “จนสุดพลังของใจ” เพื่อเปี่ยมด้วยความรักซึ่งทรงสัญญาไว้กับสานุศิษย์ของพระองค์—ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อพระองค์และความรักที่ทรงมีต่อข้าพเจ้า—และเพื่อจะ “เห็นพระองค์ดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ … [และ] มีความหวังนี้”10 ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนมาหลายปีเพื่อจะสามารถทำตามพระบัญญัติข้อสำคัญข้อแรกที่ให้รักพระผู้เป็นเจ้า และสามารถรู้สึกถึง “ความจริง สำคัญข้อแรก … คือพระผู้เป็นเจ้าทรงรัก เรา สุดใจ สุดพลัง สุดความนึกคิด และสุดพละกำลัง ของพระองค์11

กิตติคุณสี่เล่ม

ข้าพเจ้าอ่านกิตติคุณสี่เล่มมาแล้วหลายรอบ—รอบนี้ไม่ได้อ่านเพื่อคัดกฎออกมาแต่เพื่อดูว่าพระองค์ทรงเป็นใครและทรงรักอะไร ข้าพเจ้าถูกสายน้ำแห่งความรักจากพระองค์พัดพาไปในที่สุด

พระเยซูทรงประกาศตั้งแต่เริ่มแรกว่าพระองค์เสด็จมา “[เพื่อรักษาผู้ที่ใจชอกช้ำ] ประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก”12

นี่ไม่ใช่แค่รายการที่ต้องทำหรือประชาสัมพันธ์ที่ดี แต่คือรูปแบบความรักของพระองค์

ลองสุ่มเปิดกิตติคุณสี่เล่มดูแล้วจะเห็นว่าเกือบทุกหน้าพระองค์ทรงดูแลคนที่ทนทุกข์—ทางสังคม ทางวิญญาณ และทางร่างกาย พระองค์ทรงสัมผัสคนที่ถือว่ามีมลทินและไม่สะอาด13 และเลี้ยงอาหารคนหิวโหย14

เรื่องโปรดของท่านเกี่ยวกับพระเยซูคือเรื่องใด? คงเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มาโอบกอดหรือให้ความหวังแก่คนชายขอบ—คนโรคเรื้อน15 ชาวสะมาเรียที่ถูกเกลียดชัง16 คนบาปที่ถูกกล่าวหาในเรื่องอื้อฉาว17 หรือศัตรูระดับชาติ18 พระคุณเช่นนั้นน่าอัศจรรย์นัก

ลองจดทุกครั้งที่พระองค์ทรงชมเชย หรือรักษา หรือเสวยกับคนนอก และหมึกจะหมดก่อนท่านอ่านลูกาจบ

เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจข้าพเจ้าเต้นรัวเพราะรับรู้ถึงความรัก และเริ่มรู้สึกว่าพระองค์อาจจะทรงรักข้าพเจ้าก็ได้ ดังที่ประธานเนลสันสอนว่า “ยิ่งท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดมากเพียงใด ท่านจะยิ่งวางใจได้ง่ายขึ้นในพระเมตตา ความรักอันไม่มีขอบเขตของพระองค์”19 และท่านจะยิ่งวางใจและรักพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น

เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์สอนเราว่าพระเยซูเสด็จมาเพื่อ “ทรงแสดงให้เราเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราทรงเป็นใครและทรงเป็นอย่างไร พระองค์ทรงทุ่มเทกับลูกๆ ของพระองค์มากเพียงใด”20

เปาโลบอกว่าพระผู้เป็นเจ้าคือ “พระ‍บิดา​ผู้​ทรง​พระ​เมตตา​กรุณา พระ‍เจ้า​แห่ง​การ​หนุน‍ใจ​ทุก‍อย่าง”21

หากท่านเห็นพระองค์ต่างจากนี้ โปรดพยายามต่อไป

พันธสัญญาและอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า

ศาสดาพยากรณ์เชื้อเชิญให้เราแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์22 ข้าพเจ้าถือว่านี่เป็นสิ่งเตือนใจว่าเรานมัสการพระบิดา ไม่ใช่กฎเกณฑ์ และเรายังไม่เสร็จงานจนกว่าจะเห็นพระเยซูเสมือนพระพักตร์เปี่ยมรักของพระบิดา23 และติดตามพระองค์ ไม่ใช่แค่กฎของพระองค์24

เมื่อศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกพูดถึงพันธสัญญา พวกท่านไม่เหมือนโคชที่ตะโกนมาจากอัฒจันทร์ (กำมะหยี่สีแดง) บอกให้เรา “พยายามมากขึ้นอีก!” พวกท่านต้องการให้เราเห็นว่าพันธสัญญาของเราโดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องของความสัมพันธ์25 และสามารถเป็นยารักษาโรคลืมใบหน้าทางวิญญาณ26 ไม่ใช่กฎเพื่อได้มาซึ่งความรักของพระองค์ พระองค์ทรงรักท่านอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ความท้าทายของเราคือการเข้าใจและปรับชีวิตเราให้เข้ากับความรักนั้น27

เราพยายามมองผ่านพันธสัญญาของเรา เหมือนมองผ่านหน้าต่างไปเห็นพระพักตร์เปี่ยมเมตตาของพระบิดาที่อยู่ด้านหลัง

พันธสัญญาเป็นรูปแบบการโอบกอดของพระผู้เป็นเจ้า

สายน้ำแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า

ท้ายที่สุด เราสามารถเรียนรู้ที่จะเห็นพระองค์ได้โดยการรับใช้พระองค์ “เพราะคนจะรู้จักผู้เป็นนายซึ่งเขาไม่เคยรับใช้ได้อย่างไร?”28

สองสามปีก่อน ข้าพเจ้าได้รับการเรียกที่ตนรู้สึกไม่คู่ควร ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าด้วยความกังวล—แต่มีประโยคในใจที่ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นคือ การรับใช้ในศาสนจักรนี้คือการยืนอยู่ในสายน้ำแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อลูกๆ ของพระองค์ ศาสนจักรนี้เป็นกลุ่มคนทำงานที่มีจอบและพลั่ว พยายามช่วยขุดร่องให้สายน้ำแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าไหลมาถึงลูกๆ ของพระองค์ที่อยู่ท้ายแถว

ไม่ว่าท่านเป็นใคร ไม่ว่าท่านผ่านอะไรมา มีที่ว่างให้ท่านในศาสนจักรนี้29

จงหยิบจอบและพลั่วมาร่วมทีม จงช่วยนำความรักของพระองค์ไปให้ลูกๆ ของพระองค์และความรักบางส่วนจะกระเซ็นมาถูกท่าน30

ขอให้เราแสวงหาพระพักตร์เปี่ยมรักของพระองค์ อ้อมกอดแห่งพันธสัญญาของพระองค์ แล้วคล้องแขนกับลูกๆ ของพระองค์ร้องเพลง “พระผู้ไถ่แห่งอิสราเอล” ด้วยกัน

พระผู้ช่วยโปรดทรงฟื้นฟู

แสงแห่งพระพักตร์

ประทานการเล้าโลมหนุนจิตใจ

และให้ความต้องการคืน

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

นำความหวังสู่จิตเปล่าเปลี่ยวข้า31

ขอให้เราแสวงหาพระพักตร์เปี่ยมรักของพระองค์ แล้วเป็นภาชนะแห่งพระเมตตาให้กับลูกๆ ของพระองค์32 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู Hadyn D. Ellis and Melanie Florence, “Bodamer’s (1947) Paper on Prosopagnosia,” Cognitive Neuropsychology, vol. 7, no. 2 (1990), 84–91; Joshua Davis, “Face Blind,” Wired, Nov. 1, 2006, wired.com.

  2. ดู Dennis Nealon, “How Common Is Face Blindness?,” Harvard Medical School, Feb. 24, 2023, hms.harvard.edu; Oliver Sacks, “Face-Blind,” New Yorker, Aug. 23, 2010, newyorker.com.

  3. “สมาชิกศาสนจักรบางคนยอมรับหลักคำสอน หลักธรรม และประจักษ์พยานที่ประกาศซ้ำๆ จากแท่นพูดนี้ในศูนย์การประชุมใหญ่และในที่ประชุมทั่วโลกว่าเป็นความจริง—แต่ก็อาจยังยากที่จะเชื่อว่าความจริงนิรันดร์เหล่านี้ประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตของพวกเขาและสภาวการณ์ของพวกเขาโดยเฉพาะ” (เดวิด เอ. เบดนาร์, “อยู่กับเรา, และเรากับเจ้า; ฉะนั้นจงเดินกับเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2023, 125)

  4. ดู 1 นีไฟ 8:19; 15:23 “เรารักษาพระบัญญัติของพระเจ้าได้ยากหากไม่มีศรัทธาและไม่วางใจในพระองค์” (เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “ศรัทธาที่จะทูลขอแล้วลงมือทำ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2021, 75)

  5. แอลมา 5:26

  6. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำตอบคือพระเยซูคริสต์เสมอ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2023, 127–128.

  7. ยอห์น 12:21

  8. ยอห์น 20:14 พวกเขาเห็นแต่ไม่รู้จักพระองค์บนถนนไปเอมมาอูส (ดู ลูกา 24:16) ในห้องที่ล็อกไว้ (ดู ลูกา 24:37) บนฝั่งทะเลกาลิลี (ดู ยอห์น 21:4) และที่อุโมงค์ในสวน (ดู ยอห์น 20:14)

  9. หากเราแสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจของเราและดำเนินต่อไปด้วยศรัทธา เราจะพบพระองค์

    “พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผน‍งานที่เรามีไว้สำหรับพวก‍เจ้า เป็นแผน‍งานเพื่อสวัสดิ‌ภาพ ไม่‍ใช่เพื่อทำ‍ร้ายเจ้า …

    “เจ้าจะแสวง‍หาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวง‍หาเราด้วยสิ้น‍สุดใจของเจ้า’” (เยเรมีย์ 29:11, 13)

    “วันนั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าจะเข้าใจแม้พระผู้เป็นเจ้า, โดยได้รับการชุบชีวิตผ่านพระองค์และโดยพระองค์

    “เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเจ้าเคยเห็นเรา, ว่าเราดำรงอยู่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:49–50)

    “จิตวิญญาณทุกดวงที่ละทิ้งบาปของตนและมาหาเรา, และเรียกหานามของเรา, และเชื่อฟังเสียงของเรา, และรักษาบัญญัติของเรา, จะเห็นหน้าเราและรู้ว่าเราดำรงอยู่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:1)

  10. โมโรไน 7:48 เปาโลเชื่อมโยงจิตกุศลกับความสามารถของเราในการมองเห็นอย่างชัดเจน ตอนจบคำเทศนาเรื่องจิตกุศล เขาเขียนว่า “เวลานี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก” ต่อไปเราจะเห็น “แบบหน้าต่อหน้า … เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า (1 โครินธ์ 13:12)

  11. เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “พรุ่งนี้พระยาห์เวห์จะทรงทำการอัศจรรย์ท่ามกลางพวกท่าน,” เลียโฮนา, พ.ค. 2016, 124. “นิยามที่สำคัญยิ่งกว่านิยามของ ‘ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์’ … ไม่ใช่สิ่งที่เราชาวคริสต์พยายามแสดงต่อผู้อื่นแต่มักแสดงได้ไม่ดี หากคือสิ่งที่พระคริสต์ทรงทำสำเร็จทั้งหมดในการแสดงความรักนั้นต่อเรา จิตกุศลที่ แท้จริง เป็นที่รู้จักเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ในความรักอันเป็นการชดใช้ สูงสุด และไม่สิ้นสุดที่พระคริสต์ทรงมีต่อเรา” (Jeffrey R. Holland, Christ and the New Covenant: The Messianic Message of the Book of Mormon [1997], 336)

  12. ลูกา 4:18, ฉบับคิง เจมส์ใหม่

  13. ดู มัทธิว 8:3; 9:25

  14. ดู มัทธิว 14:13–21

  15. ดู มัทธิว 8:1–3

  16. ดู ยอห์น 4:7–10; พระองค์ทรงชมเชยชาวสะมาเรีย (ดู ลูกา 10:25–37)

  17. ดู มัทธิว 21:31; ลูกา 7:27–50; 15:1–10; ยอห์น 8:2–12

  18. ดู มัทธิว 8:5–13

  19. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคริสต์ทรงฟื้น; ศรัทธาในพระองค์จะเคลื่อนภูเขา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 103.

  20. เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 84. “คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา” (ยอห์น 14:9)

  21. 2 โครินธ์ 1:3

  22. ดู สดุดี 27:8; หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:68

  23. ดู 2 โครินธ์ 4:6; Pope Francis, “Misericordiae Vultus: Bull of Indiction of the Extraordinary Jubilee of Mercy,” Apostolic Letters, vatican.va.

  24. นี่เป็นหัวข้อที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ งานแห่งความรอดและความสูงส่ง แต่เป็นงาน ของพระองค์ (ดู คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, 1.2, คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ) ข้าพเจ้าไม่ได้แค่ไปพระวิหาร แต่ไปพระนิเวศน์ของพระเจ้า ไม่ใช่ศาสนจักรมอรมอน แต่เป็นศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ (ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ชื่อที่ถูกต้องของศาสนจักร,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 87–89) ผู้นำชี้ให้เราไปที่พระองค์และเตือนเราว่า “ไม่มีสัตภาวะซึ่งเป็นอรูปที่เรียกว่า ‘การชดใช้’ ซึ่งเราสามารถขอความช่วยเหลือ การเยียวยา การให้อภัย หรือพลังอำนาจ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบ่อเกิดของสิ่งเหล่านั้น” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ดึงพลังของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 40)

  25. “เส้นทางพันธสัญญาคือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระผู้เป็นเจ้า”; เป็น “เส้นทางแห่งความรัก— … เอาใจใส่ด้วยความเมตตาสงสารและมีการเอื้อมออกไปหากัน” (รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พันธสัญญาอันเป็นนิจ,” เลียโฮนา, ต.ค. 2022, 11)

    ดู David A. Bednar, “The Blessed and Happy State” (address given at the seminar for new mission leaders, June 24, 2022); Scott Taylor, “Elder Bednar Shares 7 Lessons on ‘the Blessed and Happy State’ of Obedience,” Church News, June 27, 2022, thechurchnews.com.

    “การเข้าสู่พันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และรับศาสนพิธีฐานะปุโรหิตอย่างมีค่าควรเป็นการเทียมแอกเราและผูกมัดเรากับพระเจ้าพระเยซูคริสต์และพระบิดาบนสวรรค์ นี่หมายความว่าเราวางใจในพระผู้ช่วยให้รอดในฐานะพระผู้วิงวอนแทน และพระผู้เป็นคนกลาง และพึ่งพาความดีงาม พระเมตตา และพระคุณของพระองค์ระหว่างการเดินทางของชีวิต …

    “คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินชีวิตตามและรักพันธสัญญาสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าแบบเป็นส่วนตัวอย่างลึกซึ้งและทรงพลังทางวิญญาณ … เมื่อนั้นพระเยซูจะเป็นยิ่งกว่าบุคคลสำคัญในเรื่องราวพระคัมภีร์ แบบอย่างและคำสอนของพระองค์จะมีอิทธิพลต่อความปรารถนา ความนึกคิด และการกระทำทุกอย่างของเรา” (เดวิด เอ. เบดนาร์, “แต่เราหาใส่ใจพวกเขาไม่,” เลียโฮนา, พ.ค. 2022, 15)

    ดู ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “ความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ค. 2022, 78-80 ด้วย

  26. “และปราศจากศาสนพิธีของฐานะปุโรหิตนี้, และสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิต, พลังอำนาจของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าไม่แสดงให้ประจักษ์แก่มนุษย์ในเนื้อหนัง;

    “เพราะปราศจากสิ่งนี้ไม่มีมนุษย์คนใดจะเห็นพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า, แม้พระบิดา, และมีชีวิตอยู่ได้” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:21–22)

  27. แพทริเซีย ฮอลแลนด์, “อนาคตที่เปี่ยมด้วยความหวัง” (การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลก, 8 ม.ค. 2023), คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ

    “ท่านไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตาม [ความหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือท่าน] ท่านทำไม่ได้และไม่สามารถสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับในอาณาจักรแห่งพระคุณ ท่านจะไม่ได้มาโดยการพึ่งพาความแข็งแกร่งของท่านเองหรือจากพลังของบุคคลอื่นๆ ไม่มีสูตรลับหรือเวทมนตร์คาถาใดๆ มาเกี่ยวข้อง …

    “อันที่จริง ส่วนที่เราทำสำคัญแต่จริงๆ แล้วเป็นส่วนเล็กน้อยมาก พระผู้เป็นเจ้าทรงมีส่วนที่ใหญ่กว่าของงานนี้ ส่วนของเราคือการมาหาพระองค์ในความต้อยต่ำและความเรียบง่าย จากนั้นอย่ากังวลและอย่ากลัว”

  28. มัทธิว 5:13; ดู ยอห์น 17:3 ด้วย

  29. ประธานเนลสันขอให้เรา “ขยายวงความรักให้ครอบคลุมครอบครัวมนุษย์ทั้งหมด” (“บุคคลผู้ใดสร้างสันติผู้นั้นเป็นสุข,” เลียโฮนา, พ.ค. 2002, 41) ในเดือนพฤษภาคมปี 2022 ท่านบอกคนหนุ่มสาวว่า “ป้ายนิยามจะนำไปสู่การตัดสินและความเกลียดชัง การข่มเหง หรือ อคติ ต่อกันเพราะสัญชาติ เชื้อชาติ รสนิยมทางเพศ เพศสภาพ ระดับการศึกษา วัฒนธรรม หรือคำระบุตัวตนอื่นๆ ล้วนทำให้พระผู้รังสรรค์ของเราขุ่นเคือง” (“การเลือกเพื่อนิรันดร” [การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลก, 15 พ.ค. 2022], คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ) และที่สำคัญ ท่านกล่าว: “ข้าพเจ้าเศร้าโศกที่พี่น้องชายหญิงผิวดำของเราทั่วโลกกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของการเหยียดเชื้อชาติและอคติ วันนี้ข้าพเจ้าขอให้สมาชิกของเราทุกแห่งออกมานำในการทิ้งเจตคติและการกระทำที่เป็นอคติ ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านส่งเสริมความเคารพต่อบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า” (“ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2020, 94)

    “อคติไม่สอดคล้องกับพระวจนะที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผย การเป็นที่โปรดปรานหรือไม่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นอยู่กับความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ ไม่ใช่สีผิวหรือคุณลักษณะอื่น

    “… ทั้งนี้รวมถึงอคติต่อเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ สัญชาติ เผ่าพันธุ์ เพศ อายุ ความพิการ สถานะทางสังคมเศรษฐกิจ ความเชื่อหรือความไม่เชื่อทางศาสนา และรสนิยมทางเพศ” (คู่มือทั่วไป, 38.6.14, คลังค้นคว้าพระกิตติคุณ)

  30. ดู 1 นีไฟ 11:25

  31. พระผู้ไถ่แห่งอิสราเอล,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 5.

  32. ดู โรม 9:23