2021
การชนะการโต้เถียง
สิงหาคม 2021


การชนะการโต้เถียง

ดิฉันเรียนรู้ว่าความรักของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียน การมีงานทำ หรือความสามารถในการชนะการโต้เถียง

ภาพ
cell phone screen with angry emoji

ภาพถ่ายจาก Getty Images

วันหนึ่งขณะที่ดิฉันกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมืองทางออนไลน์กันอย่างดุเดือด ความคิดเห็นของดิฉันถูกล้อเลียนเนื่องจากประเภทของการศึกษาที่ดิฉันได้รับในวิทยาลัย

ดิฉันชอบการโต้เถียงที่ดี แต่การพูดโจมตีเรื่องส่วนตัวโดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมและไม่จำเป็น ความคิดเห็นนั้นทำให้ดิฉันเจ็บปวดเพราะดูเหมือนความคิดเห็นดังกล่าวจะทำให้ดิฉันเกิดคำถามถึงคุณค่าในตนเอง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือผู้ที่กล่าวความคิดเห็นนั้นเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

อย่างไรก็ตามหลังจากคิดทบทวนแล้ว ดิฉันเริ่มรู้ว่าดิฉันเองก็ได้แสดงความคิดเห็นที่ไม่ยุติธรรมและไม่จำเป็นเพื่อที่จะชนะการโต้เถียงเหมือนกัน ดิฉันตระหนักว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติในสังคมรอบข้าง

ดิฉันมาเพื่อเรียนรู้ว่าการไม่ตระหนักในศักดิ์ศรีของผู้อื่นอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนจักร ศาสดาพยากรณ์แอลมาสั่งสอนอย่างมีพลังเพื่อต่อต้าน “การริษยา, และการวิวาท, และเจตนาร้าย, และการข่มเหง, และความจองหอง,” ในศาสนจักร (แอลมา 4:9) เขาเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็น “สิ่งกีดขวางอันใหญ่หลวง” ต่อความก้าวหน้าของศาสนจักร (ดู แอลมา 4:10)

การโต้เถียงครั้งนั้นทำให้ดิฉันไตร่ตรองถึงคุณค่าของตนเองในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อศึกษาเพิ่มเติม ดิฉันพบคำพูดของเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ท่านสอนว่าพระบิดาบนสวรรค์ “ทรงรักเราเพราะพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยรักอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีที่สิ้นสุด บริสุทธิ์ และเกินกว่าจะพรรณนา เราสำคัญต่อพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่เพราะเรซูเม่ของเรา แต่เพราะเราเป็นลูกของพระองค์”1

ดิฉันเรียนรู้ว่าความรักของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียน การมีงานทำ หรือความสามารถในการชนะการโต้เถียง พระผู้เป็นเจ้าทรงรักเราอย่างบริสุทธิ์ ไม่มีที่สิ้นสุด และเสรี เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของเราและเราเป็นบุตรธิดาของพระองค์

การรู้สึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าทำให้อารมณ์โกรธของดิฉันมลายหายไป ดิฉันตระหนักว่าแม้การไม่เห็นด้วยกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่การโต้เถียงกันก็ไม่เกิดผลอะไรนอกจากความเจ็บปวดและความเสียหาย

ถ้าพระเยซูคริสต์เต็มพระทัยพลีพระชนม์ชีพของพระองค์ ดิฉันก็รู้ว่าเราสามารถเรียนรู้ที่จะละทิ้งความจองหอง มองข้ามความไร้สาระของโลก และเห็นคุณค่าซึ่งกันและกันเหมือนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ ในสายพระเนตรของพระองค์ วิธีที่เราปฏิบัติต่อกันบอกอะไรได้มากกว่าว่าเราชนะการโต้เถียงทางออนไลน์หรือไม่

อ้างอิง

  1. ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ความรักของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2009, 27.