การประชุมใหญ่สามัญ
ผู้น่าสงสาร
การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2021


ผู้น่าสงสาร

เราต้องการทุกคนในแต่ละวอร์ดแต่ละสาขา—ทั้งผู้ที่เข้มแข็งและผู้ที่อาจกำลังต่อสู้ดิ้นรน ทุกคนเป็นที่ต้องการ

สมัยเด็ก ข้าพเจ้าจำได้ว่าขับรถไปกับคุณพ่อและเห็นผู้คนข้างทางที่พบตนเองอยู่ในสภาวการณ์ยากลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือ คุณพ่อมักจะแสดงความเห็นว่า “Pobrecito” ซึ่งแปลว่า “ผู้น่าสงสาร”

บางคร้้ง ข้าพเจ้าเฝ้าดูด้วยความสนใจขณะคุณพ่อช่วยคนเหล่านั้นหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเดินทางไปเม็กซิโกเพื่อเยี่ยมคุณปู่คุณย่า ท่านมักจะหาคนขัดสนแล้วไปหาอย่างเงียบๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามความขัดสน ต่อมาข้าพเจ้าพบว่าท่านช่วยให้คนเข้าโรงเรียน ซื้ออาหารให้ หรือจัดหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อความผาสุกของคนเหล่านั้น ท่านปฏิบัติศาสนกิจแก่ “ผู้น่าสงสาร” ที่ผ่านเข้ามาในทางของท่าน อันที่จริง ในช่วงหลายปีที่เติบโตมาข้าพเจ้านึกไม่ออกว่ามีสักครั้งหรือไม่ที่เราไม่มีใครมาอาศัยอยู่ด้วยเพราะต้องการที่พักพิงขณะพยายามพึ่งพาตนเอง การได้รู้ได้เห็นประสบการณ์เช่นนี้อยู่เสมอสร้างวิญญาณแห่งความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ชายหญิงและคนขัดสนขึ้นมาในตัวข้าพเจ้า

ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา กล่าวว่า: “มีผู้คนอยู่รอบตัวท่าน ผ่านไปมาบนถนน ท่านไปเยี่ยมเขาที่บ้าน และเดินทางอยู่ในหมู่พวกเขา คนเหล่านั้นทุกคนเป็นลูกพระผู้เป็นเจ้า เป็นพี่น้องกับท่าน … คนเหล่านั้นหลายคนกำลังค้นหาจุดหมายในชีวิต พวกเขาห่วงใยอนาคตและครอบครัวของพวกเขา” (สั่งสอนกิตติคุณของเรา: แนวทางการรับใช้งานเผยแผ่ศาสนา [2018], 1)

ตลอดหลายปีที่รับใช้ในศาสนจักร ข้าพเจ้าพยายามแสวงหาผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือในชีวิตทั้งทางโลกและทางวิญญาณ ข้าพเจ้ามักได้ยินเสียงคุณพ่อพูดว่า “Pobrecito” ผู้น่าสงสาร

ในพระคัมภีร์ไบเบิลเราพบแบบอย่างอันล้ำเลิศของการดูแลผู้น่าสงสาร:

“วัน‍หนึ่งขณะ‍ที่เป‌โตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปยังบริ‌เวณพระ‍วิหารในเวลาอธิษ‌ฐานตอนบ่ายสามโมง

“มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิดถูกหามเข้ามา ทุกๆ วันคนจะวางเขาไว้ที่ริมประตูพระวิหารซึ่งมีชื่อว่าประตูงาม เพื่อให้ขอทานจากคนทั้งหลายที่เข้าไปในพระวิหารนั้น

“เมื่อคนนั้นเห็นเปโตรกับยอห์นกำลังจะเข้าไปในพระวิหารก็ขอทาน

“เปโตรกับยอห์น เพ่งดูเขา บอกว่า จงดูเราทั้งสองเถิด

“คนนั้นก็จ้องดู คิดว่าจะได้อะไรจากท่านทั้งสอง

“แต่เปโตรกล่าวว่า เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด

“แล้วเปโตรก็จับมือขวาของเขาพยุงขึ้น ในทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลัง” (กิจการของอัครทูต 3:1–7; เน้นตัวเอน)

ขณะอ่านเรื่องนี้ ข้าพเจ้าสนใจกับการใช้คำว่า เพ่ง คำว่า เพ่ง หมายถึงการเล็งสายตาหรือความคิดหรือการมองจ้องไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (ดู “fasten” ใน Dictionary.com) เมื่อเปโตรมองดูชายคนนี้ ท่านเห็นต่างจากที่คนอื่นเห็น ท่านมองผ่านการเดินไม่ได้และความอ่อนแอของเขาแล้วเล็งเห็นว่าเขามีศรัทธามากพอที่จะหายและเข้าพระวิหารเพื่อรับพรที่เขาแสวงหา

ข้าพเจ้าสังเกตว่าท่านจับมือขวาของเขาแล้วพยุงเขาขึ้น ขณะท่านช่วยชายคนนี้เช่นนั้น พระเจ้าทรงทำปาฏิหาริย์รักษาเขา และ “เท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลัง” (กิจการของอัครทูต 3:7) ความรักที่มีต่อชายคนนี้และความปรารถนาที่จะช่วยเขาเพิ่มกำลังความสามารถในตัวชายผู้เคยอ่อนแอ

ขณะรับใช้เป็นสาวกเจ็ดสิบภาค ข้าพเจ้าจัดเวลาคืนวันอังคารไว้สำหรับออกเยี่ยมปฏิบัติศาสนกิจกับประธานสเตคในพื้นที่รับผิดชอบ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้พวกเขานัดหมายกับผู้ที่ต้องการศาสนพิธีแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์หรือผู้ที่ปัจจุบันไม่ได้รักษาพันธสัญญาที่เคยทำไว้ ด้วยการปฏิบัติศาสนกิจที่สม่ำเสมอและด้วยเจตนาแท้จริง พระเจ้าทรงขยายงานของเราและเราสามารถค้นพบบุคคลและครอบครัวที่อยู่ในความขัดสน คนเหล่านี้เป็น “ผู้น่าสงสาร” ซึ่งอาศัยอยู่ในสเตคต่างๆ ที่เรารับใช้

ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าคู่กับประธานบิลล์ วิทเวิร์ธ ประธานสเตคแซนดีย์ยูทาห์แคนยอนวิว ในการออกเยี่ยมปฏิบัติศาสนกิจ เขาสวดอ้อนวอนมากเกี่ยวกับผู้ที่เราควรไปเยี่ยม พยายามให้มีประสบการณ์อย่างนีไฟผู้ “รับการนำโดยพระวิญญาณ, โดยหารู้ล่วงหน้าไม่ถึงสิ่งที่ [เขา] ควรทำ” (1 นีไฟ 4:6) เขาแสดงให้เห็นว่าขณะเราปฏิบัติศาสนกิจ เราควรให้การเปิดเผยนำเราไปยังผู้ขัดสนที่สุด ซึ่งตรงกันข้ามกับการออกไปตามรายชื่อหรือการไปเยี่ยมคนแบบมีแบบแผน เราควรให้พลังแห่งการดลใจนำเราไป

ข้าพเจ้านึกถึงการเข้าไปในบ้านของคู่สามีภรรยาหนุ่มสาว เจฟฟ์กับเฮเธอร์ และไคลูกชายตัวน้อย เจฟฟ์เติบโตมาแบบสมาชิกที่แข็งขันของศาสนจักร เขาเป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์มากและมีงานอาชีพที่มีอนาคต เขาเริ่มห่างหายไปจากศาสนจักรในช่วงหลายปีของวัยรุ่น ต่อมาเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ซึ่งเปลี่ยนวิถีชีวิตเขา เมื่อเราเข้าไปในบ้านและทำความคุ้นเคยกัน เจฟฟ์ถามเราว่ามาหาครอบครัวเขาทำไม เราตอบว่ามีสมาชิกประมาณ 3,000 คนที่อาศัยอยู่ในเขตสเตคนี้ จากนั้นข้าพเจ้าถามเขาว่า “เจฟฟ์ จากทุกบ้านที่คืนนี้เราสามารถไปเยี่ยมได้ บอกเราทีว่าทำไมพระเจ้าจึงทรงส่งเรามาที่นี่”

เจฟฟ์เริ่มสะเทือนอารมณ์กับคำถามนั้น และเริ่มบอกข้อกังวลของเขากับปัญหาบางอย่างที่ครอบครัวเขากำลังเผชิญอยู่ เราเริ่มแบ่งปันหลักธรรมต่างๆ ของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราเชื้อเชิญให้พวกเขาทำสิ่งเจาะจงบางอย่างซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องท้าทายในตอนแรก แต่ในที่สุดจะนำความสุขและปีติใหญ่หลวงมาให้ จากนั้นประธานวิทเวิร์ธให้พรฐานะปุโรหิตแก่เจฟฟ์เพื่อช่วยให้เขาเอาชนะความท้าทาย เจฟฟ์และเฮเธอร์ตกลงทำตามคำเชื้อเชิญของเรา

ประมาณหนึ่งปีต่อมา เป็นสิทธิพิเศษที่ข้าพเจ้าได้เห็นเจฟฟ์ให้บัพติศมาเฮเธอร์ภรรยาเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เวลานี้ทั้งสองกำลังเตรียมตัวเข้าพระวิหารเพื่อผนึกกันเป็นครอบครัวเพื่อกาลเวลาและนิรันดร การเยี่ยมของเราเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเขาทั้งทางโลกและทางวิญญาณ

พระเจ้าตรัสว่า:

“ดังนั้น, จงซื่อสัตย์; จงยืนอยู่ในหน้าที่ซึ่งเรากำหนดให้เจ้า; ช่วยเหลือคนอ่อนแอ, ยกมือที่อ่อนแรง, และให้กำลังเข่าที่อ่อนล้า” (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 81:5)

“และในการทำสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะทำความดีมากที่สุดต่อเพื่อนมนุษย์ของเจ้า, และจะส่งเสริมรัศมีภาพของพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของเจ้า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 81:4)

พี่น้องทั้งหลาย อัครสาวกเปาโลได้สอนแก่นแท้อันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติศาสนกิจ ท่านสอนว่าเราทุกคนคือ “กายของพระคริสต์ และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น” (1 โครินธ์ 12:27) และว่าแต่ละอวัยวะของกายนั้นล้วนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้จรรโลงทั้งกายไว้ได้ จากนั้นท่านสอนความจริงอันทรงพลังข้อหนึ่งที่อ่านแล้วเข้าถึงจิตใจข้าพเจ้าอย่างมาก ท่านกล่าวว่า “แต่หลายๆ อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น: อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่า ไร้เกียรติ เราก็ยังทำให้ มีเกียรติยิ่งขึ้น” (1 โครินธ์ 12:22–23; เน้นตัวเอน)

ดังนั้น เราต้องการทุกคนในแต่ละวอร์ดแต่ละสาขา—ทั้งผู้ที่เข้มแข็งและผู้ที่อาจกำลังต่อสู้ดิ้นรน ทั้งหมดจำเป็นต่อการจรรโลงอันสำคัญยิ่งของทั้ง “กายของพระคริสต์” ข้าพเจ้ามักสงสัยว่าเราขาดใครบ้างในการประชุมต่างๆ ของเราที่จะเสริมสร้างเราและทำให้เราสมบูรณ์

เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันสอนว่า: “ในศาสนจักรเราไม่เพียงเรียนรู้หลักคำสอนจากสวรรค์ เรามีประสบการณ์ในการประยุกต์ใช้ด้วย ในฐานะพระวรกายของพระคริสต์ สมาชิกศาสนจักรปฏิบัติต่อกันในความเป็นจริงของชีวิตประจำวัน เราทุกคนไม่ดีพร้อม … ในพระวรกายของพระคริสต์ เราต้องไปไกลกว่าแนวคิดและถ้อยคำสูงส่งและมีประสบการณ์ ‘ตรง’ ที่เกิดขึ้นจริงขณะเรียนรู้ที่จะ ‘อยู่ด้วยกันด้วยความรัก’ [หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:45]” (“เหตุใดจึงต้องมีศาสนจักร,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 108–109)

ภาพ
ความฝันของบริคัม ยังก์

ในปี 1849 บริคัม ยังก์ฝันเห็นศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกำลังต้อนแกะกับแพะฝูงใหญ่ สัตว์เหล่านี้บางตัวอ้วนพีสวยงาม บางตัวผ่ายผอมสกปรก บริคัม ยังก์จำได้ว่ามองเข้าไปในดวงตาของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธพลางพูดว่า “โจเซฟ คุณมีฝูงสัตว์ที่น่าทึ่งที่สุด … เท่าที่ผมเคยเห็นมาทั้งชีวิต คุณกำลังจะทำอะไรกับพวกมัน?” ศาสดาพยากรณ์ที่ดูไม่กังวลกับฝูงสัตว์วุ่นวายนั้นตอบมาเพียงว่า “[บริคัม] ทุกตัวล้วนดีในที่ของมัน”

เมื่อประธานบริคัม ยังก์ตื่น ท่านเข้าใจว่าแม้ศาสนจักรจะรวบรวม “แกะกับแพะ” หลากหลาย แต่เป็นความรับผิดชอบของท่านที่จะนำทั้งหมดเข้ามาและเปิดโอกาสให้แต่ละคนตระหนักถึงศักยภาพเต็มขั้นขณะประจำที่ของตนในศาสนจักร (ดัดแปลงจาก Ronald W. Walker, “Brigham Young: Student of the Prophet,” Ensign, Feb. 1998, 56–57.)

พี่น้องทั้งหลาย ปฐมบทคำปราศรัยของข้าพเจ้าเกิดขึ้นขณะข้าพเจ้าคิดคำนึงถึง คน ที่ขณะนี้ยังไม่มีส่วนร่วมจริงจังในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าขอใช้เวลาพูดถึงพวกเขาแต่ละคนสักครู่ เอ็ลเดอร์นีล เอ. แมกซ์เวลล์สอนว่า “บุคคลเช่นนั้นที่มักใกล้ชิด—แต่ไม่เข้าร่วมอย่างเต็มที่ใน—ศาสนจักร พวกเขาจะไม่เข้ามาข้างในโบสถ์ แต่ไม่เคยออกไปพ้นระเบียง พวกเขาต้องการศาสนจักรและศาสนจักรต้องการพวกเขา แต่เป็นคนที่บางส่วน ‘อยู่ในโลกโดยปราศจากพระผู้เป็นเจ้า’ [โมไซยาห์ 27:31]” (“Why Not Now?,” Ensign, Nov. 1974, 12)

ข้าพเจ้าขอย้ำคำเชิญของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันผู้เป็นที่รักของเราขณะปราศรัยกับสมาชิกศาสนจักรครั้งแรก ท่านกล่าวว่า: “ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะพูดกับสมาชิกแต่ละท่านของศาสนจักร จงดำเนินต่อไปบนเส้นทางพันธสัญญา คำมั่นสัญญาของท่านว่าจะติดตามพระผู้ช่วยให้รอดโดยทำพันธสัญญากับพระองค์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นจะเปิดประตูรับพรทางวิญญาณและสิทธิพิเศษทุกประการที่มีให้ชาย หญิง และเด็กทุกหนแห่ง”

จากนั้นท่านวิงวอนว่า: “เวลานี้ หากท่านออกนอกเส้นทาง ข้าพเจ้าเชื้อเชิญท่านด้วยความหวังในใจข้าพเจ้าว่าโปรดกลับมาเถิด ไม่ว่าท่านมีข้อกังวลอะไร ไม่ว่าท่านมีความท้าทายอะไร มีที่ให้ท่านในศาสนจักรนี้ ศาสนจักรของพระเจ้า ท่านและอนุชนในรุ่นที่ยังไม่เกิดจะได้รับพรเพราะการกลับสู่เส้นทางพันธสัญญาของท่าน ตั้งแต่บัดนี้” (“ขณะที่เราเดินหน้าไปด้วยกัน,” เลียโฮนา, เม.ย. 2018, 7; เน้นตัวเอน)

ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงพระองค์ แม้พระเยซูคริสต์ องค์ปรมาจารย์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจและพระผู้ช่วยให้รอดของเราทั้งปวง ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้เราแต่ละคนแสวงหา “Pobrecito” “ผู้น่าสงสาร” ที่กำลังขัดสนท่ามกลางพวกเรา นี่คือความหวังและคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน