คู่มือและการเรียก
12. ปฐมวัย


“12. ปฐมวัย” คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (2020)

“12. ปฐมวัย” คู่มือทั่วไป

ภาพ
ครอบครัวถือพระคัมภีร์

12.

ปฐมวัย

12.1

จุดประสงค์และโครงสร้างองค์การ

ปฐมวัยเป็นองค์การที่มีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน มีไว้สำหรับเด็กอายุ 18 เดือนถึง 11 ขวบ ที่บ้าน บิดามารดาสอนพระกิตติคุณให้กับบุตรธิดา ที่โบสถ์ผู้นำและครูปฐมวัยสนับสนุนบิดามารดาผ่านบทเรียน เพลง และกิจกรรมต่างๆ

12.1.1

จุดประสงค์

ปฐมวัยช่วยให้เด็ก:

  • รู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์และเรียนรู้เกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระองค์

  • เรียนรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และบทบาทของพระองค์ในแผนของพระบิดาบนสวรรค์

  • เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

  • รู้สึก รับรู้ และทำตามอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์

  • เตรียมพร้อม ทำ และรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์

  • มีส่วนร่วมในงานแห่งความรอดและความสูงส่ง

12.1.2

สาระสำคัญของปฐมวัย

การสอนเด็กเป็นสิทธิพิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูคริสต์ทรงสอนว่า “จงดูเด็กเล็กๆ ของเจ้า” และ “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด” (3 นีไฟ 17:23; ยอห์น 21:15) โดยทำตามพระดำรัสเชื้อเชิญเหล่านี้ ผู้นำปฐมวัยรักและสอนเด็กๆ ในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด

สาระสำคัญของปฐมวัยเป็นสิ่งเตือนใจให้นึกถึงพรของการรับใช้ในปฐมวัย:

“ลูกหลานทั้งหมดของเจ้าจะได้รับการสอนโดยพระเจ้า; และสันติของลูกหลานเจ้าจะใหญ่หลวงนัก” (อิสยาห์ 54:13; 3 นีไฟ 22:13)

12.1.3

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
ชั้นเรียน

ชั้นเรียนปฐมวัยจัดกลุ่มตามอายุและจำนวนครูที่มี หน่วยที่มีเด็กหรือครูน้อยอาจรวมสองกลุ่มอายุหรือมากกว่านั้นเป็นชั้นเรียนเดียว ในหน่วยใหญ่ ผู้นำปฐมวัยอาจจัดชั้นเรียนสำหรับกลุ่มอายุหนึ่งมากกว่าหนึ่งชั้นเรียนและชั้นบริบาลมากกว่าหนึ่งชั้นเรียน

เมื่อมีเด็กมากพอ ชั้นเรียนจะแบ่งตามอายุของเด็กในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน ดังแสดงไว้ในแผนภูมิต่อไปนี้:

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

2

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

บริบาล (เด็กเข้าร่วมบริบาลเมื่ออายุ 18 เดือน)

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

3

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

อรุโณทัย

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

4

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

ลสด 4

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

5

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

ลสด 5

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

6

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

ลสด 6

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

7

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

ลสด 7

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

8

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

อัศวิน 8

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

9

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

อัศวิน 9

อายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อน

10

ชั้นเรียนในวันที่ 1 มกราคม

อัศวิน 10

โดยทั่วไปเด็กเลื่อนชั้นจากปฐมวัยไปเยาวชนหญิงหรือโควรัมมัคนายกในเดือนมกราคมของปีที่พวกเขาอายุครบ 12 ปี พวกเขาจะได้รับ ใบสำคัญการเลื่อนชั้น ใบสำคัญเหล่านี้อยู่ในระบบแหล่งช่วยผู้นำและพนักงาน

ในบางสภาวการณ์เด็กอายุ 11 ขวบอาจไม่พร้อมออกจากปฐมวัย อธิการ บิดามารดา และเด็กปรึกษากันเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสม

เด็กจะไม่จบปฐมวัยก่อนเดือนมกราคมของปีที่พวกเขาอายุครบ 12 ปี และเยาวชนชายจะไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นมัคนายกก่อนเวลานั้น

12.1.4

ช่วงเวลาร้องเพลง

ช่วงเวลาร้องเพลงช่วยให้เด็กรู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์และเรียนรู้เกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระองค์ ขณะเด็กร้องเพลงเกี่ยวกับหลักธรรมพระกิตติคุณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงความจริงเหล่านั้น เนื้อร้องและทำนองจะอยู่ในความนึกคิดและในใจเด็กไปตลอดชีวิต

ช่วงเวลาร้องเพลงต่างจากช่วงเวลาชั้นเรียน ระหว่างช่วงเวลาร้องเพลงเด็กเรียนรู้ขณะมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในการร้องเพลง ผู้นำดนตรีของปฐมวัยสอนหลักธรรมพระกิตติคุณแต่สอนผ่านเพลงเป็นหลัก

ฝ่ายประธานปฐมวัยและผู้นำดนตรีคัดเลือกเพลงของแต่ละเดือนเพื่อช่วยเสริมหลักธรรมที่เด็กกำลังเรียนรู้ในชั้นเรียนและที่บ้าน เพลงที่ช่วยเสริมหลักธรรมเหล่านี้แนะนำไว้ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย ด้วย

ภาพ
เด็กกำลังร้องเพลง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก “คำแนะนำสำหรับช่วงเวลาร้องเพลงและการนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็ก” ดู 12.2.1.2 และ 12.3.4 ในคู่มือนี้ด้วย

12.1.5

บริบาล

บริบาลช่วยให้เด็กอายุ 18 เดือนถึง 3 ขวบรู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์และเรียนรู้เกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระองค์

ผู้นำบริบาลรัก สอน และดูแลช่วยเหลือเด็ก อีกทั้งดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็กด้วย

ควรเรียกอย่างน้อยสองคนให้ดูแลชั้นเรียนบริบาลแต่ละชั้น หากผู้นำบริบาลไม่ใช่สามีภรรยา พวกเขาควรเป็นเพศเดียวกัน ผู้นำบริบาลดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็ก

บริบาลใช้เวลาทั้งหมดที่กำหนดไว้สำหรับปฐมวัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน 12.1.3 และ 12.3.5

12.2

การมีส่วนร่วมในงานแห่งความรอดและความสูงส่ง

พระผู้เป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญให้ทุกคนมาหาพระคริสต์และช่วยเหลืองานของพระองค์โดย:

  • การดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

  • การดูแลคนขัดสน

  • การเชื้อเชิญให้ทุกคนรับพระกิตติคุณ

  • การทำให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์

ปฐมวัยช่วยให้เด็ก ครอบครัว ผู้นำ และครูทำงานนี้ให้สำเร็จ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแห่งความรอดและความสูงส่งใน บทที่ 1

12.2.1

การดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

12.2.1.1

บทบาทของบิดามารดาและผู้นำ

บิดามารดารับผิดชอบต่อการสอนพระกิตติคุณให้บุตรธิดาและช่วยให้พวกเขาดำเนินชีวิตตามนั้น (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:25–28) ผู้นำและครูปฐมวัยสนับสนุนบิดามารดาในหน้าที่รับผิดชอบนี้ดังต่อไปนี้:

  • พึงแน่ใจว่าบทเรียน ช่วงเวลาร้องเพลง การรับใช้ และกิจกรรมต่างๆ ของปฐมวัยช่วยให้เด็กทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด

  • ช่วยเด็กเตรียมรับบัพติศมาและการยืนยัน

  • ช่วยเด็กชายเตรียมรับการแต่งตั้งฐานะปุโรหิต

  • ช่วยเด็กเตรียมรับใบรับรองพระวิหารและศาสนพิธีพระวิหาร

  • สอนเด็กเกี่ยวกับพรของการแบ่งปันพระกิตติคุณรวมถึงการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา

ผู้นำควรเห็นใจเด็กที่ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวให้ดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ

บิดามารดาและผู้นำพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเด็ก พวกเขาให้กำลังใจเด็กขณะเด็กพยายามเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น โปรแกรมเด็กและเยาวชนเป็นแหล่งช่วยสำหรับเด็กอายุ 8–11 ขวบ (ดู ChildrenandYouth.ChurchofJesusChrist.org).

ภาพ
เด็กชายกับผู้ชายกำลังเลื่อยไม้

12.2.1.2

การเรียนรู้พระกิตติคุณ

ผู้นำและครูปฐมวัยกระตุ้นให้เด็กและครอบครัวเรียนรู้พระกิตติคุณที่บ้าน ผู้นำและครูเหล่านี้ศึกษาพระกิตติคุณและแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้ให้กับเด็กๆ พวกเขาเชื้อเชิญให้เด็กแบ่งปันที่โบสถ์ว่าเรียนรู้อะไรที่บ้านบ้าง

การประชุมปฐมวัยวันอาทิตย์ การประชุมปฐมวัยวันอาทิตย์ช่วยให้เด็กทำจุดประสงค์ของปฐมวัยให้ลุล่วง (ดู 12.1.1) สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานปฐมวัยดำเนินการเปิดประชุม ผู้นำดนตรีดำเนินช่วงเวลาร้องเพลง ครูปฐมวัยสอนเด็กระหว่างชั้นเรียน

การประชุมปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3–11 ขวบจัดทุกวันอาทิตย์ครั้งละ 50 นาทีขณะผู้ใหญ่และเยาวชนเข้าชั้นเรียนของตน กำหนดการมีดังนี้:

ส่วนของการประชุม

ความยาว

ส่วนของการประชุม

การเปิดประชุม (การสวดอ้อนวอน พระคัมภีร์หรือหลักแห่งความเชื่อ และผู้พูด—เด็กทำทั้งหมด)

ความยาว

5 นาที

ส่วนของการประชุม

ช่วงเวลาร้องเพลง

ความยาว

20 นาที

ส่วนของการประชุม

ช่วงเปลี่ยนชั้นเรียน

ความยาว

5 นาที

ส่วนของการประชุม

ชั้นเรียนและการสวดอ้อนวอนปิด

ความยาว

20 นาที

ในวอร์ดที่มีเด็กมาก ผู้นำปฐมวัยอาจแบ่งเด็กเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ในชั้นเรียนขณะอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในช่วงเวลาร้องเพลง จากนั้นทั้งสองกลุ่มเปลี่ยนที่กัน ผู้นำปรับเวลาตามต้องการ

บริบาลสำหรับเด็กอายุ 18 เดือนถึง 3 ขวบใช้เวลา 50 นาที จงดูเด็กเล็กๆ ของเจ้า มีกำหนดการแนะนำไว้ เด็กจะเริ่มเข้าบริบาลเมื่อพวกเขาอายุ 18 เดือน

การนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็ก การนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็กประจำปีจัดในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของปี เด็กนำเสนอสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ที่บ้านและที่โบสถ์ระหว่างปี พวกเขาช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมจดจ่อกับพระบิดาบนสวรรค์ พระผู้ช่วยให้รอด และคำสอนของพระองค์

ฝ่ายประธานปฐมวัยและผู้นำดนตรีวางแผนการนำเสนอร่วมกับการสวดอ้อนวอน ฝ่ายอธิการให้คำแนะนำ เด็กจะร้องเพลง เป็นผู้พูด และแบ่งปันเรื่องราว พระคัมภีร์ หรือประจักษ์พยาน

การนำเสนอจะใช้เวลาการประชุมทั้งหมดหรือบางส่วนหลังศีลระลึก หน่วยที่มีเด็กไม่มากอาจเชิญสมาชิกครอบครัวของเด็กให้มีส่วนร่วม

เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของการประชุมศีลระลึก การนำเสนอจึงไม่ควรมีรูปภาพ ชุดแสดง หรือการนำเสนอด้วยสื่อ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก “คำแนะนำสำหรับช่วงเวลาร้องเพลงและการนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็ก” ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย

การประชุมเตรียมเข้าพระวิหารและเตรียมรับฐานะปุโรหิต บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบเบื้องต้นในการสอนบุตรธิดาเกี่ยวกับพระวิหารและฐานะปุโรหิต เพื่อสนับสนุนบิดามารดา ฝ่ายประธานปฐมวัยวางแผนการประชุมเตรียมเข้าพระวิหารและเตรียมรับฐานะปุโรหิตในแต่ละปี ฝ่ายอธิการให้คำแนะนำ การประชุมมีไว้สำหรับเด็กในชั้นอัศวิน 10 เชิญบิดามารดาด้วย การประชุมดังกล่าวมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้:

  • ช่วยให้เด็กเข้าใจจุดประสงค์ หน้าที่รับผิดชอบ และพรของฐานะปุโรหิต

  • ช่วยให้เด็กมีส่วนร่วมในงานพระวิหารและประวัติครอบครัว เตรียมทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์

  • ช่วยเด็กชายเตรียมรับฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน

  • ช่วยเด็กเตรียมรับใบรับรองพระวิหาร

การประชุมอาจจัดระหว่างปฐมวัยวันอาทิตย์ อีกเวลาหนึ่งในวันอาทิตย์ หรือเวลาอื่น สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายอธิการดำเนินการประชุม สมาชิกในฝ่ายประธานปฐมวัยอย่างน้อยหนึ่งคนเข้าร่วม

หากหน่วยมีเด็กไม่มาก อาจจัดการประชุมภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานสเตค บางวอร์ดหรือทุกวอร์ดในสเตคประชุมรวมกัน

ดู การเตรียมตัวรับฐานะปุโรหิตและเข้าพระวิหาร บน ChurchofJesusChrist.org สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

12.2.1.3

การรับใช้และกิจกรรมต่างๆ

เริ่มต้นในเดือนมกราคมของปีที่เด็กอายุครบ 8 ขวบ พวกเขาจะเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมปฐมวัย ดูแนวทางกิจกรรมทั่วไปใน บทที่ 20

ผู้นำกิจกรรมปฐมวัยวางแผนการรับใช้และกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยทำให้งานแห่งความรอดและความสูงส่งสำเร็จ การรับใช้และกิจกรรมควรสร้างประจักษ์พยาน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว และให้โอกาสเป็นพรแก่ผู้อื่น การรับใช้และกิจกรรมควรทำให้การเติบโตทั้งสี่ด้านสมดุลกัน: ทางวิญญาณ สังคม ร่างกาย และสติปัญญา

กิจกรรมปฐมวัยจัดในเวลาอื่นที่ไม่ใช่วันอาทิตย์หรือเย็นวันจันทร์ ผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ช่วยให้แน่ใจว่ากิจกรรมปลอดภัย (ดู safety.ChurchofJesusChrist.org; ดู 20.7 ในคู่มือนี้ด้วย) ควรมีผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่เชื่อถือได้อย่างน้อยสองคนอยู่ที่กิจกรรมทุกกิจกรรม (ดู 12.5.1)

อาจปรับแนวทางต่อไปนี้ตามสภาวการณ์ในท้องที่:

  • กิจกรรมปฐมวัยจัดเดือนละสองครั้งเมื่อทำได้ จะจัดบ่อยกว่านั้นหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ผู้นำพิจารณาสภาวการณ์ครอบครัว ระยะทาง ค่าเดินทาง และความปลอดภัย

  • โดยทั่วไปจะจัดเด็กตามกลุ่มอายุ ปกติเด็กชายและเด็กหญิงประชุมแยกกัน แต่อาจรวมกันทำกิจกรรมบางอย่างหรือทำรวมกันในที่มีเด็กไม่มาก

  • ผู้นำอาจเลือกวางแผนและจัดค่ายกลางวันประจำปีสำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 8–11 ขวบ จะจัดค่ายดังกล่าวหรือไม่จัดก็ได้ กิจกรรมปฐมวัยรวมถึงค่ายกลางวันจะไม่มีการพักค้างคืน

วัสดุอุปกรณ์และกิจกรรมทั้งหมดรวมถึงค่ายกลางวันที่เลือกทำจะจ่ายด้วยงบประมาณวอร์ด ค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ควรมากเกินไป

ฝ่ายอธิการพึงแน่ใจว่างบประมาณและกิจกรรมสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงมีมากพอและเท่าเทียมกัน งบประมาณจัดสรรให้ตามจำนวนเด็ก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน ChildrenandYouth.ChurchofJesusChrist.org. ดู JustServe.orgหากมี แหล่งช่วยเหล่านี้ให้แนวคิดสำหรับการรับใช้และกิจกรรม

12.2.1.4

การพัฒนาตนเอง

ในการพยายามเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น—เริ่มต้นในปีที่เด็กอายุครบ 8 ขวบ—เราเชื้อเชิญให้เด็กตั้งเป้าหมายเติบโตทางวิญญาณ สังคม ร่างกาย และสติปัญญา (ดู ลูกา 2:52) ด้วยความช่วยเหลือจากบิดามารดา เด็กแสวงหาการดลใจให้พบสิ่งที่จะทำต่อเนื่อง พวกเขาวางแผน ลงมือทำตามแผน และใคร่ครวญสิ่งที่เรียนรู้ ผู้นำให้การสนับสนุนเมื่อจำเป็น แต่พวกเขาไม่ควรติดตามเป้าหมายหรือความก้าวหน้าของเด็ก

เริ่มต้นในปีที่เด็กอายุครบ 8 ขวบ เรากระตุ้นให้พวกเขาทำเป้าหมายในการเติบโตสี่ด้านให้ได้อย่างน้อยด้านละหนึ่งเป้าหมายในแต่ละปี เด็กสามารถใช้ การพัฒนาตนเอง: หนังสือแนะแนวสำหรับเด็ก ตั้งและบันทึกเป้าหมาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน ChildrenandYouth.ChurchofJesusChrist.org.

12.2.2

การดูแลคนขัดสน

เด็กควรมีโอกาสรับใช้ผู้อื่นเป็นประจำในครอบครัวและกับครอบครัวของพวกเขาและระหว่างกิจกรรมปฐมวัย แนวคิดสำหรับการรับใช้ดูได้ที่ ChildrenandYouth.ChurchofJesusChrist.org. หากมี JustServe.org เสนอโอกาสต่างๆ ให้รับใช้ชุมชน

12.2.3

การเชื้อเชิญให้ทุกคนรับพระกิตติคุณ

เด็กสามารถเชื้อเชิญให้ทุกคนรับพระกิตติคุณได้หลายวิธี บางวิธีมีดังนี้:

  • เป็นแบบอย่างที่ดีในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์

  • แบ่งปันประจักษ์พยานให้กับเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัว

  • ปฏิบัติศาสนกิจต่อสมาชิกชั้นเรียนที่แข็งขันน้อย

  • ชวนเพื่อนๆ มาร่วมประชุมที่โบสถ์ ร่วมกิจกรรม หรือบัพติศมา หรือมาเรียนกับผู้สอนศาสนา

  • ชวนเพื่อนๆ เข้าร่วมโปรแกรมเด็กและเยาวชน ผู้นำทำงานใกล้ชิดกับบิดามารดาของเด็กเหล่านี้เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจโปรแกรมและพิจารณาว่าพวกเขาและบุตรธิดาจะมีส่วนร่วมอย่างไร

  • ชวนเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัวเข้าร่วมการนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็กประจำปี

12.2.4

การทำให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์

เด็กสามารถช่วยทำให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์ได้หลายวิธี บางวิธีมีดังนี้:

  • ให้เกียรติบิดามารดาของพวกเธอและเป็นแบบอย่างของการดำเนินชีวิตเหมือนพระคริสต์ในบ้านของตน

  • เตรียมมีครอบครัวนิรันดร์ของตนเอง

  • พยายามให้มีค่าควรรับใบรับรองพระวิหารเมื่อถึงอายุที่เหมาะสม

  • เตรียมรับศาสนพิธี รวมถึงการแต่งงานนิรันดร์

  • เรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัวเครือญาติและบรรพชนของพวกเขา (ดู ครอบครัวของฉัน: เรื่องราวที่นำเรามาอยู่ด้วยกัน)

  • ระบุชื่อบรรพชนที่ต้องการศาสนพิธีพระวิหาร (ดู FamilySearch.org).

  • เตรียมมีส่วนร่วมในบัพติศมาและการยืนยันแทนคนตาย

  • มีส่วนร่วมในการทำดัชนีกับสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว (ดู FamilySearch.org/indexing).

ภาพ
ผู้หญิงกับเด็กกำลังดูคอมพิวเตอร์

12.3

การเป็นผู้นำปฐมวัยวอร์ด

12.3.1

ฝ่ายอธิการ

หน้าที่รับผิดชอบอันดับแรกสุดของอธิการคือดูแลคนรุ่นใหม่ในวอร์ด รวมทั้งเด็ก อธิการอาจมอบหมายให้ที่ปรึกษาคนหนึ่งช่วยทำหน้าที่รับผิดชอบของเขาต่อปฐมวัย อธิการหรือที่ปรึกษาที่เขามอบหมายประชุมเป็นประจำกับประธานปฐมวัย

อธิการกับที่ปรึกษาของเขาตอบสนองทันทีเมื่อมีการเสนอชื่อจากฝ่ายประธานปฐมวัยให้เรียกคนมารับใช้ในปฐมวัย ฝ่ายอธิการทำงานกับฝ่ายประธานปฐมวัยเพื่อให้มีครูและผู้นำดนตรีอย่างต่อเนื่อง เมื่ออยู่ในวิสัยที่ทำได้ สมาชิกในการเรียกเหล่านี้ควรรับใช้นานพอจะสร้างความรักความสัมพันธ์ที่เด็กไว้เนื้อเชื่อใจ ความสัมพันธ์เช่นนั้นช่วยบำรุงเลี้ยงประจักษ์พยานในใจเด็ก

อธิการและที่ปรึกษาเข้าร่วมปฐมวัยเป็นประจำ พวกเขารู้จักชื่อเด็กและเข้าใจสภาวการณ์ที่บ้านของเด็กแต่ละคนในวอร์ดด้วย

12.3.2

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
ฝ่ายประธานปฐมวัย

อธิการเรียกและวางมือมอบหน้าที่ให้สตรีผู้ใหญ่คนหนึ่งรับใช้เป็นประธานปฐมวัยวอร์ด ถ้าหน่วยใหญ่พอ เธอเสนอชื่อให้เรียกผู้ใหญ่สตรีหนึ่งคนหรือสองคนเป็นที่ปรึกษาของเธอ (ดู บทที่ 30) ฝ่ายอธิการพิจารณาการเสนอชื่อและให้การเรียก

ฝ่ายประธานปฐมวัยรับการปฐมนิเทศและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากฝ่ายประธานปฐมวัยสเตค

ในหน่วยเล็กอาจเรียกเฉพาะประธานปฐมวัยเป็นผู้นำในปฐมวัย ในกรณีนี้ เธอทำงานกับบิดามารดาเพื่อจัดบทเรียน ช่วงเวลาร้องเพลง และกิจกรรม เธอพึงแน่ใจด้วยว่ามีผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้อย่างน้อยสองคนอยู่ที่การประชุมและกิจกรรมทุกครั้ง หากหน่วยใหญ่พออาจมีการเรียกเพิ่มเติมตามลำดับดังนี้: ที่ปรึกษา ผู้นำดนตรี ครูและผู้นำบริบาล เลขานุการ และผู้นำกิจกรรม

หากสาขาไม่มีประธานปฐมวัย ประธานสมาคมสงเคราะห์จะช่วยบิดามารดาจัดการเรียนการสอนสำหรับบุตรธิดาจนกว่าจะมีการเรียกประธานปฐมวัย

ฝ่ายประธานปฐมวัยช่วยบิดามารดาเตรียมเด็กเข้าสู่เส้นทางพันธสัญญาและก้าวหน้าตามเส้นทางนั้น นี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง

เพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวให้สำเร็จ ประธานปฐมวัยอาจมอบหมายให้สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานช่วยบิดามารดาเตรียมลูกๆ ให้พร้อมรับบัพติศมาและการยืนยัน ประธานปฐมวัยอาจมอบหมายให้สมาชิกอีกคนในฝ่ายประธานช่วยบิดามารดาเรื่องการเตรียมเด็กเข้าพระวิหารและรับฐานะปุโรหิต

สมาชิกฝ่ายประธานเหล่านี้ทำให้บิดามารดาทราบแหล่งข้อมูลในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณที่ช่วยได้ ดูตัวอย่างใน “การเตรียมเด็กให้พร้อมอยู่บนเส้นทางพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าชั่วชีวิต” ใน จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว สมาชิกฝ่ายประธานอาจทำงานกับบราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ ครู และคนอื่นๆ เพื่อสนับสนุนบิดามารดา

ประธานปฐมวัยมีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มเติมต่อไปนี้ ที่ปรึกษาช่วยเหลือเธอ

  • รับใช้ในสภาวอร์ด เธอรับใช้ในฐานะ (1) สมาชิกสภาวอร์ดผู้ช่วยตอบรับความต้องการในวอร์ดและหาวิธีแก้ไข และ (2) ตัวแทนของปฐมวัย เธอช่วยให้สภาวอร์ดรู้จักชื่อและสภาวการณ์ทางบ้านของเด็กแต่ละคนเพื่อจะปฏิบัติศาสนกิจต่อเด็กและครอบครัวได้ดีขึ้น ดู 29.2.5

  • จัดการประชุมฝ่ายประธานปฐมวัยและพบกับอธิการหรือที่ปรึกษาที่เขามอบหมายเป็นประจำ

  • เสนอชื่อผู้ใหญ่ชายและผู้ใหญ่หญิงต่ออธิการเพื่อเรียกให้รับใช้ในปฐมวัย

  • ช่วยให้สภาวอร์ดรู้เรื่องเด็กที่จะมีสิทธิ์รับบัพติศมาในปีต่อไป (ดู 18.7.1.1)

  • ช่วยวางแผนพิธีบัพติศมาสำหรับเด็กในบันทึกเมื่อขอ (ดู 18.7.2)

  • วางแผนและดำเนินการเปิดประชุมปฐมวัยวันอาทิตย์

  • ปฏิบัติศาสนกิจต่อเด็ก ครู และ ผู้นำแต่ละคนในปฐมวัย

  • สอนผู้นำและครูปฐมวัยให้รู้หน้าที่รับผิดชอบและสนับสนุนพวกเขาในหน้าที่รับผิดชอบเหล่านั้นโดยปฐมนิเทศพวกเขาให้เข้าใจการเรียกของตน (ดู การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด [2016], 38)

  • ช่วยผู้นำและครูปฐมวัยในช่วงเวลาชั้นเรียน ช่วงเวลาร้องเพลง และช่วงเปลี่ยนชั้นเรียน

  • ไปเยี่ยมชั้นเรียนปฐมวัยและจัดการให้ครูเข้าร่วมการประชุมสภาครู

  • ช่วยแนะนำเด็กที่จะอายุครบ 8 ขวบและบิดามารดาให้รู้จักกับโปรแกรมเด็กและเยาวชน จะแนะนำในบ้านของพวกเขาหรือชั้นเรียนปฐมวัยของพวกเขาก็ได้ (ดู 12.5.7)

  • สอดส่องดูแลบันทึก รายงาน งบประมาณ และการเงินของปฐมวัย

12.3.3

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
เลขานุการ

หากหน่วยใหญ่พอ ประธานปฐมวัยเสนอชื่อสตรีผู้ใหญ่คนหนึ่งต่อฝ่ายอธิการให้รับใช้เป็นเลขานุการ เธอมีหน้าที่รับผิดชอบดังต่อไปนี้:

  • ช่วยฝ่ายประธานปฐมวัยเตรียมวาระการประชุมฝ่ายประธาน เธอเข้าร่วมการประชุมเหล่านี้ จดบันทึก และติดตามงานมอบหมาย

  • ทำงานใกล้ชิดกับครูและผู้นำเพื่อจดบันทึกผู้เข้าร่วมอย่างถูกต้อง

  • ใช้ LCR ทำงานกับเลขานุการของโควรัมเอ็ลเดอร์และสมาคมสงเคราะห์เพื่อจดบันทึกจำนวนคนเข้าชั้นเรียนสำหรับผู้ใหญ่ที่รับใช้ในปฐมวัย

  • พึงแน่ใจว่าฝ่ายประธานปฐมวัยทราบเรื่อง:

    • เด็กใหม่และผู้มาเยือน

    • เด็กที่จะมาบริบาลและเด็กที่จะย้ายจากบริบาลไปชั้นอรุโณทัย

    • เด็กที่มีสิทธิ์รับบัพติศมา

    • เด็กหญิงที่จะเลื่อนชั้นไปเยาวชนหญิงและเด็กชายที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นมัคนายก

  • มอบหมายให้เด็กสวดอ้อนวอน แบ่งปันข้อพระคัมภีร์ และเป็นผู้พูดในช่วงเปิดการประชุมปฐมวัยวันอาทิตย์ (ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธาน) เธอแจ้งบิดามารดาด้วย

  • ช่วยฝ่ายประธานปฐมวัยเตรียมงบประมาณ ทำบัญชีค่าใช้จ่าย และติดตามสื่อโปรแกรมเด็กและเยาวชน

12.3.4

ผู้นำดนตรีและผู้เล่นเปียโน

ผู้นำดนตรีและผู้เล่นเปียโนสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ให้กับเด็กผ่านเพลงในช่วงเวลาร้องเพลง ดนตรีช่วยเสริมการศึกษา จงตามเรามา ประจำสัปดาห์ อาจใช้แหล่งช่วยต่อไปนี้:

ฝ่ายอธิการต้องอนุมัติการใช้เพลงอื่นในปฐมวัย

ภาพ
เด็กๆ ร้องเพลงกับผู้นำเพลง

หากไม่มีผู้เล่นเปียโนหรือเปียโน ผู้นำอาจใช้เพลงบรรเลงจากแหล่งต่อไปนี้:

เด็กสามารถร้องเพลงโดยไม่มีดนตรีประกอบได้เช่นกัน

ผู้นำดนตรีจะช่วยเรื่องเพลงสำหรับบริบาลเมื่อได้รับเชิญ อาจเรียกผู้นำดนตรีเพิ่มหากจำเป็น

ผู้นำดนตรีทำงานกับฝ่ายประธานปฐมวัยเพื่อช่วยเด็กเตรียมการนำเสนอการประชุมศีลระลึกของเด็กประจำปี (ดู 12.2.1.2)

ดู ช่วงเวลาร้องเพลง บน ChurchofJesusChrist.org สำหรับแนวคิดและแหล่งช่วยเพิ่มเติม

12.3.5

ครูและผู้นำบริบาล

ฝ่ายประธานปฐมวัยเสนอชื่อชายและหญิงต่ออธิการเพื่อรับใช้เป็นครูปฐมวัยและผู้นำบริบาล ฝ่ายอธิการพิจารณาการเสนอชื่อเหล่านี้และให้การเรียก สมาชิกเหล่านี้ได้รับการเรียกให้สอนและปฏิบัติศาสนกิจต่อเด็กตามกลุ่มอายุที่กำหนด

ครูปฐมวัยและผู้นำบริบาลสอนจาก จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย (อายุ 3–11 ขวบ) และ จงดูเด็กเล็กๆ ของเจ้า (บริบาล) พวกเขาปฏิบัติตามหลักธรรมใน การสอนในวิธีของพระผู้ช่วยให้รอด และ บทที่ 17 ของคู่มือนี้

เมื่อผู้ใหญ่สอนเด็กในสภาวะแวดล้อมของศาสนจักร ควรมีผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้อย่างน้อยสองคนอยู่ด้วย ผู้ใหญ่สองคนนี้จะเป็นหญิงสองคน ชายสองคน หรือคู่สมรสก็ได้ หากไม่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ผู้นำควรรวมชั้นเรียน ผู้นำและครูต้องรับการอบรมให้ครบที่ ProtectingChildren.ChurchofJesusChrist.org. (ดู 12.5.1)

เยาวชนไม่ควรสอนในปฐมวัย และไม่สอนแทนด้วย

ครูปฐมวัยและผู้นำบริบาลอยู่กับเด็กตลอดปฐมวัย รวมทั้งช่วงเวลาร้องเพลงและช่วงเปลี่ยนชั้นเรียนด้วย ในช่วงเวลาร้องเพลง ครูมีส่วนร่วมกับชั้นเรียนของพวกเขา ครูควรอยู่กับเด็กเล็กหลังปฐมวัยจนกว่าสมาชิกครอบครัวจะมารับเด็ก

ครูและผู้นำบริบาลเข้าร่วมการประชุมสภาครูทุกไตรมาส (ดู 13.4)

12.3.6

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
ผู้นำกิจกรรม

ผู้นำกิจกรรมปฐมวัยปฏิบัติศาสนกิจต่อเด็กขณะวางแผนการรับใช้และกิจกรรมต่างๆ สำหรับเด็กโดยเริ่มต้นในเดือนมกราคมของปีที่เด็กอายุครบ 8 ขวบ (ดู 12.2.1.3) การรับใช้และกิจกรรมมุ่งเน้นงานแห่งความรอดและความสูงส่ง สนุกและดึงดูดใจ สร้างประจักษ์พยาน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว และส่งเสริมการเติบโตส่วนตัว

ผู้นำกิจกรรมปฐมวัยสามารถเป็นครูปฐมวัยของเด็ก ทั้งยังสามารถเป็นสมาชิกคนอื่นที่ฝ่ายประธานปฐมวัยเสนอชื่อและฝ่ายอธิการเรียกได้เช่นกัน ผู้นำอย่างน้อยสองคนเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละครั้ง ผู้นำจะเป็นหญิงสองคน ชายสองคน หรือคู่สมรสก็ได้ ผู้นำต้องรับการอบรมให้ครบที่ ProtectingChildren.ChurchofJesusChrist.org. (ดู 12.5.1)

12.4

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
ผู้นำปฐมวัยสเตค

ฝ่ายประธานสเตคเรียกสตรีผู้ใหญ่คนหนึ่งให้รับใช้เป็นประธานปฐมวัยสเตค หากสเตคใหญ่พอ เธอเสนอชื่อสตรีผู้ใหญ่หนึ่งคนหรือสองคนให้รับใช้เป็นที่ปรึกษาและอีกคนรับใช้เป็นเลขานุการ สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานสเตคหรือสมาชิกสภาสูงที่เขามอบหมายจะเรียกและมอบหน้าที่ให้สตรีเหล่านี้ ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบของฝ่ายประธานปฐมวัยสเตคและเลขานุการใน 6.7.1, 6.7.1.3 และ 6.7.3

ที่ปรึกษาคนหนึ่งในฝ่ายประธานสเตคมีหน้าที่รับผิดชอบต่อปฐมวัยในสเตค เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่องานของฝ่ายประธานปฐมวัยสเตคด้วย เขาสอนอธิการให้รู้หน้าที่รับผิดชอบที่มีต่อปฐมวัยเช่นกัน

ฝ่ายประธานสเตคมอบหมายให้สมาชิกสภาสูงคนหนึ่งทำงานกับฝ่ายประธานปฐมวัยสเตค (ดู 6.5) เขารับใช้ในคณะกรรมการผู้นำเยาวชนสเตค (ดู 29.3.10)

ภาพ
เด็กๆ ร้องเพลงในการประชุมศีลระลึก

12.5

แนวทางและนโยบายเพิ่มเติม

12.5.1

การพิทักษ์เด็ก

เมื่อผู้ใหญ่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในสภาวะแวดล้อมของศาสนจักร ควรมีผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้อย่างน้อยสองคนอยู่ด้วย อาจจำเป็นต้องรวมชั้นเรียนจึงจะมีผู้ใหญ่อย่างน้อยสองคนอยู่ด้วยได้

ผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำงานกับเยาวชนต้องรับการอบรมเรื่องการคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้ครบภายในหนึ่งเดือนหลังจากได้รับการสนับสนุน (ProtectingChildren.ChurchofJesusChrist.org). พวกเขารับการอบรมซ้ำทุกสามปีหลังจากนั้น

12.5.2

เด็กที่มีความต้องการพิเศษ

เมื่อเด็กมีความเจ็บป่วยเรื้อรัง พิการ หรือมีความต้องการพิเศษ ผู้นำปฐมวัยพูดคุยกับบิดามารดาและฝ่ายอธิการ พวกเขาวางแผนด้วยกันเพื่อสนับสนุนครอบครัวและช่วยให้เด็กมีส่วนร่วมในปฐมวัย

โดยปกติเด็กพิการจะเข้าชั้นเรียนปฐมวัยประจำของพวกเขา อาจเรียกครูมาช่วยเพิ่มเมื่อจำเป็น

โดยปกติเด็กพิการหรือเด็กที่มีความต้องการพิเศษอื่นๆ จะจบปฐมวัยต้นเดือนมกราคมของปีที่พวกเขาอายุครบ 12 ปี เด็กบางคนอาจไม่จบปฐมวัยตามกำหนดการนี้ อธิการและบิดามารดาทำงานร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน disability.ChurchofJesusChrist.org; ดู 38.8.27 ในคู่มือนี้ด้วย

12.5.3

ชายที่รับใช้ในปฐมวัย

ฝ่ายอธิการและฝ่ายประธานปฐมวัยควรนึกถึงอิทธิพลดีของชายที่มีค่าควรให้รับใช้ในปฐมวัย ชายอาจรับใช้เป็นครู ผู้นำบริบาล ผู้นำดนตรี ผู้เล่นเปียโน และผู้นำกิจกรรมปฐมวัย

12.5.4

ความปลอดภัยของห้องน้ำ

ผู้นำและครูควรขอให้บิดามารดาพาเด็กไปห้องน้ำก่อนมาปฐมวัย ระหว่างปฐมวัยบิดามารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมายต้องเป็นผู้พาเด็กเล็กไปห้องน้ำ ผู้นำและครูจะไม่พาเด็กเข้าไปในห้องน้ำ

12.5.5

กิจกรรมการแสดงบทบาทสมมติ

ผู้นำและครูควรระวังเมื่อแสดงเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์ในปฐมวัย ต้องไม่มีการแสดงเป็นพระบิดาบนสวรรค์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เด็กจะแสดงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเฉพาะในฉากการประสูติเท่านั้น ดูแนวทางเพิ่มเติมใน 20.5.6

12.5.6

ภาพ
ไอคอน แหล่งช่วยทางเลือก
แหวน ลสด

เมื่อเด็กเริ่มชั้น ลสด.4 ฝ่ายประธานปฐมวัยและครูปฐมวัยย้ำเตือนพวกเขาให้ “เลือกสิ่งดี” ผู้นำเหล่านี้แจก CTR ring (แหวน ลสด) สีเขียวให้เด็กแต่ละคนด้วย

12.5.7

การแนะนำโปรแกรมเด็กและเยาวชน

ตอนต้นปีแต่ละปีอธิการ ที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขา หรือสมาชิกในฝ่ายประธานปฐมวัยจะไปเยี่ยมบ้านหรือชั้นเรียนปฐมวัยของเด็กแต่ละคนที่จะอายุครบ 8 ขวบระหว่างปี พวกเขาแนะนำให้เด็กและบิดามารดารู้จักโปรแกรมเด็กและเยาวชน เด็กแต่ละคนรับ ตราสัญลักษณ์ของการเข้าร่วมโปรแกรม และหนังสือ การพัฒนาตนเอง: หนังสือแนะแนวสำหรับเด็ก แหล่งช่วยเหล่านี้มีอยู่ที่ store.ChurchofJesusChrist.org.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน ChildrenandYouth.ChurchofJesusChrist.org.