ดิจิทัลเท่านั้น: จงตามเรามา
อย่ากลัวเลยที่จะทำดี
เสียงของโลกอาจบิดเบือนความจริง แต่เราสามารถพึ่งพาพระเจ้าสําหรับความมั่นใจที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อแบ่งปันพระคุณความดีของพระองค์
จินตนาการว่าท่านกําลังถือรูปภาพดอกไม้ที่น่าชมและมีสีสันสวยงาม ท่านนำรูปนี้ไปให้เพื่อนดูเพราะคิดว่าพวกเขาจะชอบความสวยงามของมัน
แต่ท่านกลับต้องแปลกใจที่เพื่อนขมวดคิ้วและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ภาพดอกไม้จริง! เธอกำลังมโน” พวกเขาฉีกภาพนั้นเป็นชิ้นๆ แล้วโปรยขึ้นไปในอากาศแล้วเดินจากไปอย่างไม่พอใจ
เข้าใจได้ว่าท่านเจ็บปวด ท่านตัดสินใจว่าจะไม่มีวันแสดงภาพโปรดนั้นให้ใครดูอีกแล้ว ท่านไม่ต้องการเจอกับปฏิกิริยาแบบนั้นอีก
ฟังดูน่าหัวเราะไปหน่อยใช่ไหม? เหตุใดประสบการณ์ที่ไม่ดีครั้งเดียวจึงขัดขวางไม่ให้ท่านพยายามอีกครั้ง?
มีหลายเสียงในโลกที่จะบอกท่านว่าสิ่งที่ดีและจริงนั้นผิดหรือไม่ดี เพราะเหตุนี้ บางครั้งเราจึงรู้สึกลังเล ประหม่า หรือแม้แต่วิตกกังวลที่จะทําดีด้วยการแบ่งปันความจริงพระกิตติคุณ แม้ว่าเราจะมีความปรารถนาก็ตาม เราคิดว่า “แล้วถ้าพวกเขาปฏิเสธฉันล่ะ?” หรือ “ฉันไม่อยากรบกวน” เราโน้มน้าวตนเองว่าเรากําลังช่วยคนบางคนมากขึ้นโดย ไม่ แบ่งปันความดี
แต่ความจริงคือความดีจะดีเสมอ แม้ว่าเพื่อนจะฉีกรูปภาพของท่านและบอกว่าดอกไม้นั้นไม่จริง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นภาพของดอกไม้ที่สวยงาม ท่านยังคงเตือนตนเองได้ว่าท่านรู้ความจริง
พระเจ้าทรงรับรู้ความกลัวของเรา
แม้บางคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยโกรธหรือขุ่นเคืองเมื่อท่านแบ่งปันความจริงพระกิตติคุณ แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งที่ท่านแบ่งปันเป็นความจริงหรือดี อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลทางสังคม ความวิตกกังวลทั่วไป หรือความท้าทายด้านสุขภาพจิตอื่นๆ อาจทําให้ยากที่จะรู้สึกมั่นใจในการพูดออกมาและทําดี และแม้ท่านจะไม่มีปัญหาเหล่านั้น แต่ก็ยังยากที่จะเอาชนะความกลัวว่าจะถูกตัดสินหรืออับอาย
เมื่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้รับการฟื้นฟู สิ่งแรกที่พระเจ้าทรงบัญชาท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธให้ทําคือ เผยแผ่พระคํา—ส่งผู้สอนศาสนาออกไป เนื่องจากมีศาสนจักรหลายแห่งที่ต่างก็อ้างว่ามีความจริง สมาชิกของศาสนจักรที่เพิ่งได้รับการฟื้นฟูใหม่จึงถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมและเกลียดชังเพราะความเชื่อที่ต่างกัน
พระเจ้าทรงทราบว่าผู้สอนศาสนาที่เพิ่งได้รับเรียกของพระองค์รู้สึกกลัวแบบใด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขาเองเป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสใหม่!) พระองค์ทรงปลอบโยนพวกเขาโดยตรัสว่า “หากพวกเขาปฏิเสธถ้อยคําของเรา, และกิตติคุณและการปฏิบัติศาสนกิจส่วนนี้ของเรา, เจ้าย่อมเป็นสุข, เพราะพวกเขาจะทำกับเจ้าไม่ได้มากกว่าที่ทำกับเรา” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 6:29)
แต่นั่นหมายถึงอะไร?
สิ่งที่พระองค์ทรงสัญญากับเรา
“พวกเขาจะทำกับเจ้าไม่ได้มากกว่าที่ทำกับเรา” พระเยซูคริสต์ทรงพลานุภาพ! ทรงพลานุภาพเหนือกว่าซาตาน ผู้เป็นปฏิปักษ์ ถึงแม้การทนทุกข์กับความเจ็บปวดทั้งหมดของโลกเป็นสิ่งจําเป็นต่อการทําให้การชดใช้เกิดสัมฤทธิผล แต่พระองค์ยังทรงเอาชนะได้ทั้งหมด พระองค์ทรงช่วยให้เราเอาชนะแม้ความเจ็บปวดที่เกิดจากความคิดเห็น คําพูด และการกระทําของผู้อื่นได้เช่นกัน
“เจ้าเป็นสุข” ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไรเมื่อเราแบ่งปันพระกิตติคุณหรือ “ทําดี” พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานพรเรา และพรที่พระองค์ทรงมอบให้มีค่ายิ่งกว่าความคิดเห็นของผู้อื่น
ดังนั้น แก่นแท้ของเรื่องนีก็คือ พระเจ้าทรงสัญญาว่าเมื่อแบ่งปันความดี เราจะได้รับพร และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะทําหรือพูดอะไร เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเรา!
พระเจ้าตรัสกับโจเซฟ สมิธ (และกับเรา) ว่า “อย่ากลัวเลยที่จะทําดี … ; … หากเจ้าหว่านความดี เจ้าก็จะเก็บเกี่ยวความดีเป็นรางวัลของเจ้า” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 6:33) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเรานําความดีออกไปสู่โลก—ไม่ว่าโดยการแบ่งปันพระกิตติคุณ การรับใช้ หรือแค่พยายามเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น—เราจะรู้สึกและได้รับความดีมากขึ้นในชีวิตเรา ทั้งหมดที่เราต้องทําคือจดจ่ออยู่กับพระเยซูคริสต์และพึ่งพาพระองค์เพื่อความเข้มแข็ง “หากเจ้าสร้างขึ้นบนศิลาของเรา, พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้” (หลักคําสอนและพันธสัญญา 6:34)