2016
ความสำนึกคุณในวันสะบาโต
พฤศจิกายน 2016


ความสำนึกคุณในวันสะบาโต

สำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย วันสะบาโตเป็นวันแห่งความสำนึกคุณและความรัก

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลกในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจที่ท่านประธานโธมัส เอส. มอนสันขอให้ข้าพเจ้าพูดในการประชุมใหญ่วันสะบาโตนี้ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำถ้อยคำของข้าพเจ้าไปสู่ใจท่าน

วันนี้ข้าพเจ้าปรารถนาจะพูดถึงความรู้สึกของหัวใจ ข้าพเจ้าจะมุ่งเน้นที่ความสำนึกคุณ—โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสะบาโต

เรารู้สึกสำนึกคุณสำหรับสิ่งต่างๆ มากมาย อาทิ ความเมตตาจากคนแปลกหน้า อาหารในยามหิวโหย หลังคาคุ้มฝนเมื่อพายุกระหน่ำ กระดูกหักที่รักษาหาย และเสียงร้องที่บ่งบอกความแข็งแรงของทารกแรกเกิด พวกเราหลายคนจะจำความรู้สึกสำนึกคุณในช่วงเวลาเช่นนั้น

สำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย วันสะบาโตเป็นช่วงเวลาเช่นนั้น ที่จริงเป็นวันแห่งความสำนึกคุณและความรัก พระเจ้าทรงสอนวิสุทธิชนในเทศมณฑลแจ๊คสัน รัฐมิสซูรี เมื่อปี 1831 ว่าคำสวดอ้อนวอนและคำขอบคุณของพวกเขาควรมุ่งเน้นไปที่เบื้องบน วิสุทธิชนสมัยแรกได้รับการเปิดเผยถึงวิธีรักษาวันสะบาโต วิธีอดอาหารและสวดอ้อนวอน1

พระเจ้าตรัสกับพวกเขารวมทั้งพวกเราว่าควรจะนมัสการและน้อมขอบพระทัยในวันสะบาโตอย่างไร ท่านทราบดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความรักที่เรามีต่อพระผู้มอบของประทาน นี่คือพระคำของพระเจ้าเกี่ยวกับการน้อมขอบพระทัยและแสดงความรักในวันสะบาโต

“เราให้บัญญัติข้อหนึ่งแก่พวกเขา, โดยกล่าวดังนี้ว่า: เจ้าจงรักพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า, ด้วยสุดพลัง, ความนึกคิด, และพละกำลังของเจ้า; และในพระนามของพระเยซูคริสต์ เจ้าจงรับใช้พระองค์ …

“เจ้าจงขอบพระทัยพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าในทุกสิ่ง

“เจ้าจงถวายเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าในความชอบธรรม, แม้เครื่องถวายบูชาอันเป็นใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด”2

จากนั้นพระเจ้าจึงรับสั่งเตือนถึงอันตรายหากเราล้มเหลวที่จะขอบพระทัยพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้มอบของประทาน “และไม่มีอะไรที่มนุษย์จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงขุ่นเคือง, หรือความกริ้วของพระองค์จะไม่ดาลเดือดกับผู้ใดเลย, นอกจากคนเหล่านั้นที่มิได้สารภาพถึงพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกสิ่ง, และมิได้เชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์”3

หลายท่านที่ฟังอยู่นี้พบปีติกับวันสะบาโตแล้วซึ่งเป็นวันแห่งการระลึกถึงและน้อมขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับพรนานัปการ ท่านจำเพลงที่คุ้นเคยนี้ได้ไหม

เมื่อความทุกข์ลำบากเกิดขึ้นแก่ท่านเมื่อใด

เมื่อท่านท้อแท้ใจคิดว่าทุกอย่างมลาย

มานับพระพรของท่าน นับดูทีละอัน

ท่านจะแปลกใจในสิ่งที่พระเจ้ากระทำ

นับพระพรของท่าน

ดูทีละอัน

นับพระพร

ดูสิ่งพระเจ้ากระทำ …

ท่านเคยเหน็ดเหนื่อยกับภาระมากมายหรือไม่?

กางเขนนั้นดูหนักเกินกว่าท่านแบกได้ไหม?

นับพระพรของท่านดูแล้วจะหมดสงสัย

และท่านจะร้องเพลงไปจนตลอดสิ้นกาล4

ข้าพเจ้าได้รับจดหมายและการพบปะสนทนาจากวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์ผู้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับภาระมากมาย บางคนเกือบจะรู้สึกว่าทุกอย่างมลายแล้วสำหรับพวกเขา ข้าพเจ้าหวังและสวดอ้อนวอนว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดเกี่ยวกับการสำนึกคุณในวันสะบาโตจะช่วยให้หมดสงสัยและให้ใจท่านเริ่มร้องเพลง

พรประการหนึ่งที่เราสำนึกคุณได้คือเราได้อยู่ในการประชุมศีลระลึก ชุมนุมร่วมกับสานุศิษย์ของพระองค์มากกว่าหนึ่งหรือสองคนในพระนามของพระองค์ มีบางคนอยู่บ้านไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ มีบางคนที่อยากจะอยู่ในที่ซึ่งเราอยู่แต่ต้องทำงานในโรงพยาบาล บ้างก็กำลังดูแลความปลอดภัยให้สาธารณชน หรือบางคนกำลังเสี่ยงชีวิตปกป้องเราที่ไหนสักแห่งในทะเลทรายหรือในป่าทึบ ความจริงที่ว่าเราสามารถมาชุมนุมร่วมกันกับวิสุทธิชนคนอื่นและรับส่วนศีลระลึกได้จะช่วยให้เราเริ่มรู้สึกสำนึกคุณและรักพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า

เพราะศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู พรอีกประการหนึ่งที่เรานับได้คือเรามีโอกาสรับศีลระลึกทุกสัปดาห์—จัดเตรียม ให้พร และส่งผ่านโดยผู้รับใช้ที่ได้รับสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า เราสำนึกคุณได้เมื่อพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทรงยืนยันกับเราว่าคำสวดอ้อนวอนศีลระลึก ซึ่งกล่าวโดยผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่ได้รับสิทธิอำนาจ ได้รับยกย่องจากพระบิดาบนสวรรค์ของเรา

จากพรทั้งหมดที่เรานับได้ พรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรู้สึกถึงการให้อภัยที่มาจากการรับส่วนศีลระลึก เราจะรู้สึกรักและซาบซึ้งใจมากยิ่งขึ้นสำหรับพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ที่การพลีพระชนม์ชีพอันเป็นนิรันดร์ของพระองค์ทำให้เราสามารถสะอาดจากบาปได้ เมื่อเรารับส่วนขนมปังและน้ำ เราระลึกว่าพระองค์ทรงทนทุกข์เพื่อเรา และเมื่อเราสำนึกคุณต่อสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา เราจะสัมผัสถึงความรักของพระองค์และความรักที่เรามีให้พระองค์

พรแห่งความรักที่เราได้รับจะช่วยให้เรารักษาพระบัญญัติที่จะ “ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา”5 ได้ง่ายขึ้น ท่านอาจรู้สึกรักและสำนึกคุณเหมือนที่ข้าพเจ้ารู้สึก แม้กระทั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราตลอดเวลาเมื่อเรายังคงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่เราทำไว้ เรานับพรทั้งหมดเหล่านั้นได้ทุกวันอาทิตย์และรู้สึกสำนึกคุณได้

วันสะบาโตยังเป็นช่วงเวลาดีที่สุดอีกด้วยในการระลึกถึงพันธสัญญาซึ่งเราทำไว้ที่น้ำแห่งบัพติศมาว่าท่านจะรักและรับใช้บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ การทำให้สัญญานั้นเกิดสัมฤทธิผลในวันสะบาโตจะรวมถึงการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนหรือโควรัมด้วยจุดประสงค์จากใจที่จะสร้างศรัทธาและความรักท่ามกลางพี่น้องของเรา ผู้อยู่ที่นั่นกับเรา คำสัญญานั้นจะรวมไปถึงการทำหน้าที่การเรียกของเราด้วยใจร่าเริง

ข้าพเจ้าสำนึกคุณสำหรับวันอาทิตย์ที่ข้าพเจ้าสอนโควรัมมัคนายกในเมืองบาวน์ติฟูล ยูทาห์ และชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ในไอดาโฮ และข้าพเจ้ายังจำได้แม้แต่ครั้งที่ได้รับใช้เป็นผู้ช่วยภรรยาข้าพเจ้าในชั้นเรียนบริบาล งานหลักของข้าพเจ้าคือแจกและเก็บของเล่น

เป็นเวลาหลายปีก่อนข้าพเจ้าจะตระหนักโดยพระวิญญาณว่าการรับใช้อันเรียบง่ายของข้าพเจ้าสำหรับพระเจ้ามีความสำคัญในชีวิตบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าประหลาดใจที่บางคนยังจำได้และขอบคุณข้าพเจ้าถึงความพยายามอันด้อยประสบการณ์ของข้าพเจ้าที่จะรับใช้พวกเขาเพื่อพระอาจารย์ในวันสะบาโตเหล่านั้น

เฉกเช่นบางครั้งเรามองไม่เห็นผลของการรับใช้ที่เราให้ไว้ในวันสะบาโต เราอาจมองไม่เห็นยอดสะสมของผู้รับใช้คนอื่นๆ ของพระเจ้า แต่พระเจ้ากำลังสร้างอาณาจักรของพระองค์อย่างเงียบๆ ผ่านผู้รับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของพระองค์ โดยไม่ป่าวประกาศมากนัก ไปยังอนาคตแห่งมิลเลเนียมอันเรืองโรจน์ ซึ่งต้องใช้พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในการมองเห็นความยิ่งใหญ่ที่กำลังเติบโต

ข้าพเจ้าเติบโตมาโดยเข้าการประชุมศีลระลึกที่สาขานิวเจอร์ซีย์แห่งเล็กๆ กับสมาชิกเพียงสองสามคนและครอบครัวเดียว ครอบครัวข้าพเจ้าเอง เจ็ดสิบห้าปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้รับบัพติศมาที่ฟิลาเดลเฟียในอาคารโบสถ์ที่ศาสนจักรสร้างเพียงแห่งเดียวที่เราไปได้ในรัฐเพนซิลเวเนียหรือนิวเจอร์ซีย์ แต่พื้นที่ซึ่งสมัยนั้นมีสาขาเล็กๆ หนึ่งแห่งในพรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์ ปัจจุบันมีวอร์ดใหญ่สองวอร์ด และเมื่อไม่กี่วันมานี้ คนหนุ่มสาวหลายพันคนร่วมแสดงในงานเฉลิมฉลองก่อนการอุทิศพระวิหารฟิลาเดลเฟีย เพนซิลเวเนีย

สมัยยังหนุ่ม ข้าพเจ้าได้รับเรียกเป็นผู้สอนศาสนาท้องถิ่นที่เรานมัสการวันอาทิตย์ในอาคารโบสถ์หลังเดียวในเมืองแอลบูเคอร์คี นิวเม็กซิโก ปัจจุบันมีพระวิหารหนึ่งแห่งและสเตคสี่แห่ง

ข้าพเจ้าออกจากแอลบูเคอร์คีไปเรียนที่เคมบริดจ์ แมสซาชูเซตส์ ที่นั่นมีอาคารโบสถ์หนึ่งหลังและมีท้องถิ่นที่ครอบคลุมเกือบทั้งรัฐแมสซาชูเซตส์และโรดไอแลนด์ ข้าพเจ้าขับรถขึ้นเนินเขาของชนบทที่สวยงามนั้นเพื่อไปร่วมการประชุมศีลระลึกในสาขาเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่เช่าสถานที่ขนาดเล็กหรือเป็นบ้านหลังเล็กที่ต่อเติมใหม่ ปัจจุบันมีพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าในเบลมอนท์ แมสซาชูเซตส์ และสเตคที่กระจายอยู่ทั่วชนบท

สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นไม่ชัดในเวลานั้นคือพระเจ้ากำลังเทพระวิญญาณของพระองค์มาที่ผู้คนในการประชุมศีลระลึกเล็กๆ เหล่านั้น ข้าพเจ้าสัมผัสได้ แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นขอบเขตและจังหวะเวลาในพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะสร้างและเชิดชูอาณาจักรของพระองค์ โดยการเปิดเผย ศาสดาพยากรณ์เห็นและบันทึกสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตนเองในเวลานี้ นีไฟกล่าวว่ายอดรวมของเราจะไม่ใช่ตัวเลขจำนวนมากแต่ความสว่างที่สั่งสมเป็นยอดรวมนั้นจะเป็นที่ประทับใจเมื่อได้เห็น

“และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือข้าพเจ้าเห็นศาสนจักรของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า, และจำนวนคนของศาสนจักรนั้นน้อย …

“และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือข้าพเจ้า, นีไฟ, เห็นเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า, ว่าลงมาบนวิสุทธิชนของศาสนจักรของพระเมษโปดก, และบนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า, ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ; และพวกเขามีอาวุธคือความชอบธรรมและเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในรัศมีภาพอันยิ่งใหญ่”6

ในสมัยการประทานนี้ มีคำอธิบายของศาสดาพยากรณ์ซึ่งคล้ายคลึงกันถึงสภาพการณ์ของเราและโอกาสที่อยู่เบื้องหน้าบันทึกไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญา ดังนี้

“เจ้ายังไม่เข้าใจว่าพระบิดาทรงมีพรสำคัญยิ่งเพียงใดในพระหัตถ์ของพระองค์เองและทรงเตรียมไว้ให้เจ้า;

“และเจ้าไม่อาจทนทุกสิ่งได้ขณะนี้; กระนั้นก็ตาม, จงรื่นเริงเถิด, เพราะเราจะนำทางเจ้าไป. อาณาจักรเป็นของเจ้าและพรที่นั่นเป็นของเจ้า, และความมั่งคั่งแห่งนิรันดรเป็นของเจ้า

“และคนที่รับสิ่งทั้งปวงด้วย ความขอบคุณ จะได้รับยกย่อง; และสิ่งที่ดีของแผ่นดินโลกนี้จะเพิ่มเติมให้เขา, แม้ร้อยเท่า, แท้จริงแล้ว, มากกว่า”7

ข้าพเจ้าสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของความสำนึกคุณที่เพิ่มขึ้นสำหรับพรและความรักของพระผู้เป็นเจ้าตลอดทั่วศาสนจักร ดูเหมือนความสำนึกคุณนั้นจะเติบโตเร็วมากท่ามกลางสมาชิกศาสนจักรในเวลาและสถานที่ซึ่งมีการทดลองศรัทธาของพวกเขา ที่พวกเขาต้องวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าทูลขอความช่วยเหลือให้ดำเนินต่อไป

ช่วงเวลาที่เราจะดำเนินชีวิตต่อไปจะมีการทดลองที่ยากลำบาก เช่นเดียวกับสมัยที่ผู้คนของแอลมาอยู่ใต้อำนาจอมิวลอนผู้โหดร้าย ผู้ที่วางภาระไว้บนหลังพวกเขาหนักเกินกว่าจะแบกไหว

“และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือสุรเสียงของพระเจ้ามาถึงคนเหล่านั้นในความทุกข์ของพวกเขา, มีความว่า: จงเงยหน้าและจงสบายใจเถิด, เพราะเรารู้ถึงพันธสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเรา; และเราจะให้พันธสัญญาแก่ผู้คนของเราและปลดปล่อยพวกเขาออกจากความเป็นทาส

“และเราจะให้สัมภาระซึ่งวางอยู่บนบ่าเจ้าเบาลงด้วย, แม้จนเจ้าหารู้สึกไม่ว่ามันอยู่บนหลังเจ้า, แม้ขณะที่เจ้าอยู่ในความเป็นทาส; และการนี้เราจะทำเพื่อเจ้าจะยืนเป็นพยานให้เราต่อจากนี้ไป, เพื่อเจ้าจะรู้อย่างแน่นอนว่าเรา, พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้า, มาเยือนผู้คนของเราในความทุกข์ของพวกเขา

“และบัดนี้เหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือพระเจ้าทรงทำให้สัมภาระซึ่งวางอยู่บนแอลมาและพี่น้องของท่านเบาลง; แท้จริงแล้ว, พระเจ้าทรงเพิ่มพละกำลังให้พวกเขาเพื่อพวกเขาจะทนแบกสัมภาระได้โดยง่าย, และพวกเขายอมรับอย่างชื่นบานและด้วยความอดทนต่อพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้า”8

ท่านทั้งหลายกับข้าพเจ้าเป็นพยานว่าเมื่อใดก็ตามที่เรารักษาพันธสัญญาของเรากับพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นสิ่งที่ยาก พระองค์ทรงฟังคำสวดอ้อนวอนขอบพระทัยสำหรับสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเราและทรงตอบคำสวดอ้อนวอนของเราด้วยพละกำลังที่จะอดทนอย่างซื่อสัตย์ และมากกว่าหนึ่งครั้งที่พระองค์ทรงทำให้เราร่าเริงและแข็งแรง

ท่านอาจสงสัยว่าท่านจะทำอะไรได้บ้างในการดำเนินชีวิตและนมัสการในวันสะบาโตนี้เพื่อแสดงถึงความสำนึกคุณของท่าน เพื่อเสริมกำลังตัวท่านและผู้อื่นสำหรับการทดลองที่รออยู่เบื้องหน้า

ท่านอาจเริ่มต้นวันนี้ด้วยการสวดอ้อนวอนส่วนตัวและเป็นครอบครัวเพื่อขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่ทรงทำเพื่อท่าน ท่านทูลถามพระเจ้าว่าทรงต้องการให้ท่านทำสิ่งใดเพื่อรับใช้พระองค์และผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านอาจขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์บอกท่านถึงคนที่เดียวดายหรือต้องการความช่วยเหลือที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านไปช่วย

ข้าพเจ้าสัญญาว่าคำสวดอ้อนวอนของท่านจะได้รับคำตอบ และเมื่อท่านทำตามคำตอบที่ได้รับ ท่านจะพบปีติในวันสะบาโต และใจของท่านจะท่วมท้นไปด้วยความสำนึกคุณ

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงรู้จักและรักท่าน พระผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าพระเยซูคริสต์ ทรงชดใช้บาปของท่านเพราะทรงรักท่าน พระบิดาและพระบุตรทรงรู้จักชื่อท่านดังที่พระองค์ทรงรู้จักชื่อของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเมื่อทรงปรากฏต่อหน้าเขา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่านี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์และพระองค์จะทรงให้เกียรติพันธสัญญาที่ท่านทำและต่อไว้กับพระผู้เป็นเจ้า อุปนิสัยของท่านจะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากยิ่งขึ้น ท่านจะได้รับกำลังต้านทานการล่อลวงและความรู้สึกสงสัยในความจริง ท่านจะพบปีติในวันสะบาโต ข้าพเจ้าสัญญากับท่านในพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เอเมน