การประชุมใหญ่สามัญ
การเดินทางส่วนตัวของลูกพระผู้เป็นเจ้า
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2021


การเดินทางส่วนตัวของลูกพระผู้เป็นเจ้า

ในฐานะบุตรธิดาในพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เรารัก ให้เกียรติ เลี้ยงดู คุ้มครอง และต้อนรับวิญญาณเหล่านั้นที่มาจากโลกก่อนเกิด

เราแต่ละคนได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ทั่วโลกขณะที่ครอบครัวและมิตรสหายพ้นความเป็นมรรตัยไปอย่างคาดไม่ถึง ข้าพเจ้าขอขอบคุณสามท่านที่เราคิดถึงอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนทุกคนที่เรารักมาก

ภาพ
บราเดอร์และซิสเตอร์อึนซอนดี

นี่คือบราเดอร์ฟิลิปเปและซิสเตอร์เจอร์เมน อึนซอนดี บราเดอร์อึนซอนดีรับใช้เป็นผู้ประสาทพรของสเตคบราซซาวิล สาธารณรัฐคองโกตอนที่เสียชีวิต เขาเป็นแพทย์ที่แบ่งปันพรสวรรค์ให้ผู้อื่นอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่1

ภาพ
คลารา รูอาโนเดอวียารีอัล

นี่คือซิสเตอร์คลารา เอลิซา รูอาโนเดอวียารีอัล จากตูลกัน เอกวาดอร์ เธอเปิดแขนรับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูในวัย 34 ปี และเป็นผู้นำที่ทุกคนรัก ครอบครัวเธอกล่าวอำลาโดยร้องเพลงโปรดของเธอ “ฉันรู้พระผู้ไถ่ทรงพระชนม์”2

ภาพ
เรย์ ตูอิเนอูกับครอบครัว

นี่คือบราเดอร์เรย์ ตูอิเนอูจากยูทาห์กับครอบครัวที่น่ารักของเขา จูเลียตภรรยาเขากล่าวว่า “ดิฉันอยากให้ [ลูกชายจดจำว่าพ่อของพวกเขา] พยายามให้พระผู้เป็นเจ้ามาก่อนเสมอ”3

พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าจงอยู่ด้วยกันด้วยความรัก, ถึงขนาดที่เจ้าจะร่ำไห้เพราะการสูญเสียพวกเขาที่ตาย” 4

แม้จะร่ำไห้ แต่เราชื่นชมยินดีในการฟื้นคืนพระชนม์อันรุ่งโรจน์ของพระผู้ช่วยให้รอดเช่นกัน เพราะพระองค์ คนที่เรารักและมิตรสหายของเราเดินทางต่อไปในเส้นทางนิรันดร์ ดังที่ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธอธิบาย: “เราจะลืมพวกเขาไม่ได้ เราไม่หยุดรักพวกเขา … พวกเขาล่วงหน้าไปแล้ว เรากำลังก้าวหน้า เรากำลังเติบโตเหมือนที่พวกเขาเติบโตมาแล้ว” 5 ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวว่า “น้ำตาแห่งความเศร้าโศก … เปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความคาดหวัง”6

เรารู้เกี่ยวกับชีวิตก่อนเกิด

มุมมองนิรันดร์ของเราไม่เพียงขยายความเข้าใจเกี่ยวกับคนที่เดินทางต่อไปหลังความเป็นมรรตัยเท่านั้น แต่ยังเปิดความเข้าใจของเราเกี่ยวกับคนที่เพิ่งเริ่มเดินทางและเพิ่งเข้าสู่ความเป็นมรรตัยตอนนี้ด้วย

ทุกคนที่มายังแผ่นดินโลกเป็นบุตรหรือธิดาสุดพิเศษของพระผู้เป็นเจ้า7 การเดินทางส่วนตัวของเราไม่ได้เริ่มตอนเกิด ก่อนเราเกิด เราอยู่ด้วยกันในโลกของการเตรียมที่เรา “ได้รับบทเรียนแรกๆ [ของเรา] ในโลกแห่งวิญญาณ”8 พระเยโฮวาห์รับสั่งกับเยเรมีย์ว่า “เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าขึ้นในครรภ์ และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้” 9

