คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 18: การจัดหาให้ตามวิธีของพระเจ้า


บทที่ 18

การจัดหาให้ตามวิธีของพระเจ้า

หลักธรรมที่พระเจ้าทรงเปีดเผยเพื่อความผาสุกทางโลกของสีทธิชน จะนำทางและเป็นพรแก่เราใต้อย่างไร?

บทนํา

ขณะรับใช้เป็นประธานสเตคในช่วงภาวเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของทศวรรษที่ 1930 ฮาโรลด์ บี. ลีได้จัดระเบียบงานในสเตคของท่านเพื่อบรรเทาสภาพขาดแคลน ของสมาชิกจำนวนมาก ท่านเล่าในเวลาต่อมาว่า “เราต่อสักับบีญหาสวัสดิการด้านนี้ มาตลอด รัฐบาลมีโครงการไม่กี่อย่าง ศาสนาจักรมีเงินทุนไม่มากนัก … และที่นี่จาก สมาชิก 7,300 คน [ในสเตค] เรามี 4,800 คนที่พื่งพาศาสนาจักรทั้งหมดหรือไม่ก็ บางส่วนเรามีทางออกอยู่ทางเดียวคือ ใช้โปรแกรมของพระเจ้าตามที่อธิบายไวํในการ เป็ดเผย”

ในปี 1935 ประธานลีรับการเรียกสู่ตำแหน่งในฝ่ายประธานสูงสุดและได้รับเชิญ ให้เป็นแกนน่าในการช่วยเหลือคนตกทุกข์ใต้ยากทั่วทั้งศาสนาจักรโดยใช้ประสบการณ์ ที่เคยได้รับในสเตคของท่าน ประธานลีพูดถึงประสบการณ์นี้ว่า

“โดยที่ทราบว่าเรามีประสบการณ์อยู่บ้างจากความเพียรพยายามอันตรด้อยของ เราฝ่ายประธานสูงสุดโทรศัพท์มาหาช้าพเจ้าในเช้าวันหนึ่งและถามว่าข้าพเจ้าจะมาที่ สำนักงานของท่านได้ใหม … ท่านอยากให้ข้าพเจ้าเป็นแกนน่าในการดำเนินงานด้าน สวัสดิการ เพื่อเปลี่ยนจากการบรรเทาทุกข์ของรัฐบาลมาเป็นการบรรเทาทุกข์ โดย ตรงและช่วยให้ศาสนาจักรอยู่ในสภาพที่สามารถดูแลคนขัดสนของตนเองได้

“หลังจากเข่าวันนั้น ข้าพเจ้าขับรถ (ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งเริ่มด้น) มุ่งหน้าไปที่ซิตี้ครืด แคนยอน เช้าไปในสวนแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่าโรตารีพาร์ค ข้าพเจ้าอยู่ที่ นั้นเพียงสำพังและถวายการสวดอ้อนวอนด้วยความนอบน้อมถ่อมใจที่สุดในชีวิต

“ตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นเพียงชายหนุ่มวัยสามลิบปี มีประสบการณ์ไม่มากนัก ช้าพ- เจ้าเกิดในเมืองเล็ก ๆ แถบชนบทของไอดาโฮ และแทบจะไม่เคยออกนอกรัฐยูท่าห้ และไอดาโฮเลย แต่มาบัดนี้การดำรงตำแหน่งที่ต้องออกไปเยี่ยมเยียนสมาชิกทั้งหมด ของศาสนาจักรทั่วโลก ถือเป็นเรื่องหนักอกที่สุดเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าพอจะจินตนาการ ได้ ข้าพเจ้าจะทำได้อย่างไรในเมื่อความเข้าใจของข้าพเจ้ามีขีดจำกัด?

“ขณะคุกเข่าอยู่นั้น ข้าพเจ้าร้องทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ควรจัดตงองค์ การแบบใดเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ฝ่ายประธานสูงสุดมอบหมาย’ ในเข้าอัน แจ่มใสนั้น สวรรค์เบื้องบนทำให้ข้าพเจ้าตระหนักถึงพลังแห่งฐานะปุโรหิตของพระผู้ เป็นเจ้า ประหนึ่งว่ามีบางสิงกำลังตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไม่จำเป็นต้องมีองค์การใหม่มา ดูแลความต้องการของคนเหล่านี้ สิงที่เจ้าต้องทำ คือ ผลักต้นฐานะปุโรหิตของพระ ผู้เป็นเจ้าให้ทำงาน เจ้าไม่ต้องมีสิงใดมาแทนที่’

“ครั้นแล้ว ด้วยความเข้าใจดังกล่าว และโดยการใช้พลังของฐานะปุโรหิตอย่าง เต็มที่ โครงการสวัสดิการจึงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเอาชนะอุปสรรคที่ไม่น่าจะ เป็นไปไต้ จนกระทั่งบัดนี้ โครงการดังกล่าวเปรียบเสมือนอนุสรณ์ของพลังแห่งฐานะ ปุโรหิต เฉกเซ่นที่ข้าพเจ้ามองเห็นเพียงรำไรในวันเวลาที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวถึงนั้น”1

ภาพ
Salt Lake Bishop's Storehouse, 1933

คำสอนของฮาโรลด์ ปี. ลี

อะไรคือหลักธรรมพื้นฐานสำหรับงานสวัสดิการของศาสนาจักร?

ในคำสอนและพันธสัญญาภาค 104 … เราอธิบายไว้อย่างซัดเจนด้วยคำเพียงไม่กี่ คำเกี่ยวกับโครงการสวัสดิการเท่าที่ข้าพเจ้ารู้ จงพีงสิงที่พระเจ้าตรัส

“เราพระเจ้ากางห้องฟ้า และสร้างแผ่นดินโลก รีเมือของเราจริง ๆ และทุกสิงใน นั้นเป็นของเรา และเป็นจุดประสงค์ของเราที่จะจัดหาไวํให่สิทธิซนของเรา”

… ท่านไต้ยินสิงที่พระเจ้าตรัสไหม?

“เป็นจุดประสงค์ของเราที่จะจัดหาไวํให้สิทธิซนของเรา เพราะทุกสิงเป็นของเรา แต่มันจำต้องเป็นไปในทางของเราเอง” …

“และดูเถิด นึ่คือทางที่เราพระเจ้าประกาสิตให้จัดหาไวํให่สิทธิชนของเรา”

มาถึงตอนนี้ ขอให้เข้าใจความสำคัญของข้อความต่อไปนี้

“เพื่อคนจนจะสูงส่งในการนั้น และคนรวยถูกทำให้ตร”

นึ่คือแผน … พระเจ้าตรัสต่อไปว่า

“เพราะแผ่นดินโลกเต็ม และมีพอ และเหลือเฟ้อ แห้จริงแล้ว เราเตรียมทุกสิง และให้กับลูกหลานมนุษย์ที่จะเป็นตัวแก่ตัวเขา ฉะนั้น หากคนใดจะรับความอุดมสม บูรณ์ ซึ่งเราทำไว้และหาให้ส่วนของเขาแก่คนจนและคนที่ขัดสน ตามกฎแห่งกิตติคุณ ของเราไม่ เขาพร้อมด้วยคนชั่วร้ายจะแหงนหน้าอยู่ในนรก อยู่ในความทรมาน” [ค.พ. 104:14-18]

… ข้อความนี้พระองค์ทรงหมายถึงอะไร? วิธีของพระองค์คือ “เพื่อคนจนจะ สูงส่งในการนั้น และคนรวยถูกทVให้ตา” …

“สูงส่ง” ตามพจนานุกรม และตามคำจำกัดความที่ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระเจ้าทรง พยายามถ่ายทอดความหมาย คือ “ยกขึ้นสู่ความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจและ ความปีติยินดี” นั้นคือวิธีที่เราจะยกคนยากจนขึ้น “สู่ความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจ และความปีติยินดี” และเราจะทำอย่างไรเล่า? ก็โดยทำให้คนร็ารวยตาลง

อย่าเข้าใจคำว่า “ร็ารวย” ผิดไป นั้นไม่ได้หมายถึงคนที่มีเงินทองมากมายเสมอ ไป คนนั้นอาจจะยากจนเงินทอง แต่ร็ารวยทักษะ เขาอาจจะร็ารวยวิจารณญาณ เขา อาจจะรำรวยตัวอย่างที่ดี เขาอาจจะรำรวยการมองโลกในแง่ดี และมีคุณสมบัติที่จำ เป็นอื่นๆ อีกมากมาย และเมื่อสมาชิกแต่ละคนในโควรัมฐานะปุโรหิตร่วมมือร่วมใจ กัน เรามักจะพบคุณสมบัติที่หายากทั้งหมดนั้นซึ่งจำเป็นต่อการยกคนขัดสนและ ยากจนข้นแค้นขึ้นสู่ความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจและความปีติยินดี ไม่มีการทำ งานที่สมบูรณ์แบบกว่านี้อีกแล้วในแผนของพระเจ้า

จงจำความคิดนี่ไว้เสมอ นั้นคือ พระเจ้าทรงรับสั่งกับเราหลายครั้งว่าวัตถุประสงค์ ของงานทั้งหมดของพระองค์เป็นฝ่ายวิญญาณ ท่านจำสั่งที่พระองค์ตรัสไว้ในคำสอน และพันธสัญญาภาค 29 ไดํไหม?

“ตังนั้น ตามจริงแล้ว เรากล่าวกับเจ้าว่า กับเราทุกสั่งเป็นฝ่ายวิญญาณ และไม่มี สักครั้งที่เราให้กฎแก่เจ้าซึ่งเป็นฝ่ายโลก ทั้งแก่คนใดหรือลูกหลานมนุษย์ ทั้งแก่ แอตัมบิดาของเจ้าผู้ที่เราสร้าง” (คำสอนและพันธสัญญา29:34)

… ท่านยอมให้ทุกสั่งที่ท่านทำเป็นไปด้วยเห็นแก่รัศมีภาพของบุคคลนั้นแต่เพียง อย่างเดียว โดยให้ฝ่ายวิญญาณของเขามีขัยชนะเหนือฝ่ายโลกของเขาในที่สุดหรือ ไม่? จุดประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้าในชีวิตคือ เพื่อช่วยเราและขึ้นำเราจนเราพร้อม รับมรดกชั้นสูงในนั้นปลายชีวิต อย่างนั้นไม่ใช่หรือ? ท่านสามารถให้ตะกร้าอาหาร ทุกใบให้การรับใช้ทุกอย่างโดยมีวัตถุประสงค์อันใหญ่ยิ่งนี้ในใจท่านไดํไหม? นี่คือวิธี ที่จะทำสั่งตังกล่าวเพื่อช่วยให้พื่น้องชายหญิงบรรลุและครอบครองมรดกชั้นสูงของ เขาใช่ไหม? นั้นคือวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงกำหนด2

โครงการสวัสดีการมีความสำคัญยิ่งในงานของพระเจ้า ก่อนอื่น เราต้องดูแลความ ต้องการฝ่ายโลก [ของผู้คน] และให้เขาลิ้มรสรูปแบบความรอดที่เขาจะได้รับโดยไม่ ต้องสละชีวิตแล้วจึงค่อยยกความคิดของเขาให้สูงขึ้น นั้นคือจุดประสงค์ของโครงการ สวัสดีการที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ในศาสนาจักรของพระองค์ไนทุกสมัยการประทาน ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นในปี 1936 แต่เริ่มด้นเมื่อพระเจ้าทรงริเริ่มให้ดูแลผู้ คนของพระองค์บนโลกนี้3

เมื่อครอบครัวหนึ่งอ่อนกำลังเพราะต้องการอาหาร ที่พักพิง เสัอผ้า และเชื้อเพลิง … ก่อนอื่น เราต้องสร้างความร้สิกมั่นคง ความร้สิกถึงความผาสุกทางโลก แล้วจึงค่อย ยกครอบครัวชื้นล่ระดับที่เราจะปลูกฝืงศรัทธาในตัวเขาไต้ นั่นคือการเริ่มต้น แต่หาก สิงที่เราทำไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร็างศรัทธา การให้ความช่วยเหลือทางโลกแต่เพียง อย่างเดียวย่อมไร้ผล บัดนี้ เราต้องเข้าใจว่า หากเรามัวแต่สร้างศรัทธาโดยไม่ไต้ทำให้ ท้องอื่มก่อน และไม่ไต้ดูว่าเขามีเชื้อผ้าสวมใส่ มีที่พักอาศัย และไต้รับความอบอุ่น อย่างเพียงพอหรือไม่ บางทีเราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างศรัทธาก็ไต้4

เรายํ้าอยู่บ่อยๆ ถึงถ้อยแถลงที่ประธาน [สีเบอร์ เจ.] แกรนท์ ให้แก่เราเมื่อเริ่ม โครงการ [สวัสดีการ] ท่านพูดไว้ดังนี้ …

“จุดประสงค์เบื้องต้นของเรา คือ เพื่อก่อตั้งระบบ เท่าที่จะเป็นไปไต้ ระบบนั่นจะ ลบล้างคำสาปแช่งของความเกียจคร้าน ทำลายความชั่วร้ายของการให้เปล่า และแล้ว การพึ่งพาตนเอง ความวิริยะอุตสาหะ มัธยัสถ์ และความเคารพตนเองจะก่อตัวชื้นอีก ครั้งในบรรดาผู้คนของเรา จุดมุ่งหมายของศาสนาจักร คือ เพื่อช่วยผู้คนให้ช่วยตน เอง เราจะต้องทำให้งานเป็นหลักธรรมปกครองชีวิตของสมาซิกในศาสนาจักรของ เรา” [In Conference Report, Oct. 1936, 3]

ข้าพเจ้ากับเอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ดเดินทางไปทั่วศาสนาจักรตามความประ- สงค์ของฝ่ายประธานสูงสุดในช่วงที่โครงการสวัสดิการเพิ่งเริ่มก่อตั้ง เพื่อพูดคุยกับ ผู้นำระดับห้องที่ของศาสนาจักรถึงรายละเอียดที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นโครงการนี้ มี พระคัมภีร์สามข้อที่เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดยกมากล่าวกับผู้คนบ่อย ๆ ความตอนหนึ่งที่ ท่านมักจะกล่าวยํ้าคือ “เราต้องดูแลผู้คนของเรา เพราะพระเจ้าตรัสว่านึ่คือสิงที่เรา ต้องทำ ‘ … เพื่อศาสนาจักรจะตั้งเป็นอิสระเหนือสิงมีชีวิตอื่นๆ ทั่งหมดภายใติโลกชั้น สูง’ (ค.พ. 78:14)”

… [ท่านอ้าง] จากคำสอนและพันธสัญญาภาคที่หนึ่งร้อยสิบห้าด้วย มีความว่า “ตาม จริงแล้วเรากล่าวกับเจ้าทุกคน: สุกชื้นและล่องออกไป เพื่อความสว่างของเจ้าจะเป็น ธงให้ประซาชาติ” [และท่านสอนว่า] นี่เป็นยุคของการแสดงพลังอำนาจของพระเจ้า เพื่อเห็นแก่ผู้คนของพระองค์ [ค.พ. 115:5] และอ้างจากภาคที่หนึ่งร้อยชื้อีกครั้งว่า

“ฉะนั่น หากคนใดจะรับความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเราทำไว้ และหาให้ส่วนของเขาแก่ คนจนและคนที่ขัดสนตามกฎแห่งกิตติคุณของเราไม่ เขาพร้อมด้วยคนชั่วร้ายจะ แหงนหน้าอยู่ในนรก อยู่ในความทรมาน” [ค.พ. 104:18]

วันนี้ข้าพเจ้าอ่านข้อความเหล่านี๋ให้ท่านฟังเพื่อเตือนท่านถึงสิลารากฐานซึ่งรองรับ งานสวัสดิการของศาสนาจักร5

ควรจะใช้แหล่งช่วยใดเพื่อแก่ไฃปืญหาด้านสวัสดิการของแต่ละบุคคล?

ศาสนาจักรมีแหล่งช่วยอะไร หรือท่านอาจจะเรียกว่าสินทรัพย์ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อจะได้ ช่วยแก่ไขป้ญหาด้านสวัสดิการของแต่ละบุคคล? ท่านจะเริ่มแก่ไขอย่างไร? สมมุติ ว่าข้าพเจ้าถามท่านด้วยคำถามนี้ สมมุติว่าคืนนี้มีโทรศัพท์มาถึงคุณพ่อของครอบครัว หนึ่งซึ่งอยูทั้ท่างาน แจ้งข่าวร้ายว่าลูกชายคนเล็กของเขาถูกรถซนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีผู้นำล่งเข้าโรงพยาบาลแล้ว ครอบครัวนี้มีรายได้น้อยมาก พอแต่ประทังชีวิต ครอบครัวด้วยอาหารและสิงจำเป็นอื่นๆ แต่จู่ๆ ครอบครัวก็ด้องเผชิญกับคำรักษา พยาบาลพท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?

ข้าพเจ้าเกรงว่าหากข้าพเจ้าถามท่านด้วยคำถามนี้ และให้ท่านตอบตรงนี้ พวกท่าน ส่วนใหญ่คงจะตอบว่า “เราจะขอจากเงินบรืจาคอดอาหาร” นั่นไม่ใช่วิธเริ่มโครงการ สวัสดิการ และเรากำลังทำผิด ก่อนอื่น เราต้องเริ่มที่ตัวเขา เราจะไม่ออกจากจุดนั่น จนกว่าจะได้ช่วยให้บุคคลนั่น ท่าจนสุดความสามารถเพื่อแก่ใฃป๋ญหาของตนเอง ความใจอ่อนและความเห็นอกเห็นใจของเราอาจจะผลักตันเราไปสู่ข้อสรุปอื่น แต่นั่น คือสิงแรกที่เราต้องท่า แล้วเราจึงค่อยไปหาญาดิพื่น้องโดยตรงของครอบครัวนั่น เรา กำลังทำให้สูญเสืยความสามัคคีในครอบครัว เรากำลังทำให้สูญเสืยพลังที่มาจาก ความเป็นหนึ่งของครอบครัว เมื่อเราไม่เป็ดโอกาสและช่วยแนะวิธี เพื่อให้ญาติพี่ น้องของครอบครัวที่ทุกข์ยากแสนสาหัสนั่นได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง

จากนั่น ขั้นตอนต่อไปที่เราต้องท่าคือ ขอสิงจำเป็นในขณะนั่นจากคลัง ในบ้าน ของครอบครัวที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดถึง ข้าพเจ้าอยากให้ท่านมองเห็นประโยชน์ของการ ให้เสือผ้า อาหาร เครื่องนอน และเชื้อเพลิงที่เขาต้องการเป็นเวลาสองเตือนเพื่อช่วย แบ่งเบาภาระการเงินที่เขาจะต้องจ่ายเป็นคำรักษาพยาบาลฉุกเฉิน แทนที่จะนำเงิน บริจาคอดอาหารมามอบให้เขา …

นอกเหนือจากสิงที่ท่านท่าได้จากคลังแล้ว อันดับต่อไปที่ด้องทำ คือ เสนอให้ อธิการใช้เงินทุนบริจาคอดอาหาร ซึ่งอธิการได้รับการอบรมมาแล้วว่าให้เขาจัดหา ด้วยความเพียรพยายามของตนเองและความเพียรพยายามของผู้นำของเขาก่อน เมื่อมาถึงจุดนี้ เราต้องท่าให้การรวบรวมเงินบริจาคอดอาหาร การเพื่มเงินบริจาคอด อาหาร และการสอนเรื่องกฎส่วนสิบเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนสวัสดิการ …

ต่อจากนั่น เราก็มาถึงเรื่องการพื่นฟูป้ญหาด้านต่าง ๆ ของเรา ซึ่งสมาคมสงเคราะห์ และโควรัมฐานะปุโรหิตเข้ามามีบทบาทสำคัญ แต่ว่าสมาคมสงเคราะห์มีบทบาทอะไร ในโครงการขึ้นฟู? สิงแรกที่ท่านต้องทำเมื่อไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวที่ทุกข์ยาก คือ ท่าตามที่อธิการขอร้อง นั่นคือ วิเคราะห์สภาพของครอบครํทนั้น …

ท่านไปที่นั้นเพื่อวิเคราะห์ ตรวจสอบสภาพ และสั่งของจากคลังหากจำเป็น และ รายงานให้อธิการของท่านทราบถึงความต้องการของครอบครัวนั้นเพื่อขออนุมัติและ เบิกของจากคลัง หรือจากเงินทุนที่อธิการดูแลอยู่หากจำเป็น อย่างที่สองที่ท่านต้อง ทำคือต้องแน่ใจว่าท่านทราบปีญหาการจัดการภายในบ้านของครอบครัวนั้น และ ต้องดำเนินการในต้านนั้นเพื่อแก้ใขป๋ญหาที่เกิดขึ้น ท่านต้องพร้อมรับมือกับปีญหา เร่งด่วน ความเจ็บไขํไต้ป่วย การเสืยชีวิต และสถานการณ์คล้ายกันนี้ของครอบครัว ดังกล่าว ซึ่งเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจฉันพื่บ้องสตรีที่สมาคมสงเคราะห์พึงแสดง ให้เห็น ต่อจากนั้น ท่านจะต้องเป็นผู้สร้ไงขวัญกำลังใจในโครงการส่วนนี้ มือของท่าน จะต้องเป็นมือที่ช่วยพยุง มือของท่านต้องเป็นมือที่นำพาครอบครัวให้สามารถฟัน ฝ่าภาวะวิกฤติไปไต้6

ถึงเวลาแล้วที่สมาซิกฐานะปุโรหิตจะรู้จักกลุ่มโควรัมของเขา แค่ละโควรัมควรรู้จัก สมาซิกของตน ความต้องการของเขา และต้นหาคนที่มืหนี้สินจำนวนมาก พร้อมทั้ง แนะน่าด้วยความอ่อนโยนถึงวิธีที่เขาจะปลดหนี่ไต้ คนเราจะต้องการเพื่อนมากที่สุด ก็ตอนที่ต้องตกอยู่ในสภาวการณ์ดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่จะให้พลังแห่งวิสัยทัศน์และ อำนาจที่จะก้าวไปข้างหน้าแก่เขา เราจะไม่แต่สอนให้คนปลดหนี้ แต่เราจะสอนเขา ด้วยว่าอย่าเป็นหนี้7

เราคาดหวังให้แต่ละบุคคลท่าจนสุดความสามารถเพื่อช่วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นภาวะ ฉุกเฉินของครอบครัวเดียวหรือทั้งชุมซน เราหวังว่าญาติพี่น้องจะท่าทุกสิงที่ท่าไต้ เพื่อช่วยเหลือ จากนั้นศาสนาจักรจะก้าวเข้ามาพร้อมกับของใช้ประจำวันจากคลัง และเงินบริจาคอดอาหารเพื่อสนองความต้องการที่จัดหาใหํไม่ไต้ สุดท้าย สมาคมสง เคราะห์ และโควรัมฐานะปุโรหิตจะช่วยเหลือต้านการขึ้นฟู8

เราจะทำให้ครอบครัวของเราพึ่งพาตนเองมากขึ้นได้อย่างไร?

ห้าขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้บุคคลหรือชุมชนประดับประคองตนเองไต

หนึ่ง: ต้องไม่มืความเกียจคร้านในศาสนาจักร

สอง: เราต้องเรียนรู้บทเรียนของการเสิยสละตนเอง

สาม: เราต้องควบคุมคืลปะการดำรงชีวิตและท่างานร่วมกัน

สั่: เราต้อง’ฝ่กฝนความเป็นพี่น้องในโควรัมฐานะปุโรหิตของเรา

ห้า: เราต้องมืดวามกล้าหาญที่จะเผชิญปืญหาในแต่ละวันด้วยตัวเราเองจนเต็ม ขีดจำกัดของแหล่งช่วยส่วนตัวหรือห้องที่ แล้วจึงค่อยขอให้ผู้อื่นช่วยเราแก่ไขบีญหา นั้น9

จำไว้ว่าโครงการสวัสดิการของศาสนาจักรต้องเริ่มที่ตัวท่านแค่ละคน ต้องเริ่มที่ สมาซิกทุกคนของศาสนาจักร เราต้องประหยัดมัธยัสถ์ … ท่านต้องกระทำด้วยตัวเอง และเป็นผู้มีส่วนร่วมก่อนจะดำเนินโครงการสวัสดิการในบ้านของท่าน …

จงดำเนินการตามระเบียบแบบแผน … เพื่อให้มีอาหารในบ้านของท่าน พร้อมทั้ง แนะนำให้เพื่อนบ้านและเพื่อนๆ ของท่านทำแบบเดียวกัน เพราะบางคนมองการณ์ ไกล เขารู้ว่าสิงนี้จำเป็น และจะจำเป็นในภายภาคหนำ และเคย?วยผู้คนของเรามา แล้วในอดีต

ขอให้เราอย่าเป็นคนโง่และคิดไปว่าเพราะพระอาทิตย์ล่องแสงวันนี้ จึงไม่มีเมฆ หมอกในวันพรุ่งนี้ พระเจ้าทรงบอกเราโดยการเป็ดเผยถึงสิงที่รอเราอยู่เบื้องหน้า และเรามีซิวิตอยู่ในวันเวลาที่คำพยากรณ์เหล่านี้จวนจะสำเร็จแล้ว เราตระหนกตกใจ แค่ทว่าสิงที่กำลังเกิดขึ้นในทุกวันนี้ล้วนเป็นสิงที่ศาสดามองเห็นล่วงหน้าแล้วทั้งสิน …

พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยเราจัดระเบียบบ้าน และท่าให้ตาของเราจับจ้องอยู่ที่ผู้ เป็นประธานในศาสนาจักรนี้ จงทำตามคำแนะนำของท่าน และเราจะไม่หลงทาง10

ท่านจงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ “จะทำงานหนัก” ไม่เป็นหนี้เป็นสิน และร่วมใจกันรับใข้อย่างไม่เห็นแก่ตัวเพื่อให้บรรลุเป็าหมายอันยิ่งใหญ่ และข้าพเจ้าจะ แสดงให้ท่านเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่บรรลุความมั่นคงสูงสุดในโลกมนุษย์และสิงทางโลก11

ภัยพิบัติเข้าโจมดีทุกหนแห่ง ภัยพิบัติที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งของเราคือ [แผ่นดิน ไหว] ในหุบเขาซานเพ่อร้นานโด [แคลิพ่อร้เนีย] เรารูสิกเป็นห่วงเมื่อวันเวลาผ่านไป เราติดต่ออื่อสารกันไม่ไต้เพราะโทรศัพท์ถูกตัดขาด และไม่มีวิธีใดที่จะท่าให้รู้ว่าผู้คน ของเราเป็นอยู่อย่างไร ด้วยเหตุนี้เราจึงติดต่อกับ [ผู้นำฐานะปุโรหิต] นอกเขตแผ่นดิน ไหว และสอบถามข่าวคราวที่เกิดขึ้น เขาตอบกลับมาว่า “เราสบายติ เรานำอาหารที่ สะสมไว้ออกมาใช้ เรามีนั้าที่สะสมไว้” นั้าโดยทั่วไปมีสิงปนเบื้อน ผู้คนเป็นทุกข์และตก อยู่ในอันตรายเพราะการปนเบื้อนของนั้า แต่คนที่ฟ้งไต้สะสมนั้า อาหาร และสิงอื่นเอา ไว้เพื่อช่วยให้เขาประทังชีวิตอยู่ไต้ และถึงแม้ทุกคนจะไม่มีอาหารและนั้า แต่คนที่พิง และเตรียมพร้อมไม่กลัว เขาร่วมมือกันในวิธีที่น่าอัศจรรย์เพื่อช่วยเหลือกันและกัน12

ข้อแนะน่าสำหรับการสืกษาและการสนทนา

  • ตามที่ประธานลือธีบายไว้ อะไรคือวิธีที่พระเจ้าทรงดูแลคนยากจนและคนขัดสน? (ดู ค.พ. 104:14-18)

  • เรามีแหล่งช่วยอะไรที่พอจะแบ่งปันให้คนขัดสนได้?

  • ทำไมความพยายามของเราในการรับใช้คนยากจนและคนขัดสนจึงนำไปสู่การ ช่วยให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตนิรันดร? เราจะทำสิงนี๋ได้อย่างไร?

  • ทำไมบุคคลและครอบครัวจึงต้องทำทุกสิงที่ทำได้เพื่อช่วยตัวเอง? พรใดมาสู่ ครอบครัวที่ช่วยตนเองในยามขัดสน? โควรัมฐานะปุโรหิตและสมาคมสงเคราะห์ มีบทบาทอะไรในการช่วยเหลือคนที่ด้องการความช่วยเหลือ?

  • การพึ่งพาตนเองหมายถึงอะไร? มีขั้นตอนอะไรบ้างที่เราต้องทำเพื่อจะพึ่งพาตน เองได้มากขึ้น?

  • เหตุใดความสามารถและความเต็มใจที่จะทำงานจึงสำคัญอย่างยิ่งในการพึ่งพา ตนเอง? เราจะสอนลูกให้ทำงานได้อย่างไร?

  • พรใดมาสู่เราเมื่อเราเอาใจใส่คำแนะนำของผู้นำที่ให้เราชำระหนี้และ!เกความ มัธยัสถํในการบริหารเงินของเรา?

อ้างอิง

  1. In Conference Report, Oct. 1972, 123-24; or Ensign, Jan. 1973, 104.

  2. “The Place of Relief Society in the Welfare Plan,” Relief Society Magazine, Dec. 1946, 814-15.

  3. คำปราศรัยที่การประชุมสวัสดิการ เรื่อง “Let Others Assist You” วันที่ 4 เมษายน 1959 แฟ้มของห้องสมุดประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซน ยุคสุดท้าย หน้า 22

  4. “Place of Mothers in the Plan of Teaching the Gospel in the Home,” Relief Society Magazine, Jan. 1965, 12.

  5. In Conference Report, Apr. 1946, 69-70.

  6. “The Place of Relief Society in the Welfare Plan,” 812-13.

  7. The Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), 315.

  8. The Teachings of Harold B. Lee, 306.

  9. “What Is the Church Welfare Plan?” Instructor, July 1946, 316.

  10. คำปราศรัยที่การประชุมสวัสดิการการ เกษตร เรื่อง “Follow the Light” เมษายน 1969 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติ- ศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 4-5

  11. Decisions for Successful Living (1974), 202.

  12. คำปราศรัยที่การประชุมสวัสดิการการเกษตร เรื่อง “Listen and Obey” วันที่ 3 เมษายน 1971 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติ- ศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิซนยุดสุดท้าย หน้า 4-5