คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 15 : อิทธิพลอันชอบธรรมของมารดา


บทที่ 15

อิทธิพลอันชอบธรรมของมารดา

มารดาจะบรรลุบทบาทอันศักดสีทรของเธอในการสอน และเลี้ยงดูลูกใต้อย่างไร?

บทนำ

ประธานฮาโรลด์ บี. ลี เคยเล่าเรื่องของมารดาผู้หนึ่งซึ่งกำลังขัดเครื่องเงินเตรียม ไว้สำหรับงานเลี้ยงตอนคร ดังนี้ “ขณะกำลังตระเตรียมอะไรต่อมิอะไรอยู่นั้น ลูกชาย วัยแปดขวบของเฮอเดินถือกระปุกหมูออมสินเข้ามาหาพลางพูดกับมารดาว่า ‘คุณแม่ ครับ ผมจะจ่ายส่วนสิบของผมยังไงครับ?’

“ในเวลาเช่นนั้นเธอไม่อยากถูกขัดจังหวะ แต่เธอก็เช็ดมือและนั่งลง แม่ลูกต่าง ช่วยกันเขย่ากระปุกออมสินให้เหรียญต่าง ๆ ร่วงออกมา จากนั้นเฮอก็อธิบายวิธีจ่าย ส่วนสิบให้ลูกฟ้ง เมื่ออธิบายจบแล้ว ลูกชายเอาแขนโอบรอบคอเธอพลางพูดว่า ‘ขอบ คุณครับที่แม่ช่วยผม ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะจ่ายส่วนสิบยังไง”’

เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์นี้ ผู้เป็นมารดากล่าวว่า “สำคัญ สำคัญ มากสำหรับมารดาทุกคนที่จะจดจำว่า ‘ฉันมีเวลาถมไปที่จะขัดเครื่องเงิน แต่นี่อาจเป็น เพียงครั้งเดียวที่ฉันจะได้สอนลูกชายถึงหลักธรรมของส่วนสิบ”’1

ประธานลีสอนว่า “การเป็นมารดาที่ประสบความสำเร็จในวันนี้จะขยายออกไปอีก หลายปีและตลอดนิรันดร”2 ท่านเน้นว่าจุดประสงค์สูงสุดของมารดา “คือการสร่าง น้านที่นึ่ และวางรากฐานสำหรับบ้านในนิรันดร”3

คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี

มารดาจะมีอิทธิพลอันซอบธรรมต่อลูกได้อย่างไร?

สตรีมิอำนาจแห่งการสร่างภายในคัวเธอร่วมกับสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายที่นึ่และ หากผนึกในการแต่งงานชั้นสูง เธอจะมีการเพิ่มนิรันดรในโลกที่จะมาถึง สตรีเป็นแม่ บ้านในบ้านของเธอและเป็นแบบอย่างต่อลูกหลานในรุ่นต่อ ๆ ไป สตรีเป็นต่ชีวิตของ สามีและอาจจะช่วยท่าให้เขาสมบูรณ์แบบมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น อิทธิพลของสตรี จะเป็นพรแก่ชุมชนหรือประเทศชาติไปถึงขั้นที่เธอพัฒนาพลังทางวิญญาณจนสอด-คล้องกับของประทานจากสวรรค์ที่ได้รับมาแต่กำเนิด…เธออาจจะแผ่ฃยายอิทธิพล อันเงียบสงบ และงดงามปีแล้วปีเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานชองเธอจะมีโอกาสพัฒนา ธรรมซาติทางวิญญาณและทางกายภาพจนบรรลุศักยภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของเขา4

มารดาเป็นผู้สร้างบรรยากาศในบ้านและทำหลายสิงเพื่อสร้างรากฐานอันแข็งแกร่ง ให้กับบุตรและธิดาชองเธอ เพื่อช่วยให้ลูกเข้มแข็งเมื่อเขาออกจากอิทธิพลของบ้าน5

มารดาทั้งหลาย จงอยู่ที่บ้าน หลายปีก่อน ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมใหญ่สเตค ประจำไตรมาส…ข้าพเจ้าพูดกับประธานสเตคว่า…“ในที่นี้ มีแม่สูงอายุที่มีครอบครัว ใหญ่และได้เห็นลูกทุกคนในครอบครัวแต่งงานในพระวิหารไหมครับ?”

เขามองไปที่ผู้ร่วมประชุมและพูดว่า “มีซิสเตอร์คนหนึ่งครับ (ข้าพเจ้าจะเรียกเธอ ว่าซิสเตอร์โจนล้) เธอมีลูกสิบเอ็ดคน และทุกคนแต่งงานในพระวิหาร”…

ขณะที่มารดาผมขาวโพลนและงดงามท่านนี้ออกมายืนข้าง ๆ ข้าพเจ้าที่ไมโครโฟน ข้าพเจ้าพูดว่า “คุณพอจะเล่าให้เราฟังได้ไหมครับว่าคุณทำอะไรถึงได้ประสบความ สำเร็จอย่างน่าอัศจรรยํใจที่สุดเช่นนี้?”

เธอตอบว่า… “ดิฉันจะให้คำแนะนำพวกท่านสองข้อ ข้อแรก เมื่อลูกๆ ของเรา กำลังเติบใหญ่ ดิฉันจะอยู่ที่บ้านเสมอไม่ว่าลูกจะกลับบ้านหรือออกนอกบ้านเมื่อไร ก็ตาม และสอง ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เราจะทำด้วยกันเป็นครอบครัว เราเล่นด้วย กัน เราสวดอ้อนวอนด้วยกัน เราทำงานด้วยกัน เราทำทุกสิงด้วยกัน ที่ดิฉันคิดได้ก็มี เท่านี้แหละค่ะ”

ข้าพเจ้าพูดกับเธอว่า “เวลานี้คุณได้สอนคำสอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปแล้วสองข้อ”6

มารดาทั้งหลาย ท่านจงอยู่ที่บ้าน ปัจจุบันนี้มีอันตรายใหญ่หลวงเกิดกับครอบครัว ที่บ้านแตกสาแหรกขาดเพราะสิงล่อใจให้มารดาไม่อยากอยู่บ้านขณะสมาซิกในครอบ ครัวกลับบ้านหรือออกนอกบ้าน ข้าพเจ้าทราบดีว่ามารดาบางท่านจำเป็นต้องช่วย เหลือจุนเจือครอบครัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ประธานสมาคมสงเคราะห์ และอธิการ ควรดูแล ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างที่เป็นไปได้แก่มารดาที่มีลูกเล็ก ๆ และช่วยเธอ วางแผนการท่างานหรือจัดตารางเวลาหากเป็นไปได้ ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในขอบข่าย ความรับผิดชอบของสมาคมสงเคราะห้ที่ท่างานกับครอบครัวนั้น7

เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้ลืกว่าสตรีกำลังตกเป็นเหยื่อความลํ้ายุคของการดำเนินชีวิตสมัย ใหม่ การสร้างสัญชาตญาณความเป็นแม่และความไกล่ซดสนิทสนมที่นำอัศจรรย์กับ ลูกจะทำให้มารดารู้ว่าลูกกำลังรูสิกและคิดอะไรอยู่ มารดาจะสังเกตเห็นสัญญาณของ ความยุ่งยาก อันตราย และความกลัดกลุ้มของลูกทั้งแต่แรก ซึ่งหากแก่ไทได้ทันท่วงที ก็จะช่วยให้ลูกรอดพ้นจากภัยรืายนั้นได้8

หลายวันก่อน ข้าพเจ้าอ่านทวนถ้อยคำของมารดาที่แสนดีของศาสดาโจเซฟใน คืน ที่ท่านออกไปเอาแผ่นจารึก เธอเขียนว่า

“คืนวันที่ [21 กันยายน] ดิฉันเข้านอนดึกมาก…หลังเที่ยงคืนไปแล้วดิฉันจึงได้ เข้านอน ไจเซฟมาหาดิฉันราว ๆ เที่ยงคืนและถามว่ามีหีบที่ล็อคกุญแจไต่ไหม ดิฉัน ทราบในทันทีว่าเขาจะเอาหีบไปทำอะไร และการที่ไม่มีหีบลักใบทำให้ดิฉันตกใจมาก ขณะเดียวกันก็คืดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว แต่ไจเซฟรู้ถึงความกังวลใจของ ดีฉัน เขาพูดว่า ‘ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายนะครับ ผมจะ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง’

“ไม่นานหลังจากนั้น ภรรยาของไจเซฟก็เดินเข้ามาในห้อง เธออยู่ในซุดขี่ม้าและ สวมหมวก เพียงไม่กี่นาทีทั้งสองก็ขับเกวียนเทียมม้าของมีสเตอรํไนท์ออกไปด้วยกัน ดิฉันสวดอ้อนวอนและวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าตลอดคืน เพราะความกังวลใจทำให้ดิฉัน นอนไม่หสับ… ” [Lucy Mack Smith, History of Joseph Smith, ed. Preston Nibley (1958), 102]

ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านที่เป็นมารดาว่า หากท่านเคยมีลูกชายและลูกสาวที่อยากจะ ประสบความสำเร็จในโลกนี้ เขาจะประสบความสำเร็จแน่นอนเนื่องด้วยความจริงที่ว่า ลูกชองท่านมีมารดาที่คุกเข่าอยู่หลายคืนเพื่อสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าทูลขอให้ ลูกชายหรือลูกสาวชองเธอท่าได้สำเร็จ ข้าพเจ้าจำช่วงชีวิตอันโว่เขลาของตนเองสมัย เป็นวัยรุ่นได้ คุณแม่มาหาข้าพเจ้าพร้อมกับความรู้สีกสังหรณ์ใจและคำเตือนซึ่ง ข้าพเจ้าไม่สนใจใยดีเช่นเดียวกับพวกวัยรุ่นที่โว่เขลาท่ากัน “โธ่ แม่ ไร้สาระจังเลย” ข้าพเจ้าพูด และแล้วภายในเดือนนั้นเอง ข้าพเจ้าต้องเผชิญกับการล่อลวงที่มารดา เตือน ข้าพเจ้าไม่กล้ากลับไปบอกท่านว่าท่านพูดถูก แต่ข้าพเจ้าต้องคอยระวังเพราะ มีคนเตือนคนนั้นคือมารดาของข้าพเจ้าเอง9

ครอบครัวที่ประกอบด้วยคุณยาย กับคุณแม่ของข้าพเจ้า พร้อมด้วยลูกเล็กๆ สอง สามคนนั่งอยู่หน้าประตูที่เป็ดอยู่เพื่อดูสายฟ้าแลบแปลบปลาบขณะเกิดพายุฝนฟ้า คะนองอย่างรุนแรงใกล้ภูเขาที่บ้านของเราตั้งอยู่ สายฟ้าแลบตามด้วยเสิยงครั่นครืน ของฟ้าร้องบ่งบอกว่าฟ้าแลบอยู่ใกล้มาก

ข้าพเจ้ายืนอยู่ตรงทางเข้าประตูเมื่อคุณแม่ผลักข้าพเจ้าอย่างแรงในทันทีโดยไม่ บอกกล่าวจนข้าพเจ้าหงายผลึ่งพ้นไปจากบริเวณนั้น ทันใด ฟิาก็ผ่าลงมาตรงปล่อง เตาไฟในห้องครัว ทะลุออกทางประตูที่เป็ดอ้า และผ่ากลางไม่ใหญ่ที่ยืนด้นอยู่หน้า บ้านตั้งแต่ยอดจรดโคน ล้าข้าพเจ้ายังคงยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู ข้าพเจ้าคงจะไม่มี โอกาสได้เขียนเรื่องนี้ในวันนี้

คุณแม่ของข้าพเจ้าไม่เคยอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจในฉับพลันนั้น เท่าที่ ข้าพเจ้าทราบคือ ชีวิตของข้าพเจ้ารอดมาได้ก็เพราะการกระทำโดยสัญชาตญาณและ ตามความร้สิกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วนของเธอ

หลายปีต่อมา เมื่อข้าพเจ้าเห็นรอยฟ้าผ่าบนด้นไม่ใหญ่ที่บ้านเก่าของเรา ข้าพเจ้า ได้แต่เปล่งถ้อยคำออกมาจากใจที่สำนึกในพระคุณว่า ขอบพระทัยพระเจ้าสำหรับของ ประทานอ้นลํ้าคำที่มารดาของข้าพเจ้า และมารดาผู้ซึ่อสัตย์’ท่านอื่น ๆ มีอยู่มากมาย ในครอบครองโดยผ่านท่านเหล่านั้น สวรรค์อยู่แค่เอื้อมในยามต้องการ10

มารดาจะบรรลุความรับผิดชอบในการสอนพระกิตติคุณ แก’ลูกได้อย่างไร?

หัวใจของมารดาคือห้องเรืยนของลูก คำแนะนำที่ลูกได้รับจากตักของมารดา และ บทเรียนของพ่อแม่ พร้อมด้วยความทรงจำอ้นแสนหวานและน่านิยมซมซึ่นของบ้าน จะไม่มีวันเลือนหายไปจากจิตวิญญาณเลย

มีคนกล่าวว่า โรงเรียนที่ผิกวินัยได้ตืที่สุดคือบ้าน เพราะชีวิตครอบครัวคือวิธิที่พระ ผู้เป็นเจ้าใช่ในการอบรมเยาวชน และบ้านคือสิงที่มารดาสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นส่วน ใหญ่11

อะไรคือบทบาทของมารดาในการรับใช้อันยิ่งใหญ่ของอาณาจักร? บทบาทอันดับ แรกและสำคัญที่สุดของเธอ คือ อย่าลืมสอนพระกิตติคุณในครอบครัว12

[ข้าพเจ้าประสงค์จะกล่าวถึง] บทบาทของสตรีในการอบรมครอบครัวของเธอ… พระเจ้าตรัสว่า

“แต่ดูเถิด เรากล่าวกับเจ้าว่าเด็กเล็ก ๆ ได้รับการไถ่ตั้งแต่การวางรากฐานของ โลก โดยทางพระองค์เดียวที่ถึอกำเนิดของเรา

“ดังนั้น เขาจะทำบาปไม่ได้ เพราะซาตานมิได้รับอำนาจให้ล่อลวงเด็กเล็กๆ จน กว่าเขาเริ่มรู้จักรับผิดชอบได้ต่อเรา

“เพราะให้มันแก่เขา แม้ดังที่เราต้องการตามความพอใจของเราเอง เพื่อสิงใหญ่ ยิ่งจะถูกเรียกร้องจากมือของบรรพบุรุษของเขา” (ค.พ. 29:46-48)

…อะไรคือสิงใหญ่ยิ่งเหล่านั้นที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้องจากบิดาของลูก (ซึ่ง โดยสรุปหมายถึงมารดาด้วย) ในช่วงเวลานี้ก่อนที่เด็กเล็กจะเริ่มรับผิดชอบได้ต่อ พระพักตร์พระเจ้า?…บิดามารดาได้รับการเตือนว่าต้องให้ลูกรับบัพติศมาเมื่อเขา อายุแปดขวบและสอนหลักธรรมพื้นฐานของพระกิตติคุณแก่ลูก ลูกของเขาจะรับ บ้พติศมาเพื่อการปลดบาปและจะได้รับการวางมือบนคืรษะหลังจากนั้น ลูกควรได้ รับการสอนให้สวดอ้อนวอนและเดินอย่างภาคภูมิต่อพระพักตร์พระเจ้า

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เรียกร้องจากบิดามารดาก่อนที่ซาตานจะมือำนาจล่อลวง เด็กเล็ก เป็นความรับผิดชอบของบิดามารดาที่จะวางรากฐานอันแข็งแกร่งโดยสอน มาตรฐานศาสนาจักรทั้งโดยตัวอย่างและหลักคำสอน

สำหรับพื้บ้องสตรี นี่หมายความว่าท่านต้องพยายามทำหน้าที่ของการเป็นมารดา ท่านต้องไม่ยอมให้สิงใดเข้ามาแทนหน้าที่ดังกล่าว13

เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าพบคำพูดที่ลูกสาวคนหนึ่งของข้าพเจ้าพูดกับมารดาและ ลูกสาวกลุ่มหนึ่ง เธอเล่าประสบการณ์ที่มืกับลูกซายคนแรกผู้ที่สอนเธอถึงความรับ ผิดชอบในฐานะมารดา เธอกล่าวว่า “หลายปีก่อน ตอนที่ลูกซายคนโตของดิฉันยัง เล็กมาก ดิฉันเริ่มเข้าใจหน้าที่ของตัวเองในคืนหนึ่งของฤดูร้อนอันอบอุ่น หลังจากเรา รับประทานอาหารคํ๋ากันเสร็จแล้ว และดิฉันกำลังก้มหน้าก้มตาบรรจุผลไม้โล่ขวดให้ เสร็จ” ดิฉันแน่ใจว่าท่านที่เป็นมารดาสาวคงนึกภาพออก ทุกสิงที่เกิดขึ้นในวันนั้นท่า ให้งานไม่เสร็จอย่ััางที่คุณตั้งใจไว้แล ะคุณอยากจะท่าต่อให้เสร็จ ตอนนี้ เจ้าตัวเล็กก็ หลับ’เยไปแล้วและสามีของคุณออกไปประชุมตามเวลาที่กำหนด ลูกเล็ก ๆ อายุสาม และลืขวบสวมชุดนอนจวนจะเสร็จแล้วและเตรียมตัวเข้านอน คุณบอกตัวเองว่า “เอาละได้เวลาที่ฉันจะจัดการกับผลไม้พวกนั้นเสียที”

[ลูกสาวของข้าพเจ้าพูดต่อว่า] “นี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ดิฉันเข้าใจหน้าที่ของตัว เองในคืนนั้นขณะเริ่มปอกเปลือกและคว้านเมล็ดผลไม้ เมื่อลูกชายตัวเล็กๆ สองคน ของดิฉันโผล่เข้ามาในคร้วและประกาศว่าเขาพร้อมจะสวดอ้อนวอนแล้ว” แต่เพราะ ไม่อยากถูกขัดจังหวะ เธอจังพูดโพล่งออกไปว่า “‘ทำไมลูกไม่สวดของลูกเองล่ะ แม่ จะได้ทำผลไม้พวกนี้ต่อ’ เดวิดคนโตยืนปักหลักอยู่ตรงหน้าดิฉันและถามอย่างไม่ เกรงว่า ‘แต่แม่ครับ อย่างไหนสำคัญกว่ากัน การสวดอ้อนวอนหรีอว่าผลไม้’ ในฐานะ มารดาสาวและภรรยาที่มีนต่งาน ตอนนั้นดิฉันไม่รู้เลยว่าชีวิตที่อยู่ตรงหน้าจะมี สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากมายเซ่นนี้ขณะปฏิบัติหน้าที่ของภรรยาและมารดา ในบ้านของตนเอง”

นี่เป็นการห้าทายที่ท่านในฐานะมารดาต้องประสบเมื่อลูกเล็ก ๆ ของท่านกำลัง เรียกร้องให้ท่านยืนหยัดอยู่เคียงข้างและช่วยให้เขาเติบโต…

มารดาทั้งหลาย เมื่อลูกของท่านเริ่มซักถาม แม้เกี่ยวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อนในชีวิต อย่ารำคาญเขา จงใช้เวลาอธิบายให้เด็กอย่างเขาเข้าใจ หรืออธิบายให้ผู้ใหญ่อย่าง เขาเข้าใจเมื่อเขาโตขึ้น มารดาที่ประสบความสำเร็จคือมารดาที่ไม่เคยเบื่อหน่ายต่อ การที่ลูกชายและลูกสาวเข้ามาเล่าให้เธอฟ้งถึงความสุขและความเศร้าของเขา14

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พรของพระเจ้าเป็นของท่าน [พี่น้องสตรีที่รักของ ข้าพเจ้า] ท่านมีอิทธิพลต่อความผาสุกของศาสนาจักรนี้มากกว่าที่ท่านคิด การปฏิบัติ หน้าที่ความรับผิดขอบของท่านในฐานะมารดาจะเป็นตัวตัดสินทิศทางของศาสนาจักร ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนด้วยความถ่อมใจขอให้พระเจ้าทรงช่วยท่านท่าและสร้างงาน ตังกล่าว บนรากฐานอันแข็งแกร่งของบ้าน และข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานด้วย ความถ่อมใจว่า ในศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์ เราจะพบคำสอนและแบบแผนที่ สามารถท่าให้บ้านของเราปลอดภัย และข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานตังกล่าวในพระ นามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์15

ข้อ แนะน่า สำหรับการสืกษา และการสนทนา

  • มารดาเสียสละอะไรเพี่อลูกของเธอ? พรใดหลํ่งไหลมาจากการเสียสละเช่นนั้น?

  • “การเป็นมารดาที่ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้” เป็นพรซั่วนิรันดร์แก่คนรุ่นต่อ ไปในทางใด?

  • จงอยู่ที่บ้านเสมอหมายความว่าอะไร? ทำไมจึงเป็นสิงสำคัญที่มารดาต้องพร้อม จะให้ความช่วยเหลือลูกตลอดเวลา?

  • บางครั้งความลํ้ายุคและสิงบันเทิงใจของการดำเนินชีวิตสมัยใหม่ทำให้สตรีหันเห ไปจากจุดประสงค์อันคักดี้สิทธี้ฃองเธออย่างไร? จะทำให้สิงบันเทิงใจเหล่านี้ลด บัอยลงไต้อย่างไร?

  • เรื่องราวเกี่ยวกับมารดาของไจเซฟ สมิธ และมารดาของประธานลีสอนอะไรเกี่ยว กับวิธีที่มารดาจะเป็นอิทธิพลอันชอบธรรมต่อลูก?

  • การสวดอ้อนวอนของมารดาเป็นพรต่อชีวิตของท่านอย่างไร? การสวดอ้อนวอน ของท่านในฐานะมารดาเป็นพรต่อลูกของท่านอย่างไร?

  • สามีและบิดาจะช่วยมารดาทำความรับผิดชอบในครอบครัวให้บรรลุผลสำธ็จไต้ อย่างไร? ผู้นำฐานะปุโรหิตและผู้นำสมาคมสงเคราะห์จะช่วยไต้อย่างไร?

  • ทำไมมารดาจึงต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับความรับผิดชอบของเธอที่จะสอนพระ กิตติคุณในครอบครัว? มารดาจะสอนพระกิตติคุณไต้อย่างไร?

  • บิดามารดาจะเตรียมลูกสาวให้เป็นแม่ที่ดีไต้อย่างไร?

อ้างอิง

  1. In Conference Report, Mexico and Central America Area Conference 1972, 91.

  2. The Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), 288.

  3. Ye Are the Light of the World (1974), 317-18.

  4. Ye Are the Light of the World, 318-19.

  5. The Teachings of Harold B. Lee, 289.

  6. “Obligations of Membership in Relief Society,” Relief Society Magazine, Jan. 1969, 10.

  7. Ye Are the Light of the World, 279.

  8. The Teachings of Harold B. Lee, 288.

  9. “The Influence and Responsibility of Women,” Relief Society Magazine, Feb. 1964, 85.

  10. The Teachings of Harold B. Lee, 290-91.

  11. The Teachings of Harold B. Lee, 289.

  12. The Teachings of Harold B. Lee, 287.

  13. Ye Are the Light of the World, 314-15.

  14. In Conference Report, Mexico and Central America Area Conference 1972, 90-91; paragraphing added.

  15. In Conference Report, Mexico and Central America Area Conference 1972, 91.