บางคนอาจสงสัยว่าชีวิตเริ่มต้นเมื่อมีการก่อร่างเป็นเอ็มบริโอ หรือเมื่อหัวใจเริ่มเต้น หรือเมื่อเด็กมีชีวิตอยู่นอกครรภ์ได้กันแน่ แต่สำหรับเรา ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าบุตรธิดาทางวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้ากำลังอยู่บนเส้นทางส่วนตัวของตนเองมายังแผ่นดินโลกเพื่อรับร่างกายและประสบความเป็นมรรตัย

ในฐานะบุตรธิดาในพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เรารัก ให้เกียรติ เลี้ยงดู คุ้มครอง และต้อนรับวิญญาณเหล่านั้นที่มาจากโลกก่อนเกิด

การอุทิศตนที่น่าอัศจรรย์ของสตรี

สำหรับสตรี การมีบุตรอาจเป็นการเสียสละอย่างมากทางร่างกาย อารมณ์ และเศรษฐกิจ เรารักและยกย่องสตรีที่ยอดเยี่ยมของศาสนจักรนี้ ด้วยไหวพริบและปัญญา ท่านแบกภาระครอบครัว ท่านรัก ท่านรับใช้ ท่านเสียสละ ท่านเสริมสร้างศรัทธา ปฏิบัติศาสนกิจต่อคนขัดสน และกระทำคุณประโยชน์อย่างมากต่อสังคม

หน้าที่รับผิดชอบศักดิ์สิทธิ์ของการคุ้มครองชีวิต

หลายปีก่อน ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์รู้สึกกังวลมากกับจำนวนการทำแท้งในโลก ท่านจึงกล่าวปราศรัยกับสตรีของศาสนจักรด้วยถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับเราวันนี้ ท่านกล่าวว่า: “ท่านผู้เป็นภรรยาและมารดา ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวของครอบครัว ท่านให้กำเนิดบุตร นั่นเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง … เกิดอะไรขึ้นกับความชื่นชมของเราต่อความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตมนุษย์? การทำแท้งเป็นความชั่วร้ายที่รุนแรง มีอยู่จริง และน่ารังเกียจ ซึ่งกำลังโหมกระหน่ำทั่วแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าขอร้องสตรีของศาสนจักรนี้ให้หลีกหนี ยืนให้เหนือกว่า และอยู่ห่างจากสถานการณ์เสี่ยงที่ทำให้การทำแท้งเหมือนเป็นที่พึงปรารถนา อาจมีสภาวการณ์ไม่กี่อย่างที่อาจทำแท้งได้ แต่สภาวการณ์เช่นนั้นมีจำกัดมากและส่วนใหญ่แล้วแทบไม่เกิดขึ้น”10 … ท่านเป็นมารดาของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า ชีวิตพวกเขาศักดิ์สิทธิ์ การคุ้มครองพวกเขาเป็นความรับผิดชอบจากสวรรค์ซึ่งจะปัดให้พ้นตัวไม่ได้11

เอ็ลเดอร์มาร์คัส บี. แนชเล่าเรื่องหญิงวัย 84 ปีที่ดีคนหนึ่งให้ข้าพเจ้าฟังว่าระหว่างการสัมภาษณ์บัพติศมา เธอ “ยอมรับว่าเคยทำแท้ง [หลายปีก่อนหน้านั้น]” เธอพูดด้วยความสะเทือนใจว่า: “ดิฉันแบกความหนักอึ้งทุกวันในชีวิตมานานสี่สิบหกปีจากการทำแท้ง … ไม่ว่าจะทำอะไรก็เอาความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดนั้นออกไปไม่ได้ ดิฉันสิ้นหวังจนกระทั่งได้เรียนพระกิตติคุณที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ ดิฉันเรียนรู้วิธีกลับใจ … และเต็มไปด้วยความหวังทันที ในที่สุดดิฉันก็ได้รู้ว่าจะได้รับการให้อภัยถ้าดิฉันกลับใจจากบาปจริงๆ”12

เราสำนึกคุณอย่างยิ่งต่อของประทานแห่งการกลับใจและการให้อภัย

เราจะทำอะไรได้บ้าง?

