2017
เดสิเดเรีย ยาเนซ: ผู้บุกเบิกในหมู่สตรี
กรกฎาคม 2017


เดสิเดเรีย ยาเนซ: ผู้บุกเบิกในหมู่สตรี

หลังจากความฝันนำเธอมาสู่พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู วิสุทธิชนยุคสุดท้ายรุ่นแรกท่านนี้จากเม็กซิโกกลายเป็นผู้บุกเบิกที่เด็ดเดี่ยวของศาสนจักร

ภาพ
desideria yanez

ภาพประกอบโดย เคธลีน ปีเตอร์สัน

คืนหนึ่งเมื่อต้นปี 1880 เดสิเดเรีย ยาเนซกำลังนอนหลับอยู่ในหมู่บ้านอินเดียนแดงที่สะดวกสบายแถบเนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นตะบองเพชรเรียงรายเป็นทิวแถวของเมืองโนปาลา เม็กซิโก ขณะฝัน เธอเห็นจุลสารชื่อ Voz de Amonestación (เสียงเตือน) ซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตเธอและช่วยเธอทางวิญญาณ หลังจากตื่นนอน เธอรู้ว่าคนที่จัดพิมพ์จุลสารอยู่ในเม็กซิโกซิตี1 เธอทราบเช่นกันว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเดินทาง 75 ไมล์ (120 กิโลเมตร) ไปเมืองนั้น แต่เธอตั้งใจว่าจะทำตามความรู้สึกในฝันและหาวิธี

ศรัทธาของครอบครัว

เดสิเดเรียเล่าความฝันให้โฮเซบุตรชายฟัง เขาเชื่อเธอและเดินทางไปเม็กซิโกซิตีแทนเธอ เขาเริ่มพูดคุยอย่างจริงจังกับหลายคนและสุดท้ายก็พบสมาชิกศาสนจักรชื่อโปลติโน โรดาคานาตีผู้บอกให้เขาไปที่โรงแรมซานคาร์ลอส2

ที่โรงแรม โฮเซพบเอ็ลเดอร์เจมส์ ซี. สจ๊วตกำลังตรวจแก้คำผิดในจุลสาร Voz de Amonestación ของพาร์ลีย์ พี. แพรทท์ สิ่งพิมพ์ฉบับนี้เป็นจุลสารเล่มเดียวกับที่เดสิเดเรียเห็นในความฝัน หลังจากโฮเซพูดคุยกับเอ็ลเดอร์สจ๊วตเกี่ยวกับความฝันของเดสิเดเรียแล้ว ผู้สอนศาสนาให้จุลสารเล่มอื่นของศาสนจักรแก่โฮเซ เพราะ Voz de Amonestación ยังไม่เสร็จ และเอ็ลเดอร์สจ๊วตเขียนการสนทนาที่น่าสนใจลงในบันทึกส่วนตัวของเขา3

โฮเซเดินทางคลุกฝุ่นอีกหลายไมล์กลับไปหาคุณแม่ของเขา หลังจากทราบว่ามีจุลสารเล่มนั้นอยู่จริง เดสิเดเรียจึงรู้ว่าความฝันเป็นจริง เธอศึกษาจุลสารที่โฮเซนำมาให้อย่างละเอียด และคำสอนพื้นฐานของพระกิตติคุณที่อยู่ในนั้นสัมผัสจิตวิญญาณเธอ เธอปรารถนาจะรับบัพติศมา

ผู้สอนศาสนาพบเธอ

เพราะเอ็ลเดอร์สจ๊วตยังตรวจแก้ Voz de Amonestación ไม่เสร็จ ศาสนจักรจึงส่งเอ็ลเดอร์เมลิตัน เทรโฮผู้สอนศาสนาจากสเปนไปหาเดสิเดเรียกับโฮเซที่โนปาลา วันที่ 22 เมษายน ปี 1880 เอ็ลเดอร์เทรโฮให้บัพติศมาเดสิเดเรีย ควินตานาร์ เดอยาเนซ, โฮเซ มาเรีย ยาเนซ และคาร์เมนลูกสาวของโฮเซ เดสิเดเรียได้รับบัพติศมาเป็นคนที่ 22 ในคณะเผยแผ่เม็กซิโกและเป็นสตรีคนแรกทางภาคกลางของเม็กซิโก4

ปลายเดือนนั้น โฮเซไปเม็กซิโกซิตีอีกครั้งและกลับบ้านพร้อม Voz de Amonestación สิบเล่ม ในที่สุดเดสิเดเรียก็ได้เห็นจุลสารจากความฝันของเธอ สำหรับเธอแล้วจุลสารเป็นสิ่งเตือนใจให้รู้ว่าพระเจ้าทรงเอื้อมพระหัตถ์มาให้เธอและดึงเธอมาหาพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู

พระคัมภีร์มอรมอนภาษาสเปนเล่มแรก

เมื่ออายุ 72 ปี เดสิเดเรียพบว่าสุขภาพเธอเริ่มเสื่อมถอย ราวปี 1886 เธอถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบ้านหลังเล็กของเธอที่ซานโลเรนโซใกล้โนปาลา คืนที่น่ากลัวมากคืนหนึ่ง ขโมยบุกเข้ามาในบ้าน ทุบตีเธอ และหนีไปพร้อมเงิน 3,000 ดอลลาร์5 เดสิเดเรียไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต แทนที่จะสิ้นหวัง เดสิเดเรียกลับรอคอยความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยศรัทธา เธอเรียนรู้จากความฝันแล้วว่าพระเจ้าทรงทราบสถานการณ์ของเธอดี

ต่อจากนั้นในเดือนตุลาคม ปี 1886 อัครสาวกท่านหนึ่งกับประธานคณะเผยแผ่สองท่านมาเยี่ยมเขตนั้นอย่างไม่คาดฝัน โฮเซ ยาเนซบอกพวกท่านเกี่ยวกับความทุกข์ของมารดา พวกท่านมาบ้านของเดสิเดเรียทันที เดสิเดเรียดีใจมากที่ได้พบเอ็ลเดอร์เออแรสตัส สโนว์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองและให้ท่านวางมือบนศีรษะเธอเพื่อให้พรฐานะปุโรหิต

ระหว่างการเยี่ยมครั้งนั้น โฮเรซ คัมมิงส์ประธานคณะเผยแผ่คนใหม่ทำให้เดสิเดเรียประหลาดใจกับข่าวสำคัญ เขาบอกเธอว่าการแปลพระคัมภีร์มอรมอนทั้งเล่มครั้งแรกเป็นภาษาสเปนในซอลท์เลคซิตี้ใกล้เสร็จแล้ว เดสิเดเรียขอพระคัมภีร์ล่วงหน้าทันที

หนึ่งเดือนต่อมา ประธานคัมมิงส์กลับมาบ้านของเดสิเดเรียพร้อมพระคัมภีร์มอรมอน เขาเขียนถึงประสบการณ์นี้ว่า “ไปเยี่ยมซิสเตอร์ยาเนซหญิงชราที่ป่วยหนักและมอบพระคัมภีร์มอรมอนที่ยังไม่เย็บเล่มซึ่งผมขอจากยูทาห์มาให้เธอ นั่นเป็นภาษาสเปนเล่มแรกที่ได้รับในเม็กซิโก … ดูเหมือนเธอจะพอใจมาก”6 การเยี่ยมครั้งนี้จะเป็นการเยี่ยมเดสิเดเรียครั้งสุดท้ายในช่วงชีวิตของเธอ

โดดเดี่ยวแต่ไม่ถูกลืม

ภาพ
woman greeting visitor

ราวปี 1889 เพียง 10 ปีหลังจากพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูมาถึงภาคกลางของเม็กซิโก ผู้นำศาสนจักรรู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้ย้ายบุคลากรที่มีจำกัดของศาสนจักรไปตั้งอาณานิคมต่างๆ ทางภาคเหนือของเม็กซิโก สมาชิกใกล้เม็กซิโกซิตี้ราว 1,000 ไมล์ (1,600 กิโลเมตร) จากอาณานิคม รู้สึกเหมือนเป็นแกะขาดคนเลี้ยงเมื่อผู้สอนศาสนาไปภาคเหนือ แม้จะยังแวดล้อมไปด้วยครอบครัวแต่เดสิเดเรียรู้ว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติพระกิตติคุณอย่างโดดเดี่ยว นี่หมายความว่าเธอจะไม่มีวันได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมสมาคมสงเคราะห์หรือการรับพรพระวิหารขณะมีชีวิตอยู่

แต่เธอทราบดีว่าพระเจ้าทรงรู้จักเธอ พระเจ้าทรงแสดงให้ประจักษ์ผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ว่าพระองค์ทรงปรารถนาจะดูแลช่วยเหลือผู้คนของพระองค์ทีละคน เพราะความฝันของเธอ พรฐานะปุโรหิต และพระคัมภีร์มอรมอน เดสิเดเรียจึงเป็นพยานได้ถึงความมั่นใจโดยไม่มีข้อสงสัยว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลความจำเป็นทางโลกและทางวิญญาณของเธอ ถึงแม้ความรู้นี้มิได้ป้องกันการทดลองและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในชีวิตเธอ แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นแก่เธอว่าพระเจ้าจะทรงแบ่งเบาภาระของเธอเสมอ

มรดกอันยั่งยืน

ในปี 1903 ผู้สอนศาสนากลับมาภาคใต้ของเม็กซิโกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1886 พวกเขาพบกับโฮเซผู้สรุปความอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่และมรดกแห่งศรัทธาของเดสิเดเรียโดยกล่าวว่าทั้งภรรยากับมารดาของเขา “สิ้นชีวิตด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมต่อความเชื่อของมอรมอน” และเขา “หวังจะสิ้นชีวิตในความเชื่อของมอรมอน” เช่นกัน7

หลังจากเธอฝัน เดสิเดเรียเริ่มเดินบนเส้นทางพระกิตติคุณ กลายเป็นผู้บุกเบิกชาวลาตินของศาสนจักร เมล็ดแห่งศรัทธาที่หว่านผ่านความฝันในปี 1880 ไม่สูญเปล่า แต่งอกงามเมื่อเดสิเดเรียทำพันธสัญญาแห่งบัพติศมาและอดทนต่อการทดลองของเธอด้วยศรัทธา เดสิเดเรียสามารถเหี่ยวเฉาทางวิญญาณได้ไม่ยากเมื่อเธอกับครอบครัวปฏิบัติพระกิตติคุณอย่างโดดเดี่ยวห่างจากภูมิภาคอื่นของศาสนจักร แต่เธอยืนหยัดไม่หวั่นไหว เธอรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงห่วงใยและดูแลภูมิภาคเล็กๆ นี้ของโลก

ถึงแม้เธอจะออกจากบ้านไม่ได้ แต่เธอเป็นแบบอย่างของศรัทธา ความขยันหมั่นเพียร การเชื่อฟัง และความทรหดอดทนไม่เฉพาะต่อครอบครัวเธอเท่านั้นแต่ต่อเราแต่ละคนเช่นกันเมื่อเราหมายมั่นสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บุกเบิก

อ้างอิง

  1. ดู Alonzo L. Taylor Mission Papers, July 10, 1903, และ Mexican Mission Manuscript History and Historical Reports, July 7, 1903, หอสมุดประวัติศาสนจักร, ซอลท์เลคซิตี้.

  2. ดู Taylor Mission Papers, July 10, 1903, และ James Z. Stewart Papers, Feb. 17, 1880, หอสมุดประวัติศาสนจักร.

  3. ดู Stewart Papers, Feb. 17, 1880.

  4. ดู Moses Thatcher, Journal, Nov. 20, 1879, และ Stewart Papers, Apr. 26 and June 20, 1880, หอสมุดประวัติศาสนจักร. เดสิเดเรียเป็นสตรีคนแรกที่รับบัพติศมาหลังจากเปิดคณะเผยแผ่เม็กซิโกในปี 1879 ในเม็กซิโกซิตี แต่งานเผยแผ่ช่วงสั้นทางภาคเหนือของเมืองเอร์โมซิโยในปี 1877 ส่งผลให้มีผู้รับบัพติศมาห้าคนในหมู่บ้านใกล้เคียง รวมทั้งมาเรีย ลาครูซ ปารอสผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสสตรีชาวเม็กซิกันคนแรก บันทึกอย่างเป็นทางการของคณะเผยแผ่เม็กซิโกที่เขียนโดยโมเสส แธทเชอร์ระบุว่าเดสิเดเรีย ยาเนซเป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสสตรีคนแรกทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่สอง ดู Louis Garff Reminiscences, ไม่ระบุวันเดือนปี, หอสมุดประวัติศาสนจักรด้วย.

  5. ดู Horace H. Cummings Papers, Oct. 24, 1886, หอสมุดประวัติศาสนจักร.

  6. Cummings Papers, Nov. 29, 1886.

  7. Taylor Mission Papers, July 10, 1903.