คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 3 : พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ ตั้ง แต่ แรกทรง สร้างโล ก


บทที่ 3

พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่ แรกทรงสร้างโลก

การชดใช้ของพระเยซูคริสต์เอาชนะการตกของแอดัมและ ทำให้เราสามารถกลับไปยังที่ประทับของพระบิดาได้อย่างไร?

บทนำ

ประธานฮาโรลด์ บี. ลี สอนว่า เราต้องเข้าใจการตกของมนุษย์ก่อนจึงจะเข้าใจเรื่อง การซดใข้ของพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งเอาชนะผลของการตกและทำใหํชีวิตนิรันดรเป็น ไปไต้ ท่านกล่าวว่า “สำคัญอย่างยิ่ง…ที่จะเข้าใจเรื่องการตก ซึ่งทำให้ต้องมีการซดใช้ -ต้วยเหตุนี้จึงต้องมีภารกิจของพระเจ้าพระเยซูคริสต์”1

ประธานลีเป็นพยานอยู่บ่อยๆ ถึงภารกิจจากสวรรค์ของพระผู้ช่วยให้รอด หาก ปราศจากพระองค์เราจะไม่ไต้รับการปลดปล่อยจากความตายและบาป ท่านประกาศ ว่า “พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า…ทรงมีอำนาจที่จะสร้างและบัญชาโลกต่าง ๆ พระ องค์เสด็จมาที่นี่ในฐานะพระบุตรองค์เดียวที่ถึอกำเนิดเพื่อทำให้ภารกิจสำเร็จ ที่จะ เป็นดังพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก และเพื่อนำความ รอดมาสู่มวลมนุษย์ พระองค์ทรงเปิดประตูสู่การพื่นคืนชีวิตโดยทรงสละพระชนม์ ชีพ และทรงสอนถึงวิธีที่เราจะไต้รับชีวิตนิรันดร ซึ่งหมายถึงการกลับไปสู่ที่ประทับ ของพระบิดาและพระบุตร นั่นคือพระเยซูในความยิ่งใหญ่ทั้งหมดของพระองค์”2

บทนี้พูดถึงการตกของแอดัมและอีฟ การซดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดที่เอาชนะ ผลของการตกและความรับผิดชอบของเราหากเราอยากไต้รับพรอันบริบูรณ์ของการ ซดใช้

คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี

การตกของนอต้มและอีฟทำให้พรของชีวิตมตะเป็นไปไต้อย่างไร?

แอดัมและอีฟ…ใช้อำเภอใจของตนเองและเลือกรับส่วนผลไม้ต้องห้าม ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงอยู่ภายใต้กฎของซาตาน และเพราะการไม่เชื่อฟังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึง ทรงนำเขามาส่การพิพากษา เขาต้องเรียนรู้ว่า นอกจากพระผู้เป็นเจำจะทรงเป็นพระ บิดาที่เปียมด้วยพระเมตตาแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระบิดาที่เที่ยงธรรมด้วย และเมื่อ เขาละเมิดกฎ เขาก็ต้องได้รับโทษ และเหตุฉะนี้จึงถูกขับออกจากสวนที่สวยงามแห่ง นั้น ความไม่แน่นอนทั้งปวงที่มนุษยํได้รับก็เกิดขึ้นกับเขานับแต่นั้นเป็นด้นมา เขา ต้องเรียนรู้ว่าหากไม่เชื่อฟังเขาจะถูกลงโทษจากการพิพากษาที่เที่ยงธรรม และถูก บังคับให้หาเลี้ยงชีพด้วยเหงื่ออาบหน้า เพราะเวลานี้เขากลายเป็นมนุษย์แล้ว

…ความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก ความตาย เวลานี๋ใด้เช้ามาในสำนึกของเขาแล้ว แก่ ความเจ็บปวดนั้น เซ่นเดียวกับประสบการณ์ส่วนตัวของเรานับจากเวลานั้นจนถึงเวลา นี้ ทำให้เราเกิดความรู้และความเช้าใจซึ่งจะไม่มีวันได้มาหากไม่มิความเจ็บปวด…

…นอกจากการตกจะส่งผลต่อแอต้มและอีฟแล้ว ยังทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิด ขึ้นกับเขาด้วย การเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลต่อธรรมชาติทั้งหมดของมนุษย์ งานสร้าง ตามธรรมชาติทั้งหมด การสร้างสัตว์และพืชทั้งหมด-ลี่งมีชีวิตทุกรูปแบบเปลี่ยน แปลงไป แผ่นดินโลกเองก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความตาย…ไม่มีใครอธิบายได้ว่าลี่ง นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และใครก็ตามที่พยายามอธิบายก็เท่ากับพยายามพูดนอกเหนือ สิงที่พระเจำทรงบอกเรา แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับการสร้างทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ ภายใต้เงื่อนไขของความตายจนถึงเวลานั้น นับจากเวลานั้นเป็นด้นมา ทุกสิงใน ธรรมชาติจึงค่อย ๆ เลี่อมถอยจนความตายมาถึง หลังจากนั้นก็ต้องมีการนำกลับคืน ในสภาพที่ฟ้นคืนชีวิต…

…มารดาอีฟสั่งสอนคำเทศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดว่านึ่เป็นคำ เทศนาสั้นที่สุดที่มนุษย์เคยสั่งสอนมา…

“หากมิใซ่เพราะการล่วงละเมิดของเรา เราจะไม่เคยมีลูกหลานและจะไม่เคยรู้ ความดีและความชั่ว และความปีติยินดีชองการไถ่ของเรา และชีวิตนึรันดร์ซึ่งพระผู้ เป็นเจ้าประทานแก่ผู้ที่เชื่อฟังทั้งปวง” [โมเสส 5:11]

ดังนั้น เราจึงควรชื่นซมการตกเซ่นเดียวกับอีฟ การตกทำให้เรารู้ความดีและ ความชั่ว ทำให้ลูกๆ เช้าส่ชีวิตมตะ ทำให้เราได้รับความปีติยินดีของการไถ่และชีวิต นิรันดรซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ทุกคน

และเฉกเซ่นแอต้มผู้ได้รับพรด้วยของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธ “แอต้ม ถวายพระสิริพระผู้เป็นเจ้าและอิ่มเอิบ และเริ่มพยากรณ์เกี่ยวกับครอบครัวทั้งหมด ของแผ่นดินโลกมีความว่า: ขอพระนามของพระผู้เป็นเจ้าทรงพระสิริโรจนาเถิด เพราะ ด้วยการล่วงละเมิดของข้าพเจ้า ตาของข้าพเจ้าจึงถูกเปิด และในชีวิตนี้ ข้าพเจ้าจะมี ความสุข และในเนื้อหนังข้าพเจ้าจะเห็นพระผู้เป็นเจ้าอีก” [โมเสส 5:10]…

ขอพระเจ้าประทานความเข้าใจของพระองค์แก่เราถึงคุณประโยชนไหญ่หลวงที่ มาถึงเรา และขอให้เรายกย่องมรดกอันยิ่งใหญ่ที่แอดัมและอีฟมอบให็ในความคิด และในการสอนของเรา จากประสบการณ์ในการใข้อำเภอใจ คนฑงสองรับส่วนผลนั้น ซึ่งทำให้เขามีลูกหลานในชีวิตมตะเรื่อยมาหลายยุคหลายสมัย และทำให้เราได้รับคุณ ประโยซนใหญ่หลวงซึ่งโดยสิงทั้นเราจะได้รับความปีติยินดีของการไถ่ และใน เนื้อ หนัง เราจะเห็นพระผู้เป็นเจ้าและมีชีวิตนิรันดร์3

การซดใข้ของพระผู้ช่วยให้รอดเอาชนะผลของการตกอย่างไร?

พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงขับแอดัมออกจากสวนอีเด็นเพราะเขาไม่เชื่อฟ้ง เขาต้อง ประสบกับความตายทางวิญญาณ…แค่ดูเถิดข้าพเจ้ากล่าวกับท่านว่า พระเจ้าพระผู้ เป็นเจ้าประทานคำสัญญาแก่แอดัมว่า เขาจะไม่ตายทางโลกจนกว่าพระองค์จะทรงส่ง เทพออกไปประกาศการกลับใจในพระนามของพระบุตรองค์เดียวที่ถึอกำเนิด ซึ่ง โดยความตายของเขา เขาจะถูกยกขึ้นสู่ชีวิตนิรันดร [ดู ค.พ. 29:41-43]…เมื่อ แอต้มถูกขับออกจากสวนอีเด็น เขาต้องประสบกับความตายทางวิญญาณ ซึ่งหมาย ถึงการต้องแยกออกไปจากที่ประทับของพระเจ้า4

ทำไมจึงส่งพระผู้ช่วยให้รอดมายังโลกนี้? พระอาจารย์ทรงตอบคำถามนี้ด้วยพระ องค์เองระหว่างทรงปฏิบัติศาสนกิจว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาใน โลก มีใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แค่เพื่อช่วยกิโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” [ยอห้น 3:17]…

รอดจากอะไรหรือ? ไถ่จากอะไรหรือ? อันดับแรก รอดจากความตายในชีวิตมตะ โดยการพื่นคืนชีวิตของคนตาย แต่ในอีกความหมายหนึ่ง เราเองก็รอดโดยการเสืย สละทางการซดใข้ฃองพระองค์ เรารอดจากบาป5

สำหรับสิทธิชนยุคสุดท้าย ความรอดหมายถึงการปลดปล่อยจากความเป็นทาส และผลของบาปโดยอำเภอใจจากสวรรค์ หมายถึงการช่วยให้รอดจากบาปและการ ลงโทษนิรันดรโดยทางการซดใช้ของพระคริสต์

ข้าพเจ้าติดว่าไม่มีที่ใดพูดถึงแผนแห่งการซดใช่ไต้ดีไปกว่าในข้อเชียนของเจคอบ ตามที่พบในพระคัมภีร์มอรมอน 2 นิไฟ บทที่ 9 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่าน เอาใจใส่ และกระตุ้นท่านให้อ่านคำอธิบายที่ลํ้าค่านี้อย่างกี่ถ้วนหลาย ๆ ครั้ง…

“โอ้ความยิ่งใหญ่แห่งพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าของเรา พระผู้บริสุทขึ้ของ อิสราเอล! เพราะพระองค์ทรงปลดปล่อยสิทธิชนของพระองคํให้พ้นจากมารอสูรร่าย ผู้นั้น และความตาย และนรก และทะเลเพลิง และกำมะถันแห่งนั้น ซึ่งเป็นความ ทรมานอันไม่รู้จบ

“โอ้ความศักดี้สิทธของพระผู้เป็นเจ้าของเรายิ่งใหญ่เพียงใด! เพราะพระองค์ทรง รู้ทุกเรื่อง และไม่มีเรื่องใดที่พระองค์!ม่ทรงรู้

“และพระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ช่วยมนุษย์ทั้งปวงให้รอด หากเขาจะพีง สุรเสืยงของพระองค์ เพราะดูเถิดพระองค์ทรงทนรับความเจ็บปวดของมนุษย์ทั้งปวง แท้จริงแล้วความเจ็บปวดของสิงมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นทุกอย่าง ทั้งซายหญิงและเด็กที่ เป็นของครอบครัวของแอด้ม

“และพระองค์ทรงทนรับสิงนี้ เพื่อการพื่นคืนชีวิตจะได้เกิดลับมนุษย์ทุกคน เพื่อ คนทั้งปวงจะได้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ในวันพิพากษาและวันอันยิ่งใหญ่

“และพระองค์ทรงบัญชาคนทั้งปวงว่า เขาต้องกลับใจและรับบัพติศมาในพระนาม ของพระองค์ โดยมีศรัทธาอันสมบูรถ!ในพระผู้บริสุทขึ้ของอิสราเอล มีฉะนั้น เขาจะ รอดไม่ไต่ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

“และหากเขาจะไม่กลับใจ และเชื่อในพระนามของพระองค์ และรับบัพติศมาใน พระนามของพระองค์ และอดทนจนถึงที่สุดแล้ว เขาต้องอัปยศ เพราะองค์พระผู้เป็น เจ้าพระผู้บริสุทขึ้ของอิสราเอลรับสั่งไว้” [2 นีไฟ 9:19-24]…

นี่คือนิยามความรอดของบุคคล ซึ่งมาถึงแค่ละคนตามความประพฤติและชีวิต ของเขาเอง แต่เรามีสิงที่เริยกว่า [ความรอด] “โดยรวม” ซึ่งเกิดขึ้นกับมนุษยชาติทั้ง ปวงที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าเขาจะดีหรือเลว รารวยหรือยากจน ก็ไม่ทำให้เกิดความแตกต่าง แต่ประการใด ทุกคนมีพรของการซดใช้และพรของการพื่นคืนชีวิตมอบให้เป็นของ ประทานได้เปลำเนื่องด้วยการเสียสละทางการซดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด…

ฉะนั้น คำสอนเบื้องด้นเหล่านี้จึงอธิบายไว้อย่างแจ้งซัดว่า โดยอำนาจแห่งการ ซดใช้ มนุษยชาติทั้งปวงจะรอด เพราะคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกันแอดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับไต่ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น ไม่มีช้อยกเว้น แม้พวก บุตรแห่งหายนะผู้ทำบาปที่ยกไม่ได้ก็จะฟ้นคืนชีวิตพร้อมกับลูกหลานคนอื่น ๆ ทั้ง หมดของแอต้ม…เรามีคำประกาศนั้นในหลักแห่งความเชื่อ “เราเชื่อว่าโดยทางการ ซดใช้ของพระคริสต์ มนุษยชาติทั้งมวลจะรอดโดยการปฏิบัติตามกฎและพิธีการแห่ง พระกิตติคุณ” [หลักแห่งความเชื่อข้อ 3]6

การมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการเส์อฟ้งเปีดโอกาส ให้เราได้รับพรอันบริบูรณ์ของการชดใช้อย่างไร?

ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ทรงเน้นถึงความจำเป็นที่ต้องมีความรู้เรื่องพระผู้ช่วยให้รอด และภารกิจสวรรค์ของพระองค์เมื่อพระองค์ตรัสกับพวกฟาริสืที่มาล้อมรอบพระองค์ ดังที่พวกเขามักจะกระทำเพื่อพยายามทำให้พระองค์อับอายหรือตกหลุมพราง “พวกท่านคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์” [มัทธิว 22:42]…

ระหว่างการปฏิบัติคาสนกิจของพระองค์ ผู้ไม่มีศรัทธา [เหล่านั้น] เล่าขานกันถึง พระอาจารย์ พวกเขากล่าวเยาะเย้ยในนาซาเร็ธบ้านเกิดของพระองค์ว่า

“คนนี้เป็นลูกช่างไม้มีใช่หรือ มีแม่ซื่อมารืย์ และน้องชายของเขาซื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมนและยูดาสมีใช่หรือ…เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์” [มัทธิว 13:55, 57]…

ตรงกันข้าม…ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของพระองค์เช่นเปโดร ซึ่งเป็นหัวหน้าของอัคร สาวกประกาศว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” (มัทธิว 16:16) มารธาผู้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ประกาศว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก” (ยอห์น 11:27) และจากอัครสาวกอีกคนหนึ่งของพระองค์หลังจากไต้เห็นและสัมผัสพระเจ้า ผู้ทรงพื่นคืนพระชนม์แล้ว โธมัสแสดงประจักษ์พยานด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์”! [ยอหัน 20:28]…

ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังคิดถึงเหตุการณ์สองอย่างที่ตรงข้ามกัน เพื่อนรักคนหนึ่งไต้รับ ข่าวร้ายว่า “เราเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณทราบว่าลูกชายของคุณเสืยชีวิตในสนามรบ” ข้าพเจ้าไปที่บ้านของเขา และที่นั้น ข้าพเจ้าเห็นครอบครัวที่พลัดพราก เขามีทุกสิงที่ เงินซื้อไต้ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่ง ฐานะ หรือสิงที่โลกเรียกว่าศักดี้ศรี แต่ที่มั่น เขาอยู่ กับความหวังและความฝืนที่พังทลาย ไขว่คว้าสิงที่เขาไม่ไต้ทำเพื่อใหํไต้มา และนับ แต่นั้นดูเหมือนเขาก็ยังไม่ไต้มา ที่มั่นไม่มีความปลอบประโลมใจที่เขาน่าจะรู้จัก

ข้าพเจ้าเปรียบเรื่องนี้กับเหตุการณ์หนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นมากับตาในโรงพยาบาลของ ศาสนาจักรประมาณหกเดือนที่แล้ว เมื่อประธานคณะเผยแผ่ที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งของเรา ใกล้จะเสียชีวิต เขาอยู่ในอาการเจ็บปวดสุดขีด แต่ในใจเขามีความปีติยินดีเพราะรู้ว่า ความทุกข์ทรมานมักจะทำให้มนุษย์เรียนรู้เรื่องการเชื่อฟ้งและมีสิทธี้ในความสัมพันธ์ กับพระองค์นั้น [พระคริสต์] ผู้ทรงทนทุกข์มากกว่าเราทุกคน เขารู้ถึงพลังอำนาจของ พระเจ้าผู้ทรงพื่นคืนพระชนม์ด้วย

วันนี้ เราควรถามตัวเองด้วยคำถามที่พระอาจารย์ตรัสถามผู้คนในวันเวลาของพระ องค์ว่า “พวกท่านคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์” เราควรจะถามอย่างที่เราจะกล่าว ในวันนี้ว่า “พวกเราคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์” แล้วทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยการถามว่า “ฉันคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์” ฉันคิดถึงพระ องคํในฐานะพระผู่ไถ่ของจิตวิญญาณของฉันไหม? ฉันคิดถึงพระองคํโดยไม่มีความ เคลือบแคลงสงสัยว่าพระองค์ทรงปรากฏต่อศาสดาโจเซฟ สมีธไหม? ฉันเชื่อว่าพระ องค์ทรงสถาปนาศาสนาจักรนี้บนแผ่นดินโลกไหม? ฉันยอมรับพระองค์ในฐานะ พระผู้ช่วยให้รอดของโลกนี๋ไหม? ฉันชื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่ฉันทำไวํในนี้า บัพดิส- มาไหม หากฉันเข้าใจ นั่นหมายความว่าฉันจะยืนเป็นพยานถึงพระองค์ในทุกเวลา ในทุกสิง และในทุกแห่งที่ฉันจะอยู่ แม้จนถึงความตาย?7

พระเจ้าจะประทานพรเราตามระดับการรักษาพระบัญญัติของพระองค์ นีไฟ… กล่าวว่า

“เพราะพวกเราทำงานอย่างพากเพียรที่จะเขียน ที่จะซักชวนลูกหลานของเรา และพี่น้องของเราด้วยให้เชื่อในพระคริสต์ และให้ปรองดองกับพระผู้เป็นเจ้า เพราะ เรารู้ว่าแม้เราจะทำได้ทุกสิง เป็นโดยพระคุณที่เรารอด” (2 นีไฟ 25:23)

โลหิตของพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งคือการซดใช้ของพระองค์ จะช่วยให้เรารอดก็ต่อ เมื่อเราได้ทำทุกสิงที่ทำได้เพี่อช่วยตัวเองให้รอดแล้วด้วยการรักษาพระบัญญัติของ พระองค์ หลักธรรมทุกข้อของพระกิตติคุณเป็นหลักธรรมแห่งคำสัญญาที่ค่อย ๆ สำแดงแผนของพระผู้ทรงฤทธานุภาพต่อเรา8

แค่ละคนต้องทำทุกสิงที่ทำได้เพี่อช่วยให้ตนเองรอดจากบาปก่อน แล้วจึงค่อย เรียกร้องพรของการไถ่โดยพระผู้บริสุทธของอิสราเอล เพราะมนุษยชาติทั้งปวงจะ รอด โดยการปฏิบัติตามกฎและพิธีการแห่งพระกิตติคุณ

พระเยซูทรงชดใช่ไม่เฉพาะเพี่อการล่วงละเมิดของแอตัมเท่านั่น แต่เพี่อบาปของ มนุษยชาติทั้งปวงด้วย แต่การไถ่จากบาปของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับความเพียรพยา- ยามในส่วนของเขา โดยเขาจะได้รับการพิพากษาตามงานของตน

พระคัมภีร์ให้ความกระจ่างว่า ถึงแม้การทื่เนคืนชีวิตจะเกิดกับทุกคน แต่ผู้เชื่อพิง พระคริสต์เท่านั่นที่จะได้รับพรเพิ่มเติมของความรอดนิรันดร เมื่อพูดถึงพระเยซู เปาโลอธิบายให้ซาวสิบรูพิงว่า “พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดของความรอด นิรันดรสำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อพิงพระองค์” (สิบรู 5:9)…

ค่าสวดอ้อนวอนที่ถ่อมใจของข้าพเจำคือ ขอให้มวลมนุษย์ทุกหนแห่งเช่าใจอย่าง ถ่องแห้มากขึ้นถึงความหมายของการชดใข้ฃองพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติทั้ง ปวงผู้ประทานแผนแห่งความรอดแก่เราอันจะนำเราไปสํชีวิตนิรันดร ยังที่ประทับของ พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์9

ข้อแนะน่าสำหรับการสืกษาและการสนทนา

  • ท่านจะตอบคำถามที่ว่า “พวกท่านคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์” อย่างไร?

  • ท่าไมจึงเรียกพระผู้ช่วยให้รอดว่า “พระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่ แรกทรงสร่างโลก”? (วิวรณ์ 13:8)

  • การตกเป็นทั้งพรและการทดสอบสำหรับแอด้มและอีฟในลักษณะใด? การตก เป็นที่มาของความปีติยินดีและความเศร้าโศกสำหรับเราอย่างไร?

  • ความรู้และความเช้าใจแบบใดที่ได้มา โดยการอดทนต่อการทดสอบและการ ต่อสัดิ้นรนของชีวิตมตะเท่านั้น?

  • ความตายทางวิญญาณคิออะไร? ความดายทางวิญญาณถูกเอาชนะอย่างไร

  • พรใดของการซดใช้ซึ่งเป็นของประทานได้เปล่าที่มาสู่มนุษยชาติทั้งปวง? เราต้อง ท่าอะไรในส่วนของเราเพื่อจะได้รับพรทุกประการของการซดใช้?

  • เรื่องเล่าสองเรื่องชองประธานลีเกี่ยวกับผู้คนที่เผชิญกับความตายสอนอะไรเกี่ยว กับความสำคัญของศรัทธาในพระเยซูคริสต์?

  • ประสบการณ์อะไรในชีวิตท่านที่เสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านถึงการซดใช้ ของพระผู้ช่วยให้รอด?

  • การซดใช้ “นำเราไปสู่ชีวิตนิรันดร ยังที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์” อย่างไร?

อ้างอิง

  1. ปราศรัยเรื่อง “Fall of Man” คับบุคลากร สถาบันศาสนาและเซมินารีของมหาวทยาลัย บริคัมยัง วันที่ 23 มิถุนายน 1954 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซน ยุคสุดท้ายหน้า 6.

  2. คำปราศรัยในการให้ข้อคิดทางวิญญาณสิ! หรับเยาวชนที่ลองปิช แคสิฟอร์เปีย วันที่ 29 เมษายน 1973 เอกสารสำคัญของ แผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระ เยซูคริสต์แห่งสิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 24

  3. “Fall of Man,” 15, 17, 19-20.

  4. คำปราศรัยในการประชุมเซมินารีจอร์แดน วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1947 เอกสารสำคัญ ของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 4

  5. In Conference Report, Oct. 1956, 61.

  6. คำปราศรัยเรื่อง “The Plan of Salvation,” ต่อบุคลากรสถาบันศาสนาและเซมินารีของ มหาวทยาลัยบริคัมยัง วันที่ 1 กรกฎาคม 1954 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 4-6

  7. In Conference Report, Oct. 1955, 5456.

  8. Stand Ye in Holy Place (1974), 246.

  9. “To Ease the Aching Heart,” Ensign, Apr. 1973, 5.