“11–17 มีนาคม มัทธิว 10–12; มาระโก 2; ลูกา 7; 11: ‘สิบสองคนนี้พระเยซูทรงใช้ให้ออกไป’” จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว: พันธสัญญาใหม่ 2019 (2019)
“11–17 มีนาคม มัทธิว 10–12; มาระโก 2; ลูกา 7; 11,” จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว: 2019
11–17 มีนาคม
มัทธิว 10–12; มาระโก 2; ลูกา 7; 11
“สิบสองคนนี้พระเยซูทรงใช้ให้ออกไป”
ขณะที่ท่านอ่าน มัทธิว 10–12; มาระโก 2; และ ลูกา 7; 11 ให้บันทึกความประทับใจที่ท่านได้รับจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านอาจจะไตร่ตรองและบันทึกไว้
บันทึกความประทับใจของท่าน
ข่าวเรื่องปาฏิหาริย์การรักษาของพระเยซูแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ฝูงชนติดตามพระองค์โดยหวังให้ทรงปลดเปลื้องความเจ็บป่วยของพวกเขา แต่เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทอดพระเนตรฝูงชน พระองค์ทรงเห็นมากกว่าอาการป่วยทางกาย ด้วยพระทัยเมตตา พระองค์ทรงเห็น “ฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง” (มัทธิว 9:36) “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา” พระองค์ตรัส “แต่คนงานยังน้อยอยู่” (มัทธิว 9:37) ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเรียกอัครสาวกสิบสอง “ประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขา” และทรงใช้พวกเขาไปสอนและปฏิบัติศาสนกิจต่อ “แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” (มัทธิว 10:1, 6) ปัจจุบันต้องการคนงานรับใช้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น ยังมีอัครสาวกสิบสอง แต่มีสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์มากกว่าแต่ก่อน—คนที่สามารถประกาศต่อชาวโลกได้ว่า “แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” (มัทธิว 10:7)
แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัว
พระเจ้าประทานอำนาจให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทำงานของพระองค์
พระเยซูประทานคำแนะนำสั่งสอนใน มัทธิว 10 แก่เหล่าอัครสาวกของพระองค์ แต่เราทุกคนมีส่วนในงานของพระเจ้า พระคริสต์ประทานอำนาจอะไรแก่เหล่าอัครสาวกเพื่อช่วยให้พวกเขามีสัมฤทธิผลในพันธกิจ ท่านจะเข้าถึงเดชานุภาพของพระเจ้าในงานที่ท่านได้รับเรียกให้ทำได้อย่างไร (ดู 2 โครินธ์ 6:1–10; คพ. 121:34–46)
ขณะท่านอ่านงานมอบหมายที่พระคริสต์ประทานแก่เหล่าอัครสาวก ท่านอาจจะได้รับความประทับใจเกี่ยวกับงานที่พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านทำ แผนภูมิต่อไปนี้จะช่วยท่านจัดระเบียบความคิดของท่าน
ความประทับใจที่ฉันได้รับ | |
---|---|
พระผู้ช่วยให้รอดประทานอำนาจแก่เหล่าสาวกของพระองค์ | ความประทับใจที่ฉันได้รับ พระผู้เป็นเจ้าจะประทานอำนาจที่ฉันจำเป็นต้องใช้ทำงานของฉัน |
ความประทับใจที่ฉันได้รับ |
ดู หลักแห่งความเชื่อ 1:6; Bible Dictionary, “Apostle”; “Jesus Calls Twelve Apostles to Preach and Bless Others” (วีดิทัศน์, LDS.org) ด้วย
เมื่อฉันรับใช้พระเจ้า พระองค์จะทรงดลใจให้ฉันรู้ว่าจะพูดอะไร
พระเจ้าทรงมองเห็นล่วงหน้าว่าเหล่าสานุศิษย์ของพระองค์จะถูกข่มเหงและถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับศรัทธาของพวกเขา—คล้ายกับที่สานุศิษย์ในปัจจุบันประสบ แต่พระองค์ทรงสัญญากับเหล่าสานุศิษย์ว่าพวกเขาจะรู้โดยพระวิญญาณว่าจะพูดอะไร ท่านเคยมีประสบการณ์เมื่อคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดสัมฤทธิผลในชีวิตท่านหรือไม่ บางทีท่านอาจมีประสบการณ์ดังกล่าวเมื่อท่านแสดงประจักษ์พยาน ให้พร หรือสนทนากับคนบางคน ท่านอาจจะแบ่งปันประสบการณ์กับคนที่ท่านรักและบันทึกไว้ในสมุดบันทึก
ดู ลูกา 12:11–12; หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:85 ด้วย
พระเยซูทรงหมายถึงอะไรเมื่อพระองค์ตรัสว่า “เราไม่ได้นำสันติภาพมาให้ แต่เรานำดาบมา”
เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันสอนว่า “ข้าพเจ้ามั่นใจว่าบิดามารดาและพี่น้องของท่านเคยปฏิเสธและตัดสัมพันธ์กับท่านเมื่อท่านยอมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และเข้าสู่พันธสัญญาของพระองค์ ด้วยเหตุใดก็ตาม การที่ท่านรักพระคริสต์มากกว่าเรียกร้องให้ท่านเสียสละความสัมพันธ์อันมีค่า และท่านหลั่งน้ำตามากมาย ทว่าด้วยความรักของท่านที่ไม่ลดน้อยถอยลง ท่านจึงแน่วแน่ภายใต้กางเขนนี้ โดยแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ละอายเพราะพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า” (“เอาชีวิตของท่านรอด,” เลียโฮนา, มี.ค. 2016, 28)
การยินดีสูญเสียความสัมพันธ์อันน่าหวงแหนเพื่อติดตามพระผู้ช่วยให้รอดมาพร้อมสัญญาว่า “ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด” (มัทธิว 10:39)
พระเยซูคริสต์จะทรงให้ฉันได้หยุดพักเมื่อฉันพึ่งพาพระองค์และการชดใช้ของพระองค์
เราทุกคนแบกภาระ—ภาระบางอย่างเกิดจากบาปและความผิดพลาดของเราเอง บ้างเกิดจากการเลือกของผู้อื่น และบางอย่างที่ไม่ใช่ความผิดของใครแต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตบนแผ่นดินโลก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พระเยซูทรงวิงวอนให้เรามาหาพระองค์เพื่อพระองค์จะทรงสามารถช่วยแบกภาระและบรรเทาทุกข์ของเราได้ (ดู โมไซยาห์ 24) เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สอนว่า “การทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ใส่แอกเทียมเรากับพระเจ้าพระเยซูคริสต์” (“ทนแบกสัมภาระได้โดยง่าย,” เลียโฮนา, พ.ค. 2014, 88) ขณะนึกถึงคำพูดดังกล่าวให้ไตร่ตรองคำถามต่อไปนี้เพื่อจะเข้าใจพระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดในข้อเหล่านี้ดีขึ้น “พันธสัญญาของฉันใส่แอกเทียมฉันกับพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไร” “ฉันต้องทำอะไรเพื่อมาหาพระคริสต์” หรือ “แอกของพระผู้ช่วยให้รอดพอเหมาะและภาระของพระองค์เบาในความหมายใด”
ขณะที่ท่านอ่านมีคำถามอะไรเข้ามาในความคิดท่านอีกบ้าง บันทึกไว้และค้นหาคำตอบสัปดาห์นี้ในพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ ท่านอาจจะพบคำตอบของคำถามบางข้อในข่าวสารข้างต้นของเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์
เมื่อฉันได้รับการให้อภัยบาป ความรักที่ฉันมีต่อพระผู้ช่วยให้รอดลึกซึ้งขึ้น
ท่านมองเห็นตัวท่านในเรื่องราวการเสด็จเยือนซีโมนคนฟาริสีในข้อเหล่านี้หรือไม่ ท่านเคยเป็นเหมือนซีโมนหรือไม่ ท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อทำตามแบบอย่างของหญิงที่แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนและความรักต่อพระเยซูคริสต์ ท่านเคยประสบความอ่อนโยนและพระเมตตาที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงต่อหญิงคนนั้นเมื่อใด ท่านเรียนรู้อะไรจากข้อเหล่านี้ว่าการให้อภัยทำให้ท่านรักพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นอย่างไร
แนวคิดสำหรับการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวและการสังสรรค์ในครอบครัว
ขณะที่ท่านอ่านพระคัมภีร์กับครอบครัว พระวิญญาณจะทรงช่วยให้ท่านรู้ว่าจะเน้นและสนทนาหลักธรรมใดจึงจะตอบรับความต้องการของครอบครัวท่าน ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอแนะบางประการ:
ขณะที่เราพิจารณาข่าวสารของการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุด ครอบครัวเรารับและทำตามคำแนะนำของอัครสาวกยุคปัจจุบันอย่างไร การเชื่อฟังคำแนะนำของพวกท่านกำลังนำเราให้ใกล้ชิดพระเยซูคริสต์มากขึ้นอย่างไร
ท่านสามารถช่วยให้ครอบครัวเห็นภาพคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดในข้อเหล่านี้ได้โดยให้พวกเขาผลัดกันลากของหนัก ตอนแรกให้ลากด้วยตนเอง จากนั้นมีคนช่วยลาก เราแบกภาระอะไรบ้าง เราเอาแอกของพระองค์แบกไว้หมายความว่าอย่างไร ภาพที่ให้มากับโครงร่างนี้จะช่วยท่านอธิบายว่าแอกคืออะไร
เราจะ “ทำการดี” ในวันสะบาโตได้อย่างไร (มัทธิว 12:12) พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักษาเราในวันสะบาโตในด้านใดได้บ้าง
สำหรับแนวคิดการสอนเด็กเพิ่มเติม ดู โครงร่างของสัปดาห์นี้ ใน จงตามเรามา—สำหรับปฐมวัย
ปรับปรุงการศึกษาส่วนตัว
ฟังพระวิญญาณ ขณะที่ท่านศึกษา จงเอาใจใส่ความคิดและความรู้สึกของท่าน (ดู คพ. 8:2–3) แม้จะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านกำลังอ่าน ความประทับใจเหล่านั้นอาจเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ท่านรู้และทำ
พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “จงเอาแอกของเราแบกไว้” (มัทธิว 11:29)
เคิร์ทแลนด์และพระวิหารแห่งแรก โดย แดน เบอร์