คำสอนของประธานศาสนจักร
ประวัติโดยสังเฃป


ประวัติโดยสังเฃป

หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการรวบรวมหลักธรรมพระ กิตติคุณที่สอนโดยประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ ลำดับวันเดือนปีต่อ ไปนี้จะให้ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของชีวิตท่านและเค้าโครงคำสอนของท่าน พอสังเขปโดยไม่พาดพิงถึงเหตุการณ์สำคัญมากมายทั้งในประวัติศาสนาจักร และประวัติศาสตร์ทางโลก ตลอดจนเหตุการณ์สำคัญมากมายในชีวิตส่วนตัว ของประธานคิมบัลล์ด้วย อาทิ การกำเนิดของลูกๆ ท่าน

28 มีนาคม ค.ศ. 1895

สเป็นเซอร์ วูลลีย์ คิมบัลล์เกิต่ใน1ซอลท์เลคซิตี้ ยูท่าห์ เป็นบุตรของแอนดรูว์ คิมบัลล์ และโอลีฟ วูลลีย์ คิม บัลล์

พฤษภาคม ค.ศ. 1898

ย้ายพร้อมครอบครัวไปอยู่เมืองแททเชอร์ รัฐแอริโซนา ที่ซึ่งบิดาท่านเป็นประธานสเตคเซนด้โจเซฟติดต่อกัน 26 ปี

18 ตุลาคม ค.ศ. 1906

มารดาถึงแก่กรรม

มิถุนายน ค.ศ. 1907

บิดาแต่งงานกับโจเซฟีน คลัฟฟ์

ตุลาคม ค.ศ. 1914

เริ่มการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาในคณะเผยแผ่ เซ็นทรัลสเตทสัในสหรัฐ ท่านเคยได้รับเรียกให้ไปที่ คณะเผยแผ่สวิส—เยอรมันด้วยแต่ไปไม่ได้เนื่องจาก เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ธันวาคม ค.ศ. 1916

ได้รับการปลดจากงานเผยแผ่เต็มเวลา ไม่นานหลังจาก นั้นก็ไปสืกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งแอริโซนา

16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917

แต่งงานคับคามีลลา อายริงก์

ค.ศ. 1918

ได้รับเรียกเป็นพนักงานสเตคของสเตคเซนต์โจเซฟ เช้าสู่ธุรกิจธนาคารในตำแหน่งเสมียนและพนักงานรับ จ่ายเงิน

ค.ศ. 1923

เข้าร่วมสโมสรโรตารี องค์กรซึ่งท่านมีส่วนร่วมติดต่อ กัน 20 ปี รวมทั้งเป็นผู้ว่าการระดับท้องถิ่นด้วย

31 สิงหาคม ค.ศ. 1924

บิดาถึงแก่กรรม อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้ง ฝ่ายประธานสเตคชุดใหม่ สเป็นเซอร์ได้รับเรียกเป็นที่ ปรึกษาที่สอง ท่านได้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นมหาปุโร หิตโดยประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ ประธานศาสนาจักร คนที่เจ็ด

ค.ศ. 1927

เป็นประธานผู้จัดการบริษัท Kimball– Greenhalgh Realty and Insurance Company

20 คุมภาพันธ์ ค.ศ. 1938

ได้รับเรียกเป็นประธานสเตคเมาท์เกรแฮม

7 ตุลาคม ค.ศ. 1943

ได้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นอัครสาวกโดยประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์

ค.ศ. 1948

ป่วยและหายจากโรคหัวใจขั้นรุนแรง

ค.ศ. 1950

ไม่มีเสียงเพราะเจ็บคอมาก มีเสียงอีกครั้งหลังจากได้รับ พรฐานะปุโรหิต

ค.ศ. 1957

เข้ารับการผ่าดัดมะเร็งกล่องเสียงเพื่อดัดเสันเสียงออก หนึ่งเสันครึ่ง

ค.ศ. 1969

ตีพิมพ์The Miracle of Forgiveness

ค.ศ. 1970

รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง

12 เมษายน ค.ศ. 1972

เข้ารับการผ่าดัดเปีดหัวใจ

7 กรกฎาคม ค.ศ. 1972

เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง

26 ธันวาคม ค.ศ. 1973

ประธานฮาโรลด์ มี. ลีถึงแกกรรม

30 ธันวาคม ค.ศ. 1973

เป็นประธานศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชน คุคสุดท้าย ประธานเอ็น. เอลดอน แทนเนอร์เป็นที่ ปรึกษาที่หนึ่ง และประธานมาเรียน จี. รอมนีย์เป็นที่ ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุด

19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974

อุทิศพระวิหารวอชิงตัน ดี.ซี.

3 ตุลาคม ค.ศ. 1975

เริ่มจัดตั้งโควรัมที่หนึ่งของสาวกเจ็ดสิบขึ้นมาใหม่

ค.ศ. 1976

ควบคุมดูแลการเพิ่มการเปีดเผยสองเรื่องเข้าไปในพระ คัมภีร์ไข่มุกอันลํ้ค่า ต่อมาการเปีดเผยเหล่านี้รวมไวิใน พระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาเป็นภาค 137 และ 138

24 สิงหาคม ค.ศ. 1977

อุทิศโปแลนด์เพื่องานศาสนาจักรในอนาคต—การเยือน ครั้งแรกของประธานศาสนาจักรหลังสิ่งที่รู้คันในสมัย นั้นว่าม่านเหล็ก

8 มิถุนายน ค.ศ. 1978

ออกจดหมายกับที่ปรึกษาในฝ่ายประธานสูงสุดประกาศ การเปีดเผยให้สมาชิกที่มีค่าควรทุกคนได์รับพรทั้งหมด ของฐานะปุโรหิตโดยไบ่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือสิผิว

30 ตุลาคม ค.ศ. 1978

อุทิศพระวิหารเซาเปาโล บราซิล

ค.ศ. 1979

ควบคุมดูแลการจัดพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลคิงเจมสัฉบับ ศยส

24 ตุลาคม ค.ศ. 1979

อุทิศ Orson Hyde Memorial Garden (สวน อนุสรณ์ออร์สันไฮด์) ในเจรูซาเล็ม

ค.ศ. 1980

ควบคุมดูแลการจัดตารางการประชุมรวม โดยจัดการประชุมสืลระลึก การประชุมฐานะปุโรหิตวอร์ด การประชุมสมาคมสงเคราะห์ ชั้นเรียนเยาวชนหญิง โรง เรียนวันอาทิตย์ และปฐมวัยในช่วงสามชั่วโมงวันอาทิตย์แทนที่จะจัดตลอดสัปดาห์

27 ตุลาคม ค.ศ. 1980

อุทิศพระวิหารโตเกียว ญี่ปุ่น

17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980

อุทิศพระวิหารซีแอตเติล วอชิงตัน

ค.ศ. 1981

ควบคุมดูแลการจัดพิมพ์พระคัมภีร์สามเล่มรวมฉบับใหม่ พร้อมระบบเชิงอรรถที่ทันสมัยและดรรชนี

23 กรกฎาคม ค.ศ. 1981

เรียกประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ให้รับใช้เป็นที่ปรึกษา เพิ่มเติมในฝ่ายประธานสูงสุด

ค.ศ. 1981 ถึง 1985

ควบคุมดูแลการอุทิศพระวิหาร 17 แห่ง

3 ตุลาคม ค.ศ. 1982

ประกาศชื่อรองของพระคัมภีร์มอรมอนว่า “พันธสัญญา อีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์”

2 ธันวาคม ค.ศ. 1982

จัดตั้งฝ่ายประธานสูงสุดชุดใหม่ ประธานมาเรียน จี. รอมนีย์เป็นที่ปรึกษาหนึ่งและประธานกอร์ดอน บี. ฮิงต์ ลีย์เป็นที่ปรึกษาที่สอง

ค.ศ. 1984

ตั้งฝ่ายประธานภาค

5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985

ถึงแก่กรรมในซอลท์เลคซิตี้ ยูท่าห์