เรามีความรับผิดชอบอะไรในฐานะสานุศิษย์ผู้รักสันติของพระเยซูคริสต์? ขอให้เราดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า สอนพระบัญญัติแก่ลูกๆ และบอกกับคนอื่นๆ ที่ยินดีรับฟัง13 ขอให้เราแบ่งปันความรู้สึกลึกๆ ของเราเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตกับคนที่ตัดสินใจในสังคม พวกเขาอาจไม่ชื่นชมสิ่งที่เราเชื่อเท่าใดนัก แต่เราสวดอ้อนวอนขอให้พวกเขาเข้าใจถ่องแท้มากขึ้นว่าเหตุใดเราจึงถือว่าการตัดสินใจเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่สิ่งที่บุคคลหนึ่งต้องการสำหรับชีวิตตนเอง

ถ้ามีคนตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ ขอให้เราหยิบยื่นความรัก กำลังใจ และความช่วยเหลือด้านการเงินเมื่อจำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้เป็นแม่เข้มแข็งที่จะยอมให้ลูกเกิดมาเดินทางในความเป็นมรรตัยต่อไป14

ความสวยงามของการรับบุตรบุญธรรม

ในครอบครัวเรา เราได้รับพรล้นเหลือเมื่อสองทศวรรษก่อนที่เด็กสาววัย 16 ปีคนหนึ่งรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เธอกับพ่อของเด็กไม่ได้แต่งงานกัน และพวกเขามองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน เด็กสาวคนนี้เชื่อว่าชีวิตในครรภ์ของเธอมีค่า เธอให้กำเนิดทารกเพศหญิงและยอมให้ครอบครัวที่ชอบธรรมรับไปเป็นบุตรบุญธรรม ทารกคนนี้คือคำตอบการสวดอ้อนวอนของไบรซ์กับโจลีน พวกเขาตั้งชื่อเธอว่าเอมิลี และสอนให้เธอวางใจพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์

ภาพ
เอมิลีกับคริสเตียน

เอมิลีเติบใหญ่ เราปลาบปลื้มที่เอมิลีกับคริสเตียนหลานชายของเราตกหลุมรักและแต่งงานกันในพระนิเวศของพระเจ้า เวลานี้เอมิลีกับคริสเตียนมีลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาเอง

ภาพ
เอมิลีกับลูกสาว

เอมิลีเขียนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า: “ตลอดเก้าเดือนที่ผ่านมาในการตั้งครรภ์ ฉันมีเวลาใคร่ครวญเหตุการณ์ตอนฉันเกิด ฉันคิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดที่อายุแค่ 16 ปี ขณะประสบความเจ็บปวดและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการตั้งครรภ์ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นเรื่องลำบากแค่ไหนเมื่ออายุยังน้อยแค่ 16 ปี … แม้แต่ตอนนี้น้ำตาก็ยังไหลเมื่อนึกถึงแม่ผู้ให้กำเนิดฉัน แม่รู้ว่าไม่สามารถให้ชีวิต [อย่างที่แม่ต้องการแก่ฉันได้และยอมไม่เห็นแก่ตัว] ยกฉันให้เป็นบุตรบุญธรรม ฉันไม่อาจรู้ซึ้งถึงสิ่งที่แม่เจอในช่วงเก้าเดือนนั้น—ต้องถูกมองด้วยสายตาที่ตัดสินขณะร่างกายเปลี่ยนไป ต้องพลาดประสบการณ์วัยรุ่น ทั้งที่รู้ว่าเมื่อคลอดออกมาด้วยความรักของแม่แล้วแม่จะต้องยกลูกให้ไปอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น ฉันขอบคุณจริงๆ ต่อการเลือกที่ไม่นึกถึงตนเองของแม่ ที่แม่ไม่ได้เลือกใช้สิทธิ์เสรีของแม่ไปในทางที่จะพรากสิทธิ์เสรีไปจากฉัน” เอมิลีทิ้งท้ายว่า “ฉันขอบพระทัยสำหรับแผนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาบนสวรรค์ สำหรับพ่อแม่ที่ยอดเยี่ยมผู้ [รักและดูแล] ฉัน และสำหรับพระวิหารที่เราสามารถผนึกกันเป็นครอบครัวชั่วนิรันดร์”15

ภาพ
ภาพปะติด

พระผู้ช่วยให้รอด “ทรงเอาเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนท่าม‍กลางพวกสาวก และทรงอุ้มเด็กคนนั้นไว้ ตรัสกับเขา‍ทั้ง‍หลายว่า ใครก็ตามที่ยอมรับเด็ก [เหล่านี้] ในนามของเรา คนนั้นยอมรับเรา”16

เมื่อความปรารถนาอันชอบธรรมยังไม่เป็นดังหวัง

ข้าพเจ้าแสดงความรักความเห็นใจต่อคู่ชายหญิงชอบธรรมที่แต่งงานกันแต่ไม่สามารถมีลูกตามที่พวกเขาตั้งตารอ และต่อชายหญิงที่ยังไม่มีโอกาสแต่งงานตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า ความฝันที่ไม่เป็นจริงของชีวิตเข้าใจยากถ้ามองจากมุมของความเป็นมรรตัยเท่านั้น ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าเมื่อท่านซื่อสัตย์ต่อพระเยซูคริสต์และพันธสัญญาของท่าน ท่านจะได้รับพรชดเชยในชีวิตนี้และสมความปรารถนาอันชอบธรรมของท่านในเส้นเวลานิรันดร์ของพระเจ้า17 เรามีความสุขได้ในการเดินทางมรรตัยแม้เมื่อความหวังอันชอบธรรมทั้งหมดของเราไม่เป็นดังหวัง18

เมื่อเกิดมาแล้ว เด็กยังต้องการความช่วยเหลือของเราต่อไป บางคนต้องการอย่างมาก แต่ละปีเด็กหลายล้านชีวิตได้รับพรผ่านอธิการผู้ห่วงใยและเงินบริจาคอดอาหารกับกองทุนเพื่อมนุษยธรรมจากการบริจาคอย่างเอื้อเฟื้อของท่าน เมื่อเร็วๆ นี้ฝ่ายประธานสูงสุดเพิ่งประกาศช่วยเหลือยูนิเซฟอีก 20 ล้านดอลลาร์ในความร่วมมือกันทั่วโลกเพื่อฉีดวัคซีนให้ได้สองพันล้านเข็ม19 เด็กๆ ได้รับความรักจากพระผู้เป็นเจ้า

การตัดสินใจศักดิ์สิทธิ์ที่จะมีลูก

ที่น่าห่วงก็คือแม้แต่ในบางประเทศที่เจริญที่สุดของโลกก็ยังมีจำนวนเด็กเกิดน้อยลง20 “พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าที่ให้บุตรธิดาของพระองค์ขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลกยังมีผลบังคับ”21 เมื่อใดจะมีบุตรและจะมีบุตรกี่คนเป็นการตัดสินใจส่วนตัวที่ต้องทำระหว่างสามีภรรยากับพระเจ้า การตัดสินใจเรื่องศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ด้วยศรัทธาและการสวดอ้อนวอนจะเป็นประสบการณ์การเปิดเผยที่สวยงาม22

ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องครอบครัวเลงจากเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ซิสเตอร์รีเบคกา เลง เขียนว่า:

ภาพ
ครอบครัวเลง

“ในฤดูร้อนปี 2011 ชีวิตครอบครัวเราดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ เราแต่งงานกันอย่างมีความสุข มีลูกสี่คน—อายุ 9 ขวบ, 7 ขวบ, 5 ขวบ, และ 3 ขวบ

“การตั้งครรภ์และการคลอดของฉันมีความเสี่ยงสูง … [และ] เรารู้สึกได้รับพร [มาก] ที่มีลูกถึงสี่คน [เราคิด] ว่าครอบครัวเราสมบูรณ์แล้ว ในเดือนตุลาคมขณะฟังการประชุมใหญ่สามัญ ฉันรู้สึกชัดเจนว่าเราต้องมีลูกอีกคน เมื่อเลอแกรนด์กับฉันไตร่ตรองและสวดอ้อนวอน … เรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีแผนให้เราต่างจากที่เรามีให้ตัวเราเอง

“หลังจากตั้งครรภ์และคลอดบุตรอย่างยากลำบากอีกครั้ง เราได้ลูกสาวที่น่ารักมาหนึ่งคน เราตั้งชื่อเธอว่าบรีเอล เธอเป็นปาฏิหาริย์ ช่วงหลังเธอเกิด ขณะยังอยู่ใน [ห้องคลอด] ฉันได้ยินเสียงชัดเจนของพระวิญญาณว่า: ‘ยังมีอีกคน’

“สามปีต่อมา อีกหนึ่งปาฏิหาริย์คือมีอา บรีเอลกับมีอาเป็นความปีติยินดีอย่างยิ่งของครอบครัวเรา” เธอทิ้งท้ายว่า “การเปิดรับการทรงนำของพระเจ้าและการทำตามแผนของพระองค์สำหรับเราย่อมนำความสุขมาให้มากกว่า … การพึ่งพาความเข้าใจของเราเองเสมอ”23

ภาพ
บรีเอลกับมีอา เลง

พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักเด็กล้ำค่าแต่ละคน

“และพระองค์ทรงพาเด็กเล็กๆ ของพวกเขามา, ทีละคน, และประทานพรให้พวกเขา …

“และ … พวกเขาทอดสายตาไปทางฟ้าสวรรค์, … และพวกเขาเห็นเทพพากันลงมาจากสวรรค์ … อยู่ท่ามกลางไฟ; และพวกเทพ … ห้อมล้อมเด็กเล็กๆ เหล่านั้น, … และเทพปฏิบัติต่อพวกเขา”24

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าการเดินทางส่วนตัวของท่านในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เริ่มเมื่ออากาศของแผ่นดินโลกพรั่งพรูเข้าไปในปอดของท่าน และจะไม่สิ้นสุดเมื่อท่านหายใจเฮือกสุดท้ายในความเป็นมรรตัย

ขอให้เราระลึกอยู่เสมอว่าลูกทางวิญญาณแต่คนของพระผู้เป็นเจ้ากำลังมายังแผ่นดินโลกในการเดินทางส่วนตัวของพวกเขาเอง25 ขอให้เราต้อนรับพวกเขา คุ้มครองพวกเขา และรักพวกเขาเสมอ เมื่อท่านต้อนรับเด็กล้ำค่าเหล่านี้ในพระนามของพระผู้ช่วยให้รอด และช่วยพวกเขาในการเดินทางนิรันดร์ ข้าพเจ้าสัญญาว่าพระเจ้าจะทรงอวยพรท่านและโปรยความรักความเห็นชอบของพระองค์มาบนท่าน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. จดหมายส่วนตัว

  2. จดหมายส่วนตัว. ดู “ฉันรู้พระผู้ไถ่ทรงพระชนม์,” หนังสือเพลงสวด, บทเพลงที่ 59.

  3. จดหมายส่วนตัว

  4. หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:45.

  5. Joseph F. Smith, ใน Conference Report, Apr. 1916, 3.

  6. ใน Trent Toone, “‘A Fulness of Joy’: President Nelson Shares Message of Eternal Life at His Daughter’s Funeral,” Church News, Jan. 19, 2019, thechurchnews.com.

  7. ดู “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” ChurchofJesusChrist.org.

  8. หลักคำสอนและพันธสัญญา 138:56.

  9. เยเรมีย์ 1:5. พันธสัญญาใหม่บอกว่ายอห์นผู้ถวายบัพติศมาดิ้นอยู่ในครรภ์ขณะเอลีซาเบธพบมารีย์ที่กำลังตั้งครรภ์พระเยซู (ดู ลูกา 1:41)

  10. จุดยืนอย่างเป็นทางการของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย:

    “ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรจึงคัดค้านการเลือกทำแท้งเพื่อความสะดวกสบายส่วนตัวหรือทางสังคม และแนะนำไม่ให้สมาชิกศาสนจักรยินยอมให้กระทำ เป็นผู้ลงมือกระทำ สนับสนุน ออกค่าใช้จ่าย หรือเตรียมการสำหรับการทำแท้งลักษณะดังกล่าว

    “ศาสนจักรอนุญาตให้มีข้อยกเว้นซึ่งอาจเกิดขึ้นได้สำหรับสมาชิกในกรณีต่อไปนี้:

    “การตั้งครรภ์เป็นผลมาจากการถูกข่มขืนหรือการร่วมประเวณีกับสายเลือดเดียวกัน หรือ

    “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยว่าชีวิตหรือสุขภาพของมารดาอยู่ในอันตรายร้ายแรง หรือ

    “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าทารกในครรภ์มีความพิการขั้นรุนแรงซึ่งจะทำให้ไม่สามารถมีชีวิตเองได้หลังคลอด

    “ศาสนจักรสอนสมาชิกว่าแม้แต่ข้อยกเว้นที่เกิดขึ้นยากเหล่านี้ก็มิได้รับรองว่าการทำแท้งนั้นชอบธรรมโดยอัตโนมัติ การทำแท้งเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดเรื่องหนึ่ง พึงพิจารณาดำเนินการก็ต่อเมื่อปรึกษากับผู้นำศาสนจักรในท้องที่แล้วและรู้สึกผ่านการสวดอ้อนวอนส่วนตัวว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้อง

    “ศาสนจักรยังมิได้เห็นชอบหรือคัดค้านญัตติทางกฎหมายหรือการประท้วงของสาธารณชนเกี่ยวกับการทำแท้ง” (“Abortion,” Newsroom, newsroom.ChurchofJesusChrist.org; ดู คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, 38.6.1, ChurchofJesusChrist.org) ด้วย.

  11. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “เดินไปในความสว่างของพระเจ้า,” เลียโฮนา, ม.ค. 1999, 117–118.

    ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์กล่าวว่า:

    “การทำแท้งเป็นเรื่องน่าเกลียด เรื่องต่ำทราม เรื่องซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกผิด ความเศร้าโศก และความเสียใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “แม้ว่าเราประณามการทำแท้ง แต่เราอนุญาตให้ทำได้ในบางกรณี เช่น การตั้งครรภ์อันเป็นผลมาจากการร่วมประเวณีกับสายเลือดเดียวกันหรือถูกข่มขืน เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยว่าชีวิตหรือสุขภาพของมารดาอยู่ในอันตรายร้ายแรง หรือเมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าทารกในครรภ์มีความพิการขั้นรุนแรงซึ่งจะทำให้ไม่สามารถมีชีวิตเองได้หลังคลอด

    “แต่กรณีเช่นนั้นเกิดขึ้นยากมาก และมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ในสภาวการณ์เหล่านี้ขอให้ผู้มีคำถามปรึกษาหารือกับผู้นำทางศาสนาในท้องที่ของพวกเขา และสวดอ้อนวอนด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งเพื่อรับการยืนยันผ่านการสวดอ้อนวอนก่อนดำเนินการ” (เปรียบเทียบ “ผู้คนทั่วไปถามอะไรเกี่ยวกับพวกเราบ้าง,” เลียโฮนา, ม.ค. 1999, 83).

  12. ดู Neil L. Andersen, The Divine Gift of Forgiveness (2019), 25.

    ครั้งหนึ่งในฝรั่งเศส ระหว่างการสัมภาษณ์บัพติศมา สตรีคนหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าเรื่องการทำแท้งเมื่อหลายปีก่อน ข้าพเจ้าขอบคุณความดีของเธอ เธอรับบัพติศมา ราวปีต่อมา ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนสตรีที่ดีมากคนนี้ในปีนั้นตั้งแต่เธอรับบัพติศมา เธอโทรมาพลางสะอึกสะอื้นว่า: “คุณจำที่ … ดิฉันบอกคุณเรื่องการทำแท้งเมื่อหลายปีก่อนได้ไหมคะ? ดิฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ปีที่ผ่านมา [นี้] เปลี่ยนดิฉัน … ใจดิฉันหันมาหาพระผู้ช่วยให้รอด … ดิฉันเจ็บปวดมากจากความรุนแรงของบาปจนไม่มีทางคืนสภาพเดิม”

    ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระเจ้าทรงรักสตรีคนนี้มาก ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์กล่าวว่า: “การคืนสภาพเดิมในสิ่งที่ท่านคืนสภาพเดิมไม่ได้ เยียวยาสิ่งที่ท่านเยียวยาไม่ได้ ซ่อมสิ่งที่ท่านทำเสียและซ่อมไม่ได้คือจุดประสงค์ของการชดใช้ของพระคริสต์ เมื่อความปรารถนาของท่านมั่นคงและท่านเต็มใจจ่าย ‘จน‍กว่า​จะ​ใช้​หนี้​หมด’ [ดู มัทธิว 5:25–26] กฎการชดใช้ถูกระงับไว้ หนี้ของท่านถูกโอนไปให้พระเจ้า พระองค์จะทรงจัดการให้ท่าน” (“The Brilliant Morning of Forgiveness,” Ensign, Nov. 1995, 19–20) ข้าพเจ้ารับรองกับเธอว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงรักเธอ พระเจ้าไม่เพียงยกบาปไปจากเธอเท่านั้น แต่ทรงเพิ่มพลังและขัดเกลาวิญญาณเธอด้วย (ดู Neil L. Andersen, The Divine Gift of Forgiveness, 154–156.)

  13. ดู ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “จงปกป้องเด็กๆ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 43–46.

  14. การคุ้มครองชีวิตธิดาหรือบุตรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นความรับผิดชอบของบิดาเช่นกัน บิดาทุกคนมีความรับผิดชอบทางอารมณ์ ทางวิญญาณ และทางการเงินต่อการต้อนรับ รัก และดูแลบุตรที่จะมายังแผ่นดินโลก

  15. จดหมายส่วนตัว

  16. มาระโก 9:36–37.

  17. ดู Neil L. Andersen, “A Compensatory Spiritual Power for the Righteous” (Brigham Young University devotional, Aug. 18, 2015), speeches.byu.edu.

  18. ดู Dallin H. Oaks, “The Great Plan of Happiness,” Ensign, Nov. 1993, 75; ดู Russell M. Nelson, “Choices,” Ensign, Nov. 1990, 75 ด้วย.

  19. ดู “Bishop Caussé Thanks UNICEF and Church Members for COVID-19 Relief,” Newsroom, Mar. 5, 2021, newsroom.ChurchofJesusChrist.org.

  20. ตัวอย่างเช่น ถ้าสหรัฐรักษาอัตราการเกิดเท่าปี 2008 คือเมื่อ13 ปีที่แล้ว ปัจจุบันจะมีเด็กมากกว่า 5.8 ล้านคน (ดู Lyman Stone, “5.8 Million Fewer Babies: America’s Lost Decade in Fertility,” Institute for Family Studies, Feb. 3, 2021, ifstudies.org/blog)

  21. ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” ChurchofJesusChrist.org. พระคัมภีร์บันทึกว่า “บุตรทั้งหลายเป็นมรดกจากพระเจ้า” (สดุดี 127:3) ดู Russell M. Nelson, “How Firm Our Foundation,” Liahona, July 2002, 83–84; ดู ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “ความจริงและแผน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 27 ด้วย.

  22. ดู นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “บุตรธิดา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 34.

  23. จดหมายส่วนตัว, 10 มี.ค. 2021.

  24. 3 นีไฟ 17:21, 24.

  25. “ตามจริงแล้ว เราต่างก็เป็นนักเดินทาง—แม้นักสำรวจชีวิตมรรตัย เราไม่ได้คุณประโยชน์จากประสบการณ์ส่วนตัวก่อนหน้า เราต้องข้ามหน้าผาสูงชันและสายน้ำเชี่ยวกรากในการเดินทางบนโลกนี้” (โธมัส เอส. มอนสัน, “ผู้สร้างสะพาน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 80)