2018
อ่อนโยนและใจนอบน้อม
May 2018


อ่อนโยนและใจนอบน้อม

ความอ่อนโยนเป็นคุณลักษณะเด่นชัดของพระผู้ไถ่และจำแนกตามการตอบรับอย่างชอบธรรม ความว่าง่าย และการยับยั้งชั่งใจตนได้ดี

ข้าพเจ้ายินดีในโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้สนับสนุนผู้นำศาสนจักรของเรา และขอต้อนรับเอ็ลเดอร์กองและเอ็ลเดอร์ซวาเรสสู่โควรัมอัครสาวกสิบสองจากใจจริง การปฏิบัติศาสนกิจของบุรุษผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองจะเป็นพรแก่บุคคลและครอบครัวทั่วโลก ข้าพเจ้าตั้งตารอที่จะรับใช้และเรียนรู้จากพวกท่าน

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนและให้ความกระจ่างแก่เราขณะที่เราเรียนรู้ด้วยกันเกี่ยวกับแง่มุมสำคัญแห่งพระลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอด1 ที่เราแต่ละคนควรพยายามเลียนแบบ

ข้าพเจ้าจะนำเสนอตัวอย่างหลายๆ ด้านที่เน้นคุณสมบัติเหมือนพระคริสต์ก่อนจะระบุคุณลักษณะเฉพาะเจาะจงในข่าวสารช่วงหลังของข้าพเจ้า ขอให้ท่านตั้งใจฟังตัวอย่างแต่ละเรื่องและพิจารณาคำตอบพร้อมข้าพเจ้าสำหรับคำถามที่ข้าพเจ้าจะถาม

ตัวอย่าง #1 เศรษฐีหนุ่มกับอมิวเล็ค

ในพันธสัญญาใหม่ เราเรียนเรื่องเศรษฐีหนุ่มที่ทูลถามพระเยซูว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำความดีอะไรบ้างจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?”2 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเตือนเศรษฐีหนุ่มให้รักษาพระบัญญัติก่อน ต่อจากนั้นพระอาจารย์ประทานข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความต้องการและสภาวการณ์ของเขา

“พระเยซูตรัสกับเขาว่า ถ้าท่านต้องการจะเป็นคนดีพร้อม จงไปขายทรัพย์สิ่งของที่ท่านมีอยู่ แจกจ่ายให้คนยากจน แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ และจงตามเรามา

“เมื่อชายหนุ่มได้ยินถ้อยคำนั้นก็ออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สินจำนวนมาก”3

ลองเปรียบเทียบการตอบรับของเศรษฐีหนุ่มกับประสบการณ์ของอมิวเล็คตามที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์มอรมอน อมิวเล็คเป็นคนมีวิริยะอุตสาหะและมั่งคั่ง มีวงศาคณาญาติและมิตรสหายมากมาย4 ท่านพูดถึงตนเองว่าเป็นคนที่ได้รับเรียกหลายครั้งแต่ไม่ยอมฟัง เป็นคนที่รู้เรื่องของพระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ยอมรู้5 คนดีโดยพื้นฐานอย่างอมิวเล็คถูกความกังวลของโลกทำให้เขวไปมากเหมือนเศรษฐีหนุ่มในพันธสัญญาใหม่

ถึงแม้จะทำใจแข็งกระด้างมาก่อน แต่อมิวเล็คเชื่อฟังเสียงของเทพ รับศาสดาพยากรณ์แอลมาเข้ามาในบ้าน และจัดหาอาหารมาบำรุงร่างกายท่าน อมิวเล็คตื่นทางวิญญาณระหว่างการเยือนของแอลมาและได้รับเรียกให้สั่งสอนพระกิตติคุณ จากนั้นอมิวเล็คทิ้ง “ทอง, และเงินทั้งหมดของท่าน, และของมีค่าของท่าน … เพื่อพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า, [และ] ถูกปฏิเสธจากผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนท่านและจากบิดาท่านและวงศาคณาญาติของท่านด้วย”6

ท่านคิดว่าอะไรอธิบายความแตกต่างระหว่างการตอบรับของเศรษฐีหนุ่มกับอมิวเล็ค

ตัวอย่าง #2 เพโฮรัน

ในช่วงอันตรายของสงครามตามที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์มอรมอน การแลกเปลี่ยนสาส์นเกิดขึ้นระหว่างโมโรไน แม่ทัพชาวนีไฟ กับเพโฮรัน หัวหน้าผู้พิพากษาและผู้ปกครองแผ่นดิน กองทัพของโมโรไนกำลังลำบากเพราะได้ความช่วยเหลือจากฝ่ายปกครองไม่พอ ท่านเขียนถึงเพโฮรัน “ทางการกล่าวโทษ”7 และกล่าวหาเขากับพวกผู้นำของเขาว่าไร้ความคิด เฉื่อยชา ละเลย และแม้กระทั่งเป็นคนทรยศ8

เพโฮรันจะไม่พอใจโมโรไนและข้อกล่าวหาผิดๆ ของท่านก็ได้ แต่เขาไม่ทำ เขาตอบรับด้วยความเห็นใจและบอกเรื่องการกบฏต่อฝ่ายปกครองซึ่งโมโรไนไม่ทราบ จากนั้นเพโฮรันประกาศว่า

“ดูเถิด, ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่าน, โมโรไน, ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ยินดีในความทุกข์อันใหญ่หลวงของท่านเลย, แท้จริงแล้ว, มันทำให้จิตวิญญาณข้าพเจ้าโศกเศร้า. …

“… ในสาส์นของท่าน ท่านตำหนิข้าพเจ้า, แต่ไม่เป็นไร; ข้าพเจ้าไม่โกรธ, แต่ชื่นชมยินดีในความประเสริฐของใจท่าน”9

ท่านคิดว่าอะไรอธิบายการตอบอย่างใจเย็นของเพโฮรันต่อคำกล่าวหาของโมโรไน

ตัวอย่าง #3 ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันและประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์

ในการประชุมใหญ่สามัญเมื่อหกเดือนก่อน ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันพูดถึงการตอบรับของท่านต่อคำเชื้อเชิญของประธานโธมัส เอส. มอนสันให้ศึกษา ไตร่ตรอง และประยุกต์ใช้ความจริงที่อยู่ในพระคัมภีร์มอรมอน ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าพยายามทำตามคำแนะนำของท่าน นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังได้เขียนออกมาเป็นข้อๆ ด้วยว่าพระคัมภีร์มอรมอน คือ อะไร ยืนยัน อะไร ปฏิเสธ อะไร เกิดสัมฤทธิผล อะไร ชี้แจง อะไรและ เปิดเผย อะไร การมองดูพระคัมภีร์มอรมอนผ่านเลนส์เหล่านั้นเป็นการฝึกฝนที่สร้างแรงบันดาลใจและให้ข้อคิด! ข้าพเจ้าขอแนะนำวิธีนี้กับทุกท่าน”10

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์เน้นความสำคัญของคำขอร้องของประธานมอนสันในชีวิตท่านเช่นกัน ท่านกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าอ่านพระคัมภีร์มอรมอนทุกวันเป็นเวลานานกว่า 50 ปี ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอาจคิดอย่างมีเหตุผลได้ว่าถ้อยคำของประธานมอนสันกล่าวไว้สำหรับคนอื่น แต่เช่นเดียวกับพวกท่านหลายคน ข้าพเจ้าสัมผัสถึงการกระตุ้นของศาสดาพยากรณ์ และคำสัญญาของท่านเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าพยายามมากขึ้น …

“ผลที่ตามมาคือข้าพเจ้ามีความสุข หลายท่านมีความสุข นั่นคือสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์สัญญาไว้”11

ท่านคิดว่าอะไรอธิบายการตอบรับทันทีและด้วยความจริงใจจากผู้นำศาสนจักรของพระเจ้าทั้งสองท่านนี้ต่อคำเชื้อเชิญของประธานมอนสัน

ข้าพเจ้าไม่ได้กำลังบอกว่าการตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยวทางวิญญาณของอมิวเล็ค เพโฮรัน ประธานเนลสัน และประธานอายริงก์เกิดจากคุณสมบัติเหมือนพระคริสต์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าคุณลักษณะและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกันหลายอย่างทำให้วุฒิภาวะทางวิญญาณสะท้อนในชีวิตผู้รับใช้ที่ประเสริฐทั้งสี่ท่านนี้ แต่พระผู้ช่วยให้รอดและศาสดาพยากรณ์ของพระองค์เน้นคุณสมบัติจำเป็นอย่างหนึ่งที่เราทุกคนต้องเข้าใจถ่องแท้มากขึ้นและพยายามรวมไว้ในชีวิตเรา

ความอ่อนโยน

โปรดสังเกตคำเฉพาะที่พระเจ้าทรงมีพระดำรัสถึงพระองค์เองในพระคัมภีร์ต่อไปนี้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงขอร้องให้เรา “เอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก”12

เรารู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงเลือกเน้นความอ่อนโยนจากบรรดาคุณลักษณะและคุณธรรมทั้งหมดที่พระองค์เลือกได้

รูปแบบคล้ายกันประจักษ์ชัดในการเปิดเผยที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับในปี 1829 พระเจ้าทรงประกาศว่า “จงเรียนรู้จากเรา, และฟังถ้อยคำของเรา; จงเดินด้วยความสุภาพอ่อนน้อมแห่งวิญญาณเรา, และเจ้าจะมีสันติสุขในเรา”13

ความอ่อนโยนเป็นคุณลักษณะเด่นชัดของพระผู้ไถ่และจำแนกตามการตอบรับอย่างชอบธรรม ความว่าง่าย และการยับยั้งชั่งใจตนได้ดี คุณสมบัตินี้ช่วยให้เราเข้าใจปฏิกิริยาของอมิวเล็ค เพโฮรัน ประธานเนลสัน และประธานอายริงก์ครบถ้วนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ประธานเนลสันและประธานอายริงก์ตอบรับอย่างชอบธรรมและรวดเร็วเมื่อประธานมอนสันขอให้อ่านและศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน ถึงแม้ทั้งสองท่านรับใช้ในตำแหน่งสำคัญและโดดเด่นของศาสนจักร ศึกษาพระคัมภีร์มานานหลายสิบปี แต่ท่านตอบรับโดยไม่ลังเลหรือไม่รู้สึกทะนงตัว

อมิวเล็คยอมตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างว่าง่าย ยอมรับการเรียกให้สั่งสอนพระกิตติคุณ ทิ้งความสะดวกสบายและความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยไว้เบื้องหลัง เพโฮรันเกิดความเข้าใจและยับยั้งชั่งใจตนได้ดีจนลงมือทำแทนที่จะตอบโต้ขณะเขาอธิบายให้โมโรไนฟังเรื่องความท้าทายต่างๆ อันเกิดจากการลุกฮือต่อต้านฝ่ายปกครอง

คุณสมบัติเหมือนพระคริสต์อันได้แก่ความอ่อนโยนมักจะถูกเข้าใจผิดในโลกร่วมสมัยของเรา ความอ่อนโยนคือเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ ลงมือทำ ไม่อยู่เฉย กล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว ยับยั้งชั่งใจ ไม่เลยเถิด เจียมตัว ไม่อวดดี และมีมารยาท ไม่สามหาว คนอ่อนโยนไม่ขุ่นเคืองง่าย ไม่โอ้อวด หรือยกตนข่มท่าน และยอมรับความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความยินดี

ถึงแม้ ความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยทั่วไปหมายถึงการพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าและต้องการการนำทางและความช่วยเหลือจากพระองค์เสมอ แต่ลักษณะเด่นของ ความอ่อนโยน คือความพร้อมทางวิญญาณที่จะรับการเรียนรู้ทั้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และจากคนที่อาจดูเหมือนมีความสามารถ ประสบการณ์ หรือการศึกษาไม่มาก คนที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ หรือคนที่ดูเหมือนเอื้อประโยชน์ได้ไม่มาก คงจำได้เมื่อนาอามานผู้บัญชาการกองทัพของพระราชาซีเรียเอาชนะความจองหองและยอมรับคำแนะนำของพวกข้าราชการอย่างอ่อนโยนให้เชื่อฟังเอลีชาศาสดาพยากรณ์และชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง14 ความอ่อนโยนเป็นหลักคุ้มครองความมืดบอดอันเนื่องจากความจองหองที่มักจะเกิดจากความมีหน้ามีตา ตำแหน่ง อำนาจ ความร่ำรวย และการยกย่องสรรเสริญ

ความอ่อนโยน—คุณลักษณะเหมือนพระคริสต์และของประทานฝ่ายวิญญาณ

ความอ่อนโยนเป็นคุณลักษณะที่พัฒนาผ่านความปรารถนา การใช้สิทธิ์เสรีทางศีลธรรมอย่างชอบธรรม และพยายามรักษาการปลดบาปของเราอยู่เสมอ15 อีกทั้งเป็นของประทานฝ่ายวิญญาณซึ่งเราสมควรแสวงหา16 แต่เราพึงจำจุดประสงค์ที่ให้ของประทานนั้น ซึ่งก็คือเพื่อประโยชน์และรับใช้บุตรธิดาพระผู้เป็นเจ้า17

เมื่อเรามาหาพระผู้ช่วยให้รอดและติดตามพระองค์ เราจะสามารถเป็นเหมือนพระองค์ได้เพิ่มขึ้นและมากขึ้น พระวิญญาณจะทำให้เรามีพลังยับยั้งชั่งใจตนได้เป็นอย่างดี มีกิริยาวาจาสุขุมเยือกเย็น ฉะนั้น อ่อนโยนจึงเป็นสิ่งที่เราเป็นในฐานะสานุศิษย์ของพระอาจารย์ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราทำ

“โมเสสได้รับการสอนในเรื่องวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ”18 แต่ท่าน “เป็นคน [อ่อนโยน] ยิ่งกว่าคนทั้งหมดบนพื้นแผ่นดิน”19 ความรู้และความสามารถของโมเสสน่าจะทำให้ท่านจองหอง แต่กลายเป็นว่าคุณลักษณะและของประทานฝ่ายวิญญาณของความอ่อนโยนลดความยโสในชีวิตโมเสสและเชิดชูท่านเป็นเครื่องมือที่จะทำให้จุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าบรรลุผล

พระอาจารย์ทรงเป็นแบบอย่างของความอ่อนโยน

แบบอย่างที่มีความหมายและสูงส่งที่สุดของความอ่อนโยนพบในพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอด

พระผู้ไถ่ที่ยิ่งใหญ่ ผู้ “เสด็จลงต่ำกว่าสิ่งทั้งปวง”20 ทรงทนทุกข์ สิ้นพระองค์เพื่อ “ชำระ เราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น”21 ทรง ล้าง เท้าเปื้อนฝุ่นของเหล่าสาวกของพระองค์22 ความอ่อนโยนเช่นนั้นเป็นลักษณะเด่นของพระเจ้าในฐานะผู้รับใช้และผู้นำ

พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างสูงสุดของการตอบรับอย่างชอบธรรมและความว่าง่ายขณะทรงทนทุกข์แสนสาหัสในเกทเสมนี

“เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับ [เหล่าสาวก] ว่า จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง

“แล้วพระองค์ … ทรงคุกเข่าลงอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”23

ความอ่อนโยนของพระผู้ช่วยให้รอดในประสบการณ์ที่เจ็บปวดมากและจำเป็นชั่วนิรันดร์แสดงให้เราแต่ละคนเห็นความสำคัญของการให้พระปรีชาญาณของพระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือปัญญาของเรา

ความเสมอต้นเสมอปลายของความว่าง่ายและการยับยั้งชั่งใจตนได้ดีของพระเจ้าสร้างแรงบันดาลใจทั้งยังสอนเราทุกคน เมื่อยามเฝ้าพระวิหารกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธครบมือและทหารโรมันมาถึงเกทเสมนีเพื่อจับกุมพระเยซู เปโตรชักดาบออกมาฟันทาสของมหาปุโรหิตถูกหูขวาขาด24 พระผู้ช่วยให้รอดทรงแตะหูทาสคนนั้นและรักษาเขา25 ขอให้สังเกตว่าพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ออกไปให้พรคนที่จะจับพระองค์โดยใช้อำนาจสวรรค์อย่างเดียวกันกับที่ใช้ป้องกันไม่ให้พระองค์ถูกจับและถูกตรึงกางเขน

ลองพิจารณาว่าพระอาจารย์ทรงถูกกล่าวหาต่อหน้าปีลาตและถูกลงโทษให้ตรึงกางเขนอย่างไร26 พระเยซูทรงประกาศระหว่างการทรยศพระองค์ว่า “ท่านคิดว่าเราจะทูลขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ? และพระองค์ก็จะประทานทูตสวรรค์ให้เรามากกว่าสิบสองกองพลในทันที”27 กระนั้น “พระผู้พิพากษานิรันดร์ของทั้งคนเป็นและคนตาย”28 ยังคงถูกตัดสินต่อหน้าผู้ได้รับแต่งตั้งชั่วคราวทางการเมือง “แต่ [พระเยซู] ไม่ได้ตรัสตอบสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงประหลาดใจยิ่งนัก”29 ความอ่อนโยนของพระผู้ช่วยให้รอดประจักษ์ชัดในการตอบรับอย่างดีของพระองค์ การยับยั้งชั่งใจได้ดี และการไม่ยอมใช้อำนาจของพระองค์เพื่อประโยชน์ส่วนตน

สัญญาและประจักษ์พยาน

มอรมอนบอกว่าความอ่อนโยนเป็นรากฐานของความสามารถและของประทานฝ่ายวิญญาณทั้งหมด

“ดังนั้น, หากคนใดมีศรัทธาเขาจำต้องมีความหวัง; เพราะปราศจากศรัทธาจะมีความหวังไม่ได้.

“และอนึ่ง, ดูเถิดข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าเขาจะมีศรัทธาและความหวังไม่ได้, นอกจากเขาจะมีความอ่อนโยน, และใจนอบน้อม.

“หากเป็นเช่นนั้น, ศรัทธาและความหวังของเขาเปล่าประโยชน์, เพราะไม่มีใครจะเป็นที่ยอมรับต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า, นอกจากผู้ที่มีความอ่อนโยนและใจนอบน้อม; และหากผู้ใดมีความอ่อนโยนและใจนอบน้อม, และสารภาพโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระเยซูคือพระคริสต์, เขาจำต้องมีจิตกุศล; เพราะหากเขาไม่มีจิตกุศลเขาก็ไม่เป็นอะไรเลย; ดังนั้นเขาต้องมีจิตกุศล”30

พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า “คนที่สุภาพอ่อนโยนก็เป็นสุขเพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก”31 ความอ่อนโยนเป็นพระลักษณะด้านหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เราสามารถรับและพัฒนาความอ่อนโยนในชีวิตเราได้เนื่องจากและผ่านการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่ฟื้นคืนพระชนม์และทรงพระชนม์ของเรา ข้าพเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะทรงนำทาง คุ้มครอง และเพิ่มพลังให้เราเมื่อเราเดินด้วยความอ่อนโยนของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าประกาศพยานหนักแน่นถึงความจริงและสัญญาเหล่านี้ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เอเมน