การประชุมใหญ่สามัญ
“ดูเถิด! เราคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์”
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2021


“ดูเถิด! เราคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์”

ปาฏิหาริย์ เครื่องหมาย และการอันน่าพิศวงมีมากมายในหมู่ผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ทุกวันนี้ ทั้งในชีวิตท่านและชีวิตข้าพเจ้า

พี่น้องที่รักทั้งหลาย นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ยืนต่อหน้าท่านวันนี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานต่อท่านร่วมกับผู้ที่ปราศรัยไปแล้วว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์ พระองค์ทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์ ตรัสกับศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน และทรงรักบุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์

ในวันอาทิตย์อีสเตอร์นี้เรารำลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา1 พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพ เจ้าชายแห่งสันติ2 การชดใช้ของพระองค์ซึ่งถึงจุดสูงสุดด้วยการฟื้นคืนพระชนม์หลังจากทรงอยู่ในอุโมงค์ฝังศพที่ยืมมาสามวัน ถือเป็นปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ “เพราะดูเถิด” พระองค์ทรงประกาศ “เราคือพระผู้เป็นเจ้า; และเราคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์”3

“ปาฏิหาริย์หมดไปแล้วหรือ เพราะพระคริสต์เสด็จขึ้นสวรรค์, และทรงนั่งทางพระหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้า?”4 ศาสดาพยากรณ์มอรมอนถามในพระคัมภีร์มอรมอน ท่านตอบว่า “ไม่เลย; ทั้งเทพก็ไม่ยุติการปฏิบัติต่อลูกหลานมนุษย์”5

หลังการตรึงกางเขน เทพของพระเจ้าปรากฏต่อมารีย์กับหญิงสองสามคนที่ไปอุโมงค์ฝังศพเพื่อชโลมพระศพพระเยซู เทพกล่าวว่า:

“พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม?”6

“พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะทรงเป็นขึ้นมาแล้ว”7

อบินาไดศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนประกาศเรื่องปาฏิหาริย์นั้นว่า:

“หากพระคริสต์ไม่ทรงลุกขึ้นจากบรรดาคนตาย, … การฟื้นคืนชีวิตจะมีไม่ได้

“แต่มีการฟื้นคืนชีวิต, ฉะนั้นหลุมศพจึงไม่มีชัยชนะ, และความเจ็บแปลบแห่งความตายจึงถูกกลืนเข้าไปในพระคริสต์”8

การแสดงปาฏิหาริย์ของพระเยซูคริสต์เป็นเหตุให้สานุศิษย์ยุคแรกร้องอุทานว่า: “ท่านผู้‍นี้เป็นใครนะถึงสั่งลมกับน้ำได้ และมันก็เชื่อ‍ฟังท่าน?”9

ขณะอัครสาวกยุคแรกติดตามพระเยซูคริสต์และได้ยินพระองค์ทรงสอนพระกิตติคุณ พวกเขาเห็นปาฏิหาริย์มากมาย พวกเขาเห็นว่า “บรร‌ดาคน‍ตา‍บอดเห็นได้ พวกคน‍ง่อยเดินได้ บรร‌ดาคนที่เป็นโรค‍เรื้อนหายสะอาด บรร‌ดาคน‍หู‍หนวกได้‍ยิน บรร‌ดาคน‍ตายเป็นขึ้น และคนยาก‍จนทั้ง‍หลายได้รับข่าว‍ดี”10

ปาฏิหาริย์ เครื่องหมาย และการอันน่าพิศวงมีมากมายในหมู่ผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ทุกวันนี้ ทั้งในชีวิตท่านและชีวิตข้าพเจ้า ปาฏิหาริย์คือพระราชกิจ ปรากฏการณ์และการแสดงเดชานุภาพอันไม่จำกัดของพระผู้เป็นเจ้า และการยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็น “เหมือนกันทั้งวันวาน, วันนี้, และตลอดกาล”11 พระเยซูคริสต์ผู้สร้างทะเลทรงสามารถทำให้ทะเลสงบ พระองค์ผู้ทำให้คนตาบอดมองเห็นทรงสามารถทำให้เรามุ่งมองไปที่ฟ้าสวรรค์ พระองค์ผู้ทำให้คนโรคเรื้อนสะอาดทรงสามารถแก้ไขความทุพพลภาพของเรา พระองค์ผู้รักษาคนอ่อนเปลี้ยทรงสามารถเรียกเราให้ลุกขึ้นโดยตรัสว่า “จงตามเรามา”12

