2022
มาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้า
พฤษภาคม 2022


มาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้า

ภายในคอกของพระผู้เป็นเจ้า เราได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากพระเมษบาลผู้ประเสริฐและได้รับพรให้สัมผัสถึงความรักที่ไถ่ของพระองค์

สมัยเป็นพ่อแม่วัยหนุ่มสาว บราเดอร์และซิสเตอร์ซามัดเรียนรู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในบ้านเรียบง่ายขนาดสองห้องในเมืองเซอมารัง อินโดนีเซีย1 ทุกคนนั่งรอบโต๊ะตัวเล็กกับไฟสลัวๆ ที่ดูเหมือนจะดึงดูดยุงมากกว่าให้แสงสว่าง ผู้สอนศาสนาหนุ่มสองคนสอนความจริงนิรันดร์ให้พวกเขา โดยผ่านการสวดอ้อนวอนที่จริงใจและการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาเชื่อสิ่งที่ได้รับการสอน เลือกรับบัพติศมา และเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การตัดสินใจครั้งนั้นและรูปแบบการดำเนินชีวิตของพวกเขานับแต่นั้นเป็นพรแก่บราเดอร์กับซิสเตอร์ซามัดและครอบครัวมาตลอดในทุกด้านของชีวิต2

พวกเขาเป็นหนึ่งในวิสุทธิชนผู้บุกเบิกยุคแรกในอินโดนีเซีย ต่อมาพวกเขาได้รับศาสนพิธีพระวิหาร บราเดอร์ซามัดรับใช้เป็นประธานสาขา ต่อมาเป็นประธานท้องถิ่น ขับรถไปทั่วเกาะชวาตอนกลางเพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบของตน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขารับใช้เป็นผู้ประสาทพรคนแรกของสเตคสุราการ์ตา อินโดนีเซีย

ภาพ
เอ็ลเดอร์ฟังก์กับซิสเตอร์และบราเดอร์ซามัด

ในฐานะผู้สอนศาสนาคนหนึ่งในบ้านเล็กๆ ที่เปี่ยมด้วยศรัทธาหลังนั้นเมื่อ 49 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเห็นพวกเขาในสิ่งที่กษัตริย์เบ็นจามินสอนในพระคัมภีร์มอรมอน: “ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านพิจารณาถึงสภาพอันเป็นพรและเป็นสุขของคนที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า. เพราะดูเถิด, พวกเขาได้รับพรในทุกสิ่ง, ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายวิญญาณ”3 พรที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตผู้ที่ทำตามแบบอย่างและคำสอนของพระเยซูคริสต์ ที่เลือกให้ตนเองถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์นั้นมีมากมาย เปี่ยมปีติ และเป็นนิรันดร์4

คอกของพระผู้เป็นเจ้า

คำเชื้อเชิญในพันธสัญญาบัพติศมาของแอลมาสำหรับผู้ที่มารวมกันที่ผืนน้ำแห่งมอรมอนเริ่มต้นด้วยถ้อยคำดังนี้: “บัดนี้, เมื่อท่านปรารถนาจะเข้ามาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้า”5

ภาพ
Flock of sheep in the country side standing next to a rock fence.

คอกหรือคอกแกะเป็นรั้วล้อมขนาดใหญ่ มักสร้างด้วยกำแพงหินเพื่อคุ้มครองแกะในเวลากลางคืน มีช่องเปิดเพียงช่องเดียว เมื่อสิ้นวันคนเลี้ยงแกะจะเรียกฝูงแกะ พวกมันรู้จักเสียงของคนเลี้ยงแกะและเข้าไปสู่คอกทางประตูรั้วนั้นอย่างปลอดภัย

ผู้คนของแอลมาคงทราบว่าคนเลี้ยงแกะยืนอยู่ตรงช่องแคบๆ ของคอกเพื่อนับจำนวนแกะที่เข้ามา6 คอยสังเกตบาดแผลและอาการเจ็บป่วยของพวกมันและดูแลทีละตัว ความปลอดภัยและความผาสุกของแกะขึ้นอยู่กับความเต็มใจที่จะเข้ามาในคอกและอยู่ในคอก

ในหมู่พวกเราอาจมีบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ริมฝูง บางทีอาจคิดว่าตนเองจำเป็นน้อยกว่าหรือมีค่าน้อยกว่าหรือไม่เป็นส่วนหนึ่งในคอกนั้น และเช่นเดียวกับในคอกแกะ บางครั้งเราก็เหยียบนิ้วเท้ากันในคอกของพระผู้เป็นเจ้าและจำเป็นต้องกลับใจหรือให้อภัย

แต่พระเมษบาลผู้ประเสริฐ7—ผู้เลี้ยงแกะที่แท้จริงของเรา—ทรงประเสริฐเสมอ ภายในคอกของพระผู้เป็นเจ้า เราได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากพระองค์และได้รับพรให้สัมผัสถึงความรักที่ไถ่ของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “เราจารึกเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา; กำแพงของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราตลอดเวลา”8 พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงจารึกบาป ความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก9 และทุกสิ่งที่ไม่ยุติธรรมในชีวิตเรา10ไว้บนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ ทุกคนจะได้รับพรเหล่านี้เมื่อพวกเขา “ปรารถนาจะเข้ามา”11 และเลือกอยู่ในคอก ของประทานแห่งสิทธิ์เสรีไม่ได้เป็นเพียงสิทธิ์ในการเลือก แต่เป็นโอกาสในการเลือกสิ่งที่ถูกต้อง กำแพงรั้วของคอกไม่ใช่การกักขัง แต่เป็นแหล่งความปลอดภัยทางวิญญาณ

พระเยซูทรงสอนว่ามี “คอกเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว”12 พระองค์ตรัสว่า:

“แต่คนที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ …

“แกะย่อมฟังเสียงของท่าน …

“… และแกะก็ตามไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน”13

พระเยซูตรัสอีกว่า “เราเป็นประตู ถ้าใครเข้าไปทางเรา คนนั้นจะรอด”14 ทรงสอนอย่างชัดเจนว่ามีเพียงทางเดียวที่จะเข้าสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้าและทางเดียวเท่านั้นที่จะรอด นั่นคือโดยและผ่านพระเยซูคริสต์15

พรมายังผู้ที่อยู่ในคอกของพระผู้เป็นเจ้า

เราเรียนรู้วิธีเข้ามาสู่คอกจากพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่พระเยซูคริสต์และศาสดาพยากรณ์ของพระองค์สอน16 เมื่อเราทำตามหลักคำสอนของพระคริสต์และเข้ามาสู่คอกผ่านศรัทธาในพระเยซูคริสต์ การกลับใจ บัพติศมาและการยืนยัน และความซื่อสัตย์อย่างต่อเนื่อง17 แอลมาสัญญาพรพิเศษส่วนตัวสี่ประการ ท่าน จะสามารถ (1) “ได้รับการไถ่จากพระผู้เป็นเจ้า” (2) “นับอยู่กับบรรดาคนของการฟื้นคืนชีวิตครั้งแรก” (3) “มีชีวิตนิรันดร์” และ (4) พระเจ้าจะทรง “เทพระวิญญาณของพระองค์ลงมาให้ท่านให้มากมายยิ่งขึ้น”18

หลังจากแอลมาสอนเกี่ยวกับพรเหล่านี้ ผู้คนปรบมือด้วยความยินดี ด้วยเหตุผลดังนี้:

หนึ่ง: ได้รับการไถ่ หมายถึง การชำระหนี้หรือหมดภาระผูกมัด เป็นอิสระจากความทุกข์ยากหรือภยันตราย19 การพัฒนาส่วนบุคคลในส่วนของเราไม่ว่ามากน้อยแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เราสะอาดจากบาปที่เราทำหรือหายจากบาดแผลที่เราทนทุกข์หากปราศจากการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเรา20

สอง: เพราะการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ทุกคนจะฟื้นคืนชีวิต21 หลังจากวิญญาณของเราออกจากร่างมรรตัยแล้ว เราจะตั้งตารออย่างแน่นอนว่าเมื่อไหร่เราจะได้โอบกอดคนที่เรารักอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่ฟื้นคืนชีวิตแล้ว เราจะตั้งตารออยู่ท่ามกลางผู้ที่ได้รับการฟื้นคืนชีวิตแรกด้วยใจจดจ่อ

สาม: ชีวิตนิรันดร์หมายถึงการอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและมีชีวิตแบบพระองค์ นี่คือ “ของประทานสำคัญที่สุดในบรรดาของประทานทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้า”22 และจะนำความสมบูรณ์แห่งปีติมาให้23 นี่คือจุดหมายและวัตถุประสงค์สูงสุดของชีวิตเรา

สี่: ความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สมาชิกในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ ประทานการนำทางและการปลอบโยนที่จำเป็นอย่างยิ่งในช่วงชีวิตมรรตัยนี้24

ลองพิจารณาสาเหตุบางประการของความทุกข์: ความเศร้าหมองที่เกิดจากบาป25 ความโศกเศร้าและความโดดเดี่ยวจากความตายของผู้เป็นที่รัก และความกลัวจากความไม่แน่นอนของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราตาย แต่เมื่อเราเข้ามาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้าและรักษาพันธสัญญากับพระองค์ เราจะรู้สึกถึงสันติสุขจากการรู้และวางใจว่าพระคริสต์จะทรงไถ่เราจากบาป การแยกจากกันของร่างกายและวิญญาณจะสิ้นสุดเร็วขึ้น และเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปกับพระผู้เป็นเจ้าด้วยความรุ่งโรจน์ที่สุด

วางใจในพระคริสต์และกระทำด้วยศรัทธา

พี่น้องทั้งหลาย พระคัมภีร์เต็มไปด้วยแบบอย่างของเดชานุภาพอันสูงส่งของพระผู้ช่วยให้รอด ตลอดจนพระเมตตาสงสารและพระคุณของพระองค์ ระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก พรแห่งการรักษามาสู่ผู้ที่วางใจพระองค์และกระทำด้วยศรัทธา ตัวอย่างเช่น ผู้เจ็บป่วยคนหนึ่งที่สระน้ำเบธซาธาเดินด้วยศรัทธา เขาทำตามพระบัญชาของพระผู้ช่วยให้รอดผู้รับสั่งว่า “ลุกขึ้นเถิด จงยกแคร่ของท่านเดินไป”26 ผู้ที่ป่วยหรือทุกข์ใจในลักษณะใดก็ตามในแผ่นดินอุดมมั่งคั่งได้รับการรักษาให้หายเมื่อพวกเขา “ออกไป” โดย “พร้อมใจกัน”27

ในทำนองเดียวกัน การจะได้รับพรอันน่าอัศจรรย์ที่สัญญาไว้กับคนที่เข้ามาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้าเรียกร้องให้เราทำอย่างนั้น—เราต้องเลือกที่จะมา แอลมาผู้บุตรสอนว่า “และบัดนี้ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าพระเมษบาลผู้ประเสริฐทรงเรียกหาท่านอยู่; และหากท่านจะสดับฟังเสียงของพระองค์ พระองค์จะนำท่านเข้าคอกของพระองค์”28

เมื่อหลายปีก่อน เพื่อนรักของข้าพเจ้าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อชารอนภรรยาของเขาเขียนครั้งแรกเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรค เธอกล่าวว่า: “เราเลือกศรัทธา ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ศรัทธาในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ และศรัทธาว่าพระองค์ทรงทราบความต้องการของเราและทำตามสัญญาของพระองค์”29

ข้าพเจ้าได้พบวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหลายท่านแบบชารอนที่รู้สึกถึงสันติสุขภายในของความปลอดภัยในคอกของพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการล่อลวง การต่อต้าน หรือความยากลำบาก30 พวกเขาเลือกที่จะมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์และทำตามศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ศาสดาพยากรณ์ที่รักของเราสอนว่า “ทุกสิ่งที่ดีในชีวิต—พรที่มีความสำคัญนิรันดร์ทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้—เริ่มต้นด้วยศรัทธา”31

มาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มตัว

เจมส์ ซอว์เยอร์ โฮลมัน ปู่ทวดของทวดข้าพเจ้ามาที่ยูทาห์ในปี 1847 แต่ท่านไม่ใช่ผู้ที่เดินทางมาถึงที่หมายพร้อมกับบริคัม ยังก์ในเดือนกรกฎาคม ท่านมาในช่วงปลายปีนั้น และตามบันทึกของครอบครัว ท่านมีหน้าที่นำแกะมาด้วย ท่านไม่ได้มาถึงหุบเขาซอลท์เลคจนกระทั่งเดือนตุลาคม แต่ท่านกับฝูงแกะเดินทางสำเร็จ32

ถ้าจะเปรียบไปแล้ว เราบางคนยังอยู่บนทุ่งราบ ไม่ใช่ทุกคนที่มาถึงเป็นกลุ่มแรก เพื่อนที่รัก ได้โปรดเดินทางต่อไป—และช่วยเหลือผู้อื่น—ให้มาสู่คอกของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มตัว พรของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีมากมายนับไม่ถ้วนเพราะเป็นพรนิรันดร์

ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งที่ได้เป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ไถ่ของเรา พระเยซูคริสต์ และสันติสุขที่มาจากทั้งสองพระองค์เท่านั้น—นั่นคือ สันติสุขภายในและพรที่พบในคอกของพระผู้เป็นเจ้า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. เช่นเดียวกับชาวอินโดนีเซียหลายคนในรุ่นของเขา บราเดอร์ซามัดมีเพียงชื่อเดียว ศรี กาโตนิงสิห์ ภรรยาและลูกๆ ของเขาใช้ชื่อซามัดเป็นนามสกุล

  2. บราเดอร์และซิสเตอร์ซามัดเล่าว่าครอบครัวขยายของพวกเขาอย่างน้อย 44 คนตอนนี้เป็นสมาชิกศาสนจักร คนอื่นๆ อีกหลายคนได้รับพรของพระกิตติคุณเช่นกันเพราะแบบอย่างและการรับใช้ของพวกเขา

  3. โมไซยาห์ 2:41.

  4. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23.

  5. โมไซยาห์ 18:8.

  6. ดู โมโรไน 6:4.

  7. ดู ยอห์น 10:14; ดู เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง, “พระเมษบาลผู้ประเสริฐ พระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 97–101 ด้วย.

  8. อิสยาห์ 49:16.

  9. ดู แอลมา 7:11–13.

  10. ดู เดล จี. เรนลันด์, “ความอยุติธรรมอันน่าเดือดดาล,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 41–44.

  11. โมไซยาห์ 18:8.

  12. ดู ยอห์น 10:16.

  13. ยอห์น 10:2-4.

  14. ยอห์น 10:9.

  15. ดู 2 นีไฟ 31:21; ฮีลามัน 5:9.

  16. ดู Henry B. Eyring, “The Power of Teaching Doctrine,” Liahona, July 1999, 85. เมื่อเราแสวงหาที่จะมาหาพระคริสต์ เราต้องทำตามพระวจนะของพระคริสต์ “เพราะมีพระผู้เป็นเจ้าเดียวและพระเมษบาลเดียวทั่วทั้งแผ่นดินโลก” (ดู 1 นีไฟ 13:40–41)

  17. หลักคำสอนของพระคริสต์กล่าวโดยเรียบง่ายว่าผู้คนจากทุกหนแห่งต้องใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ กลับใจ รับบัพติศมา รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หรือไม่เช่นนั้น ตามที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนใน 3 นีไฟ 11:38 “เจ้าไม่มีทางจะสืบทอดอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นมรดกได้เลย”

  18. โมไซยาห์ 18:9, 10.

  19. ดู Merriam Webster.com Dictionary, “redeem”; ดู ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “การไถ่,” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 109 ด้วย.

  20. ดู แอลมา 11:40.

  21. ดู 2 นีไฟ 2:8; 9:12.

  22. หลักคำสอนและพันธสัญญา 14:7.

  23. ดู 2 นีไฟ 9:18.

  24. ดู 1 นีไฟ 4:6; โมโรไน 8:26.

  25. ดู โมไซยาห์ 3:24–25; แอลมา 41:10.

  26. ยอห์น 5:8.

  27. 3 นีไฟ 17:9.

  28. แอลมา 5:60. ใน โมเสส 7:53 พระเมสสิยาห์ตรัสไว้เช่นกันว่า “ผู้ใดเข้าทางประตูและปีนขึ้นโดยอาศัยเราจะไม่มีวันตก”

  29. Sharon Jones, “Diagnosis,” wechoosefaith.blogspot.com, Mar. 18, 2012.

  30. สั่งสอนกิตติคุณของเรา นิยามคำว่า “อดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่” ดังนี้ “ยังคงแน่วแน่ต่อพระบัญญัติของพระผู้เป็นเเจ้าและแน่วแน่ต่อศาสนพิธีเอ็นดาวเม้นท์และศาสนพิธีการผนึกของพระวิหารตลอดชีวิตโดยไม่หวั่นต่อการล่อลวง การต่อต้าน และความยากลำบาก” ([2019], 70) นี่แสดงให้เห็นว่าเราจะประสบกับการล่อลวง การต่อต้าน และความยากลำบากตลอดชีวิต

  31. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระคริสต์ทรงฟื้น: ศรัทธาในพระองค์จะเคลื่อนภูเขา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2021, 102.

  32. ดูชีวประวัติโดยย่อของเจมส์ ซอว์เยอร์ โฮลมัน และนาโอมิ ร็อกซีนา เลบารอน โฮลมัน โดยหลานสาวของพวกเขา เกรซ เอช. เซนส์เบอรี่ส์ ในความครอบครองของผู้พูด (Charles C. Rich diary, Sept. 28, 1847, Church History Library, Salt Lake City; Journal History of The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints, June 21, 1847, 49, Church History Library) โฮลมันเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทชาร์ลส ซี. ริช ในปี 1847