2022
ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ในแผนของพระบิดา
พฤษภาคม 2022


ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ในแผนของพระบิดา

จุดประสงค์ของหลักคำสอนและนโยบายของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูแห่งนี้คือเพื่อเตรียมลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อมรับความรอดในอาณาจักรซีเลสเชียลและความสูงส่งในระดับสูงสุดของอาณาจักรนั้น

แผนพระกิตติคุณแสดงถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อลูกๆ ทุกคนของพระองค์ เพื่อเข้าใจความรักนี้ เราต้องพยายามเข้าใจแผนและพระบัญญัติของพระองค์ พระองค์ทรงรักลูกๆ ของพระองค์มากจนประทานพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระองค์ พระเยซูคริสต์ มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ มาทนทุกข์และสิ้นพระชนม์เพื่อเรา ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ได้รับการฟื้นฟู เรามีความเข้าใจไม่เหมือนใครในแผนของพระบิดาบนสวรรค์ ทำให้เรามองจุดประสงค์ของชีวิตมรรตัย การพิพากษาของพระผู้เป็นเจ้าหลังจากนี้ และจุดหมายปลายทางอันรุ่งโรจน์ของลูกๆ ทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าต่างออกไป

ข้าพเจ้ารักท่าน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารักลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อมีคนถามพระเยซูว่า “ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?” พระองค์ทรงสอนว่าการรักพระผู้เป็นเจ้าและการรักเพื่อนบ้านเป็นพระบัญญัติสำคัญอันดับแรกของพระผู้เป็นเจ้า1 พระบัญชาเหล่านั้นเป็นอันดับแรกเพราะเชื้อเชิญให้เราเติบโตทางวิญญาณโดยพยายามเลียนแบบความรักที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อเรา ข้าพเจ้าปรารถนาให้เราทุกคนเข้าใจดีขึ้นถึงหลักคำสอนและนโยบายที่พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ทรงวางไว้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย สิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวตรงนี้จะชี้แจงว่าความรักของพระผู้เป็นเจ้าอธิบายหลักคำสอนนั้นและนโยบายที่ได้รับการดลใจของศาสนจักรอย่างไร

1.

ความเข้าใจผิดทั่วไปเรื่องการพิพากษาซึ่งจะเกิดขึ้นในที่สุดหลังจากชีวิตมรรตัยคือคนดีไปอยู่ที่หนึ่งซึ่งเรียกว่า สวรรค์ ส่วนคนไม่ดีไปอยู่ที่ถาวรแห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า นรก สมมติฐานผิดๆ เรื่องจุดหมายปลายทางเพียงสองแห่งเช่นนี้มีนัยว่าคนที่ไม่สามารถรักษาพระบัญญัติทุกข้อที่สวรรค์กำหนดจะต้องมีจุดจบด้วยการตกนรกตลอดกาล

พระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักทรงมีแผนดีกว่านั้นสำหรับลูกๆ ของพระองค์ หลักคำสอนที่ได้รับการเปิดเผยของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์สอนว่า ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า สุดท้ายแล้วจะได้ลงเอยในอาณาจักรแห่ง รัศมีภาพ ที่ใดที่หนึ่ง2—โดยมีข้อยกเว้นจำกัดเกินกว่าจะพิจารณาตรงนี้—“ในพระนิเวศน์ของพระบิดาแห่งเราคือปราสาทมากมาย”3 พระเยซูทรงสอน จากการเปิดเผยยุคปัจจุบันเรารู้ว่าปราสาทเหล่านั้นอยู่ในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพต่างกันสามอาณาจักร ในการพิพากษาครั้งสุดท้ายเราแต่ละคนจะรับการพิพากษาตามการกระทำและความปรารถนาของใจเรา4 ก่อนหน้านั้นเราจะต้องทนทุกข์เพราะบาปที่เราไม่ได้กลับใจ พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนในเรื่องนี้5 ต่อจากนั้นพระผู้พิพากษาที่ชอบธรรมจะทรงให้เราไปอยู่ในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุนี้ ตามที่เรารู้จากการเปิดเผยยุคปัจจุบัน ทุกคน “จะรับการพิพากษา … , และมนุษย์ทุกคนจะได้รับตามงานของเขาเอง, อำนาจการปกครองของเขาเอง, ในปราสาทซึ่งเตรียมไว้”6

พระเจ้าทรงเลือกเปิดเผยค่อนข้างน้อยเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งรัศมีภาพสองในสามแห่งนี้ แต่ทรงเปิดเผยไว้มากเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งรัศมีภาพสูงสุดที่พระคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า “รัศมีของดวงอาทิตย์”7

ในรัศมีภาพ “ซีเลสเชียล”8 มีสามระดับหรือสามชั้น9 ชั้นสูงสุดคือความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล ในนั้นเราจะเป็นเหมือนพระบิดาของเราและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เพื่อช่วยเราพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระผู้เป็นเจ้าและเปลี่ยนธรรมชาตินิสัยอันจำเป็นต่อการบรรลุศักยภาพอันสูงส่งของเรา พระเจ้าจึงได้ทรงเปิดเผยหลักคำสอนและกำหนดพระบัญญัติบนพื้นฐานของกฎนิรันดร์ นี่คือสิ่งที่เราสอนในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเพราะจุดประสงค์ของหลักคำสอนและนโยบายของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูนี้คือเพื่อเตรียมลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อมรับความรอดในรัศมีภาพซีเลสเชียล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสูงส่งในระดับสูงสุดของอาณาจักรนั้น

พันธสัญญาที่ทรงทำไว้และพรที่ทรงสัญญาไว้กับผู้ซื่อสัตย์ในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าเป็นกุญแจสำคัญ นี่อธิบายถึงการสร้างพระวิหารของเราทั่วโลกซึ่งคณะนักร้องประสานเสียงขับร้องไว้อย่างไพเราะ บางคนฉงนกับการเน้นความสำคัญเรื่องนี้เพราะไม่เข้าใจว่าพันธสัญญาและศาสนพิธีของพระวิหารนำทางเราไปสู่การบรรลุความสูงส่ง เรื่องนี้เข้าใจได้จากในบริบทของความจริงที่ได้รับการเปิดเผยเกี่ยวกับรัศมีภาพ สาม ระดับเท่านั้น เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อลูกๆ ทุกคน พระองค์จึงทรงจัดเตรียมอาณาจักรแห่งรัศมีภาพอื่นๆ ไว้—ดังที่เอ็ลเดอร์เควทิน แอล. คุกอธิบายเมื่อวานนี้— ซึ่งทุกอาณาจักรเลิศเลอเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้10

การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ทำให้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ พระองค์ทรงเปิดเผยว่าพระองค์ “สรรเสริญพระบิดา, และ ช่วยให้งานทุกอย่างในพระหัตถ์ของพระองค์รอด11 ความรอดนั้นมีให้ในอาณาจักรแห่งรัศมีภาพต่างๆ เรารู้จากการเปิดเผยยุคปัจจุบันว่า “อาณาจักรทั้งปวงมีกฎให้ไว้”12 เรื่องสำคัญคือ:

“คนที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎของอาณาจักรซีเลสเชียลก็ทนรัศมีภาพซีเลสเชียลไม่ได้.

“และคนที่ปฏิบัติตามกฎของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลไม่ได้ก็ทนรัศมีภาพเทอร์เรสเตรียลไม่ได้.

“และคนที่ปฏิบัติตามกฎของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลไม่ได้ก็ทนรัศมีภาพเทอร์เรสเตรียลไม่ได้”13

อีกนัยหนึ่งคือ อาณาจักรแห่งรัศมีภาพที่เราได้รับในการพิพากษาครั้งสุดท้ายถูกกำหนดตามกฎที่เราเลือกทำตามในแผนแห่งความรักของพระบิดาบนสวรรค์ ภายใต้แผนนั้นมีหลายอาณาจักรให้ลูกทุกคนของพระองค์ได้ไปอยู่ตามอาณาจักรที่พวกเขา “ปฏิบัติตาม”

2.

คำสอนและนโยบายของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเจ้าประยุกต์ใช้ความจริงนิรันดร์เหล่านี้ในวิธีที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เฉพาะในบริบทของแผนอันเปี่ยมด้วยความรักของพระบิดาบนสวรรค์สำหรับลูก ทุกคน ของพระองค์เท่านั้น

เราจึงให้เกียรติสิทธิ์เสรีส่วนบุคคล คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าศาสนจักรนี้พยายามอย่างมากเพื่อส่งเสริมเสรีภาพทางศาสนา ความพยายามเหล่านี้ช่วยผลักดันแผนของพระบิดาบนสวรรค์ เราพยายามช่วยให้ลูก ทุกคน ของพระองค์—ไม่เฉพาะสมาชิกของเรา—ได้ใช้เสรีภาพอันล้ำค่าในการเลือก

ทำนองเดียวกัน บางครั้งมีคนถามเราว่าทำไมเราส่งผู้สอนศาสนาไปหลายประเทศ แม้ในหมู่ประชากรชาวคริสต์ และยังถามเราด้วยว่าทำไมเราจึงให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมจำนวนมหาศาลแก่คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกศาสนจักรโดยไม่ได้เชื่อมโยงความช่วยเหลือนี้กับงานเผยแผ่ศาสนาของเรา เราทำเช่นนี้เพราะพระเจ้าทรงสอนเราให้ถือว่าลูกทุกคนของพระองค์เป็นพี่น้องของเรา และเราต้องการแบ่งปันความอุดมสมบูรณ์ทางโลกและทางวิญญาณให้ทุกคน

หลักคำสอนนิรันดร์ให้มุมมองชัดเจนเรื่องลูกๆ ด้วย เราเห็นผ่านมุมมองนี้ว่าการให้กำเนิดและการเลี้ยงดูลูกเป็นส่วนหนึ่งของแผนศักดิ์สิทธิ์ เป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์และน่ายินดีของผู้ได้รับอำนาจให้มีส่วนในเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้รับบัญชาให้สอนและต่อสู้เพื่อหลักธรรมและหลักปฏิบัติที่จัดเตรียมสภาพที่ดีที่สุดสำหรับพัฒนาการและความสุขของลูกๆ ภายใต้แผนของพระผู้เป็นเจ้า

3.

สุดท้าย ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นที่รู้จักอย่างถูกต้องในฐานะศาสนจักรที่มีครอบครัวเป็นศูนย์กลาง แต่คนไม่ค่อยเข้าใจความจริงที่ว่าการมีครอบครัวเป็นศูนย์กลางไม่ได้จำกัดเฉพาะความความสัมพันธ์ในชีวิตนี้เท่านั้น ความสัมพันธ์นิรันดร์ก็เป็นรากฐานเรื่องศาสนาของเราเช่นกัน พันธกิจของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูคือช่วยให้ลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าคู่ควรรับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้เป็นจุดหลายปลายทางของพวกเขา ด้วยการไถ่ที่มีให้ผ่านการชดใช้ของพระคริสต์ ทุกคนสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์ (ความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเซียล) ซึ่งมารดาเอวาประกาศว่า “พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ปวงชนที่เชื่อฟัง”14 นี่เป็นมากกว่าความรอด ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเตือนเราว่า “ในแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า ความรอดเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล [แต่] ความสูงส่งเป็นเรื่องของครอบครัว”15

รากฐานสำหรับเราคือการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้าที่ว่าเราจะบรรลุความสูงส่งได้ก็ต่อเมื่อเราซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของการแต่งงานนิรันดร์ระหว่างชายกับหญิง16เท่านั้น หลักคำสอนศักดิ์สิทธิ์นั้นคือสาเหตุที่เราสอนว่า “เพศเป็นลักษณะพิเศษโดยเนื้อแท้อันบ่งบอกถึงอัตลักษณ์และจุดประสงค์ของปัจเจกบุคคลก่อนชีวิตมรรตัย ในชีวิตมรรตัย และในนิรันดร”17

นั่นคือสาเหตุที่พระเจ้าทรงเรียกร้องให้ศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูต่อต้านแรงกดดันทางสังคมและทางกฎหมายที่ให้ถอนตัวจากหลักคำสอนของพระองค์เรื่องการแต่งงานระหว่างชายกับหญิง ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่หลอมความแตกต่างระหว่างชายกับหญิงเข้าด้วยกันหรือทำให้เพศสับสนหรือเปลี่ยนแปลง

จุดยืนของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูเกี่ยวกับรากฐานเหล่านี้มักยั่วยุให้เกิดการต่อต้าน เราเข้าใจเรื่องนั้น แผนของพระบิดาบนสวรรค์ของเรายอมให้มี “การตรงกันข้ามในสิ่งทั้งปวง”18 และการต่อต้านอันแข็งกร้าวที่สุดของซาตานพุ่งตรงมาที่ส่วนสำคัญที่สุดของแผนนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามขัดขวางความก้าวหน้าไปสู่ความสูงส่งโดยการบิดเบือนการแต่งงาน ขัดขวางการมีลูก หรือทำให้เพศสับสน แต่เรารู้ว่าในระยะยาวจุดประสงค์และแผนศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักจะไม่เปลี่ยนแปลง สถานการณ์ส่วนตัวอาจเปลี่ยนไป แต่แผนของพระผู้เป็นเจ้ายืนยันว่าในระยะยาวผู้ที่ซื่อสัตย์ในการรักษาพันธสัญญาจะมีโอกาสคู่ควรกับพรที่สัญญาไว้ทุกประการ19

คำสอนอันมีค่าเป็นพิเศษที่ช่วยเราเตรียมรับชีวิตนิรันดร์ซึ่งเป็น “ของประทานสำคัญที่สุดในบรรดาของประทานทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้า”20 คือถ้อยแถลงปี 1995 เรื่องครอบครัว21 สิ่งที่ถ้อยแถลงประกาศไว้นั้น แน่นอนว่าแตกต่างชัดเจนจากกฎหมาย ขนบธรรมเนียม และการสนับสนุนในปัจจุบัน เช่น เรื่องการอยู่กินด้วยกันโดยไม่แต่งงานและการแต่งงานเพศเดียวกัน คนที่ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในแผนที่เปี่ยมด้วยความรักของพระบิดาสำหรับลูกๆ ของพระองค์อาจคิดว่าถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวเป็นเพียงคำแถลงนโยบายที่เปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม เรายืนยันว่าถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวซึ่งตั้งอยู่บนหลักคำสอนที่ลบล้างไม่ได้ ให้นิยามถึงรูปแบบความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ส่วนสำคัญสูงสุดของพัฒนาการนิรันดร์ของเราสามารถเกิดขึ้นได้

นั่นเป็นบริบทสำหรับหลักคำสอนและนโยบายที่เป็นเอกลักษณ์ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ได้รับการฟื้นฟู

4.

ในความสัมพันธ์และสภาวการณ์มากมายในชีวิตมรรตัย เราแต่ละคนต้องอยู่กับความแตกต่าง ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ที่ควรรักเพื่อนมนุษย์ เราควรใช้ชีวิตอย่างสันติกับคนที่ไม่ได้เชื่อเหมือนกับเรา เราทุกคนเป็นลูกของพระบิดาบนสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงกำหนดชีวิตหลังความตายและอาณาจักรแห่งรัศมีภาพไว้ให้เราทุกคนแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้เราทุกคนพากเพียรให้ได้พรสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการรักษาพระบัญญัติ พันธสัญญา และศาสนพิธีของพระองค์ในระดับสูงสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้มีการสร้างพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อยู่ทั่วโลก เราต้องพยายามแบ่งปันความจริงนิรันดร์เหล่านี้กับผู้อื่น แต่ด้วยความรักที่เราติดค้างเพื่อนบ้านทุกคน เรายอมรับการตัดสินใจของพวกเขาเสมอ ดังที่ศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนสอน เราต้องมุ่งหน้าโดยมี “ความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อมนุษย์ทั้งปวง”22

ดังที่ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันประกาศในการประชุมใหญ่ครั้งที่ผ่านมาว่า: “ไม่เคยมีเวลาใดในประวัติศาสตร์โลกที่ความรู้เรื่องพระผู้ช่วยให้รอดจะสำคัญและเกี่ยวข้องเป็นส่วนตัวกับ จิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน มากเท่าเวลานี้ … หลักคำสอนอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ทรงพลังมาก หลักคำสอนเหล่านั้นเปลี่ยนชีวิตทุกคนที่เข้าใจและหมายมั่นนำหลักคำสอนมาปฏิบัติในชีวิต”23

ขอให้เราทุกคนนำหลักคำสอนศักดิ์สิทธิ์นั้นมาปฏิบัติในชีวิตเราเอง ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน