ใช่! เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของโลก และเราพยายามติดตามพระองค์ เช่นเดียวกับนิกายอื่นๆ ในศาสนาคริสต์ บางความเชื่อของเราต่างกันบ้างจากความเชื่อของเพื่อนชาวคริสต์นิกายอื่น แต่เราเป็นผู้ติดตามที่อุทิศตนของพระคริสต์และคําสอนของพระองค์ ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์และดีงามของความเชื่อทางศาสนาของเราช่วยให้เราเข้าใจพระเยซูและพระกิตติคุณของพระองค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ตรีเอกานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์เป็นคําที่ศาสนาคริสต์หลายนิกายใช้บรรยายถึงพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา พระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเชื่อในการดํารงอยู่ของทั้งสามพระองค์ แต่เราเชื่อว่าทั้งสามพระองค์ทรงเป็นคนละองค์แยกกันและแตกต่างกันผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวกันในจุดประสงค์ จุดประสงค์ของทั้งสามพระองค์คือเพื่อช่วยให้เราบรรลุปีติที่แท้จริง—ในชีวิตนี้และหลังจากเราตาย
ใช่! พระเยซูทรงเป็นรากฐานของศรัทธาเรา—พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของโลก เราเชื่อว่าชีวิตนิรันดร์กับพระผู้เป็นเจ้าและคนที่เรารักเกิดขึ้นได้ผ่านการยอมรับพระกิตติคุณของพระองค์ ชื่อเต็มของศาสนจักรของเราคือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของการมีพระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตเรา พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ และเรายึดถือทั้งสองเล่ม
พระคัมภีร์มอรมอนข้อนี้ช่วยถ่ายทอดความเชื่อของเรา: “เราพูดถึงพระคริสต์, เราชื่นชมยินดีในพระคริสต์, เราสั่งสอนเรื่องพระคริสต์, เราพยากรณ์ถึงพระคริสต์, และเราเขียนตามคำพยากรณ์ของเรา, เพื่อลูกหลานของเราจะรู้ว่าพวกเขาจะมองหาแหล่งใดเพื่อการปลดบาปของพวกเขา” (2 นีไฟ 25:26)
เราเชื่อว่าความตายไม่ใช่จุดจบสําหรับเราทุกคน และความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นในชีวิตนี้สามารถดําเนินต่อไปหลังจากชีวิตนี้ เพราะการพลีพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์เพื่อเรา เราทุกคนจะฟื้นคืนชีวิตเพื่อมีชีวิตตลอดกาลในร่างกายที่สมบูรณ์ปราศจากความเจ็บป่วยและความเจ็บปวด พระคุณของพระองค์ช่วยให้เราดําเนินชีวิตอย่างชอบธรรม กลับใจจากการทําผิด และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเพื่อเราจะมีโอกาสอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและคนที่เรารักชั่วนิรันดร์
คำว่า “ชาวมอรมอน” เป็นชื่อเล่นที่มาจากหนังสือพระคัมภีร์เล่มหนึ่งซึ่งมีเฉพาะในศาสนจักรของเราที่เรียกว่าพระคัมภีร์มอรมอน เราไม่ได้ตั้งชื่อเล่นนั้น แต่หลายคนใช้ชื่อนั้นพูดถึงศาสนจักรและสมาชิก ในอดีต เราน้อมรับคํานั้นและแม้กระทั่งใช้คํานั้นเอง แต่ตอนนี้เราขอให้ผู้คนเรียกชื่อเต็มของศาสนจักร นั่นคือ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
การเน้นเรื่องการใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรช่วยให้เราทําตามพระบัญชาของพระเจ้าที่ประทานแก่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธว่า: “เพราะจะเรียกศาสนจักรของเราในวันเวลาสุดท้ายดังนี้, แม้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 115:4) อีกทั้งช่วยยืนยันด้วยว่าพระเยซูทรงเป็นแก่นแท้ของศาสนาและความเชื่อของเรา
“วิสุทธิชนยุคสุดท้าย” เป็นวิธีที่ดีในการพูดถึงเพื่อนของท่านที่เป็นสมาชิกในศาสนาของเรา
สมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นเหมือนเพื่อนและเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ของท่านมาก เราทํางาน ไปโรงเรียน ใช้เวลากับเพื่อนๆ และครอบครัว เล่นกีฬา และมีความสุขกับงานอดิเรกหลากหลาย
เราประสบปีติและความท้าทายเหมือนทุกคน แต่เราเชื่อว่าเมื่อทําตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์อย่างสุดความสามารถ พระผู้เป็นเจ้าจะประทานมุมมองและความเข้มแข็งเพิ่มเติมแก่เราเพื่อให้ผ่านความท้าทายของชีวิตได้ เรามีชุมชนศาสนจักรที่ช่วยสนับสนุนให้พึ่งพิงเช่นกัน
เราพยายามทําให้พระเยซูและคําสอนของพระองค์มีความสำคัญสูงสุดและเป็นศูนย์กลางในชีวิตเรา ความเชื่อของเราเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและคําสอนของพระองค์ส่งผลต่อการตัดสินใจในแต่ละวันเกี่ยวกับวิธีที่เราพูด แต่งกาย และปฏิบัติตน ตัวอย่างเช่น เราพยายามหลีกเลี่ยงการทํางานหรือการซื้อของในวันอาทิตย์เพื่อรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ ดังที่พระคัมภีร์ไบเบิลสอน ศาสนาของเราเป็นศาสนาที่สั่งสอนในวันอาทิตย์และปฏิบัติตามหลักคำสอนทุกวัน
บางครั้งในพระคัมภีร์ไบเบิล พระผู้เป็นเจ้าประทานคําแนะนําผ่านศาสดาพยากรณ์ให้งดเว้นอาหารบางชนิด (ดู เลวีนิติ 11) รูปแบบดังกล่าวดําเนินต่อเนื่องจนทุกวันนี้ด้วยพระคําแห่งปัญญา หลักธรรมด้านสุขภาพที่ได้รับการดลใจจากสวรรค์ซึ่งประทานแก่ท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเพื่อประโยชน์ทั้งทางร่างกายและทางวิญญาณของเรา พระคําแห่งปัญญารวมถึงการนําทางจากพระผู้เป็นเจ้าในเรื่องต่างๆ เช่น การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการออกกําลังกาย ตลอดจนการชี้นำให้เว้นจากกาแฟ ชา ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติด
ของประทานสําคัญที่สุดสองอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราแต่ละคนคือร่างกายและเจตจำนงอิสระ การทําตามพระคําแห่งปัญญาช่วยให้เราเคารพและดูแลร่างกายของเรา และรักษาความคิดจิตใจของเราให้กระจ่างเพื่อเราจะได้เปิดรับพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น อีกทั้งช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเสพติดซึ่งสามารถบ่อนทําลายเจตจำนงอิสระของเรา
เวลาเริ่มสําหรับการนมัสการในวันอาทิตย์ต่างกันไปในแต่ละแห่ง ในพื้นที่ซึ่งมีสมาชิกศาสนจักรจํานวนมาก อาจมีการชุมนุมหลายครั้งในอาคารเดียวกัน ท่านสามารถค้นหาสถานที่และเวลาประชุมของที่ประชุมใกล้บ้านท่านได้ที่นี่: ค้นหาโบสถ์
ที่ประชุมทั่วโลกทําตามรูปแบบการนมัสการที่คล้ายกันยาวสองชั่วโมงในวันอาทิตย์ ในช่วงที่เราเรียกว่า “การประชุมศีลระลึก” ทุกคนมารวมกัน การประชุมประกอบด้วยการสวดอ้อนวอนเปิดและปิด เพลงสวดสองสามบทเพลง และคําเทศนาสั้นๆ ของสมาชิกในที่ประชุม
ส่วนสําคัญที่สุดของการประชุมศีลระลึกคือการรับศีลระลึก ซึ่งคล้ายกับศีลมหาสนิทในศาสนาคริสต์อื่นๆ ในช่วงศีลระลึก เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์และตั้งใจจะติดตามพระองค์อีกครั้งเมื่อเรารับขนมปังชิ้นเล็กๆ และถ้วยน้ำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระวรกายและพระโลหิตที่พระองค์ทรงเสียสละเพื่อเรา
นอกจากการประชุมศีลระลึกแล้ว ศาสนจักรเชื้อเชิญให้ผู้คนเรียนรู้ในชั่วโมงที่สองในสภาพแวดล้อมที่เล็กลงและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น มีชั้นเรียนหลายชั้นเรียนสําหรับผู้ใหญ่ วัยรุ่น และเด็กที่เราจะศึกษาพระคัมภีร์และถ้อยคําของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและสนทนาว่าเราจะติดตามพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร
เรายินดีอย่างยิ่งที่ท่านจะมาในแบบที่ท่านเป็น ถ้าท่านกังวลว่าจะดูโดดเด่น เราพยายามสวมเสื้อผ้าที่ดูดีกว่าที่เราสวมในตลอดสัปดาห์เพื่อสะท้อนถึงความคารวะที่เรามีต่อพระผู้เป็นเจ้า การแต่งกายที่ท่านจะเห็นบ่อยที่สุดที่โบสถ์คือเสื้อเชิ้ตและเนคไทสำหรับผู้ชาย และกระโปรงหรือชุดสําหรับผู้หญิง
เรามีผู้มาเยือนในเกือบทุกที่ประชุม เราจึงคุ้นเคยกับการได้เห็นหน้าใหม่ๆ ในที่ประชุมขนาดใหญ่ ผู้คนอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าท่านเป็นผู้มาเยือน ในพื้นที่อื่นๆ ผู้คนอาจสังเกตเห็นท่านและกล่าวทักทาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด อย่าลังเลที่จะแนะนําตนเองและถามคําถามที่ท่านอาจมี
ไม่ต้อง เมื่อส่งผ่านขนมปังและน้ำศีลระลึกแก่ที่ประชุม ท่านสามารถส่งถาดไปให้คนถัดไปแล้วนั่งเฉยๆ และเพลิดเพลินกับพิธีการที่เหลือ ท่านจะเห็นผู้คนอาสามีส่วนร่วมด้วยวิธีต่างๆ เช่น ตอบคำถามของครูในช่วงชั้นเรียน แต่ท่านไม่จำเป็นต้องยกมือถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านอยากทำ
ไม่ เราเชื่อในกฎส่วนสิบที่พบในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่สมาชิกของเราที่เลือกจ่ายส่วนสิบทำสิ่งนั้นเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีนมัสการ จะไม่มีการขอรับบริจาคจากท่านระหว่างการประชุม
ได้! นี่เป็นศาสนจักรที่เหมาะกับครอบครัว เด็กๆ นั่งกับพ่อแม่ระหว่างการประชุมศีลระลึกหลักจากนั้นเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กหรือวัยรุ่นในวัยของตนเองขณะผู้ใหญ่ไปเข้าโรงเรียนวันอาทิตย์ ชั้นเรียนเด็กและเยาวชนจะนําโดยผู้ใหญ่สองคนหรือมากกว่านั้นเสมอ ห้องรับรองสำหรับคุณแม่ให้ความเป็นส่วนตัวสําหรับการให้นมเด็กทารกหรือความต้องการอื่นๆ
แน่นอน! เราเชื่อว่าเราทุกคนเป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า และพรที่สัญญาไว้มีให้เราทุกคนเมื่อเราพยายามทําตามพระคำของพระองค์ ไม่ว่าเราจะมีคุณลักษณะหรืออดีตของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม ศาสนจักรเป็นสถานที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้และเติบโต ท่านอาจมีทัศนคติแบบเหมารวมในหัวที่รู้สึกว่าเข้ากับคนอื่นไม่ได้ แต่ความจริงคือสมาชิกของเรามาจากภูมิหลังและความสนใจที่แตกต่างกัน ลองมาเยี่ยมชมแล้วท่านอาจจะแปลกใจเมื่อพบคนที่นั่งข้างๆ ท่านในโบสถ์
ใช่ ในที่ประชุมของเรา ทุกคนมีโอกาสมีส่วนร่วม ชายและหญิงดํารงตําแหน่งผู้นํา รับใช้ในคณะกรรมการ สอนชั้นเรียน พูดจากแท่นพูด สวดอ้อนวอน จัดระเบียบและนํากิจกรรม แม้แต่เด็กและวัยรุ่นก็มีโอกาสทําสิ่งเหล่านี้
ตามแบบแผนที่พระเยซูทรงวางไว้ในการเรียกอัครสาวกสิบสองของพระองค์และประทานกุญแจแห่งสิทธิอํานาจฐานะปุโรหิตจากพระผู้เป็นเจ้าแก่พวกเขา มีเพียงชายเท่านั้นที่ถือกุญแจฐานะปุโรหิตในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งผู้นำและหน้าที่บางอย่างในศาสนจักรจึงทำโดยผู้ชายเท่านั้น แต่ตำแหน่งและหน้าที่สำคัญอื่นๆ นั้นจะดำรงและทำให้ลุล่วงโดยผู้หญิงเท่านั้น สตรีรับใช้ นํา เป็นพยาน และสอนในการประชุมของศาสนจักรบ่อยๆ หากท่านเต็มใจจะมีส่วนช่วยที่ประชุมในท้องที่ ท่านจะมีโอกาสทําเช่นนั้นได้เสมอ
หลายคนอึดอัดกับศาสนาที่จัดตั้งขึ้น และชอบมีประสบการณ์ทางวิญญาณและการดําเนินชีวิตที่ดีด้วยตนเองมากกว่า ความจริงคือ เราต้องการทั้งสองอย่าง
ประสบการณ์ทางวิญญาณและการรับใช้ผู้อื่นตลอดสัปดาห์เป็นรากฐานของความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า แต่พระบัญญัติบางข้อของพระผู้เป็นเจ้า เช่น การรับบัพติศมาและการรับศีลระลึกที่พระเยซูคริสต์ทรงจัดตั้งจำเป็นต้องมีสิทธิอํานาจฐานะปุโรหิตจากพระผู้เป็นเจ้า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจัดเตรียมโครงสร้างและสิทธิอํานาจฐานะปุโรหิตที่จําเป็นต่อการทําให้พระบัญญัติเหล่านั้นเกิดสัมฤทธิผล นอกจากนี้ยังจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรักและการสนับสนุนซึ่งสามารถทำให้ท่านเป็นคนที่ดีขึ้นและรับฟังข้อคิดที่ท่านอาจไม่พบขณะศึกษาพระคำของพระเจ้าด้วยตนเอง ประโยชน์อีกประการหนึ่งของศาสนาที่จัดตั้งขึ้นคือวิธีที่ศาสนาให้กําลังใจและส่งเสริมโอกาสในการรับใช้
การประชุมใหญ่สามัญคือการชุมนุมของผู้เชื่อทั่วโลก เราใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ปีละสองครั้งเพื่อฟังศาสดาพยากรณ์ อัครสาวก และผู้นำคนอื่นๆ ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายแบ่งปันข่าวสารของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคของเรา หลายพันคนมีส่วนร่วมในซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ส่วนอีกหลายล้านคนรับชมทางไกลหรือศึกษาข่าวสารด้วยตนเองในภายหลัง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมใหญ่สามัญ
รับชมหรืออ่านข่าวสารการประชุมใหญ่สามัญที่ผ่านมา
ในปี 1820 เด็กชายอายุ 14 ปีชื่อโจเซฟ สมิธเริ่มสงสัยในความผาสุกของจิตวิญญาณตนและสงสัยว่าควรเข้าร่วมกับศาสนจักรใด วันหนึ่งขณะศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิล ท่านอ่าน ยากอบ 1:5:
“แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ”
พระคัมภีร์มีผลอันทรงพลังต่อโจเซฟ โดยกระตุ้นเตือนให้เขาหาป่าเงียบๆ และพยายามสวดอ้อนวอนออกเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏต่อโจเซฟ สมิธในวันนั้น โดยรับสั่งว่าบาปของเขาได้รับการให้อภัยแล้วและไม่ควรเข้าร่วมกับศาสนจักรใดเลยที่เคยเรียนรู้มา
โจเซฟได้รับเลือกให้เป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้จะฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกภายใต้การกํากับดูแลของพระเยซูคริสต์ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการในปี 1830
คําเทศนาที่ให้ไว้โดยศาสดาพยากรณ์ อัครสาวก และผู้นําศาสนจักรท่านอื่นในการประชุมใหญ่สามัญพบได้โดยค้นดู คลังการประชุมใหญ่สามัญ ท่านสามารถติดตามสิ่งที่ผู้นําศาสนจักรกล่าวไว้นอกการประชุมใหญ่สามัญ—เช่น ที่การอุทิศพระวิหารหรืองานพหุศาสนา—โดยไปที่ ห้องข่าวศาสนจักร ท่านยังสามารถใช้ฟังก์ชัน ค้นหา บน ChurchofJesusChrist.org เพื่อค้นดูคําปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญ บทความนิตยสาร และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ตามหัวข้อ
เมื่อศาสดาพยากรณ์และประธานศาสนจักรเสียชีวิต อัครสาวกที่อาวุโสที่สุด (นับจากระยะเวลาของการรับใช้ ไม่ใช่จากอายุ) จะขึ้นเป็นศาสดาพยากรณ์คนใหม่ เมื่อมีตําแหน่งว่างในโควรัมอัครสาวกสิบสอง ศาสดาพยากรณ์เลือกคนใหม่ให้รับใช้ ผ่านการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า
ตําแหน่งหน้าที่รับผิดชอบอื่นๆ ในศาสนจักร—สิ่งที่เราเรียกว่า “การเรียก”—ในระดับภูมิภาคและระดับท้องที่ได้รับเลือกผ่านการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อธิการผู้นําที่ประชุมอาจสวดอ้อนวอนและรู้สึกได้รับการดลใจให้ขอให้สตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้นำองค์กรสตรีที่เรียกว่าสมาคมสงเคราะห์ ในทางกลับกัน เธอจะสวดอ้อนวอนขอการนําทางว่าใครควรช่วยเธอในฐานะที่ปรึกษา เลขานุการ ครู และในบทบาทอื่น
ใช่! เราเชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้า เราศึกษาเป็นประจําในบ้านของเราและที่โบสถ์ และเราพยายามดําเนินชีวิตตามคําสอนของพระคัมภีร์ เราเชื่อว่าพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่เสริมกับพระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งเป็นพยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ ในการทําหน้าที่เป็นพยานของพระเยซูและให้ความเข้าใจอันสมบูรณ์มากขึ้นเกี่ยวกับแผนของพระผู้เป็นเจ้า
พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งที่เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์และสอนเราเกี่ยวกับแผนของพระผู้เป็นเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ที่ประทานให้เรา พรประการหนึ่งของพระคัมภีร์มอรมอนคือให้ความกระจ่างและความเข้าใจมากขึ้นเรื่องคําสอนของพระเยซูในพระคัมภีร์ไบเบิล—คล้ายกับวิธีที่มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นบอกเราเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจและคําสอนของพระเยซูจากมุมมองต่างๆ เพื่อให้เข้าใจภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลรวมกันเป็นแหล่งของการดลใจ การนำทาง และคำแนะนำที่มีคุณค่ามานานหลายพันปี โดยการศึกษาพระคัมภีร์ทั้งสองเล่ม ท่านจะเข้าใจได้ดีขึ้นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นใครและพระองค์ทรงประสงค์อะไรสำหรับท่าน
เช่นเดียวกับพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์มอรมอนมีผู้เขียนหลายคน นี่เป็นการรวบรวมบันทึกส่วนตัวและประวัติที่ส่งต่อกันมาจากผู้เขียนคนหนึ่งถึงอีกคนหนึ่งในช่วงเวลาประมาณ 1,000 ปี ผู้เขียนคนแรกคือศาสดาพยากรณ์นีไฟผู้ออกจากเยรูซาเล็มกับครอบครัวเมื่อ 600 ปีก่อนคริสตกาล และแล่นเรือไปทวีปอเมริกา นีไฟส่งต่อบันทึกให้น้องชายผู้มอบบันทึกให้บุตรชายของเขาหลังจากนั้น ผู้เขียนแต่ละคนมอบบันทึกให้คนที่พวกเขาไว้ใจ มอรมอนเป็นชื่อของศาสดาพยากรณ์ผู้รวบรวมงานเขียนทั้งหมดไว้ในเล่มเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุที่พระคัมภีร์เล่มนี้เรียกว่าพระคัมภีร์มอรมอน
ในปี 1823 โจเซฟ สมิธถูกพาไปยังที่ซึ่งบันทึกโบราณถูกซ่อนไว้ และท่านแปลบันทึกนั้นโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า
เช่นเดียวกับพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ เหตุการณ์สำคัญที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์มอรมอนคือการเสด็จเยือนของพระเยซูคริสต์—รวมถึงคำสอนและการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์—ต่อผู้เชื่อในทวีปอเมริกาสมัยโบราณ
พระคัมภีร์มอรมอนเริ่มด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งลีไฮ บิดาของครอบครัวนั้นเป็นศาสดาพยากรณ์ในเยรูซาเล็มสมัยโบราณประมาณ 600 ปีก่อนคริสตกาล พระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนลีไฮในความฝันให้ท่านพาครอบครัวออกจากเยรูซาเล็มเพราะเมืองนั้นจะถูกทำลายในไม่ช้า และผู้คนมากมายจะถูกอีกประชาชาติหนึ่งจับไปเป็นเชลย พวกเขาข้ามมหาสมุทรไปยังทวีปอเมริกา
ในที่สุดผู้สืบตระกูลของลีไฮกับซาไรยาห์ภรรยาท่าน ได้แยกออกเป็นสองประชาชาติ ได้แก่ ชาวนีไฟและชาวเลมัน ตลอดสองสามศตวรรษต่อมา ประชาชาติเหล่านั้นมักจะทําสงครามกัน ศรัทธาของพวกเขาในพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์ได้รับการทดสอบอยู่ตลอดเวลา ประสบการณ์เหล่านี้ปรากฏอยู่บนหน้าพระคัมภีร์มอรมอนในรูปแบบของคำเทศนาอันทรงพลัง คำพยากรณ์ บทเรียนชีวิต และเรื่องราว
หลังจากพระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงปรากฏต่อผู้คนในทวีปอเมริกา พระองค์ทรงสอนพวกเขาเกี่ยวกับบัพติศมาและการให้อภัย พระองค์ทรงรักษาคนป่วยและอวยพรลูกๆ ของพวกเขา พระองค์ทรงจัดตั้งศาสนจักรของพระองค์ หลังจากนั้นพวกเขาอยู่อย่างสงบสุขเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนสูญเสียศรัทธาและหลายคนล้มตายในการสู้รบ นับจากเวลานั้นศาสดาพยากรณ์ชื่อโมโรไนฝังบันทึกของพวกเขาเพื่อเก็บรักษาบันทึกนั้นไว้สำหรับอนาคตและผู้คน—สำหรับเรา!
การนมัสการส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโบสถ์ซึ่งบางครั้งเรียกว่าโบสถ์ อาคารประชุม หรือศูนย์สเตค ท่านจะจดจำอาคารเหล่านี้ได้ด้วยคําว่า “ยินดีต้อนรับผู้มาเยือน” และ “ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย” ที่ติดไว้ใกล้ทางเข้าอาคารส่วนใหญ่ ภายในเราจัดพิธีนมัสการวันอาทิตย์ กิจกรรมเยาวชนในวันธรรมดา การชุมนุมทางสังคม การแสดงทางวัฒนธรรม และงานอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนในชุมชนมาเข้าร่วม
พระวิหารมีจุดประสงค์ที่เจาะจงมากกว่านั้น เป็นสถานที่ที่จัดไว้เป็นพิเศษสำหรับการรับใช้และพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ สถานที่เหล่านี้กำหนดโดยพระเจ้าและอุทิศให้กับจุดประสงค์ของพระองค์ พระวิหารเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบศาสนพิธีบางอย่าง พิธีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้หนุนใจและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมขณะพวกเขาให้คํามั่นสัญญาว่าจะทําตามคําสอนและแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
พระวิหารมีความคารวะเป็นพิเศษ—ท่านจะไม่พบคนที่พูดถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ใช้โทรศัพท์ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมประจําวันอื่นๆ แต่ท่านจะพบสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่พยายามเตรียมตนเองให้พร้อมรับประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้มุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมในศาสนพิธีและการแสวงหาการเปิดเผยส่วนตัวจากพระผู้เป็นเจ้า
พระวิหารถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ วัฒนธรรม และความต้องการของพื้นที่ ดังนั้นพระวิหารแต่ละแห่งจึงดูแตกต่างกันเล็กน้อย แต่พระวิหารส่วนใหญ่สร้างจากหินอ่อนสีขาวและมียอดแหลมสูงชี้ฟ้า ท่านมักจะเจอคําว่า “ศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า พระนิเวศน์ของพระเจ้า” อยู่ด้านนอกพระวิหาร
เมื่อสร้างพระวิหารขึ้นเป็นครั้งแรกหรือหลังจากที่ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่แล้ว จะมีงานโอเพ่นเฮ้าส์ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ นอกจากนี้ พระวิหารหลายแห่งยังมีศูนย์นักท่องเที่ยว บริเวณพักรอ หรือบริเวณที่เปิดให้ทุกคนเข้าชม
หลังจากพระวิหารเสร็จสมบูรณ์ พระวิหารจะได้รับการอุทิศเพื่อการนมัสการอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ของงานที่เราทำในพระวิหาร จึงเปิดให้เฉพาะสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เตรียมตัวรับประสบการณ์ดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้ท่านอาจเข้าพระวิหารไม่ได้ในขณะนี้ แต่บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าได้รับเชิญให้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และเข้าสู่ความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญาที่จะช่วยให้ท่านมีส่วนในพรของพระวิหารได้อย่างเต็มที่
พระวิหารต่างจากอาคารศาสนจักรปกติที่เราจัดพิธีนมัสการวันอาทิตย์ สถานที่เหล่านั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา จัดสรรไว้สำหรับงานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่เราทำในพระวิหารเกี่ยวข้องกับคำสัญญาที่ว่าเราจะได้อยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและคนที่เรารักชั่วนิรันดร์
ในพระวิหาร เราให้คำมั่นสัญญาที่จะติดตามพระเยซูคริสต์อย่างเต็มที่มากขึ้น เราทำสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า เช่น สัญญาว่าจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ อุทิศตนเองและทั้งหมดที่เรามีแด่พระองค์ สามีภรรยา บิดามารดา และบุตรธิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือ “ผนึก” กันเพื่อนิรันดร และเราทำงานเดียวกันนี้ให้บรรพชนของเรา โดยเปิดโอกาสให้พวกเขายอมรับพรเหล่านั้นในชีวิตหน้าหากพวกเขาเลือกเช่นนั้น
พระเยซูทรงสอนว่าบัพติศมาจำเป็นต่อการเข้าอาณาจักรสวรรค์ (ดู ยอห์น 3:5) แต่คนที่ตายไปโดยไม่ได้รับบัพติศมาหรือไม่รู้จักแม้กระทั่งพระเยซูเล่า?
เป็นที่น่าดีใจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมทางให้ทุกคนได้รับพรทั้งหมดของพระองค์—แม้หลังความตาย ในพระวิหาร บัพติศมาทําเพื่อผู้ล่วงลับที่ไม่มีโอกาสรับบัพติศมาในช่วงชีวิตนี้ อัครสาวกเปาโลพูดถึงบัพติศมาแทนคนตายในพระคัมภีร์ไบเบิล (ดู 1 โครินธ์ 15:29) และสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายยังคงปฏิบัติเช่นเดียวกันนั้นในพระวิหารทุกวันนี้
ขั้นตอนเป็นดังนี้: วิสุทธิชนยุคสุดท้ายศึกษาประวัติครอบครัวและค้นพบชื่อสมาชิกครอบครัวที่เสียชีวิตโดยไม่ได้รับบัพติศมา จากนั้นพวกเขาบัพติศมาแทนบรรพชนเหล่านั้นในพระวิหาร การรับใช้ผู้อื่นนี้มอบให้ด้วยความรัก—และเพราะชีวิตดําเนินต่อไปหลังความตาย คนที่ตายไปแล้วจะรับรู้ถึงการบัพติศมานั้นและสามารถเลือกที่จะรับหรือไม่รับก็ได้
ในพระวิหาร สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดกาล พิธีแต่งงานนี้เรียกว่า “การผนึก” ในพระวิหารเพราะคู่สามีภรรยาร่วมกันในชีวิตนี้และชั่วนิรันดร ระหว่างพิธีสั้นๆ ที่เรียบง่าย เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจับมือกันข้ามแท่นบูชา พวกเขาทําพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าว่าพวกเขาจะให้เกียรติและรักกันอย่างสุดหัวใจ และให้คํามั่นว่าจะทําตามคําสอนและแบบอย่างของพระเยซู ในทางกลับกัน พวกเขาได้รับสัญญาว่าการแต่งงานและครอบครัวของพวกเขาจะยั่งยืนในชีวิตหน้าและชั่วนิรันดร์
คู่สามีภรรยาที่แต่งงานในพระวิหารมักฉลองกับครอบครัวและมิตรสหายกลุ่มใหญ่หลังจากนั้นด้วยงานเลี้ยงฉลองแต่งงานหรือประเพณีทางวัฒนธรรมอื่นๆ คู่สามีภรรยาที่เคยแต่งงานในพิธีทางโลกนอกพระวิหาร (เช่น คนที่เข้าร่วมศาสนจักรหลังจากแต่งงานแล้ว) จะได้รับพรของการผนึกในพระวิหารเช่นกัน
เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับทางศาสนาเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปสําหรับผู้มีศรัทธามากมายทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย สมาชิกผู้ใหญ่สวมการ์เม้นท์พระวิหารเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจส่วนตัวให้นึกถึงความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า สัญญาที่ทํากับพระองค์ในพระวิหาร คํามั่นสัญญาว่าจะติดตามพระเยซูคริสต์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ การ์เม้นท์พระวิหารประกอบด้วยเสื้อผ้าสองชิ้น คล้ายกับเสื้อชั้นในและกางเกงขาสั้นเนื้อเบา ซึ่งทั้งสองชิ้นถือเป็นเครื่องนุ่งห่มศักดิ์สิทธิ์สำหรับสมาชิกที่สวมใส่
ได้ สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายสามารถแต่งงานกับใครก็ได้ตามที่พวกเขาเลือก แต่การแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหารเพื่อนิรันดรสงวนไว้เฉพาะชายและหญิงที่เป็นสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและผู้ที่เตรียมตนเองให้พร้อมทำคำมั่นสัญญานิรันดร์ต่อกันและต่อพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้ วิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นโสดหลายคนจึงเน้นไปที่การออกเดตกับคนที่มีความเชื่อและเป้าหมายที่จะแต่งงานในพระวิหารเหมือนกัน
เป้าหมายของผู้สอนศาสนาทุกคนคือแบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ บางสิ่งที่พวกเขาทําได้แก่ การพบปะและปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจจะเรียนรู้มากขึ้น สอนคนเหล่านั้น ศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกัน และอาสารับใช้ในชุมชน
คณะเผยแผ่ดูแตกต่างไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่ ตัวอย่างเช่น ผู้สอนศาสนาบางคนเดินหรือขี่จักรยานขณะที่คนอื่นๆ ขับรถ บางคนได้รับมอบหมายให้ไปเขตชนบท แต่หลายคนอยู่ในเมืองใหญ่ บางครั้งงานเผยแผ่ศาสนาดูเหมือนจะเชื่อมสัมพันธ์กับผู้คนผ่านโซเชียลมีเดีย บางครั้งเป็นการเคาะประตูหรือให้ผู้คนเที่ยวชมสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักร
สิ่งหนึ่งที่ผู้สอนศาสนาทุกคนมีเหมือนกันคือพวกเขาต้องการช่วยให้ผู้อื่นมารู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเยซู ถ้าท่านมีคําถามเกี่ยวกับความเชื่อ และกําลังหาคนสวดอ้อนวอนด้วย หรืออยากไปโบสถ์กับใครสักคน บอกเราได้เลย! ผู้สอนศาสนายินดีพูดคุยกับท่าน!
สมาชิกทุกคนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับการกระตุ้นให้แบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์กับผู้อื่น สมาชิกบางคนได้รับเชิญและอาจเลือกรับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลาตามระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่คือ 18 หรือ 24 เดือน) ผู้สอนศาสนาของเราส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่โสดในช่วงวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยยี่สิบต้นๆ สมาชิกสูงวัยและคู่แต่งงานก็รับใช้เช่นกัน เนื่องจากสภาวการณ์ของแต่ละคนต่างกัน บางคนจึงเลือกรับใช้งานเผยแผ่สัปดาห์ละสองสามชั่วโมง สมาชิกศาสนจักรหลายคนไม่เคยรับใช้งานเผยแผ่อย่างเป็นทางการแต่แบ่งปันพระกิตติคุณผ่านการกระทําประจําวันของพวกเขา
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผู้สอนศาสนา หรือพบกับ ผู้สอนศาสนา ในพื้นที่ของท่าน
ท่านอาจสังเกตว่าเรารู้จักผู้สอนศาสนาจากคำว่าเอ็ลเดอร์หรือซิสเตอร์พร้อมกับนามสกุลพวกเขา นี่เป็นชื่อที่เราใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความเคารพและให้เกียรติ ในทํานองเดียวกัน ทุกวันสมาชิกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมักจะเรียกกันว่าบราเดอร์หรือซิสเตอร์แทนที่จะเป็นนายหรือนางสาวเพื่อให้เกียรติความสัมพันธ์ของเราในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า
ใช่ พระเยซูทรงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าบัพติศมาจำเป็นต่อการเข้าอาณาจักรแห่งสวรรค์ โดยทรงสอนว่าเราต้อง “เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ” (ยอห์น 3:5) พระเยซูเองทรงรับบัพติศมา—แม้พระองค์ทรงดีพร้อม—เพื่อเป็นแบบอย่างให้เรา
ใช่ หลายคนที่รับบัพติศมาในศาสนจักรอื่นรับด้วยความสุจริตใจ ด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะยอมรับและติดตามพระเยซูคริสต์
เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึงศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์หรือการกระทำที่จำเป็นต่อความรอดนิรันดร์ เราต้องทำตามแบบแผนที่พระเยซูคริสต์ทรงกำหนดไว้ ซึ่งหมายความว่าบัพติศมาต้องประกอบโดยสิทธิอํานาจฐานะปุโรหิตจากพระผู้เป็นเจ้า และในลักษณะที่สอดคล้องกับวิธีที่พระเยซูทรงรับบัพติศมา (โดยลงไปในน้ำทั้งตัว)
การรับบัพติศมาเข้าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายตามด้วยการรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยผู้มีสิทธิอํานาจจากพระเยซูเป็นวิธีที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงให้เห็นถึงการเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระองค์
เราเชื้อเชิญและกระตุ้นให้ทุกคนนมัสการกับเรา แต่การเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของศาสนจักรจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอด เลือกบัพติศมา และรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขั้นตอนแรกในการเข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคือเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ตลอดจนคำสัญญาและคำมั่นสัญญาที่ท่านทำเมื่อท่านรับบัพติศมาเข้าสู่ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นพรแก่ผู้คนด้วยความหวัง ปีติ และความเข้าใจจุดประสงค์ของชีวิตมากขึ้น เมื่อท่านพร้อมที่จะเห็นว่าการเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระผู้ช่วยให้รอดสามารถเป็นพรแก่ท่านได้อย่างไร ท่านสามารถเริ่มโดยเรียนรู้กับผู้สอนศาสนาผู้สามารถช่วยแนะนำท่านให้รู้จักกับความเชื่อของเราและที่ประชุมในท้องที่ของท่าน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผู้สอนศาสนา หรือพบกับ ผู้สอนศาสนา ในพื้นที่ของท่าน