การประชุมใหญ่สามัญ
จงซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์
การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2022


จงซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์

เราทุกคนจำเป็นต้องแสวงหาประจักษ์พยานของเราเองในพระเยซูคริสต์ คุมบังเหียนความลุ่มหลง กลับใจจากบาป ซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์

เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายพร้อมประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดและเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ให้ไปเยือนสหราชอาณาจักรที่เราทั้งสามคนเคยรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาวัยหนุ่ม เรามีโอกาสพิเศษในการสอน เป็นพยาน และทบทวนประวัติศาสนจักรยุคแรกๆ ในหมู่เกาะอังกฤษที่คุณเทียดของข้าพเจ้า ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ กับสหายของท่านเป็นผู้สอนศาสนารุ่นแรก1

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันหยอกล้อเราเรื่องงานมอบหมายนี้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่จะมอบหมายให้อัครสาวกสามคนไปเยือนเขตที่เคยรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาในวัยหนุ่ม ท่านยอมรับว่ามีแต่คนอยากได้รับงานมอบหมายให้ไปเยือนคณะเผยแผ่เดิมของตน ท่านอธิบายอย่างรวบรัดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงบรรทัดฐานนี้ว่าถ้ามีอัครสาวกสามคนอีกชุดที่เคยรับใช้ในคณะเผยแผ่เดียวกันกว่า 60 ปีที่ผ่านมา พวกเขาก็อาจได้รับงานมอบหมายคล้ายๆ กันนี้ด้วย

ภาพ
ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์

ในการเตรียมตัวทำงานมอบหมายนั้น ข้าพเจ้าอ่านทบทวน Life of Heber C. Kimball ที่เขียนโดยหลานชายของท่านชื่อออร์สัน เอฟ. วิทนีย์ ซึ่งต่อมาได้รับเรียกเป็นอัครสาวก คุณแม่ที่รักมอบหนังสือเล่มนี้ให้ตอนข้าพเจ้าอายุเกือบเจ็ดขวบ เรากำลังเตรียมตัวเข้าร่วมการอุทิศอนุสาวรีย์ This Is the Place [นี่คือที่ตั้ง] ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 โดยประธานจอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ2 คุณแม่อยากให้ข้าพเจ้ารู้เรื่องบรรพชนที่ชื่อฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์มากขึ้น

หนังสือเล่มนี้มีข้อความกินใจตอนหนึ่งที่น่าจะมาจากประธานคิมบัลล์ ซึ่งมีนัยสำคัญต่อยุคสมัยของเรา ก่อนแบ่งปันข้อความนั้น ข้าพเจ้าขอเล่าภูมิหลังเล็กน้อย

ขณะที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธถูกคุมขังในคุกลิเบอร์ตี้ อัครสาวกบริคัม ยังก์ กับฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการอพยพวิสุทธิชนออกจากมิสซูรีภายใต้สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก คนส่วนใหญ่ต้องอพยพเพราะผู้ว่าการรัฐ ลิลเบิร์น ดับเบิลยู. บ็อกส์ ออกคำสั่งถอนรากถอนโคน3

เกือบ 30 ปีต่อมา ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ซึ่งเวลานั้นอยู่ในฝ่ายประธานสูงสุด สอนโดยสะท้อนถึงประวัติศาสตร์เรื่องนี้กับคนรุ่นใหม่ว่า “ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า พวกท่านหลายคนจะเห็นช่วงเวลาที่ท่านจะมีอุปสรรคนานัปการ การทดลองและการข่มเหงทุกอย่างที่ท่านรับมือไหว และโอกาสมากมายให้แสดงตัวว่าท่าน ซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์4

ฮีเบอร์กล่าวต่อไปว่า: “เพื่อเผชิญความยากลำบากที่จะเกิดขึ้น ท่านจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องความจริงของงานนี้ด้วยตัวท่านเอง ความยากลำบากจะถึงขนาดที่ชายหรือหญิงที่ไม่มีความรู้หรือพยานส่วนตัวเรื่องนี้จะล้ม หากท่านยังไม่มีประจักษ์พยาน จงดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ร้องทูลพระเจ้า และไม่หยุด [จนกว่า] จะ [ได้รับ] หากไม่ทำเช่นนั้นท่านจะยืนหยัดไม่ได้ … เวลาจะมาถึงเมื่อไม่มีชายหรือหญิงคนใดสามารถยืนยงได้โดยอาศัยแสงสว่างที่ยืมมา แต่ละคนจะต้องมีแสงนำทางในตัวเอง … หากท่านไม่มีแสงนั้นท่านจะยืนหยัดไม่ได้ ดังนั้นจงแสวงหาและแนบสนิทกับประจักษ์พยานในพระเยซู เผื่อว่าเมื่อความยากลำบากเกิดขึ้นท่านจะไม่สะดุดล้ม”5

เราแต่ละคนต้องมีประจักษ์พยานส่วนตัวในงานของพระผู้เป็นเจ้า6และบทบาทสำคัญของพระเยซูคริสต์ หลักคำสอนและพันธสัญญาภาค 76 กล่าวถึงรัศมีภาพสามระดับและเปรียบเทียบรัศมีภาพซีเลสเชียลกับดวงอาทิตย์ แล้วเปรียบเทียบอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลกับดวงจันทร์7

น่าสนใจตรงที่ดวงอาทิตย์มีแสงสว่างในตัวเอง แต่ดวงจันทร์เป็นแสงสะท้อนหรือ “แสงที่ยืมมา” เมื่อพูดถึงอาณาจักรเทอร์เรสเตรียล ข้อ 79 กล่าวว่า “คนเหล่านี้คือคนที่ไม่องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู” เราไม่สามารถได้อาณาจักรซีเลสเชียลและอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาโดยอาศัยแสงที่ยืมมา เราต้องมีประจักษ์พยานของเราเองถึงพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณ

เราอยู่ในโลกที่ความชั่วช้าสามานย์มีดาษดื่น8 และใจหลายดวงหันเหไปจากพระผู้เป็นเจ้าเพราะหลักเกณฑ์ของมนุษย์9 หนึ่งในตัวอย่างที่จับใจที่สุดในพระคัมภีร์ซึ่งแสดงให้เห็นความกังวลของฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์เกี่ยวกับการแสวงหาประจักษ์พยานในงานของพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์ มีอธิบายอยู่ในคำแนะนำของแอลมาต่อบุตรชายสามคน—ฮีลามัน ชิบลัน และโคริแอนทอน10 บุตรชายสองคนของเขา ซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์ แต่บุตรชายคนหนึ่งทำการตัดสินใจไม่ดีบางอย่าง สำหรับข้าพเจ้านัยสำคัญที่สุดในคำแนะนำของแอลมาคือ เขากำลังบอกในฐานะบิดาเพื่อประโยชน์ของบุตรของเขา

ความกังวลแรกของแอลมาเหมือนของฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์คืออยากให้แต่ละคนมีประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์และ ซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์

ในคำสอนอันน่าทึ่งของแอลมาต่อฮีลามันบุตรชาย เขาทำสัญญาอันลึกซึ้งว่าคนที่ “มอบความไว้วางใจของพวกเขาในพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการค้ำจุนในความเดือดร้อนของพวกเขา, และความยุ่งยากของพวกเขา, และความทุกข์ของพวกเขา, และพระองค์จะทรงยกขึ้นในวันสุดท้าย”11

ถึงแม้แอลมาเคยได้รับปรากฏการณ์ที่เขาเห็นเทพ แต่นี่เกิดขึ้นน้อยมาก ความรู้สึกนึกคิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเรื่องปกติมากกว่า ความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้สำคัญเท่าๆ กับการปรากฏตัวของเทพ ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธสอนว่า: “ความรู้สึกนึกคิดที่บุคคลได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์สำคัญมากกว่านิมิตยิ่งนัก เมื่อพระวิญญาณตรัสกับวิญญาณ รอยประทับบนจิตวิญญาณจะลบออกยากกว่ามาก”12

ซึ่งนำเราไปยังคำแนะนำของแอลมาต่อชิบลันบุตรชายคนที่สอง ชิบลันเป็นคนชอบธรรมเหมือนฮีลามันพี่ชาย คำแนะนำที่ข้าพเจ้าต้องการเน้นคือ แอลมา 38:12 ซึ่งอ่านบางส่วนได้ว่า “จงแน่ใจด้วยว่าลูก [คุมบังเหียน] ความลุ่มหลงทั้งปวงของลูก, เพื่อลูกจะเต็มไปด้วยความรัก”

คำว่า คุมบังเหียน เป็นคำที่น่าสนใจ เมื่อเราขี่ม้า เราใช้บังเหียนชักจูงม้า คำพ้องความหมายที่ดีอาจได้แก่ กำกับ ควบคุม หรือหักห้าม พันธสัญญาเดิมบอกเราว่าเราโห่ร้องด้วยความชื่นบานเมื่อเราทราบว่าจะมีร่างกาย13 ร่างกายไม่ชั่วร้าย—ร่างกายสวยงามและจำเป็น—แต่ความลุ่มหลงบางอย่าง หากไม่ใช้อย่างเหมาะสมและคุมบังเหียนตามสมควร ย่อมสามารถแยกเราออกจาก พระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์ และส่งผลเสียต่อประจักษ์พยานของเราได้

เราจะพูดถึงความลุ่มหลงสองอย่างโดยเฉพาะ—หนึ่ง ความโกรธ และสอง ความหลง14 น่าสนใจตรงที่ถ้าไม่คุมบังเหียนทั้งสองอย่างนี้อาจก่อให้เกิดความเสียใจใหญ่หลวง ลดอิทธิพลของพระวิญญาณ และแยกเราออกจากพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์ ปฏิปักษ์ฉวยทุกโอกาสเพื่อเติมชีวิตเราด้วยภาพของความรุนแรงและการผิดศีลธรรม

ในบางครอบครัว ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าสามีหรือภรรยาที่โกรธเกรี้ยวจะทุบตีคู่ครองหรือบุตร ในเดือนกรกฎาคม ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมร่วมกันของรัฐสภาสหราชอาณาจักรในกรุงลอนดอน15 ความรุนแรงต่อสตรีและเยาวชนถูกหยิบยกมาเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก นอกจากความรุนแรงแล้ว ยังมีการทำร้ายทางวาจาด้วย ถ้อยแถลงเรื่องครอบครัวบอกเราว่า “ผู้ที่กระทำทารุณกรรมคู่ครองหรือบุตรหลาน … วันหนึ่งจะต้องยืนชี้แจงต่อพระผู้เป็นเจ้า”16

ประธานเนลสันเน้นอย่างจริงจังถึงเรื่องนี้เมื่อวานตอนเช้า17 โปรดตัดสินใจว่าไม่ว่าบิดามารดาจะกระทำทารุณกรรมต่อท่านหรือไม่ก็ตาม ท่านจะไม่กระทำทารุณกรรมต่อคู่ครองหรือบุตรธิดา ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือทางวาจา หรือทางอารมณ์

ในสมัยของเราความท้าทายที่มีนัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือความขัดแย้งและการทารุณกรรมทางวาจาเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม ในหลายกรณีความโกรธเกรี้ยวและภาษาโหดร้ายเข้ามาแทนเหตุผล การพูดคุย และความสุภาพ หลายคนละทิ้งคำตักเตือนของเปโตร อัครสาวกอาวุโสของพระผู้ช่วยให้รอด ที่บอกให้แสวงหาคุณสมบัติแบบพระคริสต์ เช่น การควบคุมตัวเอง ความอดทน ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า ความกรุณาฉันพี่น้อง และจิตกุศล18 พวกเขาละทิ้งคุณลักษณะความอ่อนน้อมถ่อมตนแบบพระคริสต์ไปแล้วเช่นกัน

นอกจากจะควบคุมความโกรธและคุมบังเหียนความลุ่มหลงอื่นๆ แล้วเรายังต้องดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ทางศีลธรรมด้วย โดยควบคุมความคิด คำพูด และการกระทำของเรา เราต้องหลีกเลี่ยงสื่อลามก ประเมินความเหมาะสมของสิ่งที่เรากำลังเปิดผ่านอินเทอร์เน็ตในบ้าน และหลีกเลี่ยงความประพฤติที่เป็นบาปทุกรูปแบบ

ซึ่งนำเรามายังคำแนะนำของแอลมาต่อโคริแอนทอนบุตรชาย โคริแอนทอนไม่เหมือนฮีลามันกับชิบลันพี่ชาย เขาทำการล่วงละเมิดทางศีลธรรม

เพราะโคริแอนทอนทำผิดศีลธรรม แอลมาจึงจำเป็นต้องสอนเขาเรื่องการกลับใจ ทั้งต้องสอนเรื่องความร้ายแรงของบาปแล้วสอนวิธีกลับใจ19

ดังนั้นคำแนะนำเชิงป้องกันของแอลมาคือให้คุมบังเหียนความลุ่มหลง แต่คำแนะนำของเขาต่อคนที่ล่วงละเมิดไปแล้วคือต้องกลับใจ ประธานเนลสันให้คำแนะนำอันลึกซึ้งเรื่องการกลับใจที่การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายนปี 2019 ท่านกล่าวชัดเจนว่าการกลับใจทุกวันเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตเรา “การกลับใจไม่ใช่เหตุการณ์ แต่เป็นกระบวนการ เป็นกุญแจสู่ความสุขและจิตใจที่สงบ” ท่านสอน “การกลับใจทุกวันเป็นหนทางสู่ความบริสุทธิ์ และความบริสุทธิ์ทำให้เกิดพลัง”20 ถ้าโคริแอนทอนได้ทำสิ่งที่ประธานเนลสันแนะนำ เขาคงกลับใจทันทีที่เริ่มยอมให้ความคิดไม่บริสุทธิ์เข้ามา การล่วงละเมิดร้ายแรงคงไม่เกิดขึ้น

คำแนะนำทิ้งท้ายที่แอลมาให้บุตรชาย คือหลักคำสอนสำคัญที่สุดบางประการในบรรดาพระคัมภีร์ทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชดใช้ที่กระทำโดยพระเยซูคริสต์

แอลมาเป็นพยานว่าพระคริสต์จะทรงรับเอาบาปไป21 หากปราศจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด หลักธรรมนิรันดร์ของความยุติธรรมคงเรียกร้องให้มีการลงโทษ22 เพราะการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ความเมตตาจึงสามารถมีชัยสำหรับคนที่กลับใจ และสามารถเปิดโอกาสให้พวกเขากลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า เป็นเรื่องดีที่เราจะไตร่ตรองหลักคำสอนที่ยอดเยี่ยมนี้

ไม่มีใครกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้าได้ด้วยงานดีของตนเพียงอย่างเดียว เราทุกคนต้องได้รับประโยชน์จากการพลีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอด ทุกคนทำบาป และโดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่เราจะได้รับความเมตตาและได้อยู่กับพระผู้เป็นเจ้า23

แอลมาให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมแก่โคริแอนทอนสำหรับเราทุกคนที่เคยผ่านหรือจะผ่านกระบวนการกลับใจด้วยเช่นกัน ไม่ว่าบาปนั้นจะเล็กหรือรุนแรงเท่าบาปของโคริแอนทอนหรือไม่ก็ตาม ข้อ 29 ในแอลมา 42 อ่านว่า “และบัดนี้, ลูกพ่อ, พ่อปรารถนาว่าลูกจะไม่ให้สิ่งเหล่านี้เป็นที่ลำบากใจลูกอีกต่อไป, และขอให้บาปของลูกเท่านั้นเป็นเรื่องลำบากใจลูก, ด้วยความลำบากใจนั้นซึ่งจะนำลูกลงมาสู่การกลับใจ”

โคริแอนทอนเอาใจใส่คำแนะนำของแอลมา ทั้งกลับใจและรับใช้อย่างมีเกียรติ เพราะการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด จึงมีการเยียวยาให้ทุกคน

ในสมัยของแอลมา ในสมัยของฮีเบอร์ และแน่นอนในสมัยของเรา เราทุกคนจำเป็นต้องแสวงหาประจักษ์พยานของเราเองในพระเยซูคริสต์ คุมบังเหียนความลุ่มหลง กลับใจจากบาป พบสันติสุขผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ และซื่อตรงต่อพระผู้เป็นเจ้าและงานของพระองค์

ในคำพูดเมื่อเร็วๆ นี้กับอีกครั้งเมื่อเช้านี้ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าวดังนี้: “ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านรับผิดชอบประจักษ์พยานของท่านในพระเยซูคริสต์ พยายามให้ได้มา รับผิดชอบ ดูแล บำรุงเลี้ยงให้เติบโต แล้วคอยดูปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตท่าน”24

ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ต่อไปนี้เราจะได้ฟังจากประธานเนลสัน ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าประธานเนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าสำหรับยุคสมัยของเรา ข้าพเจ้ารักและหวงแหนการดลใจและการนำทางอันน่าอัศจรรย์ที่เราได้รับผ่านประธานเนลสัน

ในฐานะอัครสาวกของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเป็นพยานหนักแน่นถึงความเป็นพระเจ้าของพระผู้ช่วยให้รอดและความเป็นจริงของการชดใช้ของพระองค์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู Ronald K. Esplin, “A Great Work Done in That Land,” Ensign, July 1987, 20: “วันที่ 13 มิถุนายน เอ็ลเดอร์คิมบัลล์, ออร์สัน ไฮด์, โจเซฟ ฟิลดิงก์ และวิลลาร์ด ริชาร์ดส์เพื่อนของฮีเบอร์ออกจากเคิร์ทแลนด์ไปอังกฤษ ในนิวยอร์ก วันที่ 22 มิถุนายน ไอแซค รัสเซลล์, จอห์น กูดสัน, และจอห์น ซไนเดอร์ซึ่งเป็นชาวแคนาดาไปสมทบกับพวกเขา จากนั้นผู้สอนศาสนาทั้งเจ็ดจองเที่ยวเรือ การ์ริค เพื่อไปลิเวอร์พูล (ดู Heber C. Kimball papers, 1837–1866; Willard Richards journals and papers, 1821–1854, Church History Library, Salt Lake City.)

  2. อนุสาวรีย์ This Is the Place [นี่คือที่ตั้ง] ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ ที่ภูเขาเอมิเกรชั่นแคนยอน เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีการมาถึงหุบเขาซอลท์เลคของวิสุทธิชนเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1847 อนุสาวรีย์ดังกล่าวเป็นรูปปั้นของบริคัม ยังก์, ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์, และวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

  3. วิสุทธิชนยุคสุดท้ายราว 8,000 ถึง 10,000 คนหนีออกจากมิสซูรีตอนต้นปี 1839 เพื่อให้พ้นการกระทำที่รุนแรงของศาลเตี้ยและกลุ่มคนร้าย มีการก่อตั้งคณะกรรมการภายใต้การกำกับดูแลของบริคัม ยังก์และฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ เพื่อรวบรวมเสบียง ประเมินความต้องการ และกำหนดเส้นทางอพยพ 200 ไมล์ (320 กม.) อันแสนทรหดในช่วงฤดูหนาวเพื่อไปอิลลินอยส์ ชาวเมืองควินซีที่มีความเห็นอกเห็นใจได้ให้ที่หลบภัยชั่วคราวแก่วิสุทธิชนที่กำลังลำบากด้วยการจัดหาที่พักและอาหารให้ (ดู Saints: The Story of the Church of Jesus Christ in the Latter Days, vol. 1, The Standard of Truth, 1815–1846 [2018], 375–377; William G. Hartley, “The Saints’ Forced Exodus from Missouri,” ใน Richard Neitzel Holzapfel and Kent P. Jackson, eds., Joseph Smith: The Prophet and Seer [2010], 347–389.)

  4. ใน Orson F. Whitney, Life of Heber C. Kimball: An Apostle, the Father and Founder of the British Mission (1945), 449; เน้นตัวเอน

  5. ใน Orson F. Whitney, Life of Heber C. Kimball, 450.

  6. ดู โมเสส 1:39; ดู “งานแห่งความรอดและความสูงส่ง,” หมวด 1.2 ใน คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย, ChurchofJesusChrist.org. เรามาหาพระคริสต์และช่วยเหลืองานของพระผู้เป็นเจ้าโดยดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ ดูแลคนขัดสน เชื้อเชิญให้ทุกคนรับพระกิตติคุณ และทำให้ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันชั่วนิรันดร์ ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 110 ด้วย ซึ่งกำหนดกุญแจที่ประทานไว้ให้ทำงานแห่งความรอด

  7. ดู 1 โครินธ์ 15:40–41 ด้วย

  8. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:27

  9. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:29

  10. แอลมาเป็นบุตรของแอลมาศาสดาพยากรณ์ เขากลายเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาของประเทศ เป็นมหาปุโรหิตและศาสดาพยากรณ์ เขาประสบการเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันน่าอัศจรรย์ตอนเป็นเด็กหนุ่ม

  11. แอลมา 36:3

  12. Joseph Fielding Smith, “The First Presidency and the Council of the Twelve,” Improvement Era, Nov. 1966, 979.

  13. ดู โยบ 38:7

  14. ดู แอลมา 39:9 แอลมาสอนโคริแอนทอนว่าเขาต้อง “ไม่หลงอยู่กับตัณหาราคะในสิ่งที่เห็นอีกต่อไป”

  15. All-Party Parliamentary Group, Parliamentary sessions, Tuesday, July 5, 2022, “Preventing Violence and Promoting Freedom of Belief.”

  16. ดู “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” ChurchofJesusChrist.org; ดู แพทริค เคียรอน, “พระองค์ทรงฟื้นพร้อมด้วยปีกที่รักษาหาย: เราเป็นได้มากกว่าผู้พิชิตชัย,” เลียโฮนา, พ.ค. 2022, 37–39 ด้วย.

  17. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “สิ่งใดจริง?,” เลียโฮนา, พ.ย. 2022, 29.

  18. ดู 2 เปโตร 1:5–10

  19. ดู แอลมา 39:9

  20. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 67, 68.

  21. ดู แอลมา 39:15

  22. ดู แอลมา 42:16

  23. ดู 2 นีไฟ 25:23

  24. Russell M. Nelson, Facebook, Aug. 1, 2022, facebook.com/russell.m.nelson; Twitter, Aug. 1, 2022, twitter.com/nelsonrussellm; Instagram, Aug. 1, 2022, instagram.com/russellmnelson; ดู “Choices for Eternity” (worldwide devotional for young adults, May 15, 2022), broadcasts.ChurchofJesusChrist.org ด้วย