“มีสามด้านที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน” (“The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign,Nov. 1986, 5)
“พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักในพยานของเราถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นศิลามุมเอกของทุกสิ่งที่เราทำ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงการดำรงอยู่จริงของพระองค์ … ประจักษ์พยานในนั้นเกี่ยวกับพระอาจารย์ชัดเจน ไม่มีสิ่งเจือปน และเปี่ยมด้วยพลัง … โลกชาวคริสต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาสงสัยการประสูติอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ พระชนม์ชีพอันดีพร้อมของพระองค์ และความเป็นจริงของการฟื้นคืนพระชนม์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระคัมภีร์มอรมอนสอนความจริงทั้งหมดนี้ด้วยคำพูดที่ชัดเจนไม่ผิดพลาด อีกทั้งให้คำอธิบายครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับหลักคำสอนเรื่องการชดใช้” (เอสรา แทฟท์ เบนสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign,Nov. 1986, 5)
“ศิลาหลักแห่งหลักคำสอนของเรา”
ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน
“ในพระคัมภีร์มอรมอนเราจะพบความสมบูรณ์ของหลักคำสอนเหล่านั้นที่จำเป็นต่อความรอดของเรา ซึ่งสอนไว้อย่างเรียบง่ายชัดเจนจนแม้แต่เด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้แนวทางของความรอดและความสูงส่งได้ พระคัมภีร์มอรมอนมีคำสอนเหล่านั้นอยู่มากจนขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักคำสอนแห่งความรอด หากปราศจากพระคัมภีร์เล่มนี้ สิ่งที่สอนในพระคัมภีร์เล่มอื่นส่วนใหญ่แทบจะไม่ชัดเจนและไม่มีค่า” (เอสรา แทฟท์ เบนสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign,Nov. 1986, 6)
“ศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน”
ภาพ
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน
“พระคัมภีร์มอรมอนเป็นศิลาหลักแห่งประจักษ์พยาน ประตูโค้งพังลงมาถ้านำศิลาหลักออกไปฉันใด ศาสนจักรจะตั้งมั่นหรือล้มลงก็ด้วยความจริงของพระคัมภีร์มอรมอนฉันนั้น … ถ้าพระคัมภีร์มอรมอนจริง … เขาคนนั้นต้องยอมรับคำอ้างเรื่องการฟื้นฟูและทั้งหมดที่มาด้วยกัน” (เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,”Ensign,Nov. 1986, 6)
ตามตัวอย่าง ท่านอาจต้องการอธิบายว่าวิธีหนึ่งที่ศัตรูยุคปัจจุบันของศาสนจักรพยายามหักล้างพระคัมภีร์มอรมอนคือพยายามใช้หลักฐานดีเอ็นเอหักล้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนในพระคัมภีร์มอรมอนกับคนอเมริกันพื้นเมือง ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้พวกเขาอ่านบทความ Gospel Topics“Book of Mormon and DNA Studies,” ซึ่งหาได้ที่ lds.org/topics
“วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนควรทำให้การศึกษาพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นการแสวงหาชั่วชีวิต มิฉะนั้นแล้ว เขากำลังทำให้จิตวิญญาณของเขาตกอยู่ในอันตรายและเพิกเฉยสิ่งซึ่งจะให้ความเป็นหนึ่งเดียวทางวิญญาณและสติปัญญาแก่เขาทั้งชีวิต มีความแตกต่างระหว่างผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่สร้างบนศิลาของพระคริสต์ผ่านพระคัมภีร์มอรมอนและจับราวเหล็ก กับผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น” (“The Book of Mormon Is the Word of God,”Ensign,Jan. 1988, 5)