คำตอบจากพระคัมภีร์มอรมอนของฉัน

โดย แอนนี่ หว่อง, ฮ่องกง ประเทศจีน

ฉันพยายามอย่างหนักที่จะ “เปลี่ยนแปลง” คุณแม่หว่อง แต่สิ่งที่เธอต้องการกลับเป็นแค่พระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่เรียบง่ายและทรงพลัง

หลังจากรับบัพติศมาในเดือนมิถุนายน ปี 2002 ฉันแบ่งปันศรัทธากับคุณแม่ แม้ว่าคุณแม่หว่องมักจะไปโบสถ์กับฉัน แต่เธอก็ไม่ต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม

ในที่สุด 10 ปีต่อมา คุณแม่หว่องเลือกรับบัพติศมา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่น่าเศร้าที่สองสามปีต่อมาเธอหยุดเสริมสร้างประจักษ์พยานและหาข้ออ้างที่จะไม่ไปโบสถ์

ฉันกระตุ้นให้เธอไปโบสถ์ แต่นั่นก็ทำให้เกิดแต่ความขัดแย้ง ในที่สุดฉันจึงเลิกกดดันเธอเพื่อจะได้ไม่ทำร้ายความสัมพันธ์ของเรา

ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม ปี 2019 ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันเชิญสมาชิกศาสนจักรให้ “ออกแบบแผน [ของเรา] เอง” เพื่อเสริมสร้างประจักษ์พยานของเราเกี่ยวกับการฟื้นฟู¹ เมื่อฉันนึกถึงคำเชิญของท่าน ฉันรู้สึกอย่างหนักแน่นว่าควรทำบางอย่างเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นระหว่างคุณแม่หว่องกับฉัน

สำหรับปณิธานปีใหม่ของฉัน ฉันให้คำมั่นว่าจะอ่านพระคัมภีร์มอรมอนกับคุณแม่หว่อง เมื่อใดก็ตามที่เธอบอกว่าเธอเจ็บตา ฉันก็พูดว่า “แม่นั่งฟังได้นะคะ” เมื่อเธอบอกว่าเธอต้องล้างจาน ฉันก็ตามเธอไปที่ห้องครัวและอ่านออกเสียงต่อไป

ปรากฏว่าคุณแม่หว่องตั้งใจฟังและจำสิ่งที่ฉันอ่านได้ เมื่อเวลาผ่านไป เธอจึงเลือกอ่านด้วยตนเอง ต่อมาเธอบอกฉันว่าคนธรรมดาไม่สามารถเขียนพระคัมภีร์มอรมอนได้ เธอไม่สงสัยเลยว่าหนังสือเล่มนี้เป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับฉัน การเห็นเธอเปลี่ยนจากการไม่สนใจมาเป็นต้องการอ่านและแสดงประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนนับว่าเป็นปาฏิหาริย์

หลังจากคุณแม่หว่องรับบัพติศมา ฉันกังวลว่าเธอคงเข้าร่วมศาสนจักรเพื่อฉันคนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอมีประจักษ์พยานเป็นของตัวเองแล้ว เป็นเวลาหลายปีที่ฉันพยายามอย่างหนักที่จะ “เปลี่ยนแปลง” เธอ แต่สิ่งที่เธอต้องการกลับเป็นแค่พระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่เรียบง่ายและทรงพลัง

ฉันรู้สึกขอบคุณศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตผู้ให้คำแนะนำในเวลาที่เหมาะสมแก่เราเสมอ หากเราปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอน พรที่ยิ่งใหญ่จะตามมา ประสบการณ์นี้แสดงให้ฉันเห็นว่าพระเจ้าทรงต้องการอวยพรเรามากเพียงใด ทั้งหมดที่ฉันทำคืออ่านพระคัมภีร์มอรมอนให้คุณแม่ฟังสองสามบทเท่านั้น จากนั้นพระเจ้าทรงจัดการเรื่องที่เหลือต่อ!