คู่มือและการเรียก
21: การปฏิบัติศาสนกิจ


“21. การปฏิบัติศาสนกิจ” คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (2020)

“21. การปฏิบัติศาสนกิจ” คู่มือทั่วไป

ภาพ
ผู้ชายยกก้อนหิน

21.

การปฏิบัติศาสนกิจ

21.0

บทนำ

การปฏิบัติศาสนกิจหมายถึงการรับใช้ผู้อื่นดังที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับใช้ (ดู มัทธิว 20:26–28) พระองค์ทรงรัก ทรงสอน ทรงสวดอ้อนวอนให้ ทรงปลอบโยน และทรงอวยพรคนรอบข้าง (ดู กิจการของอัครทูต 10:38) ในฐานะสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ เราหมายมั่นปฏิบัติศาสนกิจต่อบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า

พระเจ้าทรงต้องการให้สมาชิกทุกคนของศาสนจักรของพระองค์ได้รับการดูแลเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตจึงได้รับมอบหมายให้เป็นบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจต่อสมาชิกแต่ละครัวเรือน ซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ใหญ่สตรีแต่ละคน งานมอบหมายเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจว่าศาสนจักรจดจำและดูแลสมาชิก (ดู โมโรไน 6:4)

การปฏิบัติศาสนกิจเป็นวิธีสำคัญที่เรารักษาพระบัญญัติให้รักพระผู้เป็นเจ้าและรักเพื่อนบ้านของเรา (ดู มัทธิว 22:36–40) อีกทั้งเป็นวิธีสำคัญยิ่งเช่นกันที่จะช่วยทำงานแห่งความรอดและความสูงส่งให้สำเร็จ

ฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์และฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์ช่วยให้บราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจเรียนรู้วิธีปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น ทั้งยังให้แรงบันดาลใจ การนำทาง และการสนับสนุนด้วย พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้ในการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ (ดู 21.3) ในการประชุมวันอาทิตย์ และในการสนทนาส่วนตัว พวกเขาแสวงหาการดลใจจากพระคัมภีร์ บทนี้ และ ministering.ChurchofJesusChrist.org.

21.1

หน้าที่รับผิดชอบของซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ

ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจเป็นตัวแทนของพระเจ้า พวกเขาช่วยให้สมาชิกรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนของอธิการและผู้นำสมาคมสงเคราะห์หรือผู้นำโควรัมเช่นกัน พวกเขาจะ “ดูแล” สมาชิกศาสนจักรและ “อยู่กับพวกเขาและทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:53)

ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจมีหน้าที่รับผิดชอบต่อบุคคลและครอบครัวที่มอบหมายให้พวกเขาดูแลดังนี้:

  • ช่วยคนเหล่านั้นเสริมสร้างศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

  • ช่วยคนเหล่านั้นเตรียมทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์กับพระผู้เป็นเจ้าเมื่อพวกเขารับศาสนพิธี ช่วยบิดามารดาเมื่อจำเป็นเพื่อเตรียมบุตรธิดาให้พร้อมรับศาสนพิธีและรักษาพันธสัญญา

  • เล็งเห็นความต้องการและให้ความรัก ความเอาใจใส่ และการรับใช้เหมือนพระคริสต์ ให้ความช่วยเหลือและการปลอบประโลมในยามที่มีความต้องการทางโลกหรือทางวิญญาณ พูดถึงความต้องการในระหว่างการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจและเวลาอื่น

  • ช่วยให้คนเหล่านั้นพึ่งพาตนเองทางวิญญาณและทางโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบของซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจใน ยากอบ 1:27, โมไซยาห์ 23:18 และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:47, 59

ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจแสวงหาการนำทางของพระวิญญาณร่วมกับการสวดอ้อนวอน พวกเขาปรึกษากับคนที่พวกเขารับใช้ด้วยเพื่อเข้าใจว่าจะช่วยคนเหล่านั้นตามความต้องการของพวกเขาให้ดีที่สุดได้อย่างไร

ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจปรับความพยายามของตนให้เหมาะกับความต้องการและสภาวการณ์ของคนที่พวกเขารับใช้ ส่งเสริมให้ไปเยี่ยมเป็นส่วนตัวโดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความปลอดภัย ระยะทาง และความเหมาะสมทางวัฒนธรรม ซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจสามารถติดต่อในวิธีอื่นได้เช่นกัน อาทิ โทรศัพท์ วิดีโอคอล ข้อความ อีเมล จดหมาย โซเชียลมีเดีย ติดต่อที่โบสถ์ และทำการรับใช้

อาจมีความต้องการที่บราเดอร์หรือซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจไม่สามารถช่วยเหลือตามลำพังได้ ในกรณีเช่นนี้ พวกเขาปรึกษากับสมาชิกในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์หรือฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์

21.2

การจัดระเบียบการปฏิบัติศาสนกิจ

พระผู้ช่วยให้รอดประทานงานมอบหมายที่มีความหมายแก่สาวกของพระองค์ (ดู ลูกา 10:1–17; ดู 4.2.6 ในคู่มือนี้ด้วย) ตามแบบแผนนี้เราได้รับงานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจต่อบุคคลและครอบครัวที่กำหนด วิธีปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นระเบียบช่วยเปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลรู้สึกถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอด

21.2.1

การมอบหมาย

ฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์และฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์พิจารณางานมอบหมายให้บราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับการสวดอ้อนวอน พวกเขาคำนึงถึงความเข้มแข็งและความต้องการของสมาชิก อีกทั้งพิจารณาความต้องการของเด็กในครอบครัวเช่นกัน ปกติพวกเขาจะมอบหมายให้บราเดอร์สองคนหรือซิสเตอร์สองคนเป็นคู่ปฏิบัติศาสนกิจ พวกเขาขอให้อธิการอนุมัติคู่และการมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจ

เมื่อทำการตัดสินใจเหล่านี้ ผู้นำพิจารณาดังนี้:

  • บราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่อุทิศตนควรได้รับมอบหมายให้ดูแลสมาชิกผู้มีความต้องการเร่งด่วนที่สุด อาจรวมถึงสมาชิกใหม่ บิดาหรือมารดาตัวคนเดียว แม่ม่าย พ่อม่าย และสมาชิกแข็งขันน้อย

  • เยาวชนอาจรับใช้เป็นคู่กับผู้ใหญ่ตามแนวทางใน 21.2.2

  • คู่สมรสอาจได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจต่อบุคคลหรือครอบครัวด้วยกัน

  • ฝ่ายประธานสเตคและฝ่ายอธิการดูแลสมาชิกทุกคนในสเตคหรือวอร์ด เพราะเหตุนี้โดยทั่วไปจะไม่มอบหมายให้พวกเขาเป็นบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ ประธานสเตคตัดสินใจว่าจะมอบหมายงานปฏิบัติศาสนกิจให้สมาชิกสภาสูงและผู้ประสาทพรที่ยังปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

หลังจากอธิการอนุมัติแล้ว สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ให้งานมอบหมายแก่บราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ รวมทั้งเยาวชนชาย สมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์ให้งานมอบหมายแก่ซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ รวมทั้งเยาวชนหญิง

ผู้นำเหล่านี้ปรึกษากับบราเดอร์หรือซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจเกี่ยวกับความเข้มแข็ง ความต้องการ และความท้าทายของคนที่พวกเขาจะปฏิบัติศาสนกิจ ผู้นำส่งเสริมให้บราเดอร์หรือซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจเข้าใจความต้องการของคนที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดูแล แล้วแสวงหาการดลใจว่าจะรับใช้ให้ดีที่สุดอย่างไร

บราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจไม่ต้องได้รับการเรียก การสนับสนุน หรือการวางมือมอบหน้าที่ การรับใช้ของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาที่พวกเขาทำไว้เมื่อบัพติศมา (ดู โมไซยาห์ 18:8–11)

21.2.2

การมอบหมายงานปฏิบัติศาสนกิจให้เยาวชน

เยาวชนปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่นโดยรับใช้คนเหล่านั้นในวิธีเหมือนพระคริสต์ก่อนได้รับงานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยซ้ำ การรับใช้เป็นซิสเตอร์หรือบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจของเยาวชนสามารถเป็นส่วนสำคัญของการทำงานแห่งความรอดและความสูงส่งให้สำเร็จ

เยาวชนหญิงอาจรับใช้เป็นคู่ปฏิบัติศาสนกิจกับพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์เมื่อเยาวชนหญิงเต็มใจและสามารถทำได้ เธออาจเริ่มรับใช้ในปีที่อายุครบ 14 ปี ฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์ปรึกษากับเยาวชนหญิง บิดามารดาของเธอ และฝ่ายประธานเยาวชนหญิงขณะพิจารณางานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจ

การที่พี่น้องสตรีมีเยาวชนหญิงมาปฏิบัติศาสนกิจมักเป็นพรแก่เธอ ทั้งยังเป็นพรแก่เยาวชนหญิงคนนั้นด้วย

เยาวชนชายรับใช้เป็นคู่ปฏิบัติศาสนกิจกับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคเมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งสู่ตำแหน่งผู้สอนหรือปุโรหิต อธิการตัดสินใจว่าเยาวชนชายมีค่าควรและพร้อมรับการแต่งตั้งหรือไม่ (ดู 10.1.3.2) ฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ปรึกษากับเยาวชนชาย บิดามารดาของเขา และฝ่ายอธิการขณะพิจารณางานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจ

ในบางกรณี เยาวชนอาจได้รับมอบหมายให้เป็นคนที่สามของคู่ปฏิบัติศาสนกิจ ผู้นำอาจมอบหมายให้เยาวชนช่วยปฏิบัติศาสนกิจต่อบางคน บางครอบครัวหรือทุกคนและทุกครอบครัวที่คู่นั้นได้รับมอบหมาย

เยาวชนไม่มีบราเดอร์หรือซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพวกเขา พวกเขาได้รับการดูแลปฏิบัติศาสนกิจจากบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจของครอบครัว ฝ่ายประธานชั้นเรียนหรือฝ่ายประธานโควรัมของพวกเขาและผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ปฏิบัติศาสนกิจต่อพวกเขาเช่นกัน หากบิดามารดาของพวกเขาไม่เป็นสมาชิกของศาสนจักรแต่เปิดรับการปฏิบัติศาสนกิจ ฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์อาจมอบหมายบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจให้ครอบครัวนั้น ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์อาจมอบหมายซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจให้มารดา

แนวทางของศาสนจักรซึ่งต้องมีผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้สองคนอยู่กับเยาวชนไม่นำมาใช้กับคู่ปฏิบัติศาสนกิจ แต่ผู้นำพึงใช้ปัญญาและแสวงหาการดลใจเมื่อมอบหมายให้เยาวชนเป็นคู่กับผู้ใหญ่ อีกทั้งขอคำแนะนำจากอธิการด้วย เมื่อมอบหมายให้เยาวชนเป็นคู่กับคนที่ไม่ใช่บิดามารดาของพวกเขา ผู้นำยืนยันว่าบิดามารดาไม่คัดค้านงานมอบหมาย

ผู้ใหญ่ที่เป็นคู่ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้เข้าใจผิด พวกเขาใช้ความระมัดระวังในสถานการณ์สองต่อสอง ช่วยให้เยาวชนมีประสบการณ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่ากับการปฏิบัติศาสนกิจ

ภาพ
เยาวชนกำลังทำสวน

21.2.3

ผู้สอนศาสนาเต็มเวลา

หากประธานคณะเผยแผ่อนุมัติ ผู้สอนศาสนาเต็มเวลาสามารถช่วยเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจได้ ผู้นำวอร์ดสามารถขออนุมัติผ่านประธานสเตค ปกติจะมอบหมายให้ผู้สอนศาสนาเต็มเวลาปฏิบัติศาสนกิจต่อสมาชิกใหม่ ครอบครัวที่มีบางคนเป็นสมาชิก และสมาชิกแข็งขันน้อย

21.3

การสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ

พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีการสัมภาษณ์ที่เรียบง่ายทว่าลึกซึ้งกับเปโตรเกี่ยวกับการดูแลแกะของพระองค์ (ดู ยอห์น 21:15–17) การสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจสามารถเป็นโอกาสคล้ายกัน ทั้งยังให้ผู้นำเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติศาสนกิจด้วย

ประธานโควรัมเอ็ลเดอร์และที่ปรึกษาของเขาสัมภาษณ์บราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ ประธานสมาคมสงเคราะห์และที่ปรึกษาของเธอสัมภาษณ์ซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ คู่สมรสที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยกันสามารถพบกับผู้นำโควรัมเอ็ลเดอร์หรือผู้นำสมาคมสงเคราะห์หรือทั้งสอง

การสัมภาษณ์เหล่านี้จัดอย่างน้อยไตรมาสละครั้ง จะจัดเวลาใดก็ได้ระหว่างไตรมาส ถ้าจะให้ดีควรจัดสัมภาษณ์แบบพบหน้ากันและกับผู้ปฏิบัติศาสนกิจทั้งคู่ ควรสัมภาษณ์เยาวชนที่มีงานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยหากอยู่ในวิสัยที่ทำได้

การสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานก็มีประสิทธิภาพได้ จุดประสงค์ของการสัมภาษณ์คือเพื่อ:

  • ปรึกษาเกี่ยวกับความเข้มแข็ง ความต้องการ และความท้าทายของบุคคลและครอบครัวที่ได้รับมอบหมาย

  • พูดถึงวิธีช่วยบุคคลเตรียมรับศาสนพิธีหากจำเป็น

  • พิจารณาว่าโควรัมเอ็ลเดอร์ สมาคมสงเคราะห์ สภาวอร์ด และคนอื่นๆ จะช่วยได้อย่างไร

  • สอนและให้กำลังใจบราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ

ระหว่างการสัมภาษณ์ บราเดอร์และซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจสื่อสารกับผู้นำตามความจำเป็น พวกเขาจะบอกข้อมูลที่เป็นความลับกับอธิการโดยตรง

ผู้นำใช้ระบบ แหล่งช่วยผู้นำและพนักงาน รายงานการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ

21.4

การประสานงานปฏิบัติศาสนกิจ

สมาคมสงเคราะห์และโควรัมเอ็ลเดอร์ทำงานปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน พวกเขาทำงานนี้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์และฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ประชุมกันอย่างน้อยไตรมาสละครั้ง ทบทวนสิ่งที่พวกเขารับทราบในการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ (ดู 21.3) และประสานงานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วย ประธานทั้งสองรับผิดชอบร่วมกันในการจัดและดำเนินการประชุมดังกล่าว

ในหน่วยที่มีสมาชิกแข็งขันไม่มาก ฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์และฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์อาจตัดสินใจไม่มอบหมายทั้งซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจให้สมาชิกบางคน ผู้นำตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยกันและขออนุมัติจากอธิการ หากพี่น้องสตรีมีซิสเตอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจแต่ไม่มีบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจ ผู้นำพึงแน่ใจว่าเธอมีคนที่จะขอพรฐานะปุโรหิตได้

ประธานสมาคมสงเคราะห์และประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ประชุมกับอธิการอย่างน้อยทุกไตรมาส พวกเขาพูดถึงความต้องการของสมาชิกวอร์ด และพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ในงานมอบหมายให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วย

เมื่อจำเป็นประธานสมาคมสงเคราะห์และประธานโควรัมเอ็ลเดอร์พูดคุยข้อมูลที่ได้จากซิสเตอร์และบราเดอร์ผู้ปฏิบัติศาสนกิจกับสภาวอร์ด ขณะทำเช่นนั้นพวกเขาเคารพคำขอของสมาชิกเรื่องการรักษาความลับ สภาวอร์ดวางแผนภายใต้การกำกับดูแลของอธิการเพื่อรับใช้และเป็นพรแก่สมาชิกวอร์ด สภาเยาวชนวอร์ดพูดคุยเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจด้วย (ดู 29.2.6)