หลายท่านเห็นปาฏิหาริย์มาแล้วมากกว่าที่ท่านตระหนัก อาจดูเหมือนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่พระเยซูทรงทำให้คนตายฟื้น แต่ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ตัวชี้ว่าอะไรคือปาฏิหาริย์ ตัวชี้เดียวคือสิ่งนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า บางคนบอกว่าปาฏิหาริย์เป็นแค่ความบังเอิญหรือโชคล้วนๆ แต่ศาสดาพยากรณ์นีไฟกล่าวโทษคนที่ไม่ยอม “นำพาต่อเดชานุภาพและปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้า, และสั่งสอนโดยยกย่องปัญญาของตนเองและความรู้ของตนเอง, เพื่อพวกเขาจะได้หาผลประโยชน์”13

ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจากอำนาจสวรรค์โดยพระองค์ผู้ทรง “มีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด”14 ปาฏิหาริย์เป็นส่วนขยายในแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นสายชูชีพจากสวรรค์ถึงแผ่นดินโลก

ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาซิสเตอร์ราสแบนด์กับข้าพเจ้าอยู่ระหว่างทางไปโกเช็น ยูทาห์ เพื่อเข้าร่วมรายการสนทนากันตรงหน้าที่ถ่ายทอดไปยังผู้ชม 600,000 กว่าคนทั่วโลกใน 16 ภาษา15 รายการจะเน้นเหตุการณ์ต่างๆ ของการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยมีคำถามที่คนหนุ่มสาวจากทั่วโลกส่งมา ซิสเตอร์ราสแบนด์กับข้าพเจ้าทบทวนคำถามด้วยตนเอง คำถามเปิดโอกาสให้เราเป็นพยานถึงโจเซฟ สมิธศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า พลังของการเปิดเผยในชีวิตเรา การฟื้นฟูต่อเนื่องของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ตลอดจนความจริงและพระบัญญัติที่เราเชิดชู หลายคนที่ฟังวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ปาฏิหาริย์นั้น

เดิมทีรายการจะถ่ายทอดจากป่าศักดิ์สิทธิ์ทางตอนเหนือของนิวยอร์กที่โจเซฟ สมิธเป็นพยานว่า: “ข้าพเจ้าเห็นพระอติรูปสองพระองค์, ซึ่งความเจิดจ้าและรัศมีภาพของทั้งสองพระองค์เกินกว่าจะพรรณนาได้, พระองค์ทรงยืนอยู่เหนือข้าพเจ้าในอากาศ. องค์หนึ่งรับสั่งกับข้าพเจ้า, โดยทรงเรียกชื่อข้าพเจ้าและตรัส, พลางชี้พระหัตถ์ไปที่อีกองค์หนึ่ง—นี่คือบุตรที่รักของเรา. จงฟังท่าน!16 พี่น้องทั้งหลาย นั่นคือปาฏิหาริย์

ภาพ
ฉากเยรูซาเล็มที่โกเช็น ยูทาห์

การระบาดทั่วโลกทำให้เราต้องย้ายสถานที่ถ่ายทอดไปโกเช็น ยูทาห์ซึ่งศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้สร้างเยรูซาเล็มเก่าส่วนหนึ่งขึ้นมาใหม่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ซิสเตอร์ราสแบนด์กับข้าพเจ้าอยู่ห่างจากโกเช็นไม่กี่ไมล์ในเย็นวันอาทิตย์นั้นตอนที่เราเห็นควันโขมงมาจากทางจุดหมายของเรา ไฟป่ากำลังลุกไหม้ในละแวกนั้นและเรากังวลว่าการถ่ายทอดอาจมีความเสี่ยง ใช่จริงๆ อีก 20 นาทีก่อนการถ่ายทอดเวลา 18.00 น. ไฟฟ้าดับทั้งตึก ไม่มีไฟฟ้า! ไม่มีการถ่ายทอด มีเครื่องปั่นไฟเครื่องหนึ่งที่บางคนคิดว่าเราอาจติดเครื่องได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีไฟเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ซับซ้อนที่มีอยู่

ภาพ
ควันจากเพลิงไหม้

เราทุกคนในรายการ รวมทั้งผู้บรรยาย นักดนตรี และช่างเทคนิค—แม้แต่คนหนุ่มสาว 20 คนจากญาติๆ ของเราเอง—ล้วนทุ่มเทเต็มที่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าถอยออกมาจากน้ำตาและความสับสนของพวกเขาและทูลขอปาฏิหาริย์จากพระเจ้า “พระบิดาบนสวรรค์” ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอน “ข้าพระองค์แทบไม่เคยทูลขอปาฏิหาริย์ แต่กำลังขอในตอนนี้ การประชุมนี้ต้องเกิดขึ้นเพื่อคนหนุ่มสาวทุกคนของเราทั่วโลก เราจำเป็นต้องมีไฟฟ้าเพื่อดำเนินการต่อ หากนั่นเป็นพระประสงค์ของพระองค์”

เจ็ดนาทีหลัง 18.00 น. ไฟฟ้ากลับมาติดเร็วพอๆ กับตอนไฟฟ้าดับ ทุกอย่างเริ่มทำงาน ตั้งแต่ดนตรีและไมโครโฟนไปจนถึงวีดิทัศน์และอุปกรณ์ถ่ายทอดทั้งหมด เราเริ่มการถ่ายทอดทันที เราประสบปาฏิหาริย์

ภาพ
การแสดงดนตรีระหว่างรายการสนทนากันตรงหน้า

ขณะซิสเตอร์ราสแบนด์กับข้าพเจ้าอยู่ในรถกำลังกลับบ้านคืนนั้น ประธานและซิสเตอร์เนลสันส่งข้อความถึงเราว่า: “รอน เราอยากให้คุณรู้ว่าทันทีที่เราทราบข่าวไฟฟ้าดับ เราสวดอ้อนวอนขอปาฏิหาริย์”

ในพระคัมภีร์ยุคสุดท้ายเขียนไว้ว่า: “เพราะเรา, พระเจ้า, ยื่นมือของเราออกไปแสดงเดชานุภาพแห่งสวรรค์; เจ้าจะเห็นสิ่งนั้นไม่ได้ในตอนนี้, แต่อีกสักหน่อยเถิดและเจ้าจะเห็นสิ่งนั้น, และรู้ว่าเราดำรงอยู่, และว่าเราจะมาและปกครองกับผู้คนของเรา”17

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มาแสดงเดชานุภาพ

ปาฏิหาริย์ทำงานผ่านพลังแห่งศรัทธา ดังที่ประธานเนลสันสอนเราอย่างทรงพลังในภาคที่แล้ว ศาสดาพยากรณ์โมโรไนชักชวนผู้คนว่า “หากไม่มีศรัทธาในบรรดาลูกหลานมนุษย์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำปาฏิหาริย์ในบรรดาพวกเขาไม่ได้; ดังนั้น, พระองค์มิได้ทรงแสดงพระองค์เองจนภายหลังพวกเขามีศรัทธา”

ท่านกล่าวต่อไปว่า:

“ดูเถิด, เป็นศรัทธาของแอลมาและอมิวเล็คที่ทำให้เรือนจำพังลงสู่พื้นดิน.

“ดูเถิด, เป็นศรัทธาของนีไฟและลีไฮที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ชาวเลมัน, จนพวกเขาได้รับบัพติศมาด้วยไฟและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์.

“ดูเถิด, เป็นศรัทธาของแอมันและพี่น้องท่านที่กระทำปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่เช่นนั้นในบรรดาชาวเลมัน. …

“และทั้งไม่ว่าเวลาใดย่อมไม่มีผู้กระทำปาฏิหาริย์เลยจนหลังจากพวกเขามีศรัทธา; ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อในพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าก่อน”18

ข้าพเจ้าขอเสริมพระคัมภีร์ข้างต้นว่า “เป็นเพราะศรัทธาของผู้แสดงหนุ่มสาวที่ตั้งใจจริง เจ้าหน้าที่ดูแลการถ่ายทอด ผู้นำและสมาชิกศาสนจักร อัครสาวก และศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่แสวงหาปาฏิหาริย์อย่างแรงกล้าจนไฟฟ้ากลับเข้ามายังสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันห่างไกลในโกเช็น ยูทาห์”

ปาฏิหาริย์สามารถเป็นคำตอบการสวดอ้อนวอนได้ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราทูลขอหรือคาดหวังเสมอไป แต่เมื่อเราวางใจในพระเจ้า พระองค์จะทรงอยู่ที่นั่นและจะทรงทำสิ่งเหมาะสม พระองค์จะทรงปรับปาฏิหาริย์ให้เหมาะกับช่วงเวลาที่เราต้องการ

พระเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์เพื่อเตือนให้เรานึกถึงเดชานุภาพของพระองค์ ความรักที่ทรงมีต่อเรา อิทธิพลของพระองค์ต่อประสบการณ์มรรตัยของเรา และความปรารถนาที่จะทรงสอนสิ่งซึ่งมีค่าที่สุด “คนที่มีศรัทธาในเราที่จะรับการรักษาให้หาย” พระองค์ตรัสกับวิสุทธิชนในปี 1831 และคำสัญญาดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ “และไม่ถูกกำหนดให้ตาย, จะได้รับการรักษาให้หาย”19 มีกฎประกาศิตไว้ในฟ้าสวรรค์ และเราอยู่ภายใต้กฎเหล่านั้นเสมอ

มีหลายครั้งที่เราหวังให้ปาฏิหาริย์รักษาคนที่เรารัก พลิกความอยุติธรรม หรือทำให้ใจของคนขมขื่นหรือคนหลงผิดอ่อนลง เมื่อมองสิ่งต่างๆ ผ่านดวงตามนุษย์ เราต้องการให้พระเจ้าเข้ามาแทรกแซง แก้ไขสิ่งที่เสียหาย โดยผ่านศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิด แม้ไม่จำเป็นต้องเกิดตามตารางเวลาของเราหรือด้วยปณิธานที่เราปรารถนา นั่นหมายความว่าเรามีศรัทธาไม่พอหรือไม่สมควรได้รับการแทรกแซงจากพระองค์อย่างนั้นหรือ? ไม่เลย เราเป็นที่รักของพระเจ้า พระองค์ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อเรา และการชดใช้ของพระองค์ยังคงปลดเปลื้องภาระและบาปของเราเมื่อเรากลับใจและเข้าใกล้พระองค์

พระเจ้าทรงเตือนเราว่า “ทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา”20 พระองค์ทรงเสนอว่า “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก”21—หยุดพักจากความกังวล ความผิดหวัง ความกลัว การไม่เชื่อฟัง ความเป็นห่วงคนที่เรารัก หรือความฝันที่สูญสลาย ความสงบท่ามกลางความสับสนหรือความโศกเศร้าคือปาฏิหาริย์ จงจำพระดำรัสของพระเจ้า: “เรามิได้พูดให้ความสงบแก่จิตใจเจ้าหรือเกี่ยวกับเรื่องนี้? เจ้าจะมีพยานใดดีไปกว่าจากพระผู้เป็นเจ้าเล่า?”22 ปาฏิหาริย์คือว่าพระเยซูคริสต์ พระเยโฮวาห์ผู้ยิ่งใหญ่ พระบุตรของพระผู้สูงสุด ทรงกำลังตอบด้วยความสงบ

เฉกเช่นทรงปรากฏต่อมารีย์ในสวนโดยทรงเรียกชื่อเธอ พระองค์ทรงเรียกเราให้ใช้ศรัทธาเช่นกัน มารีย์หาทางรับใช้และดูแลพระองค์ การฟื้นคืนพระชนม์ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง แต่นั่นเป็นไปตามแผนอันสำคัญยิ่งแห่งความสุข

“จงลงมาจากกางเขนเถิด”23 กลุ่มคนไม่เชื่อเย้ยหยันพระองค์บนคัลวารี พระองค์จะทรงทำปาฏิหาริย์เช่นนั้นก็ได้ แต่ทรงทราบจุดจบตั้งแต่จุดเริ่มต้น และทรงมุ่งหมายว่าจะซื่อสัตย์ต่อแผนของพระบิดา แบบอย่างนั้นไม่ควรขาดหายไปจากเรา

พระองค์ตรัสกับเราในช่วงเวลายากลำบากว่า “จงดูแผลถูกแทงที่สีข้างเรา, และรอยตะปูที่มือและเท้าของเราด้วย; จงซื่อสัตย์, รักษาบัญญัติของเรา, และเจ้าจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดก”24 พี่น้องทั้งหลาย นั่นคือปาฏิหาริย์ที่ทรงสัญญาไว้กับเราทุกคน

ในวันอาทิตย์อีสเตอร์นี้ขณะเฉลิมฉลองปาฏิหาริย์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้า ในฐานะอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าน้อมสวดอ้อนวอนขอให้ท่านรู้สึกถึงเดชานุภาพของพระผู้ไถ่ในชีวิตท่าน ขอให้คำวิงวอนของท่านต่อพระบิดาบนสวรรค์ได้รับคำตอบด้วยความรักความมุ่งมั่นที่พระเยซูคริสต์ทรงแสดงให้เห็นตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ท่านยืนหยัดและซื่อสัตย์ในทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น และขออวยพรให้เกิดปาฏิหาริย์กับท่านเช่นที่เราประสบในโกเช็น—หากนั่นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า จงมองหาพรเหล่านี้ที่สวรรค์ส่งมาในชีวิตท่านขณะที่ท่าน “แสวงหาพระเยซูองค์นี้ผู้ซึ่งศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกเขียนไว้, เพื่อพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา, และพระเจ้าพระเยซูคริสต์ด้วย, และพระวิญญาณบริสุทธิ์, ซึ่งเป็นพยานถึงพระองค์, จะอยู่และสถิตในท่านตลอดกาล”25 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน