2019
การรับมือกับสื่อลามก: คุ้มครอง ตอบสนอง และเยียวยา
ตุลาคม 2019


การรับมือกับสื่อลามก: คุ้มครอง ตอบสนอง และเยียวยา

จากคำปราศรัยหลักที่การประชุมใหญ่ Utah Coalition Against Pornography ปี 2018 ในซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์

การประยุกต์ใช้ความรักสามวิธีนี้สามารถช่วยบุตรธิดาของเราเผชิญกับสื่อลามกที่พวกเขาอาจพบเจอ

ภาพ
mother and daughter hugging

ภาพถ่ายจาก Getty Images ใช้เป็นภาพประกอบ ใช้ผู้แสดงแบบ

ดิฉันรับรู้อย่างเจ็บปวดว่าสื่อลามกมีอิทธิพลแม้แต่กับคนอายุน้อยที่สุดในสังคมของเรา—เด็กๆ ของเรา สื่อลามกซึ่งเป็นโรคที่กำลังระบาดหนักสามารถก่อให้เกิดความอับอาย การหลอกลวง ความรู้สึกผิดเพี้ยน สูญเสียการควบคุมตนเอง เสพติดจนต้านไม่อยู่ ผลาญเวลา ความคิด และพลังงานไปจนหมด จำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคน—บิดามารดา ครอบครัว ครู ผู้นำ—ต้องมองจริงๆ เห็นความสำคัญ และคุ้มครองเด็กตลอดจนเยาวชนของเรา

ความรักเป็นหนึ่งในของประทานที่สำคัญที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า การรักพระผู้เป็นเจ้าและการรักเพื่อนบ้านเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญที่สุดสองข้อที่พระเยซูคริสต์ประทานแก่เราด้วยพระองค์เอง ดิฉันเชื่อว่าความรักเป็นอาวุธสำคัญที่สุดของเราในการต่อกรกับสื่อลามก

มีสำนวนที่พูดกันติดปากว่า “สื่อลามกฆ่าความรัก” แต่ขอให้เราจำไว้เช่นกันว่าความรักฆ่าสื่อลามก นั่นไม่ได้หมายความว่าความรักที่เรามีต่อคนบางคนสามารถเปลี่ยนการเสพติดหรือแม้กระทั่งพฤติกรรมของพวกเขาได้ แต่ความรักสามารถผลักดันเรา—วิธีที่เราเตรียม วิธีที่เราตอบสนอง วิธีที่เราฟัง—โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุตรธิดาของเรา ถ้าเราหวังจะกำจัดโรคระบาดนี้ให้สิ้นซาก ความรักต้องเป็นทั้งแนวหน้าและรากฐานของความพยายามทั้งหมดของเรา

ดิฉันขอแนะนำการประยุกต์ใช้ความรักสามวิธีที่หวังว่าเราจะมุ่งเน้น น้อมรับ และนำมาใช้ การประยุกต์ใช้สามวิธีนี้ผูกกับการเผชิญสื่อลามกสามระยะที่บุตรธิดาของเราอาจพบเจอ

หนึ่ง เราพูด “พ่อ/แม่รักลูกนะ” โดยปกป้องพวกเขาจริงๆ สอง เราพูด “พ่อ/แม่ยังรักลูกเหมือนเดิม” โดยวิธีที่เราตอบสนองเมื่อพวกเขาดูสื่อลามกไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และสาม เราพูด “พ่อ/แม่จะรักลูกตลอดไป” โดยให้การสนับสนุนพวกเขาด้วยความรักขณะพวกเขากำลังเยียวยาถ้าพวกเขาเคยดูสื่อลามกเป็นประจำหรือเสพติด ในแต่ละระยะ ความรักคือกุญแจ

1. ความคุ้มครอง: “พ่อ/แม่รักลูกนะ”

ลองนึกภาพเด็กที่ท่านรักในใจ เมื่อท่านบอกเด็กคนนี้ว่า “พ่อ/แม่รักลูกนะ” นั่นหมายความว่าอย่างไร โดยพื้นฐานแล้ว นั่นหมายความว่าเราให้ความคุ้มครองเพื่อเราจะช่วยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุดและเผชิญความท้าทายของชีวิต ความคุ้มครองส่วนหนึ่งคือการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ไว้ใจได้ และคงเส้นคงวา ความสัมพันธ์แบบนี้ช่วยดึงบุตรธิดาเข้ามาใกล้เรา เมื่อเราสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นแห่งความไว้วางใจและคุ้มครองบุตรหลานของเรา—หรือเด็กคนใดก็ตาม—เราให้ที่พึ่งพิงที่ปลอดภัยกับพวกเขา ความคุ้มครองนี้ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาเป็นใครและช่วยให้พวกเขาเข้าใจความสัมพันธ์ของตนกับพระผู้เป็นเจ้า การรู้สึกว่าตนมีค่าและมีคนรักช่วยให้เด็กแลเห็นและพึ่งพาพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงห่วงใย ผู้ประทานคำแนะนำเพื่อความสุขของพวกเขา

ดิฉันเป็นห่วงที่บิดามารดาจำนวนมากยังไม่ตระหนักว่าสื่อลามกอันตรายเพียงใดหรืออาจคิดว่านี่เป็นแค่ปัญหาของเด็กชายข้างบ้าน ความเป็นจริงคือปัญหานี้กำลังส่งผลต่อเด็กชายและเด็กหญิงของเรา และเราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้มากพอ

หลายปีก่อน ดิฉันกับสามีได้ยินเรื่องที่มีความหมายที่เราเล่าให้บุตรธิดาของเราฟังซ้ำบ่อยๆ เรื่องมีอยู่ว่างูหางกระดิ่งแก่ๆ ตัวหนึ่งขอให้เด็กชายที่เดินผ่านมาพามันขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อดูดวงอาทิตย์ตกดินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย เด็กชายลังเล แต่งูหางกระดิ่งสัญญาว่าจะไม่กัดเขาถ้าเขาพาขึ้นไป เด็กชายยอมพางูขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อดูดวงอาทิตย์ตกดินด้วยกัน

หลังจากพางูกลับลงมาถึงเชิงเขา เด็กชายเตรียมอาหารให้ตนเองและที่นอนตอนกลางคืน ตอนเช้า งูขอร้องว่า “เด็กน้อยพาฉันกลับบ้านหน่อยได้ไหม ตอนนี้ได้เวลาที่ฉันต้องจากโลกนี้แล้ว และฉันอยากกลับไปบ้านของฉัน” เด็กน้อยรู้สึกปลอดภัยและงูเคยรักษาคำพูด เขาจึงตัดสินใจพางูกลับบ้านตามคำขอ

เขาจับงูขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ใส่ไว้ในอกเสื้อ และพางูกลับไปตายที่บ้านในทะเลทราย แต่ก่อนจะวางงูลง งูหันมากัดหน้าอกของเขา เด็กน้อยร้องไห้และโยนงูลงบนพื้น “เจ้างู ทำไมเจ้าทำแบบนี้ ฉันจะตายแน่นอน!” งูหางกระดิ่งเงยหน้ามองเขาพลางแยกเขี้ยว “เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นอะไรเมื่อเธอจับฉันขึ้นมา”

ในโลกทุกวันนี้ ดิฉันเห็นบิดามารดาจำนวนมากกำลังยื่นงูให้บุตรธิดาของตนเอง ดิฉันกำลังพูดถึงสมาร์ทโฟน เราไม่สามารถวางโทรศัพท์มือถือที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตไว้ในมือบุตรธิดาที่อายุยังไม่มากพอจะรับการสอนมาอย่างเพียงพอ ยังไม่มีความสามารถที่จำเป็นต่อการตัดสินใจและการใช้เหตุผล ไม่มีบิดามารดาคอยควบคุมและไม่มีเครื่องมืออื่นช่วยคุ้มครองพวกเขา เจสัน เอส. แคร์รอลล์ อาจารย์สอนวิชาชีวิตครอบครัวที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์กล่าวว่า “เราคุ้มกันบุตรธิดาจนถึงเวลาที่พวกเขาสามารถคุ้มกันตนเอง” ก้านสมองซึ่งเป็นศูนย์ความพอใจของสมองจะพัฒนาก่อน ความสามารถในการตัดสินใจและการใช้เหตุผลในสมองกลีบหน้าจะพัฒนาเต็มที่ในภายหลัง “ด้วยเหตุนี้เด็กจึงมีคันเร่งแต่ไม่มีเบรค”1

โทรศัพท์ทุกเครื่องควรมีเครื่องคุ้มกัน แม้แต่ของวัยรุ่น นี่เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับผู้ใหญ่เช่นกัน ไม่มีใครมีภูมิต้านทานการกัดของงูพิษ บิดามารดาบางคนเลือกให้บุตรธิดาใช้โทรศัพท์แบบฝาพับเพื่อจำกัดการโทรและการส่งข้อความ

นอกจากสมาร์ทโฟนแล้วยังมีเครื่องอื่นอีกนับไม่ถ้วนที่สามารถเข้าถึงสื่อไม่พึงประสงค์ผ่านอินเทอร์เน็ต การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า 79 เปอร์เซ็นต์ของการเห็นสื่อลามกเกิดขึ้นในบ้าน2 เด็กสามารถเห็นบนแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน เครื่องเล่นเกม เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา และสมาร์ททีวี เป็นต้น ดิฉันรู้ว่าหลายครอบครัวกำหนดพื้นที่พลุกพล่านในบ้านให้เป็นที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ครอบครัวเหล่านี้เรียกพื้นที่นั้นว่า “ห้องสื่อ” และเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดของพวกเขาไว้ในบริเวณที่ทุกคนมองเห็นและสว่าง ไม่ให้ใครใช้อุปกรณ์สื่ออยู่ในห้องคนเดียว

ครอบครัวอื่นเลือกตั้งกฎเช่นไม่ให้ใช้โทรศัพท์ในห้องนอนหรือห้องน้ำ บางครอบครัวพูดเพียงว่า “อย่าอยู่กับโทรศัพท์คนเดียว” อีกหลายครอบครัวค่อยๆ เพิ่มการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่บุตรธิดาสามารถใช้กับซอฟต์แวร์เพื่อให้บิดามารดาตั้งค่าการใช้โทรศัพท์ของบุตรธิดาได้ นี่เป็นวิธีที่พวกเขาสอนบุตรธิดาว่าต้องทำตัวให้ไว้ใจได้และความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์เป็นเรื่องสำคัญ

ไม่ว่าแต่ละครอบครัวจะใช้วิธีใด จงสอนสมาชิกครอบครัวแต่ละคนให้ใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาดและสร้างสรรค์ตั้งแต่ต้น—พัฒนากรอบความคิดทางศีลธรรม จงให้ความรู้แก่บุตรธิดาอย่างสร้างสรรค์ในเรื่องการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เราสามารถสอนให้พวกเขาประเมินตนเองโดยถามว่า “การใช้นี้จะเกิดประโยชน์หรือไม่” การเลือกวิธีสอนครอบครัวเราตอนนี้จะส่งผลต่อคนหลายรุ่นในอนาคต

ในฐานะบิดามารดา ดิฉันหวังว่าเราจะพิจารณาความสำคัญของความสัมพันธ์ของเรากับบุตรธิดาและสิ่งที่เราพยายามทำอยู่เพื่อคุ้มครองพวกเขา เมื่อเรากระชับความสัมพันธ์อันเปี่ยมด้วยความรักเหล่านี้ บุตรธิดาจะเข้าใจดีขึ้นว่าเหตุใดพระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนให้ระวังความชั่วร้ายของสื่อลามก พวกเขาจะรับรู้วิธีหลีกเลี่ยง และพวกเขาจะพร้อมถ้าเผชิญกับสื่อลามก

ภาพ
father talking with his son

ภาพถ่ายจาก Getty Images ใช้เป็นภาพประกอบ ใช้ผู้แสดงแบบ

2. การตอบสนอง: “พ่อ/แม่ยังรักลูกเหมือนเดิม”

ไม่ง่ายที่จะสร้างการสนทนาที่เป็นมิตร เปิดกว้าง และเชิญชวนเพื่อกระตุ้นให้บุตรธิดาแบ่งปันความคิด ประสบการณ์ และคำถามกับบิดามารดาของพวกเขา เราสามารถเชิญชวนบุตรธิดาทุกวัยให้มาคุยกับเราถ้าหรือเมื่อพวกเขามีปัญหาสื่อลามกระดับใดก็ตาม—ตั้งแต่การเห็นโดยไม่ตั้งใจแต่แรกไปจนถึงการใช้เป็นครั้งคราว ตั้งใจใช้ หรือใช้เป็นประจำ การสนทนาแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่า และบุตรธิดาจะมาคุยกับเราง่ายขึ้นเมื่อพวกเขารู้ว่าเรารักพวกเขาและไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาพูดหรือทำสามารถเปลี่ยนความรักนั้นได้

อย่างไรก็ตาม น้อยครั้งมากที่บุตรธิดาจะมาคุยกับบิดามารดาด้วยความสมัครใจ ปกติจะพูดคุยเมื่อบิดามารดาที่ช่างสังเกตถามบุตรธิดาว่า “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” หรือ “ดูเหมือนลูกเปลี่ยนไปนะ” ยิ่งบุตรธิดารู้สึกถึงความรักมากเพียงใด เขาจะยิ่งเปิดใจง่ายขึ้นเพียงนั้น

ความเชื่อมั่นในรักเช่นนี้เกิดขึ้นในใจพวกเขาจากประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปัญหาเล็กๆ ที่พูดคุยกันด้วยความรักจะสร้างรากฐานของการตอบสนองด้วยดีเผื่อว่าเมื่อเกิดปัญหาใหญ่การสื่อสารจะยังเปิดเผยตรงไปตรงมา สำคัญที่สุดคือบุตรธิดาต้องรู้ว่าการตอบสนองของท่านจะเป็น “พ่อ/แม่ยังรักลูกเหมือนเดิม พ่อ/แม่ไม่หยุดรักลูกเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น พ่อ/แม่รักลูกเสมอ”

เหตุใดเราจึงพูดกับเยาวชนและเด็กไม่มากนักเกี่ยวกับแรงกระตุ้นที่รุนแรงที่สุดและการล่อลวงใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่พวกเขาจะพบเจอ ความที่เราไม่ยอมพูดพวกเขาจึงเรียนรู้จากอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ เรียนรู้จากเด็กหรือวัยรุ่นคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งสื่อยอดนิยม พวกเราบางคนอาจลังเลไม่กล้าใช้แม้กระทั่งคำว่า สื่อลามก กับบุตรธิดาด้วยซ้ำเพื่อพยายามปกป้องความไร้เดียงสาของพวกเขา รู้สึกอึดอัดใจมาก อาจเป็นเพราะบิดามารดาของเราไม่เคยคุยเรื่องนั้นกับเราอย่างเปิดเผย จะเป็นอย่างไรถ้าการสนทนาของเราปลุกเร้าความอยากรู้อยากเห็น จะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาอยากรู้มากขึ้น เราจะคาดหวังให้บุตรธิดาพูดเรื่องสื่อลามกกับเราได้อย่างไรถ้าเราไม่เคยคุยกับพวกเขาเรื่องนี้

บิดามารดาทั้งหลาย เราต้องเริ่มการสนทนาและไม่รอให้บุตรธิดามาหาเรา ดิฉันชอบข้อเสนอให้มีการสนทนาแบบสบายๆ บ่อยๆ เป็นประจำแทนที่จะสนทนาแค่ครั้งเดียว ประโยชน์ของการสนทนาที่ห่วงใยคือบิดามารดาและผู้นำที่ไว้ใจได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่กูเกิล การพูดคุยสามารถเกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และการพูดคุยเพิ่มความไว้วางใจของบุตรธิดา เราต้องการให้บุตรธิดารู้สึกพร้อมและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่กลัว เราต้องการพูดคุยกับพวกเขาไม่ใช่พูดกระทบพวกเขา

ในฐานะบิดามารดาและครู เราไม่สามารถช่วยบุตรธิดาได้ถ้าเราไม่ศึกษาหาความรู้ เราจำเป็นต้องสอนว่า อะไร และ เหตุใด เราสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและช่วยให้บุตรธิดาเข้าใจว่าเหตุใดสื่อลามกจึงผิด เหตุใดสื่อลามกจึงอันตราย เหตุใดเราจึงไม่ต้องการให้สื่อลามกทำร้ายพวกเขา และต้องทำอะไรถ้าพวกเขาเห็นสื่อลามก

เรากำลังให้ เหตุใด กับบุตรธิดาของเรามากพอและเหมาะกับวัยหรือไม่ ถ้าเหตุผลเพียงข้อเดียวที่เราให้พวกเขาหลีกเลี่ยงสื่อลามกคือ “มันไม่ดี” นั่นอาจกลายเป็นเหตุผลที่ไม่ดีพอ เราต้องนำเสนอเหตุใดให้มากเท่าที่จะมากได้เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่จูงใจเยาวชน

มีเหตุผลมากมายให้หลีกเลี่ยงสื่อลามก แต่แรงจูงใจบางประการต่อไปนี้จากองค์กร Fight the New Drug อาจดึงดูดความสนใจจากเยาวชนของเรา

  • สื่อลามกสามารถเปลี่ยนวิธีทำงานของสมอง และงานวิจัยแสดงให้เห็นว่ามันสามารถทำให้สมองของท่านเล็กลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง

  • สื่อลามกเป็นสิ่งเสพติด

  • สื่อลามกจะทำลายความเชื่อมั่นของตัวท่าน

  • สื่อลามกสามารถทิ้งท่านให้เหงา

  • สื่อลามกสามารถทำร้ายคนที่ท่านรัก

  • สื่อลามกสามารถทำลายสุขภาวะทางเพศ

  • สื่อลามกเชื่อมโยงกับความรุนแรง

  • สื่อลามกเป็นเหตุให้คนเราไม่ซื่อสัตย์ในท้ายที่สุด

  • สื่อลามกจะช่วงชิงเวลาและพลังงานของท่าน

  • สื่อลามกเป็นเหตุให้เกิดภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความอับอาย

ดิฉันจะเพิ่มว่าสื่อลามกขัดกับพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุผลเหล่านี้และอีกมากมาย เราจึงตีกรอบปิดกั้นสื่อลามก แต่ความรู้ที่ไม่นำไปปฏิบัติย่อมทำให้เกิดความคับข้องใจ เราต้องกำหนดขอบเขต ขีดจำกัด และความคาดหวังที่สมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์ เราจำเป็นต้องช่วยบุตรธิดาสร้างการใช้เหตุผลในตนเองถ้าต้องการอยู่ห่างจากสื่อลามก ถ้าบุตรธิดาไม่ตัดสินใจว่าจะยืนอยู่จุดใดบนปัญหานี้ เขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสถิติที่น่าตกใจในปัจจุบัน

3. การเยียวยา: “พ่อ/แม่จะรักลูกตลอดไป”

เมื่อบุตรธิดาเห็นสื่อลามกและติดกับของมัน พวกเขาจะพยายามตอบโต้ ฟื้นตัว และเยียวยา เราจำเป็นต้องให้การสนับสนุนที่จริงใจ จริงจัง สม่ำเสมอ หนักแน่น และอดทนขณะบุตรธิดารับผิดชอบต่อการฟื้นตัวของตนและดำเนินชีวิตต่อไป ไม่มีใครสามารถให้การสนับสนุนแบบนี้ได้เท่ากับบิดามารดา หลังจากเราสอนความจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นส่วนตัวแล้ว หลังจากเราค่อยๆ สร้างความไว้วางใจและส่งเสริมการสนทนาแล้ว บุตรธิดาต้องรู้ว่าทั้งๆ ที่เป็นความผิดพลาดและการเลือกของพวกเขา แต่เรารับรองว่า “พ่อ/แม่จะรักลูกตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

ดิฉันนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวเราเมื่อหลายปีก่อน ดิฉันกับสามีไม่อยู่บ้าน และบุตรชายคนโตดูแลน้องๆ เราได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านที่ห่วงใยแจ้งว่ารถดับเพลิงอยู่ที่บ้านของเรา เรารีบกลับบ้านและทราบว่าลูกชายวัย 10 ขวบเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านใกล้ๆ ทุ่งหญ้าสูงและแห้งกว้างหกเอเคอร์ เขากำลังพยายามดูว่าจะจุดไฟเผาหญ้าได้ไหม

เขาจุดไฟ! ขณะที่เราไปถึง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงดับไฟที่ไหม้เล็กน้อยแล้ว พวกเขาสั่งสอนลูกชายของเรา และเพื่อนบ้านเริ่มสลายตัว ลูกชายของเราอับอาย ตกใจกลัว ร้องไห้ และรู้ว่าเขาเดือดร้อนแน่

เราทุกคนเข้าไปในบ้าน ลูกชายของเรากลัวมากจนเราทุกคนต้องโอบเด็กชายที่น่ารักคนนี้ไว้ในอ้อมแขนทั้งๆ สถานการณ์ร้ายแรง เราทำให้เขามั่นใจว่าเรารักเขาและเราโล่งใจที่เขาไม่บาดเจ็บ

เมื่อบุตรธิดาเห็นสื่อลามกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาติดสื่อลามก พวกเขาจะอับอาย ตกใจกลัว และร้องไห้ด้วย การนำสิ่งที่อยู่ในความมืดออกมาในที่แจ้งเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องน่าอับอายและถูกตำหนิได้ง่าย พวกเขาอาจมีความล้มเหลวและความท้าทายระหว่างทางขณะฟื้นตัวและเยียวยา สำคัญมากที่พวกเขาต้องได้ความรักสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี บิดามารดาต้องตระหนักว่าความรักของพวกเขาจะช่วยเสมอแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่บุตรธิดาต้องการ

ในการเยียวยา ท่านจะต้องใช้ความรักบางส่วนที่ท่านมีต่อบุตรธิดาเปิดช่องให้พวกเขาไปหาแหล่งช่วยที่ถูกต้อง ความรักของท่านเป็นรากฐานสำหรับสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ถ้าคนที่ท่านรักติดกับสื่อลามก ท่านอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพที่สามารถช่วยเหลือคนที่ท่านรักและช่วยเหลือท่านด้วย 

เมื่อท่านและคนที่ท่านรักแสวงหาการเยียวยา ดิฉันหวังว่าท่านจะพบพลังในพระองค์ผู้ทรงมีเดชานุภาพเยียวยาบาดแผลทั้งหมด ผูกเราไว้ด้วยกัน และสร้างความสัมพันธ์เกินกว่าเราจะสามารถจินตนาการได้ในปัจจุบัน พระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระผู้ทรงเยียวยาผู้อ่อนโยน ทรงมีเดชานุภาพที่จะช่วยให้รอด เราสามารถเป็นบิดามารดาของบุตรธิดาและชี้ทางให้พวกเขาไปหาพระองค์ แต่พระองค์เท่านั้นสามารถเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาได้ และสิ่งอัศจรรย์คือพระองค์ทรงรักบุตรธิดาของเราอย่างสมบูรณ์แม้มากกว่าที่เรารัก—ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ภาพ
Jesus with children

ส่วนหนึ่งจากภาพ จงยอมให้เด็กเล็กๆ มาหาเรา โดย คาร์ล ไฮน์ริค บลอค

อ้างอิง

  1. เจสัน เอส. แคร์รอลล์ ใน Lisa Ann Thomson, “Eight Strategies to Help Children Reject Pornography,” เลียโฮนา, ส.ค. 2017, 19.

  2. “The Facts about Online Threats,” Parents Television Council Watchdog (blog), 21 มิถุนายน 2017, 2.parentstv.org/blog..