การให้ข้อคิดทางวิญญาณ 2023
อนาคตที่เปี่ยมด้วยความหวัง


อนาคตที่เปี่ยมด้วยความหวัง

การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วโลก

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2023

เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์: เพื่อนหนุ่มสาวที่รักของเราทุกแห่ง! ซิสเตอร์ฮอลแลนด์กับข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่กับพวกท่านในคืนนี้ แม้ว่าเราจะเข้าถึงพวกท่านส่วนใหญ่ทั่วโลกผ่านความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่เราดีใจที่มีผู้ชมมาอยู่กับเราที่นี่ ที่มหาวิทยาลัยและสถาบันศาสนาซึ่งแพทกับข้าพเจ้าเริ่มต้นการศึกษาระดับวิทยาลัย ออกเดท และแต่งงานกัน

ข้าพเจ้ารอดูว่ามีความเย็นวาบไปทั่วห้องไหมเมื่อพูดคำว่า แต่งงาน อย่าตื่นตระหนกไป เราจะ ไม่ พูดเรื่องการแต่งงานค่ำคืนนี้ บางท่านแต่งงานแล้ว และเราก็ไม่อยากให้พวกท่านที่เหลือกรีดร้องวิ่งหนีออกจากห้องไป แต่ข้าพเจ้าจะพูดถึงภูมิหลังคนหนุ่มสาวและจุดเริ่มต้นที่โรแมนติกของเราด้วยความคิดในใจว่าถ้ามันจุดประกาย เรา ในค่ำคืนแบบนี้ ใครจะทราบเล่า? มันก็อาจจุดประกาย คนอื่นๆ

แน่นอนว่ามีพี่น้องสตรีหลายท่านบอกเราว่ามีผู้ชายบางคนที่ต้องถูกจุดประกาย ถ้าไม่ใช่ด้วยลูกศรของกามเทพ ก็ต้องด้วยไม้ปิงปองแทน หากมีหญิงสาวท่านใดนั่งอยู่กับชายหนุ่มที่เหมาะกับคำอธิบายนี้ ซิสเตอร์ฮอลแลนด์และข้าพเจ้าจะอนุญาตให้ท่านศอกเข้าที่ซี่โครงเขาในตอนนี้เบาๆ เพื่อถ่ายทอดความรัก—แรงพอที่จะให้เข้าใจประเด็นนี้ เราจะมีความสุขหากการสะกิดแบบนั้นได้ผลกับพวกท่านแบบที่มันได้ผลกับเรา ยกเว้นในกรณีของเราเป็นข้อศอก ของข้าพเจ้า กับซี่โครงของ ซิสเตอร์ฮอลแลนด์

ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้นับเป็น 60 ปีแล้วที่ข้าพเจ้ากับแพทแต่งงานกันในพระวิหารเซนต์จอร์จซึ่งอยู่ห่างจากวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เพียงหนึ่งกิโลเมตร หกสิบปีที่ได้อยู่ด้วยกันมอบโอกาสดีให้เราได้บอกลาช่วงเวลายากลำบากสำหรับหลายๆ คนและน่าเศร้าสำหรับบางคน เรากำลังค่อยๆ หลุดพ้นจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่โรคระบาดนี้ที่เกือบจะเหมือนกับการระบาดที่มีในพระคัมภีร์ไบเบิลยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในหลายๆ แห่งของโลก เนื่องจากยังคงมี รายงาน ผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ย 1,700 ราย ต่อวัน1 หายนะนี้ส่งผลกระทบรุนแรงไม่เพียงต่อสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อชีวิตทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของเกือบทุกคนบนโลกนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

หายนะอีกประเภทหนึ่งคือหายนะที่ยังคงเกิดขึ้นในยุโรปตะวันออกซึ่งผู้คนหลายล้านคน รวมทั้งสมาชิกศาสนจักรที่ได้รับความเสียหาย พลัดถิ่น หรือสละชีวิตในความขัดแย้งที่ไม่ได้ร้องขอและไม่สมควรได้รับ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนขณะทำงานมอบหมายในยุโรป ซิสเตอร์ฮอลแลนด์กับข้าพเจ้าได้พบกับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนบางคน เราหัวเราะและหลั่งน้ำตาและสวดอ้อนวอนกับคนที่ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและหนีไปโดยเหลือแต่เสื้อผ้าไว้บนหลัง เรารู้สึกเสียใจเช่นเดียวกันกับสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของเราในรัสเซียที่ได้รับผลกระทบทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากความขัดแย้งครั้งนี้ นอกจากโศกนาฏกรรมเหล่านี้แล้ว ในอีกหลายๆ แห่งทั่วโลก เรายังพบเห็นการกราดยิง—รวมถึงโศกนาฏกรรมทางตอนใต้ของยูทาห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง—เค้าความที่ผิดศีลธรรมในสถานบันเทิง และกิจกรรมทางการเมืองที่หลักการพื้นฐาน เช่น ความซื่อตรง ความเมตตา และความซื่อสัตย์ดูเหมือนจะถูกลืมไป

และแน่นอนว่ายังมีประเด็นทางวัฒนธรรมและสังคมอีกมากมายที่สร้างปัญหาให้เรา แต่ค่ำคืนนี้เราไม่ได้มาเพื่อทำให้ท่านหดหู่ใจกับปัญหาโลก อันที่จริง เรามาเพื่อเหตุผลอื่นต่างหาก! เรารับรู้ถึงความกังวลใจที่เข้าใจได้ซึ่งคงอยู่ในยุคสมัยของพวกท่าน และเราขออภัยที่คนรุ่น ของเรา ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ที่ท่านเผชิญ แต่เราเรียกพวกท่านและวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหนุ่มสาวทุกคนให้เป็นแนวหน้าของพลังทางศีลธรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ที่สามารถทำให้กระแสแห่งความกลัว การมองโลกในแง่ร้าย และความวิตกกังวลที่อยู่รอบตัวเราหวนกลับไป สำคัญเพียงใดสำหรับท่านที่จะสวดอ้อนวอนไม่เพียงขอให้พระเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่านเท่านั้น2 ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันได้กล่าวไว้ แต่ยังสวดอ้อนวอนขอให้คุณค่าในชีวิตท่านจะมีชัยกับผู้อื่นที่อาจยังไม่แน่ใจ ถ้าในฐานะสานุศิษย์แต่ละคนของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เราทุกคนมีความรัก สันติสุข และความเมตตามากขึ้น ถ้าเราทุกคนจะพยายามรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดความสามารถ เราจึงมีเหตุผลทุกประการที่จะรู้สึกมั่นใจกับสภาวะของโลกนี้ เดินไปสู่อนาคตในทางนี้ เต็มไปด้วยสันติสุขและคำสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เราสามารถส่งผลกระทบที่ล้ำเลิศต่อโลกได้ อับราฮัม ลินคอล์นเคยกล่าวไว้ว่าเขาพยายามถอนวัชพืชและปลูกดอกไม้แทนที่ทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าเราทุกคนทำเช่นนั้น ทะเลทรายแห่งศีลธรรมและวิญญาณของเราจะกลายเป็นสวนจริงๆ ในเวลารวดเร็ว3

พวกท่านที่อยู่ในเยอรมนีค่ำคืนนี้—ที่แสดงไมตรีจิตแบบชาวคริสต์อย่างมากมายต่อผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่เราเพิ่งพบมา—จะรู้จักคำกล่าวของโยฮันน์ เกอเธ่ที่ว่า “ถ้าทุกคนกวาดพื้นหน้าประตูบ้านของตนเอง อีกไม่นานโลกทั้งใบก็จะสะอาด”

ดังนั้น โดยตระหนักถึงความท้าทายและอยากเสนอวิธีแก้ไขปัญหา ซิสเตอร์ฮอลแลนด์กับข้าพเจ้าจึงมาในค่ำคืนนี้ตามที่อัครสาวกเปโตรกล่าวว่าเราควร: “เตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบาย … เหตุผล [สำหรับ] ความหวังของ [พวกเรา]”4 เราจะพูดถึงความหวังพร้อมกับคำประกาศว่าเราต้อง ไม่มีวัน สูญเสียความหวังหรือคุณธรรมของเหล่าสตรีในเรื่องนี้: ศรัทธาและจิตกุศล เราทราบดีว่ามีหลายวิธีในการนิยามหลักธรรมที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดเหล่านี้ และในค่ำคืนนี้พวกท่านจะได้รับฟังเรานำเสนอนิยามบางส่วนของเรา พวกท่านจะได้ยินเราประกาศกับโมโรไนเช่นกันว่าความหวังเป็นสิ่งจำเป็นถ้าหากเราจะ “รับมรดก [นั้น] ซึ่ง [พระผู้เป็นเจ้า] ทรงเตรียมไว้ [ให้เรา]”5 เราอยากให้ท่านรับมรดกนั้นในฐานะบุตรธิดาของกษัตริย์ ในการทำเช่นนั้น เราต้องตระหนักว่าความหวังไม่ใช่เพียงข่าวสารและเรื่องของการมองโลกในแง่ดีโดยธรรมชาติ แต่เป็นเอกสิทธิ์ของทุกคนที่เชื่อ6 ในฐานะผู้เชื่อที่เปี่ยมด้วยความหวัง (รวมถึงศรัทธาและจิตกุศล) ซิสเตอร์ฮอลแลนด์รู้สึกอย่างแรงกล้าถึงความสำคัญของกลุ่มคนที่เข้าประชุมทั่วโลกค่ำคืนนี้ และว่าบทบาทของท่านจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า เธอรู้ว่าพวกท่านคือกลุ่มคนที่เราจะส่งไม้ต่อให้และรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ท่านจะก้าวขึ้นมาและน้อมรับโชคชะตาของท่าน ซิสเตอร์ฮอลแลนด์ครับ

ซิสเตอร์แพทริเซีย ที. ฮอลแลนด์: ดิฉันรู้สึกแรงกล้าเกี่ยวกับพวกท่านจริงๆ ท่านเป็นคนหนุ่มสาวรุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดที่โลกเคยรู้จัก ดิฉันรักท่านเพราะเหตุนั้น เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์กับดิฉันสำนึกคุณที่ท่านรักษาพันธสัญญาและพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง และเนื่องจากพวกท่านมีมากมาย ท่านจะมีพลังที่เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์พูดถึง เราเห็นแสงสว่างของท่านในห้องนี้ ซึ่งเจิดจ้ามาก ทำให้ดิฉันนึกถึงเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฏต่อชาวนีไฟ พระองค์ตรัสว่า: “จงชูแสงสว่างของเจ้าขึ้นเพื่อมันจะส่องโลก ดูเถิดเราเป็นแสงสว่างซึ่งเจ้าจะชูขึ้น”7 เช่นเดียวกับท่าน เราเคยเป็นคนหนุ่มสาว แต่ตอนนี้เราอายุมากแล้ว เมื่อดิฉันมองย้อนกลับไปในชีวิต และหากดิฉันสามารถใช้ชีวิตส่วนใดส่วนหนึ่งซ้ำอีกครั้ง ดิฉันจะทำสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือลดความซับซ้อน! สำหรับดิฉัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อลดความซับซ้อน ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน และตารางเวลาของเรา สิ่งที่ดิฉันเสียใจ ที่สุด ในวัยเยาว์คือดิฉันมองไม่เห็นความสวยงามที่เรียบง่ายของพระกิตติคุณ ดิฉันกลับทำให้พระกิตติคุณซับซ้อนเกินไป ดิฉันรู้สึกว่ามันเยอะเกินไป ยากเกินไป และบางครั้งก็ลึกลับเกินไป แม้ในวัยหนุ่มสาว ดิฉันรู้สึกราวกับว่าต้องปีนภูเขาแห่งความชอบธรรม เข้าไปในเตาไฟที่ลุกโชนของการชำระให้บริสุทธิ์ และไขข้อขัดแย้งทางหลักคำสอนทุกอย่างที่มนุษย์รู้จักหากดิฉันจะเป็นที่ยอมรับต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความคิดของดิฉันสมัยนั้นมากเกินกว่าที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจากทางตอนใต้ของยูทาห์จะรู้สึกว่ารับไหว เหมือนกับที่บางคนกล่าวไว้ว่า “เหตุผลที่ผู้คนไม่เข้าร่วมเป็นชาวคริสต์กับคุณก็เพราะคุณสวมศาสนาของคุณเหมือนความปวดหัว เหมือนมงกุฎหนาม” มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่ต้องสวมมงกุฎหนามดังกล่าว และพระองค์ทรงทำเช่นนั้นเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่อย่างปีติยินดี อุดมสมบูรณ์ และมีสันติสุข—ไม่ใช่ อย่างสิ้นหวัง พระกิตติคุณไม่เคยถูกกำหนดให้เป็นภูเขาที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ปีนขึ้นไปไม่ได้ พระองค์ทรงต้องการให้เธอ—และคนอื่นๆ ในโลกนี้—เปี่ยมด้วยความหวังอยู่เสมอ ทรงต้องการให้เรารู้ว่าพระกิตติคุณนั้นเรียบง่ายอย่างสวยงามและสวยงามอย่างเรียบง่าย

แต่โปรดอย่าเข้าใจผิดไป ในการพูดถึงความหวัง ดิฉันไม่ได้หมายความว่าพระคริสต์ควรจะประทานไม้กายสิทธิ์ที่มีเวทมนตร์หรือดาบเลเซอร์ที่ทันสมัยแก่เรา ความหวังของเราต้องเป็นมากกว่า “หากแม้นเธอได้อธิษฐาน”8 ของพิน็อคคิโอ หากจะเป็นความหวังตามที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอน พี่น้องคนหนุ่มสาวของดิฉัน นี่คือของประทานที่มอบให้เราและครอบครัวมวลมนุษยชาติทุกคน และเราควรตระหนักว่านี่คือแสงสว่างที่ส่องโลกอันมืดมิด ดังที่นักเขียนคนหนึ่งกล่าว “ไม่มีผู้ใดน่าเวทนาไปเสียหมด เว้นแต่คนที่ไร้ซึ่งความหวัง”9

ความไม่ซับซ้อนอันแสนหวานที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบของขวัญแห่งความหวังนี้คือท่านไม่ต้องค้นหามัน ท่านไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตาม ท่านทำไม่ได้และไม่สามารถสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับในอาณาจักรแห่งพระคุณ ท่านจะไม่ได้มาโดยการพึ่งพาความแข็งแกร่งของท่านเองหรือจากพลังของบุคคลอื่นๆ ไม่มีสูตรลับหรือเวทมนตร์คาถาใดๆ มาเกี่ยวข้อง ไม่ได้มาจากการฝึกหายใจเข้าลึกๆ (แน่นอนนั่นมีประโยชน์มาก) หรือโดยการอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิธีพบความสุข

อันที่จริง ส่วนที่เราทำสำคัญ แต่จริงๆ แล้วเป็นส่วนเล็กน้อยมาก พระผู้เป็นเจ้าทรงมีส่วนที่ใหญ่กว่าของงานนี้ ส่วนของเราคือการมาหาพระองค์ในความต่ำต้อยและเรียบง่าย จากนั้นอย่ากังวลและอย่ากลัว10 เหตุใดจึงเรียบง่ายขนาดนั้น? เพราะเบื้องหลังทุกสิ่งที่พระคริสต์ทรงสอน—ในพระคัมภีร์เรื่องราว และอุปมาทุกเรื่อง—คือคำสัญญาที่ว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้”11 สำหรับพระผู้เป็นเจ้า คำสัญญาที่ว่าเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะเช็ดน้ำตา ทุกหยด12 เราต้องปล่อยวางความสิ้นหวังส่วนตัวและแสวงหาการพักผ่อนในพระเจ้า13 ดังนั้นเราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยความอ่อนโยนและมีใจนอบน้อม14 เพื่อรับพรที่มาพร้อมกับความรักที่ไม่เสื่อมคลายของพระองค์ ความไว้วางใจของเราคือการเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ หรือลูกแกะ ซึ่งที่จริงแล้วเราเป็นเช่นนั้นในฝูงแกะใหญ่ของพระองค์

หัวใจเราจะไม่สงบสุขตลอดเวลาจนกว่าจะได้พักผ่อนในพระผู้เป็นเจ้า

การเรียกให้อ่อนโยนและมีใจนอบน้อมเช่นนี้—อันเป็นหนึ่งในคำอธิบายไม่กี่อย่างที่พระเจ้าประทานให้พระองค์เอง—ว่าพระองค์นั้นทรงอ่อนโยนและมีพระทัยนอบน้อม—เป็นการเรียกสำหรับเราทุกคนในฐานะสานุศิษย์ของพระองค์ ถ้าเราสามารถดำเนินชีวิตแบบนี้ได้ พระองค์ตรัสว่า เราจะพบการหยุดพักของจิตวิญญาณเรา และเราจะพบว่าแอกของพระองค์ก็พอเหมาะ และภาระของพระองค์ก็เบา15 ดิฉันเห็นว่าการเรียกให้อ่อนโยนและนอบน้อมนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าขณะอ่านพระคัมภีร์ (คงเป็นเพราะดิฉันต้องเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก)

ดิฉันรู้แน่นอนว่าไม่เคยมีผลลัพธ์ทางวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ใดเกิดขึ้นโดยคนที่ไม่มีความหวังและอ่อนน้อมถ่อมตน กรอบความคิดแบบนี้คือความหวังของเราสำหรับท่านในค่ำคืนนี้—ที่จะให้ท่านเรียนรู้เรื่องนี้ขณะยังเป็นหนุ่มสาว เราต้องการให้ท่านรู้ด้วยสุดหัวใจว่าพระผู้เป็นเจ้าคือพระบิดาของท่าน ว่าพระองค์ทรง “แบก [เรา] มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์”16 ว่าพระองค์ทรงมีแผนสำหรับท่าน แผนสำหรับ “อนาคตและความหวัง”17

ดิฉันขอแบ่งปันพระคัมภีร์สองข้อนี้ที่ดิฉันชอบในพันธสัญญาเดิมซึ่งใช้ถ้อยคำบางอย่างในภาษาเดียวกัน อิสยาห์กล่าวว่า:

“โอ วงศ์‍วานของยา‌โคบเอ๋ย จงฟังเราและทุก‍คน … ในวงศ์‍วานของอิสรา‌เอล ผู้ซึ่งเราอุ้มมาตั้ง‍แต่เกิด แบกมาตั้ง‍แต่อยู่ในครรภ์: …

“… จน‍กระ‌ทั่งเจ้าแก่ … และแม้ [จนเจ้าผม‍หงอก] เราจะอุ้มชูเจ้า: เราได้สร้าง เราจะแบกไว้ เราจะอุ้มชู; … เราจะแบกไว้และเราจะช่วย‍กู้”18

และเยเรมีย์เขียนว่า:

“พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า

“แล้วเจ้าจะร้องทูลเรา … และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า”19

ดิฉันเป็นพยานกับท่าน พี่น้องหนุ่มสาวของดิฉัน ว่านี่คือความจริงอันเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าพระบิดาบนสวรรค์จะทรงทำส่วนของพระองค์ในการทำให้คำสัญญาเหล่านี้เกิดสัมฤทธิผล ขึ้นอยู่กับเราที่จะเพียงแค่เชื่อ เหมือนเด็กเล็กๆ มากขึ้นในความอ่อนโยนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความกตัญญูเมื่อเรารับของประทานจากพระองค์ ท่านต้องการให้ปีนี้เป็นปีที่พิเศษหรือไม่? ท่านต้องการอนาคตที่เปี่ยมด้วยความหวังหรือไม่? ท่านเชื่อว่ามีพรรอท่านอยู่หรือไม่? ท่านเห็นคุณงามความดีของพระผู้เป็นเจ้ามากพอที่จะหวังต่อไปและทำดีขึ้นหรือไม่? เรื่องแปลกแต่จริงคือสิ่งนี้ทำได้โดยการคุกเข่า การก้มกราบ หรือแม้แต่การล้มลงแทบพระบาทของพระผู้เป็นเจ้า ช่างเรียบง่ายเหลือเกิน! คุกเข่า ก้มกราบ ล้มลงที่ “พระที่นั่งแห่งพระคุณ”20

เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์ระบุว่าท่านจะพบว่าของขวัญแห่งความหวังล้ำค่านี้เชื่อมโยงกับของประทานอีกสองอย่างของพระผู้เป็นเจ้า—นั่นคือศรัทธาและจิตกุศล โปรดอย่าทำเหมือนตอนดิฉันยังเด็ก และสร้างคุณธรรมเหล่านี้ให้ยิ่งใหญ่และซับซ้อนเกินไปจนเราหมดหวังที่จะทำความเข้าใจ จงทะนุถนอมความเรียบง่ายเหล่านั้น

ดิฉันขอเสนอลำดับขั้นตอนง่ายๆ นี้ให้ท่าน ศรัทธา คือความเชื่อมั่นว่ามีพระผู้เป็นเจ้า ความหวัง คือการวางใจว่าพระองค์จะทรงช่วยเรา และ จิตกุศล คือความรักและพระปรีชาสามารถของพระองค์ทำงานผ่านเราเพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่น

ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตกุศลที่ไม่มีใครในพวกเรามีพลังงาน เวลา ทรัพยากร หรือพละกำลังที่จะทำทุกสิ่งที่ใจเราต้องการทำ เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ ใจของเราเกินความสามารถของเรา ช่างวิเศษเหลือเกินที่เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าที่เคลื่อนผ่านเราสามารถขยายอิทธิพลอันเล็กน้อยของเรา สามารถเพิ่มพูนความพยายามที่จำกัดของเราและทำเพื่อผู้อื่นซึ่งเราไม่สามารถทำคนเดียวได้

วิธีง่ายๆ ในประเด็นหลักคำสอนสามข้อนี้เป็นพรแก่ชีวิตดิฉัน ดิฉันหวังว่าจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ในลักษณะที่น่ากลัวน้อยกว่านี้ให้เร็วขึ้น ดิฉันเชื่อมั่นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้ความจริงพระกิตติคุณเรียบง่ายพอที่เด็กจะเข้าใจได้ ดิฉันขอกล่าวซ้ำ ศรัทธาคือความเชื่อมั่นว่ามีพระผู้เป็นเจ้า ความหวังคือการวางใจว่าพระองค์จะทรงช่วยเรา และจิตกุศลคือความรักของพระองค์ที่ทำงานผ่านเรา

ขณะพูดถึงของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า ดิฉันขอเพิ่มของประทานอีกอย่างที่จะเพิ่มความหวังของเราในช่วงปีใหม่นี้ การส่องสว่างศรัทธา ความหวัง และจิตกุศล เป็นของประทานแห่งแสงสว่างของพระคริสต์ที่สวยงามสุดจะพรรณนา—และเรียบง่ายสุดจะพรรณนา แสงสว่างนี้เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความหวัง เป็นของขวัญที่มอบให้ชายหญิงและเด็กทุกคนที่เกิดมาแล้วหรือกำลังจะเกิดมาในความเป็นมรรตัย ซึ่งฝังอยู่ในธรรมชาติของเรา เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเรา

ข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่ดิฉันชอบมีบรรทัดนี้ด้วย: “และพระวิญญาณทรงให้ความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนที่มาในโลก; และพระวิญญาณทรงให้ความสว่างมนุษย์ทุกคนทั่วโลก21

แสงสว่างนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลพื้นฐานสำหรับความหวังในชีวิตเรา เป็นเรื่องที่น่ายินดี น่าตื่นเต้นมากและ มีความหวัง มากที่มีบางอย่างในตัวเราที่ไม่เพียงบอกเราว่ามีวิธีที่ถูกต้องในการผ่านพ้นความซับซ้อนของชีวิต แต่ยังบอกเราว่าเราจะ พบ วิธีที่ถูกต้องถ้าเรามีความ “อ่อนโยนและใจอ่อนน้อม”22 ดังที่ประธานเนลสันพูดกับทั้งศาสนจักรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “โลกต้องการแสงสว่างของพระเยซูคริสต์ และโลกต้องการแสงสว่าง [อันสวยงาม] ของท่าน [อย่างยิ่ง]”23

เพื่อนหนุ่มสาว คำสวดอ้อนวอนที่จริงใจที่สุดของดิฉันในค่ำคืนนี้—ความหวังของดิฉัน—คือให้ทุกท่านที่เป็นคนหนุ่มสาวทั่วโลกรับการเรียกนี้เป็นการปฏิบัติศาสนกิจส่วนตัวของท่าน ให้ท่านรับเอาความหวังที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถึงและถือเหมือนคบไฟไปยังผู้ที่รู้สึกว่าโลกนี้มืดมนและยากลำบาก มีวิธีใดบ้างที่ดิฉันจะกระตุ้นให้ท่านเห็นว่าการอุ้มชูแสงสว่างนี้ควรเป็นการปฏิบัติศาสนกิจในยุคสุดท้ายของท่าน? โปรดเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ดิฉันรู้สึกว่าต้องพูดกับพวกท่านค่ำคืนนี้ สิ่งที่ดิฉันกลัวที่สุดคือดิฉันจะพูดไม่ดีพอให้ท่านเชื่อดิฉันจริงๆ ท่านต้องอุ้มชูแสงสว่างนี้ในลักษณะที่ความมืดทั้งหมดของโลกจะไม่มีวันดับมันได้

แนวทางที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้สำหรับปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนจะเปลี่ยนทิศทางของโลกที่ตกและมืดมน โปรดจงมี ศรัทธา ในพระผู้เป็นเจ้า มี ความหวัง ว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือท่าน และรับ จิตกุศล ที่ทำให้พระองค์ทรงสามารถทำงานผ่านท่านเพื่อจะบรรลุผลในสิ่งที่มีเพียงท่านเท่านั้นทำได้

เมื่อท่านตอบรับคำเชื้อเชิญนี้และเริ่มต้นปีใหม่นี้ หลังจากท่านมองเข้าไปข้างในแล้ว ดิฉันวิงวอนให้ท่านมองขึ้นไปข้างบน พระเนตรที่ทอดลงมายังดวงตาของท่านจะเป็นของพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักท่าน ผู้ทรงสามารถและจะทรงประสาททุกสิ่งที่ท่านหวังในความชอบธรรม ท่านไม่สามารถรับพรเหล่านี้ได้โดยการไล่ตาม โปรดหยุดวิ่งจนหมดแรง จงสงบเงียบ จงนิ่งเสีย ลดความซับซ้อน จงมีความอ่อนโยนและมีใจนอบน้อมและสวดอ้อนวอน ดิฉันเป็นพยานต่อท่านว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเมื่อเราช้าลง สงบลง และคุกเข่าลง สักวันหนึ่งทุกสิ่งที่พระบิดาของเรามีย่อมจะประทานแก่ท่าน24 ช่างเป็นวิธีที่มีความหวังอย่างแท้จริงในการเผชิญกับอนาคต ดิฉันรักท่านมาก ชื่นชมท่าน และจะสวดอ้อนวอนให้ท่านเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์: ขอบคุณครับซิสเตอร์ฮอลแลนด์ที่ไม่เพียงสอนพระกิตติคุณแต่ยังดำเนินชีวิตตามนั้นและเปี่ยมด้วยความหวังของพระคริสต์ ในวันยากลำบากที่สุดของเรา—ซึ่งก็ต้องมีบ้างในชีวิตแต่งงานหกสิบปี—ซิสเตอร์ฮอลแลนด์ดำเนินชีวิตอย่างที่เธอสอนไป เธอเป็นผู้เชื่อเสมอมา เธอวางใจในแสงนิรันดร์ภายในจิตวิญญาณเธอเสมอ เธอดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจเสมอว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเราและชี้ทางให้เราทั้งคู่แม้ว่าค่ำคืนจะมืดมน ในโลกที่บางครั้งดูหนักหนาสำหรับคู่หนุ่มสาว ความจริงและคำสัญญาของพระกิตติคุณล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องยึดมั่น แต่นั่นเพียงพอเพราะเราอยู่ที่นี่ค่ำคืนนี้ โดยที่ได้รับพรในชีวิตแต่งงานเกือบ 60 ปีมากกว่าที่เราเคยวาดฝันว่าจะเป็นไปได้ ดังที่สตรีที่งดงามผู้นี้พูดและทำมา โปรดจงมีความหวัง สวดอ้อนวอนเสมอ และจงเชื่อ

ข้าพเจ้าขอเสริมคำแนะนำจากพระคัมภีร์ของซิสเตอร์ฮอลแลนด์ด้วยการเป็นกำลังใจให้เผชิญกับอนาคตอย่างร่าเริง มีคนเคยเขียนไว้ว่าจากกำลังใจทั้งหมดที่พระคริสต์ประทานแก่เราในพระคัมภีร์ จากความหวังทั้งหมดที่ทรงมอบให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเราไม่ยอมรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือกำลังใจที่ว่า “จงมีใจกล้าเถิด”25 ขอให้เราเชื่อพระคำของพระคริสต์ได้ไหม? ขอให้เราลองทำได้ไหม? ขอให้เราน้อมรับพระดำรัสเชิญที่มีความสุขและเต็มไปด้วยความหวังนั้นในค่ำคืนนี้เมื่อเราไขว่คว้าโอกาสที่จะเริ่มต้นปีใหม่และทำให้ชีวิตเราเป็นดังที่เราต้องการ

เช่นเดียวกับพระดำรัสเชิญทั้งหมดที่มีให้เรา พระคริสต์ดำเนินพระชนม์ชีพตามนั้นก่อนจะทรงสอน แม้จะมีภาระมากมายที่ทรงแบกรับไว้ พระองค์ทรงมองโลกในแง่ดี คิดบวก และทรงช่วยให้ผู้อื่นทำแบบเดียวกัน รวมถึงศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า จากส่วนลึกของคุกลิเบอร์ตี้—และความสิ้นหวังที่ท่านเผชิญที่นั่น—คำแนะนำสุดท้ายของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธต่อวิสุทธิชนที่กำลังสวดอ้อนวอนอยู่ข้างนอกให้ท่านได้รับการปล่อยตัวคือ “ทำสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในอำนาจของเรา อย่างร่าเริง เถิด; และจากนั้นขอให้เรายืนนิ่ง, ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด, เพื่อเห็นความรอดแห่งพระผู้เป็นเจ้า, และเพื่อพระองค์จะทรงเผยพระพาหุของพระองค์”26 และคงไม่มีใครคิดบวก มองโลกในแง่ดี และเปี่ยมด้วยความหวังมากไปกว่ารัสเซลล์ แมเรียน เนลสัน ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ของเราสะท้อนคำแนะนำของโจเซฟเมื่อท่านกล่าวกับเราเมื่อเร็วๆ นี้ว่า: “ไม่มีพรใดยั้งไว้จากคนชอบธรรม … พระองค์ทรงประสงค์ให้เรามอง … ไปยังอนาคต ‘ด้วยความคาดหวังอันเปี่ยมปีติ’ [คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 513]”27 ศาสดาพยากรณ์มีใจกล้าเพราะพวกท่านเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ และนั่นคือแหล่งที่มาของการมองโลกในแง่ดีทั้งหมด ศาสดาพยากรณ์มีใจกล้าเพราะพวกท่านรู้แผน รู้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะชนะ

ดังที่ซิสเตอร์ฮอลแลนด์กล่าวไว้อย่างไพเราะ ความสามารถในการมองโลกในแง่ดีเช่นนี้เป็นอีกหนึ่งของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า “มนุษย์”—และขอเสริมว่าทั้งชาย หญิง และเด็กๆ—“เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ”28 นั่นคือเหตุผลว่านี่คือ “แผนแห่งความสุข”29 ผลของแผนนั้นและการชดใช้ของพระคริสต์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแผน เราจึงยังมีความหวังได้ไม่ว่าบางวันจะมืดมนเพียงใด

ความยิ่งใหญ่จากแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดในเรื่องนี้สมควรได้รับความคารวะจากเราเมื่อเราเผชิญกับปีใหม่ ปีที่อาจมีความท้าทายบางอย่างสำหรับเราบางคน ลองคิดดู พระเยซูตรัสถึงการมีใจกล้าได้อย่างไรท่ามกลางความทุกข์ทั้งหมดที่ทรงเผชิญก่อนมุ่งไปสู่การตรึงกางเขน? แม้ในบรรยากาศแห่งความเป็นความตายที่น่าจะอบอวลอยู่ในช่วงพระกระยาหารมื้อสุดท้าย พระคริสต์ยังทรงเตือนเหล่าสาวกถึงเหตุผลและหน้าที่ของพวกเขาที่ให้ “มีใจกล้าเถิด”30 ด้วยความเจ็บปวดที่รออยู่เบื้องหน้า ข้าพเจ้าสงสัยว่าพระองค์ตรัสในเชิงบวกขนาดนั้นได้อย่างไร และยังทรงคาดหวังให้อัครสาวกมองเรื่องทั้งหมดนี้อย่างร่าเริงอีกด้วย แน่นอนว่าการแสดงให้ประจักษ์ถึงศรัทธา ความหวัง และจิตกุศล ของพระองค์ เกิดขึ้นเพราะพระองค์ทรงทราบจุดจบของเรื่องนี้ พระองค์ทรงทราบดีว่าความชอบธรรมจะมีชัยเมื่อเรื่องราวสุดท้ายสิ้นสุดลง ทรงทราบว่าแสงสว่างนั้นชนะความมืด เสมอ ชั่วนิจนิรันดร์กาล ทรงทราบว่าพระบิดาในสวรรค์ไม่เคยประทานพระบัญญัติโดยไม่ทรงจัดเตรียมทางที่จะทำให้พระบัญญัตินั้นเกิดสัมฤทธิผล31 ชัยชนะทำให้ทุกคนมีใจกล้า และพระคริสต์คือผู้คว้าชัยในการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ของพระองค์กับความตายและนรก นั่นเป็นศาสนศาสตร์ที่หนักสำหรับค่ำคืนนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเขาควรมีความสุขด้วย เพราะชัยชนะของพระคริสต์คือที่มาของความหวังของเราในปีใหม่นี้และทุกๆ ปี—ตลอดไป

เนื่องจากสิ่งรบกวนในชีวิตและการล่อลวงของลูซิเฟอร์ การอยู่อย่างมีความหวังและร่าเริงในวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า หรือปีหน้าอาจเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นประเด็นของซิสเตอร์ฮอลแลนด์ในการขอให้ลดความซับซ้อนและมุ่งมั่นไปที่พื้นฐานของชีวิตวิสุทธิชนยุคสุดท้าย บางครั้งเราจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านั้นโดยสมัครใจ และบางครั้งชีวิตก็เลือกสิ่งเหล่านั้นให้เรา แต่ไม่ว่าในกรณีใด หากเราสร้างประจักษ์พยานบนรากฐานของพระกิตติคุณ เราจะได้ประสบการณ์ที่ท้าทายมากพอๆ กับที่เพื่อนคนหนึ่งที่ข้าพเจ้านับถือกำลังได้รับ เขากับภรรยาและลูกสาว—ข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเขากำลังฟังอยู่ค่ำคืนนี้—กำลังประสบกับความท้าทายด้านสุขภาพหลายอย่างในตอนนี้—ข้าพเจ้าขอเสริมว่าเป็นความท้าทายที่หนักมากจริงๆ พวกเขามีเหตุผลทุกอย่างที่จะตีอกชกตัวและสงสัยว่าความหวัง ศรัทธา หรือจิตกุศลของพวกเขาทำอะไรดีๆ ให้บ้าง แต่เพราะการเป็นสานุศิษย์ที่แน่วแน่ทั้งในยามสุขหรือทุกข์ พวกเขาจึงกำลังมีชัย

ในอีเมลล่าสุด (ซึ่งข้าพเจ้าแบ่งปันกับท่านโดยได้รับอนุญาตแล้ว) เพื่อนข้าพเจ้าเขียนว่า:

“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โลกของผมเล็กลงมาก: [ขนาดเท่าเตียง] โรงพยาบาลกับห้องผู้ป่วย [การฟื้นตัวของภรรยาหลังจากการปลูกถ่ายไต] พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องยาก และเธอใช้เวลาทั้งเดือนที่ผ่านมา … เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เป็นผลให้ผมได้ ‘ถอดปลั๊ก’ จากโลกส่วนใหญ่ [รอบตัว]” ให้นึกถึงคำว่า ความเรียบง่าย

เขากล่าวต่อว่า: “ผมไม่เคยชอบความคิดที่ว่าพระองค์ ประทาน การทดลองแก่เรา แต่ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงสามารถ ใช้ การทดลองเพื่อจุดประสงค์ของพระองค์ สิ่งหนึ่งที่ผมนึกถึงเสมอตลอดช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ … หัวใจของพระกิตติคุณมีความสำคัญและแท้จริงเพียงใด [ตรงข้ามอย่างยิ่งกับบางสิ่งที่มีมากเกินจำเป็น] ประสบการณ์ความรักต่อผู้อื่น; ประสบการณ์การได้รับความรักและการรับใช้จากผู้อื่น; พระสุรเสียงแผ่วเบาของพระผู้เป็นเจ้าขณะที่คุณนั่งหมดแรง [ข้างเตียง] ของลูกที่ป่วยหรือในห้องพยาบาลของภรรยา [ที่ป่วยหนักอย่างน่าสิ้นหวัง] ในกลางดึก [และได้ยินวลีจากสวรรค์] ว่า ‘สันติสุขจงมีแก่จิตวิญญาณเจ้า, ลูกเอ๋ย’

“ผมได้อ่านพระคัมภีร์มอรมอนและพระกิตติคุณแล้ว และ [ได้] รู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า นอกเหนือจากรากฐานของศาสนจักรและศาสนศาสตร์ [ที่อยู่เหนือนามธรรม] [สิ่งต่างๆ] ที่สามารถช่วยให้เราคืบคลานไปสู่แสงสว่าง … คือความจริงแห่งศรัทธา … ประจักษ์พยาน [ความหวัง และความรัก]”

เขาสรุปว่า “ผมไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ผมเห็นคนดีมากมายที่ซื่อสัตย์ต่อ … พันธสัญญาที่รับใช้ครอบครัวของผม … ผมได้รับพรมากมายเหลือเกิน และผมรักพระองค์ [ผมรัก] พระกิตติคุณ [ผมรัก] การฟื้นฟู และศาสนจักร”32

ข้าพเจ้าประทับใจประจักษ์พยานที่สละสลวยถึงความหวังและความเพียรพยายามที่แสดงออกมาท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด และเราต้องรู้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความหวัง ของเรา และความเชื่อมั่น ของเรา จะถูกทดสอบและหล่อหลอมในเบ้าหลอมแห่งความทุกข์ส่วนตัวอย่างไม่สงสัย เพื่อนหนุ่มสาวผู้งดงาม ศรัทธาที่ไม่ได้รับการทดสอบก็ไม่ใช่ศรัทธาเท่าไหร่เลย เราพูดว่าเราสร้างบนศิลาของพระคริสต์ เรา ควรจะ เป็นเช่นนั้น เพราะชีวิตมีลมพายุโหมซัด รากฐานบนพื้นทรายจะไม่คงอยู่เมื่อลมพัดมาและฝนหลั่งมาและน้ำท่วมขึ้นมา33

ความคิดเห็นสุดท้ายขณะที่เราเข้าสู่บทสรุปของการถ่ายทอดทั่วโลกครั้งนี้ในปีใหม่ที่พิเศษ รวมถึงปีสถาบันใหม่ บางท่านอาจกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่สำคัญกว่าการเลือกหลักสูตรในโรงเรียนหรืออาชีพการงานที่ท่านควรทำ บางท่านอาจกำลังต่อสู้กับภาระของความรู้สึกผิด—ไม่มีสิ่งใดสร้างความเสียหายและทำให้ความหวังของเราลดลงและทำให้เราห่างเหินจากพระผู้เป็นเจ้าได้มากกว่าที่การล่วงละเมิดนำมาให้ ข้าพเจ้าและซิสเตอร์ฮอลแลนด์ ไม่ได้ เลือกโดยเจตนาที่จะให้คำพูดนี้เกี่ยวกับบาปหรือการล่วงละเมิด แต่จะเป็นการไร้ความรับผิดชอบที่เราจะไม่พูดถึงสิ่งที่พระองค์ตรัสว่าเป็นภาระหน้าที่ของเราที่จะต้องสอน

จะมีความจำเป็นทุกหนแห่งเสมอสำหรับหลักธรรมที่เต็มไปด้วยความหวัง และ การลงมือกลับใจ เมื่อเราล่วงละเมิด เรารู้อย่างแน่ชัดว่าเหตุใดเปลวไฟแห่งความหวังของเราจึงริบหรี่และบางครั้งดูเหมือนมอดดับลง ในสภาวะเช่นนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลง มิฉะนั้นความหวังสำหรับอนาคตที่ร่าเริงใจของเราจะถึงวาระสุดท้าย เทียนนั้นดับลงอย่างถาวรแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนต้องกลับใจ เราทุกคน! ทุกวัน อย่างที่ประธานเนลสันกล่าวไว้34

ดังนั้น ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าขอให้ท่านจัดการกับภาระของการล่วงละเมิดทันที เริ่มเดี๋ยวนี้ เพราะเท่าที่ข้าพเจ้าทราบบาปเป็นศัตรูตัวฉกาจของความหวังและความสุขในโลกทั้งหมด จงไปอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์พร้อมกับคำสารภาพของท่าน และหากบาปของท่านเรียกร้องจงไปอยู่ต่อหน้าอธิการของท่าน แต่จงเปลี่ยนสิ่งที่ผิด ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก การกลับใจเป็นวิธีที่เราได้รับการเริ่มต้นใหม่ เป็นวิธีมีอนาคตที่ไกลขึ้น ชีวิตก็ยากพอแล้วโดยไม่ต้องแบกรับความผิดบาปไว้บนหลังของท่าน—ทั้งวัน ทุกวัน ทั้งคืน ทุกคืน จงยกภาระนั้นออกไป จงเปลี่ยนความกังวลให้เป็นสันติสุข จงเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความสุข พระคริสต์ทรงสละพระชนม์ชีพของพระองค์เองเพื่อที่ท่านจะเป็นอิสระในการทำเช่นนั้น

จากนั้นท่านสามารถทำตามที่นีไฟขอให้เราทุกคนทำ ในสิ่งที่ถือว่าเป็นคำกล่าวอำลาก่อนท่านสิ้นชีวิต บุตรคนนี้ผู้เห็นความขัดแย้งและการต่อสู้มากมายกล่าวสิ่งที่ซิสเตอร์ฮอลแลนด์กับข้าพเจ้าต้องการและพยายามกล่าวค่ำคืนนี้:

“มุ่งหน้าด้วยความแน่วแน่ในพระคริสต์, โดยมีความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง, และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง”35

“ความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง” ที่เกิดจากความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง—นั่นคือสิ่งที่เราปรารถนาจะมอบให้ท่านในปีใหม่นี้ สิ่งที่มาพร้อมกับความหวังอันเจิดจ้านั้นคือเสียงกระซิบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักท่าน พระคริสต์ทรงเป็นผู้วิงวอนแทนท่าน และพระกิตติคุณเป็นความจริง ความสว่างนั้นจะเตือนท่านว่าในพระกิตติคุณ—ทุกๆ วัน ทุกๆ เวลา—มีโอกาสใหม่ ชีวิตใหม่ ปีใหม่อยู่เสมอ นี่คือปาฏิหาริย์! นี่คือของประทาน! และเพราะของประทานแห่งพระคริสต์ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตจึงเป็นของเรา หากเรายังคงเชื่ออย่างแน่วแน่ พยายามต่อไป และหวังต่อไป

ท่านจำสภาวะของโลกต่างๆ ที่ข้าพเจ้าพูดถึงเมื่อตอนเริ่มต้นได้ไหม? จงเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นและความท้าทายส่วนตัวของท่านโดยรู้ว่าด้วยศรัทธา ทุกสิ่งจะลงเอยด้วยดี ปฏิเสธที่จะยอมรับโลกนี้ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ จงส่องความเจิดจ้าแห่งความหวังของท่านบนโลก และ ทำให้ โลกเป็นอย่างที่ ควร จะเป็น จงเป็นแสงสว่างนั้นที่ซิสเตอร์ฮอลแลนด์ขอให้ท่านเป็น แสงสว่างที่ไม่มีวันดับสูญ แสงแห่งพระผู้ช่วยให้รอดของโลก

ข้าพเจ้าขอประสาทพรแห่งอัครสาวกให้พวกท่านค่ำคืนนี้สำหรับปีใหม่เกี่ยวกับสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้แน่นอนและสิ่งที่ท่านจะต้องการเสมอ ข้าพเจ้าให้พรด้วยความรักที่ข้าพเจ้ามีให้กับท่าน ความรักของพระเจ้าที่มีให้ท่าน ความรักของฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองที่มีให้ท่าน ความรักของทุกคน! และการเข้าร่วมของท่านที่นี่ค่ำคืนนี้ ข้าพเจ้าให้พรท่านว่าพลังอันเรียบง่ายแต่งดงามที่มีอยู่ในหลักธรรมแห่งความรอด เช่น ศรัทธา ความหวัง และจิตกุศล จะประจักษ์ชัดและได้ผลชะงัดในชีวิตท่าน ข้าพเจ้าให้พรที่ท่านจะรู้ ดังที่ข้าพเจ้ารู้แน่นอน ว่าพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีคุณค่าเป็นการส่วนตัว เต็มไปด้วยความหวังที่ยั่งยืน และเป็นความจริงนิรันดร์ ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยสิทธิอำนาจของอัครสาวกว่าเป็นเช่นนั้นจริง และดังนั้นจึงเป็นคำตอบเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับความท้าทายมากมายของชีวิตท่านและข้าพเจ้า และวิธีเดียวที่จะได้รับความสูงส่งในนิรันดรอันสง่างาม

ข้าพเจ้าให้พรท่านคนใดที่อาจกำลังพูดถึง “วิกฤตศรัทธา” ในช่วงนี้ ศรัทธาที่แท้จริง ศรัทธาที่เปลี่ยนชีวิต ศรัทธาแบบอับราฮัม ล้วนอยู่ในวิกฤตเสมอ นั่นคือวิธีที่ท่านจะพบได้ว่านี่คือศรัทธาจริงๆ หรือไม่ ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่ายิ่งมีศรัทธา วิกฤตยิ่งลดน้อยลง จนในที่สุดพระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดี​แล้ว เจ้า​เป็น​บ่าว​ที่​ดี​และ​ซื่อ‍สัตย์”36

ข้าพเจ้าให้พรทุกท่านที่จะรู้ว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายแห่งนี้คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์จริงๆ และโดยผ่านศาสนพิธีและโอกาสที่ศาสนจักรมอบให้เท่านั้นที่จะทำให้คนๆ หนึ่ง “​โต​เต็ม​ถึง​ขนาด​ความ​บริ‌บูรณ์​ของ​พระ‍คริสต์”37 ข้าพเจ้าให้พรท่านแต่ละคน เป็นรายบุคคลและตามชื่อของท่าน ให้มีของประทานทุกอย่างที่ท่านจำเป็นต้องมีสำหรับภารกิจนี้ และให้พรท่าน วิงวอนท่าน ที่จะเพียรพยายามด้วยความอดทนขณะที่พระบิดาในสวรรค์ทรงหาวิธีที่ดีที่สุดในพระปรีชาญาณของพระองค์ที่จะประทานสิ่งที่ท่านขอให้บ่อยๆ แต่ประทานสิ่งที่จำเป็นต่อท่านให้อย่างไม่สิ้นสุด ข้าพเจ้าให้พรท่านด้วยความรักอันสูงส่งของพระผู้เป็นเจ้า การวิงวอนแทนของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเราชั่วนิรันดร์ และการปลอบโยนตลอดเวลาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อำนาจฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ และการพยากรณ์ที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสืบทอดในปัจจุบัน ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์มอรมอน และ “ความเจิดจ้าอันบริบูรณ์แห่งความหวัง” ที่พระกิตติคุณนี้มอบให้ ข้าพเจ้ามอบคำพยานอันศักดิ์สิทธิ์จากใจจริงด้วยชีวิตข้าพเจ้า ในพระนามของพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาแห่งความหวังทั้งปวงของข้าพเจ้า แม้พระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เอเมน