การถ่ายทอดประจำปี
การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและปีติในพระเจ้า


การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและปีติในพระเจ้า

การถ่ายทอดการอบรมประจำปีของเซมินารีและสถาบันศาสนา • 13 มิถุนายน, 2017

นับเป็นพรที่ได้พูดกับครอบครัวเอสแอนด์ไอทั่วโลก ข้าพเจ้ารักท่านมาก ข้าพเจ้าขอบคุณท่าน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำและทุกสิ่งที่ท่านเป็น และข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอพระเจ้าประทานพรท่านในงานอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเรา

พี่น้องที่รัก เป็นสิ่งสำคัญที่จะสอน เตรียม ยกระดับจิตใจ และเสริมสร้างอนุชนรุ่นหลัง ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความเร่งด่วนและความเข้มข้นของงานนั้น เยาวชนและคนหนุ่มสาวในศาสนจักรของพระเจ้าเผชิญความท้าทายยากๆ มากมายและมีโอกาสพิเศษมากมาย โลกรอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันทรงพลังที่ใช้เพื่อความดีและความชั่วร้าย คนหนุ่มสาวของเราหลายคนอาศัยอยู่ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม การก่อการร้าย การทุจริต การทำลายล้างครอบครัว ความแตกแยกทางการเมืองและสังคม การหมกมุ่นทางโลก ความเสียหายจากความยากจน โรคระบาด และทุพภิกขภัย 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและความยุ่งเหยิงเหล่านี้ พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเตรียมอาณาจักรและผู้คนเพื่อรับการเสด็จกลับมาของพระองค์ พระองค์ทรงเคลื่อนไหวด้วยเดชานุภาพตลอดทั่วแผ่นดินโลกเพื่อรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจายไป เพื่อสร้างอาณาจักรของพระองค์ และสถาปนาไซอัน พระพาหุแห่งความรักและพระเมตตาของพระองค์เอื้อมออกไปหาเยาวชนและคนหนุ่มสาวของศาสนจักร ทรงเชื้อเชิญให้พวกเขารับการเยียวยาจากพระองค์ เสริมสร้างพลัง และรับอำนาจแห่งการไถ่ในชีวิตพวกเขา

สงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างความดีกับความชั่วที่เริ่มขึ้นในโลกก่อนเกิดดำเนินต่อไปอย่างรุนแรงขึ้นในยุคสุดท้าย ในการสู้รบนั้นเยาวชนและคนหนุ่มสาวของอนุชนรุ่นหลังไม่ได้ประจำแนวรบที่บ้าน พวกเขาอยู่แนวหน้า และพวกเขาจะมีบทบาทสำคัญมากในงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า งานดังกล่าวนำข้าพเจ้ามาหาท่าน

ท่านอยู่แนวหน้ากับอนุชนรุ่นหลัง เมื่อข้าพเจ้านึกถึงท่านและสิ่งที่ท่านทำทุกวันเพื่อสัมผัสชีวิตเยาวชนและคนหนุ่มสาวหลายแสนคนในศาสนจักรของพระเจ้า ข้าพเจ้านึกถึงนิมิตของนีไฟเกี่ยวกับสมัยของเรา

“และ … ข้าพเจ้า, นีไฟ, เห็นเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า, ว่าลงมาบนวิสุทธิชนของศาสนจักรของพระเมษโปดก, และบนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า, ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ; และพวกเขามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่”1 

นีไฟอธิบายกระบวนการของสวรรค์ซึ่งท่านมีส่วนร่วมในวิธีที่สำคัญยิ่ง เมื่อท่านนึกถึงสิ่งที่ท่านทำในการสอนเซมินารีและสถาบัน ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะนึกถึงข้อพระคัมภีร์นี้ ท่านคือเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในกระบวนการของสวรรค์ซึ่งโดยทางนั้นบุตรธิดาแห่งพันธสัญญาผู้ล้ำค่าของพระองค์จะได้รับพรด้วยความชอบธรรมและรับเดชานุภาพและรัศมีภาพของพระองค์

นี่คือสิ่งที่ท่านทำ ท่านสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ให้คนหนุ่มสาวผู้ยอดเยี่ยมเหล่านี้ ท่านช่วยให้พวกเขาได้รับพลังจากสวรรค์ในฐานะปุโรหิต ในพระวิหาร ในการมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อน ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ในพันธสัญญาและศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ นี่คือเดชานุภาพซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่บุตรธิดาที่พระองค์ทรงรักเพื่อพวกเขาจะสามารถรัก สอน และรับใช้ด้วยศรัทธาและความหวังในพระองค์ ทำงานของพระองค์ชั่วชีวิตพวกเขา

บางครั้งอาจยากที่จะเชื่อมโยงนิมิตที่สร้างแรงบันดาลใจของนีไฟกับความเป็นจริงในชั้นเรียนเซมินารีเมื่อเวลา 6 นาฬิกา 15 นาทีในยามเช้าหรือกับชั้นเรียนสถาบันยามค่ำพร้อมกับนักศึกษาที่เหนื่อยล้า ข้าพเจ้าพบเห็นวัยรุ่นมากมายที่ตาปรือในยามเช้าตรู่ และแน่นอนข้าพเจ้าทราบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยที่เหนื่อยล้าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นและนักศึกษามหาวิทยาลัยเหล่านั้นเมื่อครูที่รักพวกเขาสอนด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจและในจิตวิญญาณพวกเขาเมื่อครูเปิดพลังแห่งพระคัมภีร์ให้พวกเขาและช่วยให้พวกเขาเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในวิธีของพระเจ้า ข้าพเจ้าทราบเพราะสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับลูกๆ ทุกคนของข้าพเจ้า และกำลังเกิดขึ้นกับหลานๆ ของข้าพเจ้า

เยาวชนและคนหนุ่มสาวที่ท่านสอนนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่เราต้องการให้พวกเขาอีกมากมายหลายคนได้รับพรของฐานะปุโรหิตและพระวิหาร รับใช้งานเผยแผ่ แต่งงานในพระวิหาร สร้างครอบครัวนิรันดร์ รับใช้พระเจ้าในอาณาจักรของพระองค์ และเป็นแสงสว่างแก่โลก—เพิ่มอีกมากมายหลายคน นั่นหมายความว่าท่านต้องทำสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านมีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในงานสำคัญยิ่งนี้

ปีติในพระเจ้า

วันนี้ข้าพเจ้าอยากแบ่งปันความคิดบางอย่างซึ่งหวังว่าจะช่วยท่านขณะที่ท่านดำเนินตามจุดประสงค์แห่งสวรรค์ ข่าวสารของข้าพเจ้าเรียบง่าย เราต้องทำมากขึ้นเพื่อช่วยให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวของศาสนจักรประสบกับปีติ—ปีติทางวิญญาณอย่างแท้จริง—ในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นคือผ่านการเรียนรู้หลักคำสอนของพระคริสต์อย่างลึกซึ้งในวิธีของพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ท่านว่าการเรียนรู้หลักคำสอนของพระเยซูคริสต์อย่างลึกซึ้งนำไปสู่ปีติในพระเจ้า

ดังที่ประธานเนลสันสอนไว้ว่า

“พี่น้องที่รัก ปีติที่เรารู้สึกแทบไม่เกี่ยวกับสภาพการณ์ในชีวิตและทุกอย่างที่เราทำกับศูนย์กลางชีวิตเรา

“เมื่อศูนย์กลางชีวิตเราอยู่ที่แผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า …และพระเยซูคริสต์กับพระกิตติคุณของพระองค์ เราจะรู้สึกปีติได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น—หรือไม่เกิดขึ้น—ในชีวิตเรา ปีติมาจากพระองค์และเนื่องจากพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่มาของปีติทั้งปวง”2

นั่นคือปีติที่คนหนุ่มสาวของเราต้องรู้สึก ปีตินี้ปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้าย สร้างแรงจูงใจให้เป็นคนชอบธรรม เติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาที่จะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนตลอดเวลา และดึงพวกเขาไปหาพระเจ้า

พระผู้ช่วยให้รอดประทานแบบแผนพิเศษแก่เราในพระคัมภีร์มอรมอนเพื่อช่วยให้ท่านช่วยนักเรียนของท่านค้นพบปีติในพระองค์

“ฉะนั้น, จงชูแสงสว่างของเจ้าขึ้นเพื่อมันจะส่องโลก. ดูเถิดเราเป็นแสงสว่างซึ่งเจ้าจะชูขึ้น—ซึ่งเจ้าเห็นเราทำ. ดูเถิดเจ้าเห็นเราสวดอ้อนวอนพระบิดา, และเจ้าเห็นแล้วทุกคน. 

“และเจ้าเห็นว่าเราสั่งว่าไม่ให้ผู้ใดในพวกเจ้าจากไป, แต่ที่จริงแล้วสั่งให้เจ้ามาหาเรา, เพื่อเจ้าจะสัมผัสและเห็น; แม้เช่นนั้นเจ้าจงปฏิบัติต่อโลก”3 

เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฏต่อผู้คนที่พระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่ง พระองค์ทรงรักพวกเขา ทรงสอนหลักคำสอนของพระองค์ และทรงอวยพรพวกเขา พวกเขาสัมผัสปีติอันยิ่งใหญ่ ในข้อพระคัมภีร์นี้พระผู้ช่วยให้รอดทรงเรียกให้ท่านมาหาพระองค์ และโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เห็นพระองค์ทรงงาน สัมผัสถึงความรักของพระองค์ และประสบกับปีติของพระองค์ จากนั้นพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านนำสิ่งที่ได้เห็นและรู้สึกไปให้นักเรียนของท่าน รักพวกเขา สอนหลักคำสอนของพระองค์ให้พวกเขา เชื้อเชิญให้พวกเขามาหาพระองค์และสัมผัสปีติของพระองค์ หากท่านมีความรัก หลักคำสอน แสงสว่าง และปีติของพระเยซูคริสต์ในตัวท่าน ท่านสามารถสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้พวกเขาแสวงหาประสบการณ์ทางวิญญาณส่วนตัวกับพระเจ้า

ปีติและการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง

การเรียนรู้ที่นำไปสู่ปีติคือการเรียนรู้หลักคำสอนของพระเยซูคริสต์อย่างลึกซึ้ง และต้องกระทำในวิธีของพระเจ้า การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งคือการเรียนรู้ของทั้งจิตวิญญาณ นั่นคือ—ความคิด จิตใจ ร่างกาย และวิญญาณที่เป็นอมตะ การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งเพิ่มพูนพลังของนักเรียนในการทำสิ่งต่างๆ สามสิ่งดังนี้4

1. รู้และเข้าใจ

อย่างแรกคือต้องรู้และเข้าใจ นี่คือความรู้แห่งความคิดและจิตใจ ประยุกต์ใช้กับศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ตัวอย่างเช่น นักเรียนเรียนรู้ว่าศรัทธาในพระคริสต์คือหลักธรรมแห่งการกระทำและพลังอำนาจ โดยผ่านการเป็นพยานของพระวิญญาณ พวกเขารู้สึกถึงความจริงของหลักธรรมนั้นและเริ่มเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น มีความปรารถนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น แล้วจึงเกิดความเข้าใจในใจพวกเขาอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นถึงงานของหลักธรรมนั้นในชีวิตพวกเขา

2. กระทำความชอบธรรมที่มีประสิทธิภาพ

อย่างที่สองคือต้องปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและชอบธรรม นักเรียนเรียนรู้วิธีประยุกต์ใช้หลักธรรมแห่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์ในชีวิตพวกเขาแล้วจึงปฏิบัติตามนั้น ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจตัดสินใจกระทำด้วยศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อให้มีความกล้าที่จะเชิญเพื่อนอ่านพระคัมภีร์มอรมอน เมื่อพวกเขาปฏิบัติด้วยศรัทธาในพระองค์ ความมั่นใจในพระองค์เติบโตขึ้นและพระเจ้าประทานพรให้พวกเขามีศรัทธามากขึ้น

3. เป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น

อย่างที่สามคือการเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์มากยิ่งขึ้น การเป็นเหมือนบุคคลคนหนึ่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยและธรรมชาติวิสัยของนักเรียน ซึ่งมาจากพลังอำนาจแห่งการเสริมสร้างและการไถ่ของพระเยซูคริสต์ ประยุกต์ใช้กับหลักธรรมแห่งศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด หมายความว่านักเรียนคนหนึ่งกลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากขึ้น ศรัทธาในพระคริสต์กลายเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งในอุปนิสัยของพวกเขา คนที่พวกเขาเป็น เมื่อพวกเขาเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจศรัทธาในพระเยซูคริสต์อย่างสม่ำเสมอครั้งแล้วครั้งเล่า ปฏิบัติด้วยศรัทธาในพระองค์เพื่อทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ให้สำเร็จ อีกทั้งแสวงหาของประทานและพรจากพระองค์เพื่อจะได้เป็นเหมือนพระองค์และพระบิดาของพระองค์

มิติทั้งสามด้านของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งเหล่านี้ปฏิสัมพันธ์และส่งเสริมกัน การเป็นคนซื่อสัตย์เพิ่มความสามารถของนักเรียนที่จะรู้และเข้าใจ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิมสร้างแรงจูงใจให้เกิดการกระทำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะก่อเกิดความเข้าใจใหม่ๆ และนำไปสู่อุปนิสัยที่มั่นคงมากขึ้น มีปีติใหญ่หลวงในองค์ประกอบแต่ละอย่างของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง—ปีติในความเข้าใจใหม่ๆ ปีติในการปฏิบัติที่ชอบธรรม ปีติในการเป็นเหมือนพระบิดาและพระบุตรมากขึ้น

วิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง

คำเชื้อเชิญสามข้อ

วิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง พระเจ้าทรงอธิบายถึงการเรียนรู้ในวิธีของพระองค์ดังนี้

“หากดวงตาของเจ้าเห็นแก่รัศมีภาพของเราอย่างเดียว, ทั่วร่างของเจ้าจะเต็มไปด้วยแสงสว่าง”5 

“เตรียมตัว, และชำระตนเองให้บริสุทธิ์”6 

“สอนหลักคำสอนของอาณาจักรให้กัน”7 

“เจ้าจงสอนอย่างขยันหมั่นเพียรและพระคุณของเราจะอยู่กับเจ้า”8 

“เจ้าจงแสวงหาอย่างขยันหมั่นเพียรและสอนถ้อยคำแห่งปัญญาให้กัน”9 

“แสวงหาการเรียนรู้, แม้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย”10

“จงกำหนดผู้สอนในบรรดาพวกเจ้า, และอย่าให้ทุกคนเป็นผู้พูดพร้อมกัน”11 

“แต่ให้พูดทีละคนและให้ทุกคนฟังคำกล่าวของเขา … เพื่อทุกคนจะรับการจรรโลงใจจากทุกคน”12 

“และเหนือสิ่งทั้งปวง, จงห่อหุ้มตนเองด้วยพันธะแห่งจิตกุศล”13 

ข้อพระคัมภีร์ที่ไพเราะจากหลักคำสอนและพันธสัญญา ภาค 88 ระบุองค์ประกอบเชิงส่งเสริมและปฏิสัมพันธ์สามข้อในวิธีของพระเจ้าที่จะเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ข้อหนึ่งคือการศึกษา แสวงหา เตรียม และเชื่อฟังอย่างขยันหมั่นเพียร14 ข้อสองคือการมารวมกันเพื่อสอนกันและกัน ในพันธะแห่งจิตกุศล นำโดยครูที่ได้รับการดลใจ มีพระคุณของพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ด้วย ข้อสามคือการได้รับการเปิดเผย การดลใจ และของประทานฝ่ายวิญญาณอื่นๆ ที่มาโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ครูในวิธีของพระเจ้ามีบทบาทที่แข็งขันและได้รับการดลใจในการให้นักเรียนมีส่วนร่วมในองค์ประกอบของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งทั้งหมด สิ่งสำคัญสองข้อคือ หนึ่ง ท่านมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับท่านและ สอง ท่านรักนักเรียน

ท่านมีแหล่งช่วยที่ยอดเยี่ยม—คู่มือ การสอนและการเรียนรู้พระกิตติคุณ15—ในการช่วยท่านสอน ทั้งนี้เพื่อนักเรียนจะเรียนรู้ในวิธีของพระเจ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าขอมอบหมายงานให้ท่าน ข้าพเจ้าอยากให้ท่านอ่านและศึกษาคู่มือเล่มนี้ผ่านมุมมองของการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ ซึ่งนำไปสู่ปีติ เนื่องจากท่านมีปีติเป็นเป้าหมาย เมื่อท่านเข้าใจการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งนั้น ความเข้าใจดังกล่าวจะเปลี่ยนวิธีที่ท่านประยุกต์ใช้หลักธรรมอันทรงพลังในคู่มือ ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างเรียบง่ายสามตัวอย่าง (อาจมีมากกว่านั้น) 

  • ท่านจะขอให้นักเรียนเตรียมมาจากบ้านเพื่อมาสอนกันและกัน

  • ท่านจะให้ความสำคัญอันดับแรกกับการช่วยนักเรียนพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์

  • ท่านจะทำให้ปีติเป็นจุดประสงค์ร่วมกันในชั้นเรียนของท่าน และนักเรียนจะแบ่งปันประจักษ์พยานถึงปีติเป็นประจำ

พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าทราบว่าท่านทำสิ่งดีๆ ที่น่าทึ่งมามากแล้วเพื่อช่วยให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เข้าไปอยู่ในใจนักเรียนของท่านและประสบปีติในพระองค์ ข้าพเจ้าทราบถึงการเสียสละและการอุทิศตนของท่าน พระเจ้าทรงทราบเช่นกัน

ข้าพเจ้าขอทิ้งท้ายคำพูดวันนี้ด้วยคำเชื้อเชิญสามข้อ ข้าพเจ้าทราบว่าหากท่านทำตามคำเชื้อเชิญเหล่านี้ท่านจะช่วยให้นักเรียนของท่านเรียนรู้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในวิธีของพระเจ้าและประสบปีติในพระองค์มากยิ่งขึ้น

คำเชื้อเชิญ 1: อัตลักษณ์และจุดประสงค์นิรันดร์ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านช่วยนักเรียนของท่านเรียนรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ช่วยให้พวกเขาเห็น รู้สึกและรู้ว่าพวกเขาเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง เป็นบุตรธิดาที่รักของพระองค์ ช่วยให้พวกเขาเข้าใจความหมายและนัยของ “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก” ซึ่งประกาศว่านักเรียนแต่ละคนของท่าน “มีลักษณะและจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ … และ … อัตลักษณ์และจุดประสงค์นิรันดร์”16

ท่านต้องช่วยให้พวกเขารู้สึกลึกๆ ในใจว่าพวกเขาเป็นสัตภาวะทางวิญญาณที่กำลังมีประสบการณ์มรรตัย พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขาจะได้ “พัฒนาไปสู่ความดีพร้อม และในที่สุดจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ของพวกเขาเป็นทายาทแห่งชีวิตนิรันดร์”17 นั่นคือแผนของพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงมีไว้ให้พวกเขา ท่านต้องช่วยให้แผนของพระองค์เป็นจริงสำหรับพวกเขา

สอนพวกเขาว่าพวกเขาเกิดมาจากพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์เพื่อเรียนรู้และเติบโตและเป็นเหมือนพระองค์ การเรียนรู้เป็นศูนย์กลางต่อจุดประสงค์ของชีวิตในโลกก่อนเกิดและชีวิตมรรตัย และต่อความรอดนิรันดร์ของพวกเขา พวกเขาต้องเรียนรู้เรื่องของพระผู้เป็นเจ้าและเรื่องของโลกเพื่อพวกเขาจะทำให้พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเกิดสัมฤทธิผลในชีวิต ช่วยให้พวกเขาเห็นว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในแผนนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงสำคัญต่อจุดประสงค์นิรันดร์และจุดหมายปลายทางแห่งสวรรค์ของพวกเขา

คำเชื้อเชิญ 2: วิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านช่วยนักเรียนของท่านเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ในวิธีของพระเจ้า ท่านทำส่วนนี้ได้โดยการเป็นแบบอย่าง ในทางที่ทรงพลังอย่างมาก วิธี ที่ท่านสอนคือ สิ่ง ที่ท่านสอนนักเรียกของท่านเกี่ยวกับวิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้ ถ้าท่านสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้วิธีของพระเจ้าให้พวกเขา พวกเขาจะเรียนรู้ในวิธีของพระองค์ ถ้าท่านไม่ทำ พวกเขาจะไม่เรียนรู้ 

ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะสอนวิธีการเรียนรู้ของพระเจ้าให้นักเรียนของท่านโดยแบบอย่างของท่านเอง แต่ข้าพเจ้าหวังเช่นกันว่าท่านจะสอนวิธีของพระองค์ให้พวกเขาโดยตรงและอย่างตั้งใจ ด้วยเจตนา มีโอกาสพิเศษที่จะทำเช่นนั้นในผู้เชี่ยวชาญหลักคำสอนซึ่งหลักธรรมแห่ง “การได้มาซึ่งความรู้ทางวิญญาณ” สอนวิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้อย่างแน่ชัด เมื่อท่านสอนหลักธรรมเหล่านั้นตลอดปี ท่านจะสอนพวกเขาถึงวิธีของพระเจ้าในการเรียนรู้ ท่านสอนแบบนั้นได้เช่นกันในหลักสูตรที่ท่านสอนในสถาบัน

ท่านต้องช่วยให้นักเรียนของท่านตระหนักได้ว่าวิธีของพระเจ้าประยุกต์ใช้กับทุกสิ่งที่พวกเขาศึกษา วิธีการเฉพาะที่พวกเขาพบเจอในชั้นเรียนมัธยมศึกษาหรือการศึกษาหลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับครูที่พวกเขามี แต่นักเรียนของท่านสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันตลอดเวลา ขยันหมั่นเพียรในการศึกษา และได้รับพรโดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อน เชื้อเชิญให้นักเรียนของท่านมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปที่โรงเรียนกับพวกเขาด้วย 

คำเชื้อเชิญ 3: การกลับใจและการเรียนรู้ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านสอนนักเรียนว่าการกลับใจเป็นสิ่งสำคัญต่อการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง การกลับใจเป็นกระบวนการของพระเจ้าสำหรับการเรียนรู้ส่วนตัว การเติบโตทางวิญญาณ และการเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น นักเรียนของท่านเรียนรู้ในวิธีของพระเจ้าผ่านพลังอำนาจแห่งการเสริมสร้างและการไถ่ของพระเยซูคริสต์ที่ทำงานในชีวิตพวกเขา เปิดพระเมตตาและพระคุณของพระองค์สู่พวกเขา

ท่านต้องช่วยให้นักเรียนของท่านเข้าใจว่าการกลับใจเป็นกระบวนการแห่งสวรรค์ซึ่งโดยทางนั้นพวกเขาจะเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นได้ตลอดเวลา บางครั้งการกลับใจของพวกเขาจะเกี่ยวกับบางสิ่งที่พวกเขาต้องหยุดทำ บางครั้งจะเกี่ยวกับบางสิ่งที่พวกเขาต้องเริ่มทำ ช่วยให้พวกเขารู้ว่าการกลับใจเป็นมากกว่าการบอกพระเจ้าและอธิการว่าพวกเขาทำผิด การทำบาปคือการหันไปจากพระเจ้า การกลับใจคือการหันกลับมาหาพระองค์ การกลับใจเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงของใจและความคิด การเปลี่ยนชีวิตที่เหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนตัวของนักเรียนนั้น 

แต่ขอให้สอนพวกเขาเช่นกันว่าการกลับใจเป็นพรแก่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือวิธีที่พระเจ้าทรงช่วยให้พวกเขาทำดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้นตลอดชีวิต ซึ่งเรียกร้องให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงและเติบโต และนั่นหมายความว่าพวกเขาต้องกลับใจ หันไปหาพระผู้ช่วยให้รอดมากยิ่งขึ้น ถวายใจแด่พระองค์อย่างสมบูรณ์มากขึ้นตลอดเวลา กระบวนการหันกลับและการให้นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง

ประจักษ์พยาน

ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่า ถ้าท่านจะสอนนักเรียนถึงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ว่าจะเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในวิธีของพระเจ้าอย่างไร และหลักธรรมแห่งสวรรค์เรื่องการกลับใจ พวกเขาจะเรียนรู้อย่างลึกซึ้งถึงหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ ศรัทธาและความรักที่พวกเขามีต่อพระองค์จะเติบโต พวกเขาจะมีปีติในพระเจ้า ทั้งท่านและนักเรียนของท่านจะประสบกับคำสัญญาอันน่าอัศจรรย์นี้ของพระเจ้า “ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, เราจะเผยพระวิญญาณของเราส่วนหนึ่งให้เจ้า, ซึ่งจะให้ความสว่างแก่ความคิดเจ้า, ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณเจ้าเปี่ยมด้วยปีติ”18 

ข้าพเจ้าทราบว่าคำสัญญานั้นเป็นจริง ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงพระชนม์ พระเยซูคือพระคริสต์ พระองค์ทรงพระชนม์! นี่คืองานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าเป็นพยานดังนั้นและฝากความรักไว้กับท่านทั้งหลาย